ความคิดเห็นที่ 1 ผมใช้SCBครับสดวกดีครับ http://www.scbam.com/default.asp?l=th https://www.scbeasy.com/v1.4/site/presignon/index.asp แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 50 18:16:49 จากคุณ : Kiat_Su - [ วันเกิด PANTIP.COM 18:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าควรจะคิดถึงความเสี่ยงที่จะรับได้มากกว่า ถ้าไม่ชอบเสี่ยง ยังไงก็ลง RMF สบายกว่า ถ้าเสี่ยงได้ก็ลง LTF แม้ว่า LTF จะไม่นาน คือ 3 ปีกว่า ๆ แต่สำหรับหุ้นแล้ว 3 ปีกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ต้องถามตัวเองว่าเกิดปัญหา Sub Prime มันระเบิด หุ้นลดลงเหลือ 400-500 เกิดการขาดทุน 20-30 เปอร์เซนต์ จะรับได้หรือไม่ หรืออาจจะขึ้นทะลุ 1000 ได้กำไร 20-30 เปอร์เซนต์ก็ได้ มันไม่แน่นอนไง ไม่เหมือนกับ RMF ที่มีกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะพวกระยะสั้น ที่ไม่ผันผวนมากขนาดที่ทำให้เงินของเราต้องลดลง สำหรับ RMF หรือ LTF ซื้อ SCB ไว้ไม่ผิดหวัง เพราะเทียบกับเงื่อนไขต่าง ๆ เช่นการสวิตซ์ และความสะดวกแล้ว SCB ยังเป็นที่ให้สิ่งเหล่านี้มากกว่าธนาคารอื่นอยู่พอสมควร จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ วันเกิด PANTIP.COM 18:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คือไม่มีความรู้เกี่ยวกับทางการเงินเลยอ่ะ่ค่ะ เลยอยากทราบว่า RMF กับ LTF ต้องเสียภาษีหรือเปล่า แล้วให้ผลตอบแทนอย่างไร คือเข้าไปในเว็บธนาคารแล้วงงอ่ะค่ะ   ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : ฝนตกที่จักรยาน - [ วันเกิด PANTIP.COM 20:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ระบบ SCB มีการคำนวณ % กำไรให้ดูครับ  LTF ก็ให้โยกง่าย ๆ แต่หากเป็น RMF  ของ KAsset นับจาก ปลาย กพ 46 ที่ผมซื้อ RMF ครั้งแรก KASSET บริพัตร RMF มี NAV เพิ่มจาก 12.9 เป็น 40.xx คิดเป็นกำไร 200 % โดยประมาณ ในขณะที่ SCBRM4 เพิ่มประมาณ 170 % จากคุณ : polymerman - [ วันเกิด PANTIP.COM 21:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 RMF ::  http://www.scbam.com/inc/Highlight/rmfword.asp LTF :: http://www.scbam.com/inc/Highlight/LTF/LTF1.asp กองทุนทั้ง 2 ประเภทถือเป็นกองทุนพิเศษ ที่ให้สิทธิ์นำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีให้สามารถจ่ายลดลงได้ครับ แต่ทั้ง 2 ประเภทต่างก็มีเงื่นไขเรื่องระยะเวลาการลงทุนมาเป็นข้อจำกัดว่าห้ามขายคืนก่อนครบกำหนดเวลา ดังนั้นเมื่อเป็นกองทุนที่ให้สิทธิ์พิเศษเหนือกองทุนรวมทั่วๆ ไปจึงมีมาตราการภาษีมาเป็นข้อบังคับ ว่าถ้าลงทุนไม่เป็นไปตามข้อกำหนด กำไรที่ได้จากการขายคืนจะต้องเสียภาษีด้วยการนำไปรวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีครับ ------------- แต่ถ้าเป็นกองทุนทั่วไป กำไรที่ได้จากการขายคืนจะได้รับยกเว้นภาษี โดยไม่ต้องนำไปรวมเป็นเงินได้ ------------- จากคุณ : pjuk - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ต้องยึดติดกับกองทุนใด ไปตลอดเวลาที่ห้ามขายคืน ด้วยการสับเปลี่ยน ได้ทุกวันทำการ โดยที่ยังรักษาสิทธิ์ทางภาษีที่ได้รับมาโดยไม่ต้องโดนยึดคืน LTF :: 6 กองทุน 6 Style เลือก และปรับเปลี่ยน การลงทุนได้ตามฤดูกาลของตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา SCBLT1 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 หุ้น SET50 : 70% ตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว + เงินสด : 30% มีนโยบายการจ่ายปันผล ประวัติการจ่ายปันผล : http://www.scbam.com/inc/Dividend/getdiv.asp?l=th :: ยังไม่แน่ใจว่าจะรุก หรือจะตั้งรับ กับตลาดที่แนวโน้มว่าจะดีจริงหรือไม่ จากการที่มีตราสารหนี้ ถึง 30% อาจทำให้อัตราเร่ง และอัตราถดถอย น้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาด SCBLT2 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส หุ้น SET50 : 90% ตราสารหนี้ระยะสั้น + เงินสด : 10% :: ตลาดถูกหุ้นใหญ่ช่วงส่งดัชนีขึ้น แรงๆ จากสัดส่วนการลงทุนในหุ้นใหญ่ๆ 90% จึงสามารถสร้างโอกาสที่วิ่งไล่ตลาดหุ้นได้ในช่วงขาขึ้น SCBLT3 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ หุ้น SET50 : 40% หุ้น ต่ำกว่า SET100 + MAI : 40% หุ้น Trade + เงินสด : 20% :: ตลาดเล่นมันทุกกลุ่ม ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ด้วยกลุ่มหุ้นที่ครอบคลุมทั้ง SET และ MAI ไม่ว่าตลาดจะ เก็บหุ้นใหญ่ ปั่นหุ้นเล็ก หรือแม้แต่สภาวะ SET มีแต่สีแดงๆ MAI กลับทำให้ตลาดหุ้นมีสีเขียวเจือปนได้หลายๆ ครั้งครับ จากคุณ : pjuk - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 35% ที่ถูกสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น นอกเหนือจาก 65% ที่ต้องดำรงค์ไว้ในตลาดหุ้นบ้านเรา (ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) SCBLTT - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต ยกเป็นประเด็นของการตัดสินใจของ Fund Manager ล้วนๆ เลยครับ ลักษณะจะเป็นการตั้งเป้าหมายการลงทุน ว่าจะถึงเท่าไหร่ แบบถึงแล้วหยุดครับ ซึ่งตอนนี้ ยังไม่มีการกำหนดรูปแบบที่ชัดเจน รู้แต่เพียงว่า อัดใส่หุ้นแบบเก็บเต็ม เล่นกันถึง 93% ของขนาดกองทุนครับ SCBLTS - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท เล่นแบบลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถลดความเสี่ยงลงได้ ด้วยการลงทุนในหุ้นกว่า 65% (ปัจจุบัน 73%) เพียงเพราะ กองทุน และผู้ลงทุนจะกำไรได้ในกรณีที่หุ้นขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้าหุ้นอยู่ในลักษณะขาลง นั่นหมายถึงการขาดทุน จากหุ้นที่มีอยู่กว่า 65% แต่ด้วยการเลือกลงทุนใน SET50 Index Futures 3.5% (ปัจจุบัน 4.3%) ที่มองในมุมว่า ขอสร้างกำไรถ้าดัชนี SET50 ติดลบ นั่นหมายถึง ถ้าดัชนี SET50 เป็นบวก ในส่วนของ SET50 Index Futures ขาดทุน สิ่งที่เล่นกับ SET50 Index Futures คือการจ่ายเงินแค่เล็กน้อย แต่สามารถคุ้มครองได้เทียบเท่ากับการลงทุนในหุ้นกว่า 10 เท่าของเงินลงทุน ตามแนวทาง และแนวคิดที่จัดสร้าง - ลงทุนในหุ้นตามรูปแบบของดัชนี SET50 ที่ 65% - ลงทุนใน SET50 Index Futures 3.5% - ที่เหลือเป็นการสำรองเงินลงทุน ในรูปของเงินสด และตราสารหนี้ ก็สามารถลดความเสี่ยง ความผันผวนทั้งด้าน :: บวก : หุ้นขึ้น +65% - 35% = 30% :: ลบ : หุ้นลง +35% - 65% = -30% จึงทำให้ SCBLTS แม้มีการลงทุนในหุ้น 65% ก็เสมือนมีการลงทุนในหุ้นเพียงแค่ 30% ของทรัพย์สินสุทธิ ดังนั้น SCBLTS ที่เป็นกองทุน LTF ที่ต้องมีการลงทุนในหุ้นที่จดทะเยนในตลาดหลัดทรัพย์ เฉลี่ยทั้งปีไม่น้อยกว่า 65% ของขนาดกองทุน ก็ยังสามารถสร้างความปลอดภัยในการลงทุนกับหุ้น ให้ผู้ที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากหุ้น ให้เป็นทางเลือกได้ หรือในยามที่ตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงอย่างแน่นอน ก็พร้อมที่จะเป็นแหล่งพักพิง เพื่อลงทอนความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด ฉีกแนวทางการลงทุน ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่หุ้นในประเทศ SCBLT4 - กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ ที่สามารถนำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้ลดหย่อนทางภาษี จะลงทุนใน Master Fund เดียวกันกับ SCBPGF ซึ่งเป็นกองทุนเรือธง ของ SCBAM โดยเฉพาะ ที่ก้าวสู่การลงทุนยังหุ้นต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ขนาดใหญ่และราคาถูกจากทั้ง 3 ภูมิภาค โดยหุ้นที่มีราคาถูกนั้น คือหุ้นที่มี P/E ในระดับต่ำ และมีการจ่ายปันผลดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นๆ มีความมั่นคงและฐานะทางการเงินดี โดยนโยบายในการลงทุนนั้น กองทุนจะเลือกหุ้นจากดัชนี : ดัชนี Euro STOXX ของยุโรป : ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกา : ดัชนี TOPIX 100 ของญี่ปุ่น ออกมาทั้งหมดจำนวน 30 หลักทรัพย์ ซึ่งจะแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 3 กลุ่มคือ กลุ่มพลังงาน เวชภัณฑ์ และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม สารเคมี เป็นต้น ดังนั้นผู้ลงจะสามารถลงทุน ในส่วนหนึ่งของ FIF ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำสุดๆ คือไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ และการสับเปลี่ยนเข้า-ออก เลยครับ มีเพียงค่าธรรมเนียมการขายคืน 0.25% + vat เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการลงทุน ภายใต้ข้อบังคับของกองทุนประเภท LTF เท่านั้นครับ ------------------------ SCBLT4 จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะลงทุนในกองทุนประเภท FIF ที่ลงทุนในต่างประเทศ บวกกับ LTF ที่สามารถนำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษีได้ด้วยครับ ดังนั้นการจับจังหวะการลงทุนจึงสามารถใช้ Master Fund http://www.faz.net/d/invest/Fonds1.aspx?isin=LU0229884845 ช่วยเป็นแนวทางการลงทุนได้เช่นเดียวกับ SCBPGF ครับ จากคุณ : pjuk - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แม้ว่ามี การสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PF) อยู่แล้ว แต่ถ้ายังเก็บสะสมได้ไม่เต็ม 3 แสนบาท ต่อปี ก็ยังมีโอกาสลงทุนกับ RMF ได้สำหรับการลงทุน และการเก็บไว้ใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ในยามที่จำเป็นเมื่อรายได้ลดน้อยลงครับ และด้วยนโยบายกองทุนที่เปิดกว้างกว่า LTF จึงเลือกลงทุนได้อย่างอิสระ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนหุ้น ไม่ใช่แค่การซื้อ แล้วใช้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษี แต่ยังสามารถให้อิสระในการสับเปลี่ยน ไปมาได้ จึงสามารถเก็บเกี่ยวสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ยามตลาดหุ้นไม่ดี ก็สามารถรักษาเงินลงทุนไว้ที่กองทุนประเภทตราสารหนี้ได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าตลาดหุ้นเข้าสู่เทศกาลให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเต็มที่แล้ว ก็สามารถสับเปลี่ยนเข้าสู่การลงทุนกับกองทุนประเภทหุ้นได้อย่างทันท่วที ด้วยการสับเปลี่ยนที่ไม่มีระยะเวลาให้สูญหาย  RMF ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ทั้ง 4 กองทุน SCBRM1 - ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อการเลี้ยงชีพ   เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีอายุเฉลี่ยสั้นๆ ประมาณ 3 - 4 เดือน ดังนั้นผลกระทบจากราคาตราสารหนี้ในตลาด จะมีไม่ค่อยมาก ทำให้ความผัวผวนต่ำ เป็นผลทำให้การสร้างโอกาสในผลตอบแทนไม่ค่อสูงมากนัก แต่ก็ปลอดภัยพอสมควรที่จะไว้พักเงินชั่วคราวเวลาเหนื่อๆ จากการลงทุนกับกองทุนอื่นๆ ครับ (SCBRM2 ... SCBRM4) SCBRM2 - ไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการเลี้ยงชีพ แม้ว่าชื่อจะฟังดูแล้วปลอดภัย เพราะกองทุนนี้เน้นไปทางการลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาล 70-80% แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วๆ ไปด้วยครับ เพียงแต่ตราสารหนี้แต่ละตัว รวมถึงพัธบัตรรัฐบาล มีอายุเฉลี่ยที่ยาวมาก บางตัวอาจจะถึง 7 - 10 ปี กได้ครับ ดังนั้นอาจเจอแรงกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ในตลาดได้มาก ทำให้ เวลาจะได้น้อย มีถึงติดลบให้เห็น เวลาจะได้มาก ก็มากจนน่าตกใจเลยครับ SCBRM3 - ไทยพาณิชย์เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์เพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นลูกผสม ระหว่างตราสารหนี้ กับหุ้นครับ เป็นการลงทุนแบบ เอากับหุ้น แต่สร้างเกราะป้องกันตัวด้วยตราสารหนี้ มากหน่อย ดังนั้นช่วงเวลาหุ้นขึ้นแรงๆ ตัวนี้ขึ้นได้แค่ครึ่งเดียว เหมือนกับแค่เดินตามตลาดหุ้นไปห่างๆ ครับ แต่ในทางกลับกันถ้าหุ้น ขึ้นๆ ลงๆ หรือลงหนักๆ SCBRM3 ก็เหมาะจะเอามาพักไว้ กันตกรถ กับกัน ตกเหว ครับ SCBRM4 - ไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ เน้นไปกับหุ้นล้วนๆ หนักไปในหุ้นกลุ่ม SET50 เอาไว้บู้กับตลาดโดยเฉพาะครับ แต่ก็เสี่ยงในขาลงมาหน่อย ถ้าจะเล่นกับตัวนี้ ขยันสับเปลี่ยนหลบหลีกคู่กับ SCBRM1/SCBRM2 ด้วยก็ดีครับ --------------------------------- การสับเปลี่ยนกองทุนทั้ง 4 กองทุนของ RMF ให้อิสระได้เต็มที่ แบบวันต่อวัน ด้วยการที่เสมือนไม่มีระยะเวลาการสับเปลี่ยนเลยครับ เพราะ การออกจากกองทุนต้นทาง แล้วสามารถลงทุนต่อในกองทุนปลายทางได้ในวันที่ออกเลยครับ ( T + 0 ) ทำให้การจับคู่สับเปลี่ยนเป็นไปได้เต็มที่ เช่น เห็นหุ้นขึ้นสูงๆ มาหลายวัน จนถึงวันที่ควรจะหยุดความร้อนแรงได้แล้ว และกลัวว่าวันต่อไปหุ้นจะปักหัวลงแทน ก็สามารถย้ายออกจาก SCBRM3/SCBRM4 มาเข้าในที่ปลอดภัยหน่อย เช่น SCBRM1/SCBRM2 ได้เลย และถ้าวันต่อไป เป็นไปตามขาด หุ้นปักหัวลงแบบสุดๆ จนน่าเข้าลงทุน ก็สามารถย้ายต่อเนื่องจาก SCBRM1/SCBRM2 เข้าไปเล่นกับไฟในกองทุนหุ้น SCBRM3/SCBRM4 ได้อย่างทันท่วงที่ในวันนั้นเลยครับ ---------------------------- ที่สำคัญทั้ง 4 กองทุนสามารถทำการสับเปลี่ยนด้วยราคา เดียวกับ NAV เลยครับ (ขายคืน) / ราคาสับเปลี่ยนออก = NAV (ซื้อ) / ราคาสับเปลี่ยนเข้า = NAV + 0.0001 บาท จากคุณ : pjuk - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 และด้วย SCB Easy Net (Easy Fund) ที่ทำให้สามารถติดตามสถานะการณ์ตลาดหุ้นได้ถึง 16.00 น. จึงช่วยให้การลงทุน ไม่ใช่เพียงการรอคอยจนถึงเวลาที่จะขายคืนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ จากคุณ : pjuk - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ pjuk ใจดีตอบให้เสมอเลย จากคุณ : nLatte - [ 8 ต.ค. 50 07:21:06 ]