Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บทความดีๆจากคุณ Prettypetite แห่ง HoonFriendPages

    ขออนุญาตนะครับ เพราะอ่านแล้วอยากให้คนอื่นอ่านต่อ เชื่อว่ามันมีประโยชน์มั่กๆครับ ขอบคุณ Prettypetite ตรงนี้ครับ

    ---------------------------------------------------------

    ห่วงโซ่ตราสารอนุพันธ์มูลค่า 750 ล้านๆยูเอส



    สวัสดีค่ะ  


    บทความล่าสุดของดิฉันเมื่อหลายอาทิตย์ที่แล้วว่า ดูเหมือนว่า เงินจะล้นโลก อีกแล้ว เป็นการสังเกตุของตัวดิฉันเอง และล่าสุดเมื่อวานนี้เอง เพิ่งได้รับ บทวิเคราะห์ fund flow ว่ามีเงินไหลบ่าเข้ามาในเอเซีย แค่ 2 อาทิตย์ มากกว่าเงินที่เข้ามาในช่วงก่อนหน้าตั้งแต่ต้นปี

    ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งบอกว่า USA จะเกิด slow recession คือค่อยๆซึม ใช้เวลานานหลายปี (ดูญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง) กลุ่ม commodities ที่เป็นกระทิง มายาวนาน 37 ปี (มีกราฟให้ดู) ก็เช่นกัน จะค่อยๆ ลดความร้อนแรงลง เนื่องจากค่าเงินของประเทศ commodities rich countries เช่น รัสเซีย จีน บราซิล คานาดา และออสเตรเลีย มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นมาก

    ขณะนี้ เงินออสเตรเลีย แข็งขึ้นมากที่สุดในรอบ 23 ปี เมื่อเทียบกับสหรัฐ ดอกเบี้ย 2 years bond อยู่ที่ 6.58% คานาเดียนดอล เกิน 1 ต่อ 1 ยูเอสแล้ว แต่เงินหยวนจีนยังไม่ยอมให้แข็ง เพราะตุนเงินยูเอสในคลังมากเกินไป ขืนปล่อยให้แข็ง ค่าเงินยูเอสจะดูยิ่งขาดทุนหนักขึ้น

    เรื่องค่าเงินสหรัฐที่มีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าลงอีก เนื่องจากจะมีการลดดอกเบี้ย และการถดถอยของเศรษฐกิจ นำมาซึ่งการปกป้อง และเก็งกำไรทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกู้เงินสหรัฐ ใช่ อ่านไม่ผิดดอกค่ะ จะมีอะไรที่เจ๋งมากไปกว่า การกู้เงินที่กำลังจะอ่อนลง และดอกเบี้ยก็กำลังจะลดลงเล่า ในเมื่อเห็นๆอยู่ ว่า ใช้คืนน้อยลงในอนาคต

    การแตกตื่น และเร่งด่วนในการโยกย้าย ถ่ายเท เงินยูเอส ให้เป็น ค่าเงินสกุลอื่นๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะสูงค่าขึ้น ทำให้เงินส่วนหนึ่ง ถูกโยนเข้ามา ในตลาดหุ้น โดยเฉพาะในเอเซีย คุณภาพ ความถูก แพง ไม่ใช่จุดประสงค์แล้ว มันอยู่ที่ ทำยังไง จะฟอกเงิน US$ ที่ยังเหลือท่วมโลก ในคลังธนาคารชาติต่างๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ ที่ปลอดภัยกว่า และไม่เสื่อมค่าลง

    เงินส่วนหนึ่งถูกเทไปที่ ทองคำ ซึ่งสหรัฐเป็นประเทศที่ตุนทองคำ ไว้ในคลังมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว ประเทศที่ค่าเงินมีแนวโน้มว่าจะสูงค่าขึ้นมากๆ การเข้าเก็งกำไรทอง จะไม่คุ้มเท่าไร

    สหรัฐเป็นประเทศติดหนี้ สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก อันดับสองคือ อังกฤษ หนี้ที่สองประเทศนี้ติดค้าง ตีเป็นค่าเงินยูเอสดอล เพราะฉะนั้น เขาไม่แคร์ เรื่องค่าเงินยูเอสจะอ่อน (ตามไปอ่านบทความที่ดิฉันเขียนไว้ ราวสักปีกว่าๆได้ค่ะ ในกรุ๊ป หรือค้นจากตู้เมล์ท่านเอง)

    ที่จริงบ้านที่อเมริกาตอนนี้ถูกมาก ถูกกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ แต่มันมีเยอะ เกินความต้องการ หากทิ้งว่างไว้ก็จะเจอภาษีอาน จำเป็นต้องโละออกถูกๆ หรือปล่อยให้ยึดคืนไป

    การเข้ามาแย่งกันเร่งซื้อทรัพย์สิน ซื้อหุ้น คือการช่วยกันตีฟองสบู่ในเอเซีย ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ของแพงมากขึ้น ประชาชนระดับล่างจะยากจนลง จะเกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางสังคมมากขึ้น

    คำถามคือ เป็นไปได้หรือที่ หุ้นของธนาคารต่างๆในเอเซีย ซึ่งขณะนี้ มี premium สูงกว่าทางอเมริกา และยุโรป ร่วม 80% จะยังคงทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ราคาทางโน้นจะลดลงเรื่อยๆ

    คำตอบคือ เป็นไปไม่ได้ เมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องไล่ราคาขึ้นมาพร้อมๆกัน ไม่ให้มี premium ที่ห่างกันจนเกินพอดี เราจึงจะได้เห็น หุ้นธนาคารเอเซีย ขึ้นแรง หุ้นธนาคารฝรั่งก็ขึ้นมั่ง

    และอีกหน่อย ดีไม่ดี พวกต่างชาติก็เข้ามาฮุบธนาคารในเอเซีย เสร็จแล้วก็จัดการการปล่อยกู้ไปซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน แล้วนำมามัดรวมกัน ออกตั๋วเงินทำให้เกิด subprime loan ในเอเซียมั่ง จะได้สมน้ำสมเนื้อกัน เฮ.... หรือเอาไปเพิ่มทุนบริษัทสินเชื่อตัวเอง โดยบอกว่าเป็นการลงทุนธุรกิจร่วมกัน หรือรวบรัด ก็เอาไปซื้อตั๋วเงิน AAA (จริงรึ??) ที่ค้างในธนาคารฝรั่งต่ออีกที ฮา.... เขาฮานะ ไม่ใช่เรา

    สหรัฐ จะได้รับผลประโยชน์ค่าเงินอ่อนในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ฉะนั้น Dow Jones Industries ก็ไม่น่าที่จะร่วงแรงแต่อย่างใด แต่ในส่วน ของผู้บริโภค จะค่อยๆหดตัวลง เนื่องจากหาเงินกู้ที่จะมาใช้ฟุ่มเฟือยยากขึ้น บางคน บ้านก็โดนยึดไป และประชาชนส่วนใหญ่ ไม่มีเงินออม ก็คงต้อง ทำงานหนักขึ้น เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่

    ปัญหาตอนนี้ คือไม่มีใครรู้ว่า โลกใบนี้ ได้สร้าง credit ไปกี่สิบ กี่ร้อย หรือกี่พันเท่า ต่อทรัพย์สินที่นำมาจำนอง (รวมรถ หุ้น และอื่นๆ) จึงไม่มีใคร ที่จะสามารถประเมินความเสียหายได้ สถาบันการเงิน ที่ปล่อยกู้มือแรกๆ ทุกแห่ง เพื่อลดความเสี่ยง NPL และเพื่อหาเงินสดมาหากำไรอีก ก็ออกตั๋วเงินขายต่อ โดยใช้ทรัพย์สินติดจำนองเป็นหลักประกัน และจ้างบริษัทจัดเรทติ้ง ให้เรท เป็น AAA จะได้ขายคล่อง และได้ราคาดี

    คนที่รับตั๋วไป ก็ทำแบบคนแรก และคนต่อๆไปก็ทำแบบเดียวกัน ทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่คือความเสี่ยง จึงพยายามปัดความเสี่ยง ไปให้ผู้อื่น รับช่วงต่อ

    ทุกๆคนได้เงินสด ก็เอาไปหมุนได้อีกเป็นหลายๆเท่า รวมทั้งเข้ามาปั่นหุ้น และเล่นตราสารอนุพันธ์สารพัดรูปแบบ ด้วยคิดว่า บางรูปแบบ สามารถปกป้องความเสี่ยงได้ ซึ่งกลับ ยิ่งเสี่ยงหนักเพิ่มขึ้นไปอีก เช่นขณะนี้ ที่มีคนบอกว่า บรรดาผู้ที่มองเห็นความเลวร้าย และพยายามปกป้องด้วยการ short ด้วยตราสารอนุพันธ์ กลับกลายเป็นผู้ที่เจ็บปวดที่สุด

    คือหมดตัวก่อนที่ความเลวร้ายจริงๆจะคืบคลานมาถึง เพราะ การพยายาม เข้ามาปกป้อง ด้วยวิธีการ "ซื้อเวลา" ของธนาคารชาติต่างๆ โดยการปั๊มเงิน เข้าระบบ ซึ่งโดยความเป็นจริง เงินสดเหล่านี้ ไม่ได้ไปถึง มือผู้บริโภค ที่ต้องการจริงๆ มันหมุนเวียนอยู่เฉพาะในแวดวง ของสถาบันผู้ที่เริ่มต้น และสานต่อก่อเรื่องขึ้นมา รวมทั้งบรรดานายทุนตัวใหญ่ๆ

    จำนวนตราสารอนุพันธ์ในโลกขณะนี้มีจำนวน 750 Trillion US$ โดยที่รายได้คนทั้งโลก รวมกัน แค่ 45 Trillion ลูกสาวกำลังเรียนปี 3 สาขา Finance ที่ ABAC กลับบ้านวันนี้หลังสอบเสร็จ หยุดปิดเทอม 20 วัน เธอบอกว่า 1 Trillion = 1 ล้านๆ และเล่าว่า ข้อสอบถามว่า subprime ในสหรัฐ ก่อให้เกิดปัญหา ในประเทศไทยแค่ไหน และอย่างไร แต่คะแนนข้อนี้แค่ 5%

    ดิฉันจึงได้ตั้งชื่อไว้แต่ต้นในกรุ๊ปของดิฉันว่า แชร์ลูกโซ่ Subprime Loan ซึ่งนี่เป็นห่วงโซ่แรก แต่ห่วงต่อๆไป มันซับซ้อนกว่า จึงต้องหาหนทาง ต่อห่วงไปเรื่อยๆ

    เพราะมันเป็นวงแชร์ระดับโลก จึงปล่อยให้ล้มไม่ได้เด็ดขาด

    จากคุณ : แท็กซี่นิรนาม - [ 12 ต.ค. 50 00:40:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom