Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เปิดพอร์ตหุ้น "เสี่ยปู่"-"เสี่ยยักษ์" 2 นักเล่นหุ้นขาใหญ่ 2สไตล์

    พอดีได้ไปอ่านมาจากประชาชาติธุรกิจ ก็เลยเอามาฝาก
    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=336&catid=2
    ---------------------------------------------------
    เปิดใจนักเล่นหุ้นขาใหญ่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เจ้าของฉายา"เสี่ยปู่"กับ วิชัย วชิรพงศ์ หรือ"เสี่ยยักษ์"กว่าจะมาเป็นนักเล่นหุ้นตัวยงมีพอร์ตระดับพันล้าน กับเส้นทางมันนี่เกมที่ฝ่าฟันมากว่า20 ปี และหุ้นที่เขาเลือกลงทุน!


    ถนนลงทุนในตลาดหุ้น ดูจะมีเสน่ห์หอมหวานเชิญชวนให้ใครๆ ก็อยากจะเข้ามาลงทุน ยิ่งมีข่าวคราวนักเล่นหุ้นขาใหญ่เข้ามา เล่นหุ้นจนมีพอร์ตพันล้าน ดูจะเป็นเกมเงินต่อเงินที่ดูจะเมคมันนี่ได้ง่าย แต่ของจริงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด "ประชาชาติธุรกิจ" จึงได้สัมภาษณ์ นักลงทุนขาใหญ่ 2 ราย คือ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เจ้าของฉายา "เสี่ยปู่" และ "วิชัย วชิรพงศ์" หรือ "เสี่ยยักษ์" มาเล่าเส้นทางที่ต้องฝ่าฟันกับการเล่นหุ้นมากว่า20 ปี ต้องปรับตัวอย่างไรจึงจะมาจุดนี้ และเป้าหมายชีวิต อยู่ตรงไหน

    "เสี่ยปู่" ผมไม่ใช่ขาใหญ่ ผมไม่มีก๊วน

    ขาใหญ่ "สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" เจ้าของฉายา "เสี่ยปู่" พอร์ตหุ้นไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านบาท เวลาขยับตัวเล่นหุ้นตัวไหน มักดึงดูดความสนใจรายย่อยขอร่วมวงแจมตามลงทุนหวังกำไรติดไม้ติดมือกันไม่น้อย เสี่ยปู่ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงเส้นทางชีวิตที่วนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นมาราว 20 ปี วันนี้กลายเป็นอาชีพหลัก ว่า

    "ผมเข้าตลาดหุ้นปี 2530 ตอนนั้นทำงานอยู่สภาพัฒน์ เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย อยู่ฝ่ายบัญชีประชาชาติ หลังจากเรียนจบเศรษฐ ศาสตร์ เราได้มาดูตลาดหุ้นก็รู้สึกชอบแน่ๆ ทำให้ตัดสินใจลาออกจากราชการ ใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน แต่พอเข้ามาเล่นก็เจ๊งเลย ตอนนั้นพอร์ตประมาณ 1 ล้านบาท เจ๊งเหลือ 2 แสนบาท"

    เสี่ยปู่เล่าว่า ตอนนั้นไปสมัครเป็นลูกค้า บล. เอ็มซีซี (ปิดกิจการแล้ว) แต่ไม่รับ ถ้าเป็นต้องใช้เงินขั้นต่ำ 5 แสนบาทเปิดบัญชีเล่นหุ้น (พอร์ต) จึงไปสมัครที่ บล.ธนสยาม ซึ่งตอนหลังๆ พอร์ตผมโตขึ้นเรื่อยๆ ทาง บล.เอ็มซีซี ก็มาเชิญไปเป็นลูกค้า แต่ผมปฏิเสธ ผมมาโตจริงๆ หลังช่วงเกิดเหตุซัดดัม ช่วงนั้นดัชนีผันผวนมากๆ เราได้เวลาตลาดลง

    เริ่มเล่นหุ้นก็เก็งกำไรแล้ว

    "การลงทุนในช่วงแรกๆ ก็เป็นนักเก็งกำไรแล้ว เพราะสมัยนั้นเล่นหุ้นตัวที่แข็งกว่าตลาด ตอนนั้นเล่นหุ้นไม่มีหลอกเลย ถ้าบอกวันรุ่งขึ้นก็ขึ้น ส่วนใหญ่เป็นหุ้นหลักทรัพย์ที่ขึ้นเยอะมาก แล้วก็มีวอร์แรนต์ ตอนนี้เราก็ดูตลาดเอาว่าเล่นตัวไหน ตัวไหนที่แข็งก็จะซื้อตัวนั้น ตอนนั้นนักเก็งกำไรจะเล่นทางเดียวกัน เก็งกำไรกันจริงๆ ไม่มีพื้นฐาน เศรษฐกิจไม่เกี่ยวเลย ตัวไหนแข็งก็ซื้อ เล่น 1-2 ตัวก็เต็มพอร์ต"

    สมัยนั้นหุ้นดังๆ จะมีวอร์แรนต์ของ บล. เอกธำรง แล้วก็มีวอร์แรนต์ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมฯ (IFCT) โดยเฉพาะในช่วงประกาศลอยค่าเงินบาท (ปี 2540) ตอนนั้นหุ้นแบงก์ขึ้นหมด ผมทำกำไรได้ถึง 53 ล้านบาท พอร์ตลงทุนตอนนั้นโตประมาณ 100 ล้านบาท

    "ตอนนั้นเป็น pure speculate เลย เราซื้อทั้งๆ ที่รู้ว่า IFCT-W มีมูลค่าเหลือศูนย์แน่ๆ แต่บรรยากาศอารมณ์ตอนนั้นพาไปให้ต้องซื้อติดพอร์ตไว้ ผมก็เติบโตมาจากการเก็งกำไร แต่จุดที่ทำให้ผมเปลี่ยน คือ มาซื้อหุ้น KK (เกียรตินาคิน) ที่เริ่มซื้อที่ 90 สตางค์ เก็บเรื่อยมาจน 1 บาทกว่า ต้นทุนเฉลี่ยไม่เกิน 2 บาท ซื้อมา 60 ล้านหุ้น แต่หุ้นโดนบล็อกมากราคาไม่ค่อยขึ้น จนราคามาที่ 3-4 บาท ก็เริ่มขายออกไป ตรงกับขณะนั้นที่มีการออกหุ้นวอร์แรนต์ในราคา 2.30 บาท ให้สัดส่วน 1 หุ้นต่อ 1 วอร์แรนต์ หุ้น KK วิ่งรวดเดียวถึง 80 บาท วอร์แรนต์อยู่ที่ 60 บาท จากราคาสิทธิที่ถือว่าต่ำ ก็เลยได้คิดว่าถ้าถือหุ้นดีๆ น่าจะทำกำไรได้มากกว่านี้"

    จุดเปลี่ยนความคิด "เล่นหุ้นพื้นฐาน"

    เสี่ยปู่บอกว่า บทเรียนจากการเล่นเก็งกำไร ทำให้ขาดทุนมากกว่าได้กำไร เพราะเป็นคนที่เล่นขาลงไม่เก่ง ประกอบกับ "มนตรี ศรไพศาล" (กรรมการผู้จัดการ บล.กิมเอ็ง) เอาหนังสือของวอร์แรนต์บัฟเฟดมาให้ จึงอ่านแล้วอ่านอีก ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือมาก แต่หนังสือเล่มนี้อ่านแล้ววางไม่ลงเลย ก็เลยคิดตลอดเวลาว่า จะเป็นนักลงทุนหุ้นคุณค่า หรือ value stock ให้ได้ เพราะเชื่อในปรัชญาที่ว่า ราคาหุ้นที่สุดแล้วจะไปอยู่ในพื้นฐานของตัวหุ้นนั้นๆ ในระยะยาว ยิ่งในตลาดหุ้นสมัยนี้ การเล่นหุ้นเก็งกำไรที่ไม่มีพื้นฐานจะยากมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เก็งกำไรกันได้ง่าย

    "แต่หุ้นที่ไม่มีพื้นฐาน เวลาราคาขึ้นไปเกินกว่าพื้นฐานค่อนข้างมาก มักจะเป็นราคาที่ไม่จริง พอร์ตที่ผ่านมาแม้จะมีการเก็งกำไร แต่ก็เป็นการได้ๆ เสียๆ ถึงพอร์ตจะโตแต่ก็โตแบบเก็งกำไรไม่ยั่งยืน ในช่วงหลังๆ จึงแบ่งพอร์ตลงทุนเป็นหุ้นพื้นฐาน 70% สำหรับลงทุนระยะยาว (long term) และหุ้นเก็งกำไร 30% แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้งหุ้นเก็งกำไรทำกำไรได้เยอะกว่าหุ้นพื้นฐาน แต่บางครั้งการเก็งกำไรของผมก็จะดูปัจจัยพื้นฐานด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นหุ้นเดินเรือ ชอบ TTA เราไม่ได้ฟังนักวิเคราะห์ แต่จะดูค่าระวางเรือ"

    สำหรับเทคนิคการเลือกหุ้น เสี่ยปู่เล่าว่า เวลาซื้อหุ้นจะเป็นช่วงตลาดขาลง ซึ่งเป็นการรอรับซื้อจนได้กำไร โดยหุ้นที่ซื้อจะดูผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นหลัก อย่างหุ้นอิออน ธนสินทรัพย์ (AEONTS) จะสังเกตมาตลอดตั้งแต่เข้าตลาดโตมากกว่า 30% ทุกปี สูงมาก ถือว่าเป็นหุ้นดีแม้ราคาจะนิ่ง จึงเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ถือมาตลอดไม่ขาย ชอบมากตัวนี้

    เปิดพอร์ตหุ้นลงทุนยาว-เก็งกำไร

    นอกจากนี้ในพอร์ตยังมีหุ้นมูลค่าอื่นๆ อีก ได้แก่ หุ้นกรุงศรีอยุธยา (BAY) และวอร์แรนต์ (BAY-W1), หุ้น ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น (C.P.7-11), หุ้นเอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC), หุ้นไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) และวอร์แรนต์ (MINT-W3), หุ้นปริญสิริ (PRIN), หุ้นเอส แอนด์ พี ซินดิเคท (S&P) และหุ้น สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนต์ (SF) ส่วนพอร์ตหุ้นเก็งกำไร ช่วงนี้จะเน้นหุ้นพลังงานตามกระแสเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาช็อปหุ้นกลุ่มนี้ อย่างตัวเต็งๆ จะมีหุ้น ปตท.สผ. (PTTPT) และหุ้น ปตท.เคมิคอล (PTTCH) และยังมีหุ้นโทรีเซนไทย เอเยนซีส์ (TTA) หุ้นอะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) หรือ ATC ซึ่งพวกนี้จะปรับตัวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเก็งกำไรได้ง่าย

    "หุ้นเก็งกำไร ถ้าซื้อแล้วขาดทุน ก็ถือว่าดูผิดก็จะขาย ถ้าเป็นหุ้นแวลูที่ยังดีอยู่ ก็จะถือต่อไป ผมจะดูถ้าช่วงไหนหุ้นขึ้นแรงๆ ในช่วงสั้นๆ ซัก 50% ผมก็จะพิจารณาขาย ถ้าเป็นวอร์แรนต์ ถ้ากำไรซัก 200% ผมอาจไม่ขาย ต้องดูหุ้นแม่เป็นตัวประกอบก่อน ซึ่งวอร์แรนต์หลายตัวที่ซื้อก็เพื่อ ใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ"

    เสี่ยปู่เล่าว่า ช่วงที่ผ่านมาหุ้นขึ้นบูมมาก ไม่ได้ซื้อเพิ่ม เรียกว่าลดพอร์ตเลย เพราะราคาหุ้นแพงเกินไปจากการที่ปรับขึ้นเร็วและแรง แต่ตัวที่จะซื้อเก็บจะเลือกหุ้นที่คิดว่าดีและยังสะสมได้ โดยเฉพาะหุ้นเล็กๆ หรือถ้าเวลาที่ฝรั่งขาย ก็จะมานั่งดูหุ้นว่ายังแพงอยู่หรือว่าถูกลงแล้ว โดยไม่สนใจว่าในช่วงนั้นใครซื้อหรือขายอยู่

    สำหรับกำไรจากพอร์ตลงทุน ถ้าเป็นหุ้นแวลู จะโตขึ้นเรื่อยๆ บางตัวก็โตเร็ว ส่วนหุ้นเก็งกำไรก็ขึ้นในทำนองเดียวกัน และเวลาที่ได้กำไรจากหุ้นเก็งกำไรจะเอามาซื้อหุ้นพื้นฐานเก็บไว้ โดยสถิติพอร์ตหุ้นมูลค่าเคยกำไรสูงสูดถึง 1,500 ล้านบาท !!! แต่ถ้านับรวมกับพอร์ตหุ้นเก็งกำไรแล้ว ตัวเลขกำไรที่ประมาณการแบบเปิดเผยก็เกิน 2,000 ล้านบาท !!!

    ชื่อเสียงดังเลยถูกนำมาหากินในห้องค้า

    ด้วยไซซ์พอร์ตใหญ่ขนาดนี้ เสี่ยปู่จึงยอมรับว่า บ่อยครั้งที่ชื่อเสี่ยปู่ถูกนำไปใช้อ้างในตลาดหุ้นว่า "เข้าเล่นหุ้นตัวนั่นตัวนี่" หวังเรียกแมลงเม่าเข้ามาร่วมวงปั่นหุ้น หรือถูกข้อหาว่า "เป็นนอมินีให้กลุ่มนักการเมือง" ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองเลย ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยถูกตลาดหลักทรัพย์ฯเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบอะไร และไม่เว้นแม้กระทั่งข่าวว่า "เสี่ยปู่รับจ้างทำราคาให้กับหุ้นใหม่ที่จะเข้าตลาด" ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่ามีการติดต่อจริง แต่ก็บอกไปตรงๆ ว่าทำไม่ได้ เพราะหุ้นจองพอเข้าตลาดวันแรกก็ขายกันแล้ว

    "ที่ผ่านมาก็มีถูกเพ่งเล็งจากทางการบ้างเหมือนกัน ตามที่หนังสือพิมพ์เอาไปลงกัน ว่าไปปั่นหุ้นตัวนั้นตัวนี้หลายๆ ตัวก็เป็นแค่ข่าวลือ เพื่อให้หุ้นวิ่งขึ้น ทั้งที่ไม่จริงเลยที่เข้าไปซื้อแล้วหุ้นมันจะขึ้น ขายแล้วลงก็ไม่ใช่ เคยซื้อหุ้นเยอะไม่ขึ้นก็มี และ ผมก็ไม่ใช่ขาใหญ่อะไรด้วย เพราะขาใหญ่ๆ จริงมีไม่เยอะ เป็นข่าวลืออุปโลกน์กันไปมากกว่า ขาใหญ่ตัวจริงต้องมีเครือข่าย มีก๊วน เล่นตัวเดียวกัน พากันดันราคาขึ้นไป พอหัวหน้าเป่านกหวีด ปรี๊ดก็ขายกันหมดอย่างนี้ สำหรับผมจะเล่นลงทุนคนเดียว ไม่ค่อยมีก๊วนแต่ก็จะคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง ถ้าเห็นดีด้วยก็ซื้อบ้างถ้าไม่ก็ไม่ซื้อ"

    เป้าหมายชีวิต "เล่นหุ้นไปเรื่อยๆ"

    เสี่ยปู่บอกว่า แม้อายุ 55 ปี ก็ยังชอบการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ ซึ่งคิดว่าจะเล่นหุ้นไปเรื่อยๆ ชีวิตมีความสุขดี ทุกวันนี้กลางคืนก็จะมีเข้าไปดูข่าวในเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับหุ้น ดูว่าเขาแชตหุ้นอะไรกันบ้าง มีหลายเว็บทั้งกระทิงเขียวในพันธุ์ทิพย์ฯ ทุกวันนี้ก็เล่นหุ้นเป็นอาชีพส่งลูกเรียนต่อเมืองนอก ขณะที่ภรรยาซึ่งเป็นแม่บ้านอยู่ ตอนนี้ก็มาเล่นหุ้นเหมือนกัน แต่คนละพอร์ตกัน เพราะลงทุนคนละสไตล์ พอกลับถึงบ้านจะคุยหุ้นกันนิดๆ หน่อย ซึ่งปรากฏว่าภรรยาได้กำไรมากกว่าในรอบหุ้นขึ้นที่ผ่านมา ส่วนลูกๆ 3 คนหากเรียนจบกลับมาในอนาคตก็อยากให้เข้ามาเล่นหุ้นเหมือนกัน

    พอถามถึงงานอดิเรก เสี่ยปู่จะบอกว่า จะมีทั้งการสะสมรูป ศิลปะ งานตัดแต่งต้นไม้ ปลูกต้นไม้ที่บ้าน ที่สำคัญ เงินส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้ฟุ่มเฟือย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่จะทุ่มสุดๆ เน้นแบรนด์ดังๆ เท่อย่างเวอร์ซาเช่ ที่ใส่มาให้สัมภาษณ์ด้วยมาดเนี้ยบ บุคลิกนิ่มๆ แบบนักวิชาการใส่แว่น แต่นี่เป็นขาใหญ่เล่นหุ้น "เสี่ยปู่"

    จากคุณ : ปอ - [ 12 พ.ย. 50 23:30:56 A:58.64.87.68 X: TicketID:121219 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom