SET index 600 จุด นั้นเท่ากับว่า SET จะถดถอยลงไปกว่า 30 % หรือเป็นภาวะของตลาดหมี ซึ่งจะเกิดได้นั้นต้องประกอบด้วยเงื่อนไงดังนี้
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ หรือเรียกว่าการถดถอยทางเศรษฐกิจ ---> จากที่ติดตามข่าวการคาดการณ์ของสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจระดับโลก ต่างออกมาพยากรณ์ตัวเลขเศรษฐกิจโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ยังสามารถเดินหน้าเติบโตต่อไป แต่เป็นการเติบโตลดลง หรือกล่าวอีกอย่าง ปี 2551 อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2550 ซึ่งเป็นการชลอตัว ไม่ใช่การติดลบอย่างที่หลายคนสับสนคำศัพท์เหล่านี้ นอกจากนี้ ผมก็ยังไม่เห็นสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจใด ออกมาระบุว่าระบบเศรษฐกิจหลักของโลกมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ หรือประสบกับภาวะถดถอย
อัตราเงินเฟ้อสูงระดับสองหลัก ----> ต้นทุนพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเงินเฟ้อ แต่ไม่มาก ตัวเลขของหลายปีที่ผ่านมาของระบบเศรษฐกิจหลักของโลกเงินเฟ้อยังน้อยกว่า 5 % ส่วนไทยก็ไม่หนีกันเท่าไหร่
อัตราดอกเบี้ยสูงระดับเลข 2 หลัก ----> แนวโน้มดอกเบี้ยมีแต่จะลดต่ำลง และจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกหลายปี
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจ และ SMEs ต่างประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก ----> ยังไม่เห็นสัญญาณ มีเป็นเพียงบาง Sector ในบางประเทศที่ประสบปัญหา เช่น ภาคบริการการเงิน
นักลงทุนเกือบทั้งตลาดสิ้นหวังต่อตลาดทุน ----> ตลาดหุ้นสำคัญๆ ของโลก รวมถึงเมืองไทย ยังคงลงทุนกันปกติ เพียงแต่ติดตามข่าวสาร และระมัดระวังมากขึ้น
จากปัจจัยภายนอก และภายในที่ไทยต้องเผชิญในปัจจุบัน และอนาคต ไม่มีเงื่อนไขใดที่จะทำให้ SET index ลงไป 600 จุดในปีนี้ที่เหลือถึงปีหน้า
สาเหตุที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะหมีได้ มีเพียงปัจจัยในประเทศ ได้แก่
ความรุนแรงทางการเมือง หรืออุบัติเหตุทางการเมืองนำมาสู่การนองเลือด
ไทยขับไล่การลงทุนจากต่างชาติ
จากการประเมินปัจจัยทั้งหมด อย่าว่าแต่ 600 จุด ในปีหน้า 700 จุดยังได้เห็นยากครับ
นักอ่านกราฟบางคน ยกกราฟมาอ้างอิง แต่ต้องอย่าลืมว่ากราฟเป็นตัวสะท้อนพื้นฐาน ไม่ใช่พื้นฐานเป็นตัวสะท้อนกราฟครับ
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 50 21:06:08
ฟันธง (ข้ามเว็บบอร์ด) ไม่ได้เห็น SET index 600 จุดในปีนี้และปีหน้า
ไม่เชื่อว่าจะ600 แม้ผลเลือกตั้งจะไม่เป็นไปตามที่หวัง 
... ขอบคุณครับ
Farang