ความคิดเห็นที่ 1 "ไม่ขาย ไม่ขาดทุน" อืม อืม อันนี้ที่พูดนี่ไว้ปลอบใจตัวเองนะคะ คงไม่ใช่แนวเทคนิคของเซียนหุ้นค่ะ แต่เป็นแนวจิตวิทยาปลอบใจค่ะ ช่วงหุ้นขาลงแบบนี้ทุกคนคงตัดสินใจเองได้อ่ะค่ะ ว่าจะขายตัดไปเลยรึว่ากอดไว้ ย้ำ ค่ะ ย้ำ ปลอบใจตัวเองค่ะ ม่ายได้ยุให้เก็บหุ้นไว้นะคะ โปรดทราบนักลงทุนในหุ้นทั้งหลาย จากคุณ : พัดยุ้ย (patcharyui) - [ 19 พ.ย. 50 19:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วควรทำยังไง ? เวลาหุ้นลง จากคุณ : better better - [ 19 พ.ย. 50 19:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขึ้นลงเป็นธรรมชาติของหุ้น เสียว่าเงินหลงทางหาทางกลับบ้านไม่เจอ ไม่นานก็กลับมาหาเราเช่นเคย จากคุณ : อย่าเครียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ - [ 19 พ.ย. 50 19:50:43 A:124.120.139.153 X: TicketID:000564 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เงินใครเงินมันสิท่าน ==' จากคุณ : หมอโต - [ 19 พ.ย. 50 19:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เล่น vi เขาถือยาว เพราะมั่นใจในตัวหุ้นครับ  ถ้าไม่มั่นใจว่าจะได้กำไร ก็ไม่ต้องมาเล่นครับ เสียเวลา จากคุณ : + - [ 19 พ.ย. 50 20:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เปิดศึก กับ  ชาว  VI เลยหรือ  คะ คือ  เราเอง เพิ่งอ่านหนังสือ ปรัชญาหุ้น   คิดว่า  ชอบแนวทางการลงทุน แบบนี้นะ   เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง   เอาเรื่อง   ไม่ขายไม่ขาดทุนก่อน   ในปรัชญาหุ้นที่ 72  เรื่อง " ไม่ขายไม่ขาดทุน จริงหรือ" โดยสรุปประมาณว่า   ไม่ขายไม่ขาดทุน  ( แต่ขายเมื่อไร ก็ขาดทุนเมื่อนั้น  แถมเสียโอกาสที่ต้องถือรอมานานด้วย)   ในหนังสือ บอกว่า   "หากเป็นนักลงทุนระยะยาว  ไม่มีเวลาติดตาม  และเล่นหุ้น พื้นฐานดี   การยึด  ไม่ขายไม่ขาดทุน  อาจจะใช้ได้ " แต่   " หากเป็นคนที่มีเวลาติดตาม ตลาดหุ้น  หากตลาดเป็นขาลง ก็ควรขายไปก่อน   เพราะ ตลาดหุ้น มีขึ้น และลงตลอดเวลา  ปีหนึ่ง ขยับเพียง 5-10%  แต่ แกว่งตัว +20% - -20%    หากไม่ เล่นตามรอบ คงเสียโอกาส" ดังนั้น คนที่ติดตามหุ้นใกล้ ชิดควรใช้   Cut loss มากกว่า จากคุณ : หนิงส่าย - [ 19 พ.ย. 50 20:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ขาย ไม่ขาดทุน  รอรอรอ ครับ เฉพาะช่วงนี้นะ  ทำได้  ช่วงอื่น อย่าทำเลยยยยยยยยยย จากคุณ : sandee.kung - [ 19 พ.ย. 50 20:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปรัชญาหุ้น ต่อมา  เรื่อง   ให้ทยอยขายขาลง  หาก Cut loss ไม่เป็น คือ เมื่อ ตัดสินใจ จะ Cut loss แต่ทำใจไม่ได้  ให้แบ่งขาย บางส่วน เช่น ทีละ 20%   หากขายแล้ว หุ้นดีดกลับ   ก็ยังมีอีก 80% ให้กำไร หากขายแล้ว หุ้นลงต่อ  ก็ขาดทุนไม่เยอะ   วิธีการ คือ ทยอยขายไปเรื่อย  หากยังลง  ก็ขายอีก  จนมันหยุดลง  ก็หยุดขาย  แล้ว ซื้อคืนหมดทีเดียวเลย คิดว่า วิธีนี้ดีนะคะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 50 20:06:00 จากคุณ : หนิงส่าย - [ 19 พ.ย. 50 20:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาน่า ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ละ เงินใครเงินมัน จริง ๆ ก็ไม่มีใครอยากใช้คำพูด ไม่ขายไม่ขาดทุนหรอก เพียงแต่ตอนนี้มันไม่มีคำที่ดีกว่านี้ เพื่อให้ตัวเองสบายใจค่ะ เพราะถ้าหลายท่านมองในพอร์ตตัวเอง คงรู้คำตอบสำหรับตัวเอง จะ VI หรือจะ cut loss  ก็เงินของท่าน อย่าซีเรียส อย่าซีเรียส จากคุณ : พัดยุ้ย (patcharyui) - [ 19 พ.ย. 50 20:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับวิธีคุณหนิงส่ายครับ cutloss ก่อน ถ้าลงไปเยอะๆ ไปซื้อจากข้างล่างทีเดียวครับ ถ้าขาย แล้ววกกลับ ซื้อกลับทันที เสียแค่ค่าคอมฯ ถือคติว่า ขายหมูดีกว่าติดดอย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น่าจะเรียนรู้สถานภาพของตลาดนะครับ ติดตามดูให้รู้แน่ว่าอยู่ในคลื่นไหน แล้วจะไม่หลงทางเด็ดขาด Technical เป็นของจริงครับ คนที่ไม่เอา technical เพราะว่า 1. ไม่เคยศึกษา ได้แต่ฟังผู้ยิ่งใหญ่คนโน้นคนนี้วิจารณ์ 2. ศึกษาแล้วไม่สำเร็จ แล้วโทษวิชา แทนที่จะหันมามองตัวเอง จากคุณ : Davebartus (davebartus) - [ 19 พ.ย. 50 20:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณครับ ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูดสิครับ คำว่า "ไม่ขาย ไม่ขาดทุน" เนี่ย มันเป็นประโยคเด็ด ของนายกคนก่อน สมัย ปลายปี 46 ต้นปี 47 ที่บอกว่า PTT จะไป 300 (ตอนนั้น สองร้อยกว่า ๆ) และที่สำคัญคือ ไม่มีหนังสือ VI เล่มไหนสอนว่า "การซื้อหุ้นใด ๆ ถ้าซื้อแล้วติดดอย ให้คิดซะว่า ถือลงทุน เป็น VI" นะครับ มีแต่พวกเก็งกำไรโง่ ๆ ที่ปลอบใจตัวเองเวลาติดดอยว่า "ถือลงทุน เป็น VI" ไม่รู้แนวทาง Value Investing จริง อย่าเอามาพูดเลยครับ ตลกน่ะ จากคุณ : Morning Star - [ 19 พ.ย. 50 20:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ขายไม่ขาดทุน เอาไว้ใช้ กับหุ้นพื้นฐานดีๆๆซิครับ ไม่มีปัญหา อย่าง PTT ติดดอยงวดไหน มันก็ ทะลุ ดอยเดิมได้ทุกที ถ้าทนถือได้เท่านั้นละ แต่ถ้าเอาไปใช้กับหุ้นปั่น นี่มันไม่ได้ผลนะซิครับ อิอิ จากคุณ : งำงำ มีดบิน - [ 19 พ.ย. 50 20:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณครับ ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูดสิครับ คำว่า "ไม่ขาย ไม่ขาดทุน" เนี่ย มันเป็นประโยคเด็ด ของนายกคนก่อน สมัย ปลายปี 46 ต้นปี 47 ที่บอกว่า PTT จะไป 300 (ตอนนั้น สองร้อยกว่า ๆ) และที่สำคัญคือ ไม่มีหนังสือ VI เล่มไหนสอนว่า "การซื้อหุ้นใด ๆ ถ้าซื้อแล้วติดดอย ให้คิดซะว่า ถือลงทุน เป็น VI" นะครับ มีแต่พวกเก็งกำไรโง่ ๆ ที่ปลอบใจตัวเองเวลาติดดอยว่า "ถือลงทุน เป็น VI" ไม่รู้แนวทาง Value Investing จริง อย่าเอามาพูดเลยครับ ตลกน่ะ เจ๊บน๊อออ... ตรงนี้เลย........."พวกเก็งกำไรโง่ ๆๆ"......... ง่ะ แล้วตกลง หลังจากนั้น PTT ขึ้นไป 300 (ก่อนจะลงต่อในเวลาอันใกล้นี้) ตกลงคำว่า "ไม่ขาย ไม่ขาดทุน" ก็น่าจะใช้ได้อยู่ (สำหรับคนไม่รู้จริง หรือสำหรับพวกเก็งกำไรโง่ ๆ ก็ได้) จากคุณ : พัดยุ้ย (patcharyui) - [ 19 พ.ย. 50 20:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ใช้ก็ได้  งั้นใช้ "มีลง...ต้องมีขึ้น" ยังข้องอีกม๊ะ จากคุณ : ริชแมน - [ 19 พ.ย. 50 21:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอาแบบไหนก็ได้ครับ คนนึงซื้อ ATC ที่ 70.50  บอกไม่เป็นไร ไม่ขายไม่ขาดทุน หุ้นพื้นฐานแบบนี้ใครเขาเอามาเล่นรอบ อีกคนนึงซื้อ ATC ที่  70.50 เหมือนกัน แต่ซื้อแล้วไม่ยอมขึ้น และไม่ยอมซื้อถัวเฉลี่ย เพราะคิดว่าซื้อผิดทาง ไว้รอซื้อใหม่ ยอมขายขาดทุนที่ 69 บาท ไอ้คนหลังนี่มันโง่ เพราะขายไปแล้วขาดทุนจริงๆ   จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ 19 พ.ย. 50 21:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้อรรถรสดีครับ? จากคุณ : CAPCAP - [ 19 พ.ย. 50 21:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ป๋มอยากเป็น VI IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII ตามคุณ morning star ซื้อหุ้นข้างล่างนี่ รับรอง ไม่ขายไม่มีขาดทุน ขอเก็บเงินซัก 20ปี จะซื้อซัก1 หุ้น เท่านี้ก็ได้เป็น VI ได้กระทบไหล่ดาราVI ตัวจริง เอาไว้เบ่งทับชาวบ้าน 11/15/2007 CHARLES T MUNGER Vice Chairman  ขาย 50 หุ้น ขอซักหุ้นไม่ได้หรือเฮีย จะได้เอาไว้คุย............................................... จากคุณ : b n' b (K.nobody) - [ 19 พ.ย. 50 21:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบอกว่า "ไม่ขาย ก็ไม่ได้กำไร" เพราะเราขายเต้าฮวย อยู่นะ จากคุณ : ผ่านมา - [ 19 พ.ย. 50 21:27:23 A:58.9.236.187 X: TicketID:125394 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คน ๆ หนึ่ง มีความสุขที่ตัวเองซื้อ ptt 238 ขาย 244 แล้วซื้อใหม่ที่ 252 เพราะเห็นว่าทะลุแนวต้านที่ตัวเองมองไว้ แล้วพอลง 246 ก็เริ่มทยอยขาย ตามหลักการที่ได้ฟังมา 242 238 รอดูมันนิ่งก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไง ต่อไป แล้วพอวันต่อมาเปิดโดด 244 ก็มาดูกราฟว่าแค่รีบาวด์หรือขึ้นจริง เปิดเวบบอร์ด อ่านบทวิเคราะห์ และวันต่อมา ptt ก็เปิด 252 คนอีกคนหนึ่ง ซื้อ ptt ด้วยราคาเดียวกับคนแรก 238 และถือถึงวันนี้ ก็คงจะมีคนไปถามเขาว่าทำไมไม่รู้จักขายที่ 440 นะแหละ ไม่รู้จะตอบยังไง ดีเหมือนกัน คนอีกคนหนึ่งซื้อ tmb ไว้ 3บาทเศษ และถือจนถึงวันนี้ บอกกับตัวเองว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน ถามว่าเขาต่างจากคนที่สองอย่างไร วอเรนคงไม่ได้สอนให้ในพอร์ทมี sam ever tmb iec จากคุณ : umdadevil - [ 19 พ.ย. 50 21:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ ไม่ ไม่ จากคุณ : sandee.kung - [ 19 พ.ย. 50 21:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ช่วงนี้ต้อง" ไม่ซื้อไม่ขาดทุน "ครับ จากคุณ : Harami - [ 19 พ.ย. 50 21:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พักนี้ว่าจะโพสต์ให้น้อยลง  เนื่องจาก 3 เดือนที่ผ่านมา  ผมใช้เวลาไปกับการเล่นเว็บบอร์ดวันหนึ่งหลายชั่วโมง  จนเบียดบังเวลางาน  แฟน  ครอบครัว   ค้นหาหุ้นใหม่  และอ่านหนังสือ  แต่คราวนี้ขอแค่นิดหน่อยด้วยการเอาความเห็นเก่ามาลงแล้วกันครับ ..................................................................... ความเห็นจากกระทู้เก่า พอติดหุ้น  เรียกตัวเองว่า VI จำเป็น  เพราะอย่างนี้แหละจึงทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด  มองว่าลงทุนแบบเน้นคุณค่าไม่รู้จักขาย  เลยทำให้ติดหุ้น โดยเนื้อแท้แล้ว VI ก่อนซื้อหุ้นสักตัว  เค้าจะเริ่มจากการวิเคราะห์บริษัท  ประเมินราคาที่เหมาะสม  หาราคาที่จะซื้อแล้วปลอดภัย หรือมี Margin of Safety  แล้วเอาราคาตลาดมาเปรียบเทียบ  หากราคาตลาดอยู่ใกล้  หรือต่ำกว่า  MOS  ก็ตัดสินใจซื้อ  แต่หากสูงกว่า MOS มาก หรือใกล้/เกินมูลค่าที่เหมาะสม  ก็ยังไม่ซื้อ  และรอต่อไปจนกว่าจะมีการลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ VI มีต้นทุนต่ำ  เวลาผิดพลาดความเสียหายน้อย  แต่หากเป็นไปตามคาด  หรือดีกว่าคาด  ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดมาก ตอนขาย  คือตอนที่ราคาตลาดเกินพื้นฐานของหุ้น  สำหรับนักลงทุนบางคนหลงเข้าใจผิด  คิดว่าควรเป็นจังหวะที่น่าเข้าซื้อหุ้น  หลังจากซื้อแล้วเกิดราคาลง  ไม่อยากคัดลอส  ถือต่อไป  แล้วมาประกาศให้คนอื่นรับรู้ว่าข้าพเจ้าลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) จากคุณ : GS Mobile   - [ 18 พ.ย. 50 07:49:07 ] ..................................................................... บัฟเฟตต์ขายหุ้นเพราะอะไร ? ผมว่าคุณกลับไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับบัฟเฟตต์หลายๆ เล่ม  แล้วค่อยมาสรุปให้คนอื่นฟัง (อ่าน)  อีกครั้ง  คำตอบของคุณน่าจะเปลี่ยนไปจากตอนนี้ ..................................................................... บอกตามตรงว่าพอร์ตผมตอนนี้มีมูลค่ามากกว่าตอน SET Index 925 จุดครับ  เพราะอะไรนะหรือ ?  ตอนตลาดขึ้นแรงๆ นักลงทุนส่วนใหญ่มุ่งหน้าสู่หุ้น Big cap. กันหมด  แต่พอตลาดไม่ได้ขึ้นแรงๆ หรือเริ่มปรับฐานแรงๆ หลายๆ คนที่มองแต่หุ้นขนาดใหญ่  เริ่มคิดว่ามันไม่น่าจะไปต่อได้  ก็จะเริ่มเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นด้วยการคัดสรรมากขึ้น  นี่จึงเป็นเหตุทำให้มีหุ้นที่สามารถยืน  หรือราคาสวนตลาดโดยรวมได้ครับ และก็บอกกันตรงๆ อีกว่า  ช่วงหุ้นขึ้นเป็นร้อยจุด  มูลค่าพอร์ตผมมันวิ่งแพ้ตลาดครับ  อย่างที่บอกเพราะเงินของคนส่วนใหญ่ในตลาดไหลเข้าสู่หุ้น Big cap ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 ผลตอบแทนของพอร์ตผมชนะตลาด (SET) แบบไม่เห็นฝุ่น  พอครึ่งปีหลัง (เริ่มนับ 1 ใหม่) ผมตอบแทนของพอร์ตผมแพ้ตลาดหลายช่วงตัว  มาเดือนนี้แหละที่เริ่มวิ่งไล่ทันผลตอบแทนตลาด แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 50 22:14:42 จากคุณ : GS Mobile - [ 19 พ.ย. 50 22:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว ลืมชื่อบริษัท (ยังงี้จะเป็น VI ได้ไง) Berkshire Hathaway Inc Del ราคา 136,050 USD -425 ณ22.00น.เวลาเมืองไทย PE Ratio 19.10 จากคุณ : b n' b (K.nobody) - [ 19 พ.ย. 50 22:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ช่วยกันลบคคห.23 อุบาทว์ข้างบนนี่หน่อยครับ จากคุณ : แท็กซี่นิรนาม - [ 19 พ.ย. 50 22:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หุ้นแบบนั้น VI ขนานแท้เขาไม่ซื้อกันตั้งแต่แรกแล้ว อย่างของผมซื้อมาตั้งแต่ต้นปี(ตอน Panic) ขึ้นมาสูงสุดเมื่อเดือนที่แล้ว +102% ตอนนี้ตกมาเหลือ +80% ผมก็ยังไม่ขายอยู่ดี รักจะเป็น VI ต้องรู้จักซื้อตอนที่คนเขายังไม่เห็นค่าครับ ถ้าเป็นใครที่เข้ามาตอนมันสูงสุดแล้วบอกว่าไม่ขายไม่ขาดทุนผมว่าไม่ใช่ VI แล้วล่ะ จากคุณ : Nexus - [ 19 พ.ย. 50 22:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มีคนไม่เข้าใจ VI เยอะ จากคุณ : Rey Elessar - [ 19 พ.ย. 50 22:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ้าว ไม่ทันอ่าน คคห. 23 คุณ GSMobile แจกแจงได้ดีมากครับ ขอปรบมือให้ ผมว่าเราอย่าไปยึดติดแนวใดๆเลย ขอให้มีความรู้หลากหลาย เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ดีกว่า จากคุณ : davebartus - [ 19 พ.ย. 50 22:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตั้งแต่เข้ามาสินธรชอบแนวคิดคุณปลานิลจิ๋ว จากคุณ : 1414 - [ 19 พ.ย. 50 22:53:48 A:58.9.169.95 X: TicketID:152477 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต้องดูเป็นรายตัว หุ้นหลายๆตัวการลงมาเป็นดอกาสในการซื้อเพิ่ม จากคุณ : เล่นรอบ - [ 19 พ.ย. 50 22:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใช้ได้ แต่ควรใช้ประโยคอื่นด้วย เช่น Cut Loss ไม่เจ๊งหนัก ครับ ไม่ยอม Cut Loss ปล่อยให้ตกไปเรื่อย ๆ ก็งอมพระรามสิครับ จากคุณ : DD - [ 19 พ.ย. 50 23:16:37 A:210.203.179.171 X: TicketID:100823 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเล่นหุ้น(เรียกว่าลงทุนก็ได้) ไม่ว่าคุณจะนั่งถอดงบทำprojectionไปอีกห้าปีข้างหน้าจนมั่นใจ หรือหาหุ้นรายวัน ตามเวปบอร์ด ไม่ว่าคุณจะขายเร็ว ขายช้าหรือไม่ขาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นพื้นฐาน หรือหุ้นเก็งกำไร ไม่ว่าจะเป็น Blue chip หรือ หุ้น ตัวละบาท ขอให้ทำบัญชีแล้วกัน ขึ้เกียจทำทุกเดือน ก็ทุกสามเดือน หรือทุกปี บรรทัดสุดท้ายจะบอกคุณเอง ถ้ามันเป็นบวก ก็ทำต่อไปเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย ว่ามันจะถูกเรียกว่าอะไร จากคุณ : b n' b (K.nobody) - [ 19 พ.ย. 50 23:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้างั้นก็ต้องเลิกด้วย กับคำว่า "ขายทำกำไร" จากคุณ : ปอ - [ 19 พ.ย. 50 23:38:06 A:58.64.54.74 X: TicketID:121219 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กำลังศึกษาทั้งแนว VI และ แนวเทคนิก พอดีเรียนมหาลัย จบสาขาที่เค้าเรียกเป็ด ก็เลยจะลงทุนแบบเป็ดครับ รู้ทุกอย่างครึ่งๆกลาง ตอนนี้ติดดอย ATC ที่ 73.6 (โฮะๆ ซื้อเฉลี่ยนขาลง ใจกล้าสุดๆ) กะลังหาทางเอาคืน เลยเก็บเงินสดไว้ รอสัญญาณซื้อ แต่ถ้าไม่ได้ 61 ก็จะขายทิ้ง แบบเจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ ฮือๆ ก็ซื้อมาแพง ฮะๆ ปล. เพิ่งเล่นหุ้นได้ 3-4เดือน ตอนนี้กำไรกะลังจะหมดไป กิ๊วๆๆๆ จากคุณ : นายแม้นFibo - [ 19 พ.ย. 50 23:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมไม่ได้ว่ากลุ่มคนที่เล่นแบบเก็งกำไร เป็นพวกโง่นะครับ อย่าเข้าใจผิด ใครอยากจะเล่นอะไร แบบไหน VI VS VSOP ขอแค่ลงไปแล้ว ได้คืนมามากกว่า มันก็พอแล้วล่ะครับ แต่พวกที่เล่นเก็งกำไร หวังจะเอาเงินโดยไม่รู้อะไรเลย แล้วพอติดหุ้นติดดอย แล้วก็อ้างเพื่อปลอบใจตัวเอง พูดง่าย ๆ ว่าไม่ยอมรับความผิดพลาด ว่า "จะขอเป็น VI ลงทุนระยะยาว" นี่แหละ ที่ผมว่าเป็นพวกเก็งกำไร "โง่ ๆ" เอาแนวทางที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่ศึกษา มาเป็นจำเลย แก้ต่างความไม่รู้ไม่ยอมรับ จะสมควรด่าว่าอะไรล่ะ คุณคิดว่า มีกี่คนที่แก้ตัว "จะขอเป็น VI ลงทุนระยะยาว" เข้าใจความหมายของคำว่า "มูลค่าที่แท้จริง" ?? ที่พูดไป ก็อยากให้สังคมสินธร อยู่รอดปลอดภัยจากบรรดา "เจ้ามือ" ซะบ้าง อาจพูดแรงไปก็ขออภัย แต่เบา ๆ ก็คงไม่มีใครจำ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 00:13:49 จากคุณ : Morning Star - [ 20 พ.ย. 50 00:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มีแต่ VI ทั้งนั้น ไม่มีเก็งกำไรแบบผมมั่งหรือ  แบบนี้คงไม่มีใครอ่าน The Zurich Axioms เล็งให้แม่น เก็งให้รวย ลุ้นทุกวันก็มันดีนะ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 00:20:10 จากคุณ : Teekaze - [ 20 พ.ย. 50 00:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ 34 คล้ายๆผมเลย ติดดอยเหมือนกัน ไม่รู้เรียนที่เดียวกันหรือเปล่า จากคุณ : tHeNuT - [ 20 พ.ย. 50 00:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38 - จากคุณ : ProSky - [ 20 พ.ย. 50 01:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ขอนอกเรื่องหน่อย อยากรู้ว่า น้องแว่น คนบนสุด ชื่ออะไรครับ น่ารักมากมาย จากคุณ : seun - [ 20 พ.ย. 50 01:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 20 พ.ย. 50 01:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นVIต้องซื้อหุ้นตอนราคาต่ำกว่าพื้นฐานเท่านั้น ซื้อแล้วลงต่อ ถ้ายังคิดว่ายังดีอยู่ก็ต้องไม่ขายและหาทางซื้อเพิ่มครับ แต่ถ้าเล่นรอบหรือเก็งกำไรถ้าขาดทุนก็ต้องขายรอรอบใหม่ครับอย่ามาปนกัน ถ้าเป็นVIจริงๆตอนเขาไม่ไล่ราคาหุ้นในราคาสูงนะครับ เพราะต้องซื้อหุ้นที่ราคาตำกว่าพื้นฐาน ไม่เหมือนพวกเล่นรอบหรือเก็งกำไร ซื้อสูงเพื่อจะขายสูงกว่า จากคุณ : พ่อน้องนา - [ 20 พ.ย. 50 04:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 to TheNut ผมเรียนจบแถวๆภาคิสานนะ หลายปีมาแล้วล่ะ ตอนนี้ก็สำนึกรักบ้านเกิดกลับมาทำงานแถวบ้าน ฮะๆ เพิ่งหัดลงทุน เริ่มต้นก็เจ็บซะ แต่ไม่กลัว(สายป่านยาว แต่บาง ฮา) ไอ้เรื่องที่เราจะเรียนที่เดียวกันหรือเปล่าไม่ทราบได้นะครับ โฮะๆๆ, ถ้าชอบพวกสถิติ แล้วแว๊บไปดูการจัดการองค์กรณ์ ก็ไม่แน่นะ อาจจะแนวเดียวกัน แบบเป็น เด็กแนวอ่ะ จากคุณ : เจ็บแผล (นายแม้นFibo) - [ 20 พ.ย. 50 06:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเห็นด้วยกับ จขกท ว่าเลิกหลอกตัวเองซักที ถ้าผิดแล้ว ต้องยอมรับผิดครับ ไม่ว่าจะ VI, VS หรือ VSOP จุดแตกต่างคือ VS มองราคา แต่ VI มองผลการวิเคราะห์พื้นฐานกิจการ หลายๆครั้งราคาลง แต่พื้นฐานกิจการเป็นไปตามคาด VI ถือต่อ จนถึงซื้อเพิ่ม นี่เป็นข้อเข้าใจผิดของคนอื่นๆว่า VI เก็บอย่างเดียว ไม่มีคัทลอส ไม่มีขาย ไำม่จริงครับ เป็น VS เก็งขึ้นแล้วไม่ขึ้นก็ต้องทิ้ง เป็น VI วิเคราะห์ผิดก็ต้องทิ้ง การทนทู่ซี้ บอกว่าไม่ขายไม่ขาดทุน มันแค่หลอกตัวเองไปวันๆ ถ้าีราคาไม่ไปอย่างที่คิด ถ้าพื้นฐานไม่ได้ดีอย่างที่คาด เหตุผลอะไรที่ถือมันอยู่ครับ? จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 20 พ.ย. 50 09:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ชาว vi ไม่เคยพูดว่า ไม่เคยขายหุ้นนะครับ.. ชาว vi จะขายหุ้น ครับ แต่จะขายเมื่อมันเกินมูลค่าของมันครับ หรือจะขายเมื่อ เจอหุ้นตัวไหม่ที่คิดหามูลค่าหรือศึกษาธุรกิจของมันแล้ว ดีกว่าตัวเก่าแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์   ถึงแม้จะขาดทุนก็ขายนะครับ  นะครับ  และถามว่าการที่ว่าทำไม vi ไม่ขายหุ้นนั้น เพราะว่าเขาศึกษาหุ้นมาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นฐานบริษัท ผู้บริหาร งบการเงิน ความเจริญเติบโตของบริษัท  .. VI ศึกษาหุ้นเสมือนว่าตัวเขาจะเขาไปเป็นเจ้าของบริษัทนั้นจริงๆ เมื่อทุกสิ่งอย่างเขาแน่ใจว่าดี เขายังมีการให้ ความปลอดภัย ของมูลค่าของหุ้นอีก ถึงเขาจะซื้อหุ้นตัวนั้น ..จากที่ผมกล่าวมานั้นเป็นหลักการณ์อย่างคราวของ VI นะครับ .. ดั้งนั้นด้วยปัจจัยที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้ VI ถึงกล้าที่ถือหุ้นนั้นนาน ๆ ถึงแม้จะขาดทุน ..  ดั้งการที่เราจะกล่าวอ้างคำใด ผมว่าควรที่จะศึกษาข้อมูลก่อนนะครับ .. แนวทางแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับบุคล ...แต่ละอย่างมันมีดีและไม่ดีอยู่ในตัวของมันเอง ..แต่ขอว่าก่อนที่จะกล่าวอ้างใดๆ จงศึกษาข้อมูลก่อนนะครับ.. จากคุณ : 'ronny'2 - [ 20 พ.ย. 50 10:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คนข้างบ้านขายก๋วยเตี๋ยว ถัดไปขายข้าวราดแกง ส่วนเราขายของโชห่วย เราต่างมีกิจการที่แตกต่างกันแต่เป้าหมายของแต่ละคนคือกำไรในกิจการที่ตัวเองทำ รายละเอียดต่างกัน ผลที่ได้ก็แตกต่างกันแต่เรากลับพยายามเอามาเปรียบเทียบกัน ผมว่ามันหาข้อสรุปไม่ได้หรอกนะ ว่าการค้าของใครดีกว่ากัน หากทำดีๆก็กำไร รวยกันทุกร้าน รวยในที่นี้คือคนในครอบครัวของแต่ละคนมีความสุข มีปัญญาส่งลูกเรียนจนจบ มีปัญญาที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิต รวยของแต่ละคน..เราก็ทำมันขึ้นมาในรูปแบบของเราเอง แต่อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน คงไม่ตื่นมาแล้วยืนเถียงกันหน้าร้านว่ากิจการใครดีกว่ากัน แต่ควรจะต่างคนต่างทำหน้าที่และยังคงมีมิตรภาพของความเป็นเพื่อนบ้านกันดีกว่านะ จะ V อะไรก็ตาม ผมมองว่าเป็นประโยชน์หมดเลยนะสำหรับนักลงทุน มีข้อคิด มีจุดเด่นจุดด้อยให้แต่ละคนคิด หากเรามองว่าทุกคนเป็นเพื่อน เราอยากเห็นเพื่อนทุกๆคนกำไรในการลงทุนทุกๆคน เวลาที่คนข้างบ้านทำบุญบ้านเราก็ทำอาหารไปร่วมในงาน เช่นเดียวกัน หากเพื่อนเราคนนึงกำไรเยอะเราก็ดีใจด้วย แต่หากจะพลาดหรือคนข้างบ้านทำการค้าขาดทุน เราก็คอยถามว่า "มีอะไรให้ช่วยไหม" หรืออย่างน้อยๆก็ไปเป็นลูกค้าซื้อข้าวซื้อของ ช่วยกันอุดหนุนมากขึ้น ผมว่าในใจลึกๆของหลายๆคนแบ่งพรรคแบ่งพวก อิจฉา ริษยา หากยังคงมีความคิดแบบนี้ ก็เหมือนเราปิดประตู ก่อกำแพงปิดความคิดดีๆที่อยู่อีกด้าน มิตรภาพของคนข้างบ้านก็จะหายไป บ้านติดกันยังไม่ยอมพูดจากัน ไปหาทางว่าจะทำอย่างไรให้กิจการของตัวเองอยู่ได้ดีกว่านะ เขียนเรื่องแบบนี้ทีไร ปวดหัว !!! เพราะเอาแต่เรื่องผลประโยชน์มาคิดเปรียบเทียบกัน มันไม่มีข้อสรุปหรอก แต่หากเอาคำว่า "มิตรภาพ" มาคิด ผมสรุปได้เดี๋ยวนี้เลยว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง พอหมดหน้าที่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันต่อ จากคุณ : rockriverarms - [ 20 พ.ย. 50 10:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แล้วแต่ความสบายใจครับอยากใช้เทคนิคไหนก็ได้ครับแค่คิดแล้วสบายใจก็พอ จากคุณ : kkwta - [ 20 พ.ย. 50 10:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คำว่าไม่ขายไม่ขาดทุนเนี่ย มันใช้กับหุ้นปันผลน่ะครับ สมมุติว่า คุณซื้อ PTT มาแล้วนั่งฝันในใจว่า เงินปันผลปีนี้จะได้ประมาณ 20 บาทหลังหักภาษีแล้ว (จ่ายครึ่งปีๆ ละประมาณ 10 บาท) ราคาที่คุณซื้อก็สมมุติว่า 400 นั่นคือคุณจะได้ ปันผล 5% ของเงินลงทุน ... เกิดรัฐบาลห่วยแตก เศรษฐกิจไม่ดี เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งทุกปัจจัยทำให้หุ้นลง เหลือ 350 หรือต่ำกว่านั้น .. .แต่ คุณยังคิดว่ามันจะจ่ายปีละเท่ากับที่คุณคิด นั่นคือคุณไม่ขาดทุน เมื่อไม่ขาย ... เพราะคุณยังได้ 5% จากปันผลอยู่ครับ แต่กรณีนี้เอามาใช้ไม่ได้กับหุ้นปั่น เพราะมันไม่จ่ายปันผล และคุณก็ไม่รู้เมื่อไร่มันจะดีขึ้น และเมื่อไร่ราคามันจะขึ้นด้วย เหมือนกับว่ารอแบบไม่มีความหวังน่ะครับ จากคุณ : [-PaPer-]Gts - [ 20 พ.ย. 50 10:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถึงเป็น vi แต่ถ้าราคาลงเพราะพื้นฐานเปลี่ยนแล้วไม่เห็นโอกาสกลับมาได้ก็ต้องขายล่ะครับ แต่ถ้าราคาที่ถือยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงถึงจะเป็นยอดเขาเอเวอเรส ก็ไม่ขายครับ ศรีทนได้ จากคุณ : ภัท (pattaratorn) - [ 20 พ.ย. 50 10:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบใจหัวข้อ กระทู้ เลยแวะเข้ามาดู อยากแถมอีกหัวข้อ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นอกจากหลอกลวงตนเองยังถ่วงความเจริญของชาติได้ด้วย 5566 5566 จากคุณ : nowya - [ 20 พ.ย. 50 21:40:51 A:58.8.189.117 X: TicketID:112031 ]