ความคิดเห็นที่ 1 เทคนิค อาจใช้ meta stock ช่วย มันมี  ปุ่ม expert ซึ่ง สามารถ คอมเมนต์ หรือให้คำวิจารณ์ แต่ มัน เป็นภาษาอังกฤษ แบบง่าย ๆ การลงโปรแกรมง่าย ๆ แล้ว download ข้อมูลซื้อขายเข้ามาอีกที ฟังเหมือน ยาก แต่มันง่ายมากเลย ลองเล่นดู นะครับ จากคุณ : KU_EE - [ 27 พ.ย. 50 20:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อาจจะยาวหน่อย และก็อธิบายไม่ค่อยเก่งแต่อยากแชร์ความรู้ รูปแบบของแต่ละคนอาจไม่หมือนกัน เอาในแง่ของหุ้นที่จะเล่นรอบนะ 1. ต้องมีสภาพคล่องในการซื้อขาย เช่นหุ้นบลูชิบ,ไฟแนนซ์,รับเหมา เป็นต้น เลือกเฉพาะตัวนำของแต่ละกลุ่มก็พอแล้ว เช่น Kest,Bls,Asp,Kgi ของกลุ่มไฟแนนซ์ Scb,Kbank,Bay ของกลุ่มธนาคาร Ptt,Pttep,Banpu,Top RRC,Lanna ของกลุ่มพลังงาน TTA,Psl กลุ่มเรือ Pttch,Atc กลุ่มปิโตรเคมี Ums,Uec,Trc จาก Mai , Advanc กลุ่มสื่อสาร, Itd,Stec,Ck กลุ่มรับเหมา Lh,Ap,Lpn,Spali กลุ่มสร้างบ้าน 2. พื้นฐานพอใช้-ดี แต่ไม่ค่อยเติบโตนัก ถ้าจะให้ดีเลือกแบบมีกำไรสม่ำเสมอ เนื่องจากหุ้นแบบนี้โดยมากจะขึ้นๆลงๆ ไม่ขึ้นตลอดหรือลงตลอด 3. ใช้สัญญานทางเทคนิกแบบง่ายๆ เช่น MACD,RSI,BOLINGER BANDS ในการหาจังหวะซื้อ-ขาย เตรียมซื้อเมื่อหุ้นเริ่ม Oversold ให้ดู RSI และ Bolinger bands และเตรียมขายหุ้นเมื่อเข้าสู่เขต Overbought 4. กำหนดจุดคัทลอสไม่เกิน 3% การซื้อหุ้น ต้องมีซื้อแล้วลง 5. Let Profit Run โดยการเลื่อนจุดคัทลอสขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงแม้หุ้นนั้นจะเข้าเขต Overbought แล้วเพราะช่วงนี้หุ้นจะขึ้นเร็ว แต่ให้เตรียมพร้อมที่จะขาย 6. ต้องมีเวลาในการตามสภาวะตลาดบ้าง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเฝ้าหน้าจอ หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่บ้างนะครับถ้าใครอยากถามเพิ่มเติมก็เชิญได้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 50 05:57:01 จากคุณ : เล่นรอบ - [ 27 พ.ย. 50 21:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ของผมนี่ ถ้าจะเล่นหุ้นผมดู 3 อย่างครับ 1.Fundamental (of Company) 2.Technical (of Stock) 3.Sentiment (of Market) หุ้นที่จะเล่น ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเหมาะสมครับ แต่หลักการใหญ่ๆที่ใช้คือ 1.เราซื้อหุ้นเค้า ไม่ได้ซื้อบริษัทเค้า ดังนั้นหุ้นก็คือหุ้น บริษัทก็คือบริษัท ไม่จำเป็นเสมอไปว่าบริษัทที่ดีจะมีหุ้นที่ดี และ ถ้าบริษัทแย่ หุ้นต้องแย่ตาม หุ้นแต่ละกลุ่มหรือแม้แต่ละตัว มีปัจจัยต่อราคาแตกต่างกัน รู้ให้เยอะแต่ไม่ต้องรู้มาก จะได้มีความมั่นใจในการซื้อขาย 2.ถ้าจะทำกำไรจากหุ้น คุณต้องมีหุ้นติดพอร์ตไว้ตลอดเวลา หุ้นแต่ละตัวมีรอบของมัน 3.หุ้น ซื้อมามีไว้ขาย ไม่ได้มีไว้เก็บ ยกเว้นว่าคุณรวยมาก มีเงินเหลือและอยากจะเก็บ (ลืม) เอาไว้ในรูปแบบของหุ้น ซื้อแล้วหุ้นต้องขึ้น ขายแล้วหุ้นต้องลง 4.กำไรมีทั้งในรูปแบบของเงิน, ในรูปแบบของหุ้น และในรูปแบบของความรู้สึก ขาดทุนก็มีทั้งรูปแบบของเงิน, ในรูปแบบของเวลา และก็ในรูปแบบของความรู้สึกเช่นกัน 5.วอลุ่มสำคัญมากกว่าราคา ข่าวลือกระทบมากกว่าข่าวจริง 6.อย่าลืมดูข่าวใน http://www.set.or.th ก่อนตัดสินใจซื้อขาย 7.ให้ทะยอยซื้อ ทะยอยขาย มีเงินเท่าไหร่ ซื้อหุ้นมากสุดครึ่งเดียวพอ อีกครึ่งเผื่อฉุกเฉิน อยากซื้อได้เยอะๆ ให้ขยันทำงานมากขึ้น หรือไม่ก็หาวงเงินเพิ่ม อีกเยอะครับ นึกไม่ออกแล้ว ^^" จากคุณ : Bomb308 - [ 27 พ.ย. 50 21:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นึกออกแล้วครับ เรื่องสำคัญเลย 8.ผิดก็คือผิด ไม่มีใครซื้อหุ้นแล้วได้ ทำนายถูกต้องทุกอย่างหรอกครับ นอกจากคนขี้โกหก แต่การโกหกไม่ใช่เรื่องเสียหาย นอกจากจะเป็นการโกหกตัวเอง ดังนั้นผิดทางต้องยอมรับ ขายขาดทุนไม่ใช่เรื่องเสียหาย (ทีได้กำไรล่ะ ^^) เล่นหุ้นมีโอกาสได้กำไรเท่ากับโอกาสขาดทุน หุ้นที่ลงแรงและเร็ว (ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของ Fundamental นะ) ก็มีสิทธิ์ขึ้นแรงและเร็วได้เท่าๆกัน ในทางกลับกันก็เช่นกัน อะไรที่ขึ้นแรงๆ ก็สามารถจะลงแรงๆได้เหมือนกัน และเป็นอะไรที่แน่นอน จากคุณ : Bomb308 - [ 27 พ.ย. 50 22:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอ bookmark ไว้อ่านเป็นความรู้สำหรับมือใหม่ครับ จากคุณ : justiriuz - [ 27 พ.ย. 50 22:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากประสบการณ์ผมนะ เจอเซียนหุ้นที่เล่นได้กำไรจนรวยนั้นมาสิบกว่าคน วิธีการและรูปแบบการเล่นต่างกันไปครับผมจะขอจัดรูปแบบการเล่นของคนเหล่านั้นที่เจอมานะครับ 1. พวกเล่นสั้น....จนถึงสั้นมาก พวกนี้ถือของไม่เกิน 1 สัปดาห์ ใช้เทคนิคแทบจะล้วนๆ เขามีทฤษฎีว่าแม้ตลาดจะเป็นขาขึ้น แต่หุ้นจะขึ้นลงไม่พร้อมกัน ดังนั้นเขาจะใช้เทคนิคจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาเป็นหลัก พื้นฐานหุ้นไม่สนใจเท่าไร ถ้าหุ้นตัวไหนในทางเทคนิคมีท่าทางจะขึ้น เขาจะลุยซื้อทันที พอได้กำไรประมาณ 10-20% เขาก็จะออกของ บางทีกำไรแค่ 5% เขาก็ออกของแล้ว แต่ถ้าผิดพลาด เขาจะตัดขาดทุนทันที %ของจุดstop loss นั้นจะน้อยมาก อาจจะแค่ 2-3%เท่านั้น และถ้าหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลง เขาจะหยุดเล่นแล้วออกจากตลาดทันที ส่วนพวก day trade ที่เคยเจอนั้น เขาจะเล่นเทคนิคได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอย่างที่คิด แต่ผมเห็นเขาสามารถมองจอเทรดดูการตั้งบิทออฟเฟอร์ได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง เขาสามารถบอกผมได้ว่าแบบนี้จะขึ้นแล้วนะแบบนี้จะลงแล้วนะ 10 ครั้งที่ทาย เขาถูกต้องถึง 7 ครั้งได้(โดยประมาณ) ซึ่งเคล็ดลับตรงนี้ผมไม่เข้าใจเลย จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 22:22:27 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 7 2. พวกเล่นรอบที่อยู่ราวๆ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน พวกนี้ส่วนมากที่ผมเจอจะเล่นเทคนิคเก่งพอตัวเลยทีเดียวครับ เขาจะเริ่มสนใจพื้นฐานหุ้นเพื่อใช้ในการคัดเลือกบ้าง แต่ก็ไม่เน้นมากนัก ส่วนมากมักจะเล่นหุ้นที่มีโวลุ่มการซื้อขายสูงๆ หุ้นในเทรนที่กำลังไล่ราคากันแรงๆ เขาใช้เทคนิคเพื่อการหาจุดต่ำสุดของรอบในการเข้าเก็บและหาจุดสูงสุดของรอบในการขาย เห็นว่าส่วนมากมักจะทำตัวเป็นชาวสวนกันแต่ก็ไม่ได้รีบร้อนสวนน่ะครับ เขารอจนเครื่องมือทางเทคนิคบอกว่าต่ำมากพอแล้วเขาจึงทำการเก็บ เห็นใช้จุด stop loss โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคตัดสินใจ กรณีตลาดเปลี่ยนเป็นขาลงแน่นอน เขาจะตัดขาดทุนแล้วออกจากตลาดไป (ด้วยนิสัยการเก็บหุ้นเป็นรอบแบบนี้มีโอกาสสูงมากที่เขาเก็บหุ้นในสภาพตลาดขาลงแล้วติดหุ้น ดังนั้นที่ผมเห็น พอพวกเขามั่นใจว่าตลาดเป็นขาลงแน่นอนแล้วเขาจะตัดขาดทุนแล้วออกจากตลาดไปทันทีเพื่อรักษากำไรที่ได้ในช่วงขาขึ้นครับ) พวกเขาไม่พยายามเล่นขาลง จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 22:30:50 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในแง่ของหุ้นเก็งกำไร 1. หุ้นต้องมีโวลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นที่มีโวลุ่มเข้าเป็นวันแรกๆ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานดีแบบหุ้นที่จะเล่นรอบ และโดยส่วนมากหุ้นเก็งกำไรมักจะมีพื้นฐานไม่ดีนักหรืออาจจะขาดทุน 2. หุ้นต้องมีสตอรี่ เช่น แจกวอร์แรนต์,ได้พันธมิตร เป็นต้น 3. มีจุด Stop loss สำคัญที่สุดสำหรับหุ้นเก็งกำไร 4. Let Profit Run ต้องกล้ากินคำใหญ่ 5. ใช้กราฟราย 5-30 นาที ในการช่วยตัดสินใจ 6. ต้องมีเวลาเฝ้าหน้าจอ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 50 05:57:26 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 22:34:12 จากคุณ : เล่นรอบ - [ 27 พ.ย. 50 22:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 3. พวกเล่นรอบ 1- 3เดือน ผมจะเป็นพวกเล่นในรอบแบบนี้ครับ ได้กำไรในหุ้น 20-30%แล้วออก ผมจะตัดขาดทุนที่ 10% (จุด stop loss ของผมค่อนข้างไกล) ซื้อขายกันไม่ค่อยบ่อยนัก สนใจพื้นฐานหุ้นพอสมควรครับ ใช้เรื่องพื้นฐานในการตัดสินใจก่อนทำการซื้อขาย เทคนิคมีไว้ใช้หาจุดรับและจุดขาย ผมจะเลือกใช้เส้น MA 25 วันและ 25สัปดาห์เป็นจุดรับของ แต่บางทีก็ใช้เส้น 75 วันก็มีขึ้นอยู่กับโอกาส ชอบเล่นหุ้นที่มีโวลุ่มดี พื้นฐานแกร่ง บางครั้งรอรับเงินปันผลด้วย(แม้มันจะลงมาบ้างแต่ไม่นานก็ดีดกลับ และในบางครั้งก็ได้ปันผลฟรีเลยก็มี) วิธีเล่นแบบนี้ต้องเป็นคนใจเย็นและรอได้พอสมควรเลยครับ พอหุ้นเปลี่ยนเป็นช่วงขาลงจะหยุดเล่นแล้วออกจากตลาดไปเลย หรือ ไม่ก็เปลี่ยนไปเล่นฟิวเจอร์และออปชั่นในขาลงแทน งบการเงินบริษัทและอัตราส่วนทางการเงินขิงบริษัท สนใจในระดับหนึ่งครับ จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 22:38:42 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในแง่ของหุ้นที่ซื้อลงทุนระยะยาว 1. ผู้บริหาร+เจ้าของ มีธรรมมาภิบาล 2. กิจการมีกำไรติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงที่มีวิกฤต 3. กิจการมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มองอนาคตในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ก็ยังมั่นใจว่ายังสามรถทำกำไรได้ต่อเนื่อง ดังนั้นลักษณะของธุรกิจไม่ควรซับซ้อนเกินไปจนยากแก่การทำความเข้าใจ 4. กิจการมีการเติบโตของรายได้และกำไรมาตลอด และยังคาดว่าจะยังมีการเติบโตได้ต่อไป 5. ซื้อในเวลาที่คนยังไม่สนใจมากนัก เช่น ยังไม่มีบทวิเคราะห์,คนแนะนำซื้อยังน้อย 6. ราคาที่ซื้อต้องมี Margin of Safety ดังนั้นหลายๆครั้งมักจะซื้อได้ตอนตลาดแพนิก ส่วน MOS หายังไง อันนี้ก็แล้วแต่การประเมินของแต่ละคน 7. มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 8. มีหนี้บ้างแต่ไม่มากเกินไป เดี๋ยวกำไรจะถูกดอกเบี้ยแย่งไปหมด 9. ไม่ต้องติดตามหุ้นทุกวัน ทำงานประจำก็ใช้แนวทางนี้ได้ แต่ต้องมีเวลาในการติดตามงบการเงิน,รายงานประจำปี เพื่อจะรู้ว่ากิจการยังเป็นไปตามที่ศึกษาไว้หรือไม่ 10. ขายเมื่อราคาขึ้นไปเกินพื้นฐาน หรือ มีหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า หรือ เมื่อกิจการมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานไปจากที่ศึกษาไว้ รายละเอียดเพิ่มเติม เชิญที่ Thaivi.com สำหรับท่านที่สนใจแนวทางนี้ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 22:53:53 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 22:53:24 จากคุณ : เล่นรอบ - [ 27 พ.ย. 50 22:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้นี้สุดยอดจริงๆครับ ... ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแนะนำ จากคุณ : Duckcovery - [ 27 พ.ย. 50 22:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเล่นแบบ pure technical ครับ ดูกราฟอย่างเดียว ก็ดู price pattern ดู volume ดู trend แล้วก็ดู indicators ครับ ตามนี้ จากคุณ : แท็กซี่นิรนาม - [ 27 พ.ย. 50 22:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 4. พวกเล่นหุ้นระยะกลาง พวกนี้จะซื้อขายในรอบ 6 เดือนถึง ปีกว่าๆครับ อาจารย์ผมเป็นพวกเล่นกลุ่มนี้ครับ ยกตัวอย่างคราวใกล้ที่เราเข้าใจกันได้ง่ายนะครับ ถ้าเป็นอาจรย์ผม คราววิกฤติ 30% จบ ท่านจะเข้าเก็บของโดยเลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง โวลุ่มสูงๆไว้ก่อน เน้นนะครับว่าคนกลุ่มนี้สนใจพื้นฐานของหุ้นเป็นอันดับแรกสุด เทคนิคตามมาทีหลัง หลังจากนั้นเขาจะกอดหุ้นไปจนถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ครับจึงจะขาย นั่นแสดงว่าจะต้องถือหุ้นเอาไว้ถึง 10 เดือน การเล่นแบบนี้เขาจะได้เกิน 100%แทบทุกครั้ง สไตล์พวกนี้ก็คงเก็บกลุ่มพลังงานเป็นหลักครับ ซึ่งถ้าพิจารณากันให้ดีๆแล้ว คนกลุ่มนี้จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจำนวนมหาศาลมากเลยครับ เพราะหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นเกินกว่า 100%ทุกตัว ยกตัวอย่างที่ผมเห็นอาจารย์ผมที่ท่านได้เป็นกอบเป็นกำสูงสุด คือ คราวหุ้นวิ่งไปถึง 1790 จุดครับ เขาถือหุ้นกลุ่มไฟแนนซและแบงต์เป็นหลักครับ โดยมีราคาอยู่ต่ำกว่า 800 จุดทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์สามารถทำกำไรให้เขาได้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว คราวนั้นท่านได้มาหลายสิบล้านบาทครับ พวกนี้ใขเย็นมาก ควบคุมอารมณ์ได้เป็นเลิศ(อาจารย์ผมเข้าตลาดแทบทุกวันแต่ไม่ซื้อขายและควบคุมอารมณ์ไม่ให้ไหลไปตามตลาดได้เพอร์เฟคมากๆ) แต่บางคนที่เจอเขาเข้ามาห้องค้าแค่ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเพื่อซื้อขาย แล้วก็ไม่เจออีกเลย เจอคนแบบนี้ 3 คนครับ เป็นผู้ชาย 2 หญิง 1 โดยไม่นับอาจารย์ผมนะ เช่น ตอนหุ้นลงจาก 802 มาที่ราวๆ 580 จุด หลังปี 46 ผมเจอชายคนหนึ่งและหญิงคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องค้า(อายุกลางคนทั้งคู่) เข้ามาขายหุ้นครับ มาอยู่ 1 สัปดาห์ มาเพื่อขายอย่างเดียวทั้งคู่ แล้วก็หายไปเลย หลังจากนั้นอีกหลายเดือนจนหุ้นลงมาที่แถวๆ 580 จุด ผมก็เจอผู้หญิงคนนี้อีก ผมก็เข้าไปคุยด้วยเลย แต่แกไม่สะดุดตาคนเลย แกซื้อของเต็มที่อยู่ 3 วันแล้วก็หายไปอีกและอีกไม่กี่เดือนผมก็ย้ายห้องค้า แกบอกผมว่าแกสามารถทำเงินจากเงินแค่ 800,000 กว่าบาท มาจนได้กว่า 12 ล้านบาท ในเวลา 5-6 ปีเท่านั้น ส่วนผู้ชายอีกคนนั้นกลับมาทีหลังจากเจ้ผู้หญิงคนนั้นแค่ 2 วันเท่านั้น มาแล้วซื้อลูกเดียว มาตอนใกล้ตลาดปิด ไม่สะดุดตาเช่นกัน ตามเดิมครับ ผมก็ชาจเข้าไปคุยด้วยทันที หลังจากคุยกันเกือบ 2 ชม. แกก็บอกว่าอาจารย์คุณเล่นหุ้นถูกต้องแล้ว และแนะให้ผมเล่นตามนั้นเช่นกัน ชายคนนี้มาแค่วันเดียวก็หายไปเลย(เขามีเครื่องบิสนิวส์อยู่ที่บ้าน ปกติแทบไม่ค่อยมาที่ห้องค้าเลย จะสั่งซื้อขายทางโทรศัพท์เป็นหลัก) หุ้นขาลงเมื่อไร พวกนี้หยุดเล่นครับ แต่ติดตามหุ้นโดยตลอดและทำการบ้านตลอดทางที่หุ้นลง จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 23:02:03 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้นี้ดีจัง ขอบคุณ พี่KU_EE พี่เล่นรอบ พี่Bomb พี่siamese2000 พี่แท็กซี่นิรนาม และพี่ๆทุกท่านที่แบ่งปันความรู้ให้ และขอบคุณเจ้าของกระทู้คุณkagi ที่ตั้งกระทู้นี้ด้วยครับ จากคุณ : Alpha One - [ 27 พ.ย. 50 23:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 5. พวกนักลงทุนระยะยาว ผมเจอแค่คนเดียวเท่านั้นตั้งแต่เล่นหุ้นมา 15 ปี ไม่ขอเอ่ยนามนะครับ แต่แกร่ำรวยอยู่แล้วและเกษียรแล้ว กิจการทั้งหมดลูกชายควบคุมแทน แกเอาเงินเหลือใช้มาเล่นหุ้นครับ ลักษณะพวกนี้ - สนใจพื้นฐานของตัวหุ้นมากที่สุดเป็นอันดับแรก บางครั้งแกก็เคยทำการเยี่ยมชมกิจการด้วย(แกเล่นระดับ VIP มือหนัก) แกมาแต่ละครั้งมาเปเปอร์เกี่ยวกับงบการเงินของหุ้นที่แกพิจารณามาเป็นตั้งๆและนั่งทำงานเงียบๆเป็น ชม.ๆ สนใจเงินปันผลและมุ่งหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลักก่อน จึงตามมาด้วยผลกำไรจากราคาหุ้น แกเข้าซื้อแต่กลุ่มแบงค์ที่มีพื้นฐานเปลี่ยนแปลงแล้ว(ผมเจอแกหลังจากวิกฤติปี 40 ได้ 3-4ปี ขอโทษด้วยครับที่จำไม่ได้ว่าปีไหน) ถือกลุ่มแบงค์ชั้นเยี่ยมต่ำมาก (ที่แน่ๆมี bay ราคาต่ำกว่าที่คุณเห็นตอนนี้เป็นหลายๆเท่าตัว , มี SCB , BBL KBANK) ส่วนพลังงานนั้นแกกำลังมองและแกะงบการเงินอยู่ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ - เทคนิคัลแกระดับเทพคนหนึ่งเลยทีเดียว เก่งสุดๆ แต่แกบอกว่า อย่าไปสนใจมันมากนัก แกจะเปิดแต่หน้าระดับ weekly chart monthly chart quarter chart year ตลอด ส่วนระดับ daily chart แทบไม่เคยเห็นแกดูเลย พอถึงจุดซื้อขายแกซื้อโดยไม่สนการมาตั้งรอเคาะ MP ลูกเดียว แกบอกว่าแกจะถือครองหุ้นเกินระดับ 5 ปี ขึ้นไป แกทำนายทางเทคนิคเป็นคนแรกๆก่อนนักวิเคราะห์ทางโทรทัศน์พูดด้วยซ้ำว่าหุ้นจะต้องทำคลื่น 3 และคลื่น 5 ที่ยาวมาก โดยต้องจบที่ ประมาณ 1100-1200 จุด แกไม่ถนัดเอลเลียดเวป แต่price pattern นั้นเก่งระดับเทพทีเดียว - วิธีคิดและจัดการกับหุ้นจะเป็นแบบพวกผู้จัดการกองทุนทุกประการ ผมรู้จักคนเหล่านี้ด้วยวิธีการสักเกตุพฤติกรรมครับ พวกนี้มักจะไม่สะดุดตา หรือ ไม่ก็สะดุดตาแบบสุดๆไปเลย ประมาณว่านักวิเคราะห์ประจำโบรกว่าง่ายๆ และผลงานจะเป็นตัวการันตีฝีมือ นิสัยจะต่างกันแทบสุดขั้ว คือ คนเก็บตัวเงียบก็เงียบจริงๆ ไม่เด่น ถ่อมตน ไม่โออวดเลย แต่บางคนนี่ทั้งห้องค้ารู้จักหมด แบบว่าข้านี่เก่งสุดๆอะไรเทือกนั้น(แต่ก็เก่งจริงๆครับ) แล้วผมไปรู้จักคนเหล่านี้ได้อย่างไร คำตอบคือ ต้องหน้าด้านเขาไปเลียบๆเคียงตีสนิทด้วยน่ะครับ บางคนผมต้องหน้าด้านตีสนิทหลายเดือนเลยทีเดียว แต่ส่วนมานิสัยดีทีเดียวครับและไม่กักความรู้ แต่วิธีการเล่นของพวกเขานั้นจะเหมาะกับนิสัยเราหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปหาจุดยืนของตัวเองครับ อย่างเซียนที่เล่นระยะยาวคนที่เล่าให้ฟังนั้น เขาถามผมว่า "คุณเคยถามตนเองบ้างหรือเปล่าว่าคุณชอบถือครองหุ้นยังไง พิจารณาว่าตนเองใจร้อนใจเย็นแค่ไหน ถ้าหาคำตอบได้แล้วคุณจะรู้ว่าควรเล่นอย่างไร" ที่แกถามผมแบบนี้เพราะผมเล่าเรื่องอาจารย์ของผมให้แกฟัง โดยบอกเขาว่า ผมไม่สามารถหาจุดที่เป็นความลับของอาจารย์เจอ จึงทำให้ไม่สามารถประสบความสำเร็จในหุ้นตั้งแต่แยกจากท่านมาหลายปี ตอนนี้ผมหาคำตอบอันนี้เจอแล้วครับ ผมเหมาะกับการเล่นที่ระดับ 1-3เดือน ไม่เหมาะแก่การเล่นถือครองระดับนักลงทุนแบบอาจารย์ หรือ แบบพวกเล่นรอบครับ จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 23:28:46 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลักการเล่นหุ้นของผมจะไม่เข้าฟังและนับถือพวกที่ออกโทรทัศน์และนักวิเคราะห์ประจำโบรกหรือประจำหนังสือพิมพ์ครับ อาจารย์ผมบอกว่าพวกนี้น่ะไม่เก่งจริงๆ ถ้าฝีมือระดับเซียนจริงแล้วล่ะก็ เล่นหุ้นเองรวยกว่าการทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้นอาวุโสมากนัก เฉลี่ยรายได้ของอาจารย์ผมที่มาจากหุ้นเพียงอย่างเดียว ก่อนจากกันนั้น เกินกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือนครับ ในขณะที่รายได้จากการเป็นหมออยู่ในระดับ แสนกว่าบาท ตอนเจอแก แกลาออกจากทุกโรงพยาบาลแล้ว มาเปิดคลีนิคเอง แต่เปิดคลีนิคตอนเย็นๆแก้เซ็ง รายได้หลักของแก คือ หุ้นครับ ก่อนจากกันแกก็ฟาดไป 80 กว่าล้านบาท ป่านนี้สงกะสัยรวยหุ้นหลักร้อยล้านแล้วน่ะครับ จากคุณ : siamese2000 - [ 27 พ.ย. 50 23:42:48 A:124.120.119.205 X: TicketID:159308 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยอดเยี่ยมครับ จากคุณ : seun - [ 27 พ.ย. 50 23:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอตอบครับ...เจ้าของกระทู้หลังไมค์มา....ยินดีตอบครับ... 1. ประสบการณ์ ที่สั่งสมมา....ว่าควร คัท ควรเก็บสั่นหรือยาว แต่หลังๆ ผมจะเล่นแต่หุ้นพื้นฐานเป็นหลัก แบบเลือกหุ้นที่-มั่นคง  -ปันผลดี -เน้นธรรมาธิบาล -มีอนาคตไกล 2. มีจะข้อมูลที่เก็บเกี่ยวมา....จากข้อมูลที่หามา ข่าวอินไซค์ นักวิเคราะห์ (อันนี้จะเน้นมาเป็นพิเศษ) 3. ใช้เครื่อง เทคนิด....กราฟ แท่งเทียน MACD STO RSI วอลลุ่ม 4. สุดท้ายก็คงเป็นดวง.555....มันเป็นจังหวะ หุ้นทุกตัวจะมีช่วงของมันเอง ถ้าสังเกตพฤติกรรมของมันดีๆ ดังนั้น...ผมจะจับหุ้นไม่ค่อยกี่ตัวเท่านั้น ด้วยข้อมูลทั้งหมด มาสังเคราะห์ และหุ้นที่ผมเลือก ต้องมีครบทุกข้อเท่านั้น... ตามนั้น.... จากคุณ : ตี๋น้อยMBA - [ 28 พ.ย. 50 00:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าถึงเวลาแล้วครับ ที่เราจะต้องบรรจุ Dow เข้าไปเป็น indicator อีกตัวหนึ่ง จากคุณ : seun - [ 28 พ.ย. 50 00:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้มาอ่านแต่ละท่านล้วนเยี่ยมๆ ผมมองคนเล่น VI เหมือนหยิน ที่ให้ความเย็น ผู้เล่นไม่ต้องรีบร้อน ตะกละตระกรามลากทุบหุ้น เขาจะศึกษาจนพอใจและเข้าซื้อด้วยข้อมูล ความเข้าใจว่าทำไมต้องซื้อ คนเล่น Vs ใช้เทคนิค ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่เหมือนหยาง รีบร้อน ซื้อ รีบร้อนขายกำไรนิดก็เอา ขาดทุนนิดก็ทิ้ง มองอะไรเป็นแนวรับแนวต้าน จะขึ้นจะลงไปหมด ทำให้เทรดที่มูลค่าสูงหรือ ต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ แต่คนสองกลุ่มต้องอยู่ด้วยกันจึงสมดุล ดังนั้น VI ไม่ควรรังเกียจ Vs หรือเหมือนที่หลายคนคิดว่าเป็น Vi ที่รังเกียจ Vs แต่ความจริง หยางและหยิน ต้องประสานกัน ผมมองคนเล่นเทคนิค เป็นสองกลุ่ม คือ ผู้ใช้เทคนิค กับ นักเทคนิค ผู้ใช้เทคนิคจะพยายามเสาะหา ของดี สูตรดี วิธีดีไปเรื่อยๆ เช่น เดี่ยวใช้ เทียน เด๋วใช้ mav เดี่ยววิเคราะห์ด้วย Fibo BB พยายามเล่นให้กำไรให้ได้ๆม่ว่าขาขึ้น ขาลง ขานอน ขาออกข้างๆ และศึกษารูปแบบมากๆจนเหมือนเก่ง แล้วก็อาจกลายเป็นกับดักตัวเองเข้าสักวัน เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า ก็โดนเข้าสักวัน เหมือนผม เหมือนหลายคนที่โดนๆกัน ที่ผมว่าควรเป็นคือ นักเทคนิค ซึ่งหมายถึงเ เรียนรู้ใช้อาวุธใดอาวุธหนึ่งที่ถนัดจนคล่องและเกิดความชำนาญสูงสุด และเล่นในสนามที่ถนัดที่สุด วันไหนสนามไม่พร้อมไม่ต้องเล่น ไม่ใช่ต้องเล่นทุกวัน เพราะเล่นทุกวัน กำไรบ้างขาดทุนบ้าง กำไรซักพัก ขาดทุนมักจะโผล่ขึ้นมากินกำไรเกือบหมดทุกครั้ง เพราะเราไปเล่นในสนามที่เราไม่เจน ดังนั้น รอสถานการณ์ที่เราเจนจัด เลือกอาวุธที่เหมาะสม พิชัยยุทธ์ที่ต้องชนะเท่านั้น ประสานทั้งหมดเข้าด้วยกันและลุย (ผมจะไม่ยกตัวอย่าง เป็นเทคนิคนะ ลองเอาที่ผมพูดไปเทียบดู) ว่ามีอะไรที่ประสานกันได้บ้าง .... จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 28 พ.ย. 50 00:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้โห......เจอขุมทรัพย์อีกแล้วเรา.... ขอบพระคุณ จขกท. ..ที่ช่วยเปิดอุโมงค์... เจอคัมภ๊ร์วิธีหาปลาเพียบ... ล้วนจารึกโดย creditable bigname ทั้งนั้น.... ขอบพะคุณมากค่า........ จากคุณ : lekjar - [ 28 พ.ย. 50 00:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตแล้วครับ กระทู้ความรู้ระดับเซียนๆทั้งนั้น จากคุณ : mde40313 - [ 28 พ.ย. 50 01:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ...เข้ามาอ่านครับ ไม่บ่อยที่เห็นพี่เล่นรอบพิมพ์ยาวๆ แบบนี้  มือใหม่อ่านเป็นความรู้ได้ครับ จากคุณ : GS Mobile - [ 28 พ.ย. 50 05:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้างบนทั้งหมดคือบทสรุปของสุดยอดการเอาชนะตลาดหุ้นแล้วครับ มีทั้ง เก็งกำไร เล่นสั้น เล่นยาว มีทั้ง พื้นฐาน เทคนิก ขอเพิ่มนิดนึงจากคุณ Bomb กลยุทธการเข้าออกครับ ทางพื้นฐาน เข้าเมื่อปัจจัยดี และยังดีอยู่ ขายเมื่อปัจจัยไม่ดี ทางเทคนิกเข้าเมื่อ มีสัญญาณซื้อ ขายเมื่อมีสัญญาณขาย ถ้าเล่นแบบตามแนวรับแนวต้าน ต้องซื้อแบบปิรามิด ขายแบบปิรามิดหัวกลับ สำคัญที่สุดคือ รู้จักหุ้น รู้จักตัวเอง และรู้จักจังหวะที่เล่นครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 28 พ.ย. 50 06:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ... ขอบคุณครับ จากคุณ : roadtrip - [ 28 พ.ย. 50 06:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สุดยอด แนวคิดดีครับ จากคุณ : kui 2501 (kui2501) - [ 28 พ.ย. 50 07:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราว่าเล่นตามเทคนิค ต้องซื้อแพงขายแพงใช่ไหม พวกนี้อาจจะโดนหลอกนะ เช่น KTB นี่เล่นตามกราฟไม่ได้ เจ๋งหมด ถ้าไม่มีเทคนิค หาหุ้นที่รู้ใจไว้ก็ดีนะ BBL เล่นง่ายๆค่ะ ต่ำกว่า 115 ซื้อยังไงก็ขายได้   แต่ SCB KBANK ต้องดูกราฟ ไม่ยังงั้นอาจจะดอย ส่วน KK ก็ต่ำกว่า 28 ถือไหว ถ้าไม่มีเทคนิค ก็ซื้อราคาที่พอใจดีกว่า แบบว่าซื้อแล้วสบายใจ อีกทางหนึ่งดีที่สุด ซื้อตอนมีข่าวร้าย ราคาหุ้นต่ำสุดๆ แต่ต้องรอนะ กว่าที่ข่าวร้ายจะกลายเป็นข่าวดี มันไม่ใช่วันเดียว เรายังเน้นปัจจัยพื้นฐานมากกว่า ยังไงก็มีปันผลรองรับความเสี่ยง จากคุณ : หนูปุ๊ก - [ 28 พ.ย. 50 07:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กระทู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางสร้างสรรอย่างนี้ ผมขอโหวตให้ก็แล้วกันครับ จากคุณ : kaisin - [ 28 พ.ย. 50 08:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พอดีไม่ใช่เซียนหุ้นอ่ะครับ ทุกวันนี้ยังเอาตัวไม่รอดเล้ย ขออนุญาตเก็บความรู้อย่างเดียวละกันนะครับ ;) จากคุณ : m_ple - [ 28 พ.ย. 50 09:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เล่นหุ้นต้องภาวะนาให้ดาวน์โจนขึ้นทุกวัน หุ้นไทยจะได้ขึ้นตาม อยากให้ดาวน์โจนขึ้นไปถึงแสนจุด หุ้นไทยจะได้ขึ้นถึงพันจุดเหมือนเพื่อนบ้านบ้าง จากคุณ : สมชาย บางพลี - [ 28 พ.ย. 50 11:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ... ขอบคุณครับ จากคุณ : helga - [ 28 พ.ย. 50 13:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 600 จุดไม่เปลี่ยนแปลง จากคุณ : ชงเองตอบเอง - [ 28 พ.ย. 50 13:08:53 A:58.8.180.82 X: TicketID:161518 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เชิญชวนสนทนาจากหลังไมค์ เทคนิคผมแสดงความเห็นไปหลายกระทู้ ผมเล่นทั้งลงทุนพื้นฐานและเล่นรอบ พื้นฐานผมชอบหุ้นขนาดกลางหรือเล็ก ซื้อหลายๆตัว ถือยาว 7-8 ปีก็มี เลือกจากบทวิเคราะห์ต้องติดตามอ่านมากๆ ติดตามผลประกอบการ พื้นฐานเปลี่ยนค่อยขาย หรือขึ้นมาเกินพื้นฐานมากๆก็ขายเช่นกัน กลุ่มนี้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15% แม้ไม่มากแต่ก็ดีกว่าพันธบัตรหรือเงินฝากมาก ส่วนเก็งกำไร เทคนิคผมสอดแทรกไปหลายกระทู้ เล่นรอบระยะกลางจะแน่นอนกว่า แต่ยังคงเลือกพื้นฐานดีในการเล่นรอบคือหุ้นตัวใหญ่รวมหลักทรัพย์ที่พื้นฐานดีๆ เน้นใน most active ของแต่ละรอบ จุดสำคัญในการมองรอบคือการมองทิศทางของเงินองค์ประกอบสำคัญที่ใช้คิดคือรายย่อย กองทุน ต่างชาติคิดอย่างไร ข่าวหรือปัจจัยที่เข้ามาข้อเท็จจริงอย่างไร แล้วมองไปดูที่กราฟจะใช้แนวรับตรงไหน เป้าหมายจะไปได้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ใช้การคำนวณ อย่างรอบนี้ต่างชาติซื้อสุทธิบันแสนล้าน ขายปรับพอร์ตปลายปีบ้าง 3-4 หมื่นล้าน เงินเป็นสะสาร ต่างชาติซื้อหุ้น รายย่อยก็ต้องถือเงิน พอรต์รายย่อยจึงไม่มีหุ้นมากเท่าไหร่ ไม่กล้าซื้อเพราะกังวล Dow จากปัญหา subprime และราคาน้ำมัน ปัญหาเหล่าถ้าเริ่มเห็นทางจะคลี่คลาย รายย่อยจะกลับเข้าตลาด ตอนนี้ดูเม็ดเงินค่อนข้างมาก รอบระยะยาวจึงมองไปเหนือ 1000 จุด แต่ต้องระมัดะวังถ้าเงิน flow out ออกจากภูมิาคต้องถอยออกมาดูทันที จากคุณ : c (ไป่ฉี) - [ 28 พ.ย. 50 23:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แทนคำขอบคุณ  ครับ จากคุณ : Vprawat - [ 30 พ.ย. 50 11:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เยี่ยมมากครับ   จากคุณ : เกมเมอร์ - [ 30 พ.ย. 50 13:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณน้ำใจพี่ๆทุกคนมากครับ จากคุณ : kagi - [ 1 ธ.ค. 50 11:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เชิญจากหลังไมค์ครับ ผมยังขาดทุนอยู่นะครับ เล่นอีกก็ขาดทุนอีก สงสัยไม่ถูกชะตากับตลาด (เลิกเทรดดีกว่า ถือหุ้นเฉยๆกำไรกว่าอีก) มีแต่ข้อเสียมาเล่าให้ฟังครับ คนเรา อ่านตำรามาหลายเล่ม อ่านกระทู้คนเก่งๆ มาหลายคน ทำไมเราทำกำไรไม่ได้สม่ำเสมอกับเขาซักที ... กำไรขาขึ้นน่ะ สบาย กำไรขาลงน่ะไม่ง่าย ต่อให้ SHORT TFEX ก็อาจจะโดนมันกวนได้ทำให้ขาดทุน ตลาดหุ้น เป็นตลาดที่สู้กับความโลภของตัวเอง วันนี้ได้ ภายหน้าอาจขาดทุน คุณต้องรู้จักตัวเองก่อน รู้จักอดทนทำตามแผนการ อย่าวอกแว่กไปกับหุ้นที่ไม่รู้จัก หุ้นปั่น หรือ กระทู้ต่างๆ อ่านหนังสือธุรกิจ ไช่ว่าจะรวยได้ข้ามคืนเหมือนคนเขียนหนังสือ อ่านหนังสือหุ้นก็เช่นกัน ไม่ไช่ว่าเข้าใจแล้ว ข้านี่แหละ แน่ที่สุด ..... ยังไงก็ขออย่าให้ชีวิตคนเข้ามาในตลาดทุกคนต้องพังเพราะหุ้นนะครับ จากคุณ : KENG76 - [ 2 ธ.ค. 50 11:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 3 ธ.ค. 50 17:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เล่นสั้น เนื้อๆ ล้วน @ตามเซียนหาดใหญ่ โดยทั่วไป คนรวยยิ่งรวยกว่า นักเก็งกำไรหาดใหญ่ เท่าที่ ผมเห็นมานะครับ 1.ดูหุ้นที่มี Vol ผิดสังเกตุ คือมากกว่าปกติ ดูตั้งแต่เช้าถึงเย็น ถ้าแรงรับยังมีอยู่ ก่อนตลาด ปิดจะไล่ซื้อ หรือซื้อราคาปิด / แล้วไปขาย ราคาเปิด วันถัดไป ถ้า ขายไม่ออก ก็จะใช้วิธี Bid หรอกๆเข้าไป ตอนPrj1 มีคนตามคือพวกไม่มีเงินหรือพวกเล่น netsettelment / แล้วก็ขายราคาเปิดไปซะ กำไร 3-5% / แนวต้าน 2-3 ช่อง แนวรับไม่มี. 2.หุ้นที่ไล่ราคา มันจะขึ้นไปถึงไหน ช่างมัน ขอให้ราคา ยืนเกิน SMA5 Goldencorss ขึ้นมา พร้อมวอลุ่ม ส่วนมาก มักมากจะปรับฐานในวันที่2-3ของการไล่ราคา ถ้าราคาใกล้ปิดตลาด/จะปิดแล้วไม่หลุด SMA5 เขาจะ รอซื้อราคาปิดกัน แล้วไปขายวันถัดไป **คือหุ้นมันพักตัวเจ้ามือจะตัดขายออกบ้างเพื่อเอากำไรขึ้นก่อน** 3.เล่นตัวที่กำลังเล่น เพราะขอบเขต ของตลาด และ เม็ดเงินมีจำกัด เงินอยู่ตรงไหนก็ไปเอาตรงนั้น เช่น BANPU / LANNA / UMS. ในเดือน ก.ค. และ ก.ย. 2550 ราคาหุ้น BANPU และ UMS ปรับตัวขึ้นเด่นมาก ถ้า เข้าซื้อ LANNA ก็อาจได้กำไรบ้าง แต่ไม่เท่า2 ตัวก่อนหน้า / แต่ โอกาส ลงมีมากกว่า ให้ดูหุ้นที่ OUTPERFROM. 4.ก่อนจะ ซื้อก็ดู ตลาดโลกด้วย เช่น EU หรือ Dj future หรือ ดู Set50 Future ก็ได้ ถ้าภาพรวมตลาดไม่ดีก็อย่าเสี่ยง. 5.อ่านตลาด ก่อนอ่านราคาหุ้น. จบ จากคุณ : พิซซ่าบอย (พิซซ่าบอย) - [ วันพ่อแห่งชาติ 13:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 41 นึกว่าคุยกันเรื่องเท็คนิคอลซะอีก ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำครับ จากคุณ : endophine - [ 7 ธ.ค. 50 09:55:17 ]