ความคิดเห็นที่ 1 ระหว่างรอน้องแมสเซนเจอร์มาตอบ หมีพูขออนุญาตตอบให้ทราบไปคร่าว ๆ ก่อนนะครับ กลัวคุณจะรอนาน กองทุนหุ้นของกสิกรไทย มีพอร์ตการลงทุนที่คล้าย ๆ กันเกือบทุกกองเลยครับ ผลตอบแทนก็จะเดินไปในทางเดียวกัน สรุปว่าคือจะเลือกกองทุนหุ้นกองไหนก็ได้ครับ (ยกเว้นกองดัชนี) เพราะผลตอบแทนใกล้เคียงกันมาก จะมาตัดสินกันตรงที่ต้องการเงินปันผลหรือไม่ต้องการ หรือต้องการให้กองทุนขายคืนส่วนเกินทุนมาครึ่งนึงแบบอัตโนมัติ และก็ประเด็นในเรื่องค่าธรรมเนียมซื้อขายกองทุนครับ ถ้าต้องการกองทุนหุ้นที่เน้นหุ้นคุณค่า และี่จ่ายปันผล ตอนนี้เขาโปรโมท K-VALUE (เค หุ้นปันผล) (คิดค่าซื้อ 1% และค่าขายคืน 1%) กองนี้ค่าใช้จ่ายต่อปีในการจัดการรวมทั้งหมดสูงเกือบ 2% ถ้าต้องการกองทุนหุ้นที่เน้นหุ้นเติบโต และี่จ่ายปันผล ตอนนี้เขาโปรโมท K-EQUITY (เค หุ้นทุน) (คิดค่าซื้อ 1% และค่าขายคืน 1%) กองนี้ค่าใช้จ่ายต่อปีในการจัดการรวมทั้งหมดสูงเกือบ 2% ถ้าต้องการกองทุนหุ้นผสมแบบยืดหยุ่น ไม่จ่่ายปันผล ตอนนี้เขาโปรโมท K-FEQ (เค หุ้นทุนบริพัตร) (ไม่คิดค่าซื้อ และไม่คิดค่าขายคืน ถ้าถือหน่วยลงทุนในแต่ละยอดเกิน 6 เดือน แต่ถ้าถือหน่วยลงทุนยอดนั้นไม่ถึง 6 เดือน จะคิดค่าขายคืน 1%) กองนี้ค่าใช้จ่ายต่อปีในการจัดการรวมทั้งหมดสูงมากครับเกิน 2% ถ้าต้องการกองทุนหุ้นแบบดัชนี ไม่จ่ายปันผล ตอนนี้มีกองเดียวคือ K-SET50 (เค เซ็ท 50) (คิดค่าซื้อ 0.25% และค่าขายคืน 0.25%) กองนี้ค่าใช้จ่ายต่อปีในการจัดการรวมทั้งหมดต่ำที่สุด 1% กว่าๆ ถ้าต้องการกองทุนหุ้น ไม่จ่ายปันผล แต่จะี่ขายคืนส่วนเกินทุนคืนให้คุณครึ่งนึงโดยอัตโนมัติ เมื่อ NAV ขึ้นถึงจุดที่กำหนดไว้ ตอนนี้มีกองเดียวคือ K-STAR (เค สตาร์หุ้นทุนคืนกำไร) (คิดค่าซื้อ 0.25% และค่าขายคืน 0.50%) กองนี้ค่าใช้จ่ายต่อปีในการจัดการรวมก็เกือบ 2% หากเรียงกองทุนหุ้นตามลำดับผลตอบแทนจากมากไปน้อยแล้วจะเรียงได้ประมาณนี้ครับ K-VALUE  ->  K-EQUITY  ->  K-FEQ ->  K-STAR ->  K-SET50 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 11:40:22 จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 2 ธ.ค. 50 11:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับ บลจ.กสิกรไทย ในปีนี้ กองทุนหุ้น ทั้แบบธรรมดา และ LTF ทำผลการดำเนินงานได้ดีแบบผิดหูผิดตา (โคตรๆ) ทั้งนี้ก็มาขากอานิสงส์ของหุ้นพลังงานครับ อีกทั้งยัง Bullish ในหุ้นไทยมากๆ (ปัจจุบันถือหุ้นอยู่เกิน 95% ของเงินลงทุนทั้งหมในพอร์ต) การไม่ถือเงินสดเลย ก็มีผลดีตรงช่วงจังหวะขาขึ้นของตลาดนี้ล่ะครับ เลือกหุ้นถูกตัว พอ SET Index วิ่งแรงๆทีเนิง NAV กองทุนก็วิ่งหายห่วงเหมือนกัน ตรงนี้ไม่รู้นักลงทุนคนื่นสังเกตุเห็นเหมือนผมหรือเปล่านะครับว่า คุณวิวรรณ ก่อนหน้านี้จะบริหารพอร์ตแบบ Conservative Style เน้นถือเงินสดติดพอร์ตเพื่อรอจังหวะรับหุ้น แต่ช่วงปีนี้กลับ Bullish ในหุ้นไทยมากๆ พอร์ตการลงทุนก็กล้าได้กล้าเสียเยอะขึ้นเราคงต้องดูกันในระยะยาวว่า ถ้าเป็นหุ้นขาลงล่ะก็ ทางคุณวิวรรณเองจะทำอย่างไรกับพอร์ตหุ้นแบบนี้ ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่ากองทุนหุ้นของ บลจ.กสิกรไทย อาจเป็น บลจ. ที่เก็บค่าธรรมเนียม Front-End Fee และ Back-End Fee ของกองทุนหุ้น ที่แพงที่สุดในตลาดไปแล้วครับ เข้ากับออกรวมกัน 2% แถมยังมี Management ที่quote มาใกล้ๆกับ Aberdeen หรือ ING (ค่ายที่เป็น Non-Bank) เสียด้วย... ถ้าให้ผมเลือกจริงๆ ขอเลือก 2 ตัวของ บลจ.กสิกรไทยครับ K-FEQ และ K-SET50 1 กองเป็น Active Management และอีก 1 เป็น Passive Management  สำหรับ K-FEQ เหตุผลก็คือ ผม Bet ข้าง PTT ไปเลยครับว่ายังไงก็ไม่ถูกถอดออกจากตลาด ราคามีสิทธิวิ่งขึ้นไป 400 บาท และหากน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มราคาสูงอีก เราคงเห็น PTT แตก Par ในปีหน้าแน่ๆ ปัจจุบัน K-FEQ ลงทุนในหุ้น PTT เกิน 15% แล้ว ส่วน K-SET50 นี้ดูๆไปก็เหมือนกับของ บลจ.วรรณ , บลจ.ทหารไทย หรือ บลจ.เอวายเอฟ นั้นล่ะครับ แต่หากพิจารณาเรื่องค่าธรรมเนียม ขนาดกองทุน และผลการดำเนินงานย้อนหลังแล้ว ผมยกให้ TMBSET50 มากกว่า แต่ใครไม่สะดวกทหารไทย ตัวอื่นก็ทดแทนได้หมดครับ สุดท้าย K-FEQ เป็นกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นก็จริง แต่ก็ถือหุ้นเกิน 80% มาตลอด หากตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะถดถอย (ขาลง) จริงๆ นโยบายของ K-FEQ มีความยืดหยุ่นต่อการปรับพอร์ตของผู้จัดการกองทุนมากกว่าครับ ไม่เหมือน K-VALUE และ K-Equity ที่จดไว้เป็นกองทุนหุ้น ต้องถือไม่น้อยกว่า 65% ในรอบปีบัญชี และที่สำคัญ Front-End และ Back-End ก็ถูกกว่าเห็นๆ หากจะจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อกองทุนหุ้น Active แรงๆ ผมขอเลือกไป บลจ.บัวหลวง หรือไม่ก็ ไอเอ็นจี ดีกว่าครับ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 2 ธ.ค. 50 16:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้ว K-CBOND ละครับ 1.มีอัตราผลตอบแทนเท่าไรเมื่อหักค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนแล้ว 2.แล้วค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนกี่ % 3.แล้วรวมๆแล้วดีกว่า SCBRF ไหมครับ             พี่  Mr.Messenger  กรุณาตอบด้วยครับ จากคุณ : Teekaze - [ 2 ธ.ค. 50 22:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 K-CBOND เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง และระยะยาวเป็นหลักนะครับ สัดส่วนการลงทุนปัจจุบันตามนี้ Government Bond 64% Bank Guarantee 6% Fin Bond 10% Coporate Bond 20% -- Duration 0.9 -- เทียบกับตราสารหนี้ระยะกลางตัวอื่นๆแล้ว ถือว่าลงทุนในหุ้นกู้เอกชนสูงเหมือนกัน แถม duration ไม่ยาวพอที่จะได้รับอานิสงส์จากการปรับลดดอกเบี้ยแบบแรงๆ trend ดอกเบี้ยหมดรอบของการลดดอกเบี้ยแล้วครับ กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง และระยะยาวอย่าง K-CBOND, SCBRF, TSB, AYFMTFI, KTDF นั้นไม่น่าจะทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่า Money Market Fund มากมายแบบคุ้มค่ากับความเสี่ยงแล้ว แนะนำว่า ไม่ต้องดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง ไม่ต้องดูค่าธรรมเนียม และไม่ต้องเปรียบเทียบกับกองทุนของ บลจ.อื่นครับ ลืมกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวแบบนี้ไปเลยดีกว่า รอดอกเบี้ยลดรอบหน้าค่อยมาเจอกันอีกที ไหนๆถามมา ผลการดำเนินงานย้อนหลัง K-CBOND เดือน พ.ย. 3 เดือน 0.83%ต่อปี 6 เดือน -0.41%ต่อปี 1 ปี 3.53%ต่อปี เห็นไหมครับ ลงทุนไปยาวๆ ก็ได้มากกว่า Money Market Fund ไม่มากเท่าไหร่ แถมผันผวนกว่าตั้งเยอะ แล้วจะไปลงทุนกับเขาเพื่ออะไร?? ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 3 ธ.ค. 50 00:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณหลายเด้อ จากคุณ : Teekaze - [ 3 ธ.ค. 50 09:40:53 ]