ความคิดเห็นที่ 1 เหอ เหอ ไม่ต้องห่วงครับเด็กแถวบ้านผม เขาเลิกเรียนตั้งแต่ ม. 1 - ม. 3 แล้วครับ เพราะฉะนั้นประเทศไทยไม่ขาดแรงงานราคาถูกแน่ ๆ ครับ ขอให้เป็นงานที่สุจริตถึงเราจะจบปริญญาตรีก็น่าจะทำได้นะครับ ปล. เชื่อไหมว่าเด็ก ม. 3 แถวบ้านผมอ่านหนังสือไม่ออก อ่านไม่คล่อง จากคุณ : นายก้อนหิน - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คำถามคงไม่ทำให้ใครโกรธหรอก ถ้าคุณไม่ได้แกล้งทำใสซื่อแล้วมีวาระแอบแฝงน่ะ เพราะถ้ามีคำตอบอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องถาม ตอบแบบให้ข้อมูลค่ะ globalization จะทำให้ทุนและแรงงานเคลื่อนไหวโดยเสรี ถ้าตั้งเงื่อนไขอย่างนั้นก็ผิดแต่แรกแล้วค่ะ 1. คนถ้าหางานไม่ได้ก็ต้องทำงานที่ต่ำกว่าวุฒิ 2. benchmark คืออัตราค่าแรงขั้นต่ำ  demand กับ supply ของแรงงานจะเป็นตัวกำหนดว่า ค่าแรงที่ตกลงกันได้ จะขึ้นมาจากหรือลงไปหาค่าแรงขั้นต่ำ ตัวอย่างประกอบ คนขับแท๊กซี่ประเทศอินโดนีเซียจบปริญญาตรีค่ะ ได้ค่าแรงเท่าแท๊กซี่ทั่วไป จากคุณ : รักรักรัก - [ วันรัฐธรรมนูญ 10:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีสิครับ  เยอะแยะไป  ทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียน เพียงขอดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอด นำพาครอบครัวไม่อดอยาก มีชีวิตก็ต้องดิ้นต่อไป ตราบที่ยังมีลมหายใจ พี่ภรรยาผมจบวิศวะยังออกมาขายเสื้อผ้า     ผมจบศึกษาศาสตร์ก็ยังไม่ได้เป็นครู  เพื่อนผมคนหนึ่งที่อยู่คณะเดียวกันพอจบ2-3ปี  แล้วมาเจอผม  ถามผมว่า มรึงทำอะไร  ผมตอบว่าค้าขายอยู่กับครอบครัว   มันด่าผมว่า มรึงแย่มาก  ไม่มีอุดมการณ์ มาเรียนทำไมให้เสียงบประมาณของแผ่นดิน  มาแย่งที่เรียนของคนอื่น    ผมก็ตอบไปว่า   ถ้าสมบัติของครอบครัวผม ผมเองยังทิ้งไม่รักษาไว้  จะรอยกให้คนอื่นแทนหรือ   ผมทำอะไรก็ได้ ยังไงก็เสียภาษีให้ประเทศชาติมากกว่าตำแหน่งงานที่ไปแย่งคนที่ยังต้องการงานอีกเยอะแยะเลย        พอเวลาผ่านมาอีกจนถึงปีนี้  ซึ่งเป็นเวลา 23ปี ที่จบ มหาลัย  เจองานเลี้ยงรุ่น  ถามไถ่กัน  ผมถามว่าเป็นยังไง  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนหรือยัง    มันตอบผมว่า   กรูเป็นตัวแทนประกันชีวิตไปแล้ว   5555555555555    ไม่งั้นอดตายทั้งครอบครัว  หนี้สินก็เยอะ      ผมก็ไม่กล้าถามต่อว่า   แล้วอุดมการณ์มรึงเก็บไว้ไหน   กลังแทงใจดำมันนะครับ จากคุณ : aeaw - [ วันรัฐธรรมนูญ 10:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับค.ห 1 ทำไมเด็กไทยเราอย่างนี้มีเยอะรัฐบาลไหนจะแก้ปัญหานี้ได้บ้างคะครูบ้านเราก็จะเป็นหนี้กันเยอะอาจจะทำให้ไม่มีกำลังใจสอนหรือเปล่า จากคุณ : chuaykongma - [ วันรัฐธรรมนูญ 11:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฟังเพื่อนๆ  ที่มีเพื่อนอยู่เวียตนาม เขาให้เกรียติคนเป็น ครู เท่ากับ หมอ   เขาต้องคัดให้คนเรียนเก่ง ได้เป็นครู   เพื่อถ่ายทอด ความรู้ ความสามารถ  เพื่อส่งผ่านในรุ่นต่อๆไป    ดังนั้น เงินเดือนและสิทธิประโยชน์ของ ครู จึงเหมือน แพทย์      เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้     แล้วเด็กที่ได้รับการถ่ายทอดก็จะได้แต่สิ่งที่ดี และสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป   แต่บ้านเรากับตรงกันข้ามครับ     ทำให้คนไม่อยากเป็นครู    ยิ่งเป็นคนไม่มีเส้นสาย  จะต้องไปอยู่ในถิ่นกันดาร     เพื่อนหญิงในคณะผมคนหนึ่ง   3 เดือนถึงจะมีโอกาสเข้ามาในเมืองสักครั้ง  เพียงแค่ เสาร์อาทิตย์เท่านั้น   เพราะ   กว่าจะเดินข้ามเขาหลายๆลูกแล้วมารอขึ้นรถก็ต้องใช้เวลา   และเวลากลับขึ้นเขาเพื่อไปสอนเด็กชาวเขาก็ต้องตรงเวลา   ไม่งั้นไม่มีรถขึ้น  จะทำให้เด้กไม่ได้เรียน จากคุณ : aeaw - [ วันรัฐธรรมนูญ 11:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ เข้าตำรา คนที่เรียนครูมีสองประเภท คือ 1. รักจริง 2. คะแนนต่ำไม่มีทางเลือก เอาคนเรียนได้คะแนนต่ำไปสอนคนรุ่นหลัง ก็ทวีความฉลาดไปเรื่อยๆ หลานชายผมคนหนึ่งแหละเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว จบปริญญาตรี ทุกวันนี้ขายก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง รายได้ดีกว่าคนที่ไปทำงานแบงค์ ฯลฯ ครับ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ วันรัฐธรรมนูญ 11:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ต้องถึงขั้นคนกวาดถนนหรอกค่ะ สายช่างกล ช่างยนต์ บ้านเรา หาคนมีความรู้ด้านนี้ยากเหลือเกิน เราว่ารัฐควรส่งเสริมสายอาชีพค่ะ เด็กจบ ม.3 มาให้เข้าเรียน ปวช  สามปี   จบมาอายุ 18 ทำงานได้ ไม่เป็นภาระทางบ้าน ส่วนใครอยากเรียนต่อจริงๆ ออกมาทำงานหาเงิน แล้วค่อยเรียนต่อทีหลังก็ยังได้ จากคุณ : giggles (Giggles) - [ วันรัฐธรรมนูญ 11:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สาขาช่าง  เคยจ้างพวกจบ ปวช ปวส ช่างมาทำงาน ปรากฎว่าเค้าเรียนและสอนมาให้เปลี่ยน ไม่ใช่สอนมาให้ซ่อม  ไม่มีอะไหล่ ที่พอดีเหมือนพระเจ้าสร้างมา ก็ทำงานไม่เป็นแล้วอะ แต่ของบางอย่างมันรออะไหล่ ก็ขาดทุนดิ  สุดท้าย ก็ต้องลงไปทำเอง  แล้วก็ใช่ได้  แล้วตรูจะจ้างมันมาทำไรหว่า  ก็เลยให้ออกไป วิศวะ อุตสาการ  เพื่อนจ้างมาไฟแรงมาก  มาถึงจะเปลี่ยนโรงงานโน่นนี้ จะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้  โปรเจกใหญ่เชี่ยวหละ  ครบเดือนเพื่อนบอกออกไปเหอะ  เพราะถ้าทำงานแบบนี้ ผมไม่ต้องจ้างคุณหรอก ซื้อหนังสือมาเล่ม ซื้อของตามหนังสือ ผมก็ทำโรงงานกำไรแล้ว ในความคิดของคุณ เพื่อนน้องภรรยา ที่อยู่แถวบ้านภรรยาผม เป็นคนจากต่างจังหวัด จบ ป2(ประถมปีที่2) ทำงานเป็นช่างทอง ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ตอนนี้ซื้อรถกระบะมาขายน้ำอ้อย น้ำมะพร้าว ตอนนี้กิจการก็รุ่งเรืองดีนะ กำไรได้ต่ำๆวันละ 600 วันไหนดีๆ กำไร1500(กำไรเบืองต้น คือหักค่าอ้อย และน้ำมันรถ) จะเห็นว่าจากตัวอย่างเบืองต้น ถ้าจะถามว่า ปริญญาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นป่าว คำตอบคือ เปล่า ความพยายามต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญต่างหาก ถ้าถามว่างานระดับล่างจะมีคนทำไหม   คำตอบคือ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะมีคนไม่เลือกงานเสมอครับ จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บ้าน คห 1 อยู่ที่ไหนคะ คนที่เรียนจบมาแล้วทำอะไรก็ได้ หรือทำงานไม่ตรงสาย มี 2 ประเภท 1. พวกที่ค้นพบว่าอาชีพอื่นได้เงินมากกว่า ทำรายได้ดีกว่า และทำแล้วมีความสุขมากกว่า 2.พวกไม่มีทางเลือก พวกไม่ตั้งใจเรียน คะแนนไม่ดี จบมาอยากทำงานตรงสาย แต่เค้าไม่รับ พวกไม่มีความพยายาม อยู่ไปวัน ๆ ในชีวิตจริง ส่วนใหญ่เจอแต่ประเภทที่ 2 จริง ๆ ค่ะ จากคุณ : แม่ปังคุง - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:54:27 A:210.1.12.130 X: TicketID:136874 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พี่ชาย จบปริญญาตรี ทำงานในบริษัทประกันภัย (ชื่อเหมือนเมืองหลวงของประเทศไทย)  ด้วยความมุ่งมั่น อุตสาหะ และซื่อสัตย์  ได้รางวัลดีเด่นของบริษัท อะไรต่อมิอะไร โล่เต็มบ้านไปหมด ..... กำลังเจริญเติบโต  อนาคตสดใส  แต่ดันโตข้ามหัวพวกแก่ ๆ  ที่ในหัวมีแต่ขี้เลื่อย   เลยโดนเลื่อยขาเก้าอี้  ....ถูกให้ออกเพราะโดนใส่ร้ายป้ายขี้ (ไม่ใช่สีนะ  ขี้จริง ๆ เพราะมันสกปรกมาก)  บังเอิญตรงกับช่วงวิกฤติ ปี 2540  ด้วย  บริษัทเลยผสมโรงอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี..... ตอนนี้   หันมาทำธุรกิจส่วนตัว  จึงได้ค้นพบสัจจธรรมว่า ตอนทำงานบริษัท   ทำแทบเป็นแทบตาย  ทำให้บริษัท.....พอลม (ปาก) เป่าวืดเดียว....ก็กระเด็นออกมายังกะฝุ่นธุลีไร้ค่า     ทำให้ลูก ให้เมีย...ถึงจะระเหี่ยใจ  เหนื่อยสายตัวแทบขาด  แต่พลาดพลั้งไป  เมียไม่มีวันไล่ออกจากบ้าน   (ธุรกิจที่ว่าเป็นของภรรยา   เริ่มก่อตั้งไว้ตั้งแต่ยังทำงานบริษัท...) ตอนนี้  พี่แกบอกว่า  วิชาความรู้ที่เรียนมา  เก็บใส่เข่งรวมกับโล่ เหรียญตรา บ้าบอคอแตก (ที่บริษัทเค้ามอบให้มา  ค่าที่ทำกำรี้กำไรให้เค้าไว้เยอะ)  ยังกองไว้หลังบ้าน   ยกให้ซาเล้งรับซื้อของเก่า  ยังส่ายหน้า  เบ้ปาก เลย  ....เหอ เหอ เหอ....     แล้วที่เรียนมาแทบตาย.....เพื่อ????????????????????? จากคุณ : MonNov - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท. ป่าว แอ๊บ แบ๊ว ใช่ปะ จากคุณ : ยิ้ม (มะลิ บาน บาน) - [ วันรัฐธรรมนูญ 13:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าระบบการศึกษาของไทยเรียนมาเพื่อเป็นลูกจ้างมากกว่า เป็นคนทำธุระกิจ และระบบการศึกษาสอนให้มาใช้อย่างเดียว ไม่ใช่ให้มาสร้างสิ่งใหม่ และไม่การต่อยอดของคนรุ่นก่อนๆมาพัฒนาให้เกิดนวตกรรมใหม่ๆ ลองดูในมหาวิทยาลัยมีข้อมูลและวิทยานิพจน์อยู่มากมายแต่ไม่ค่อยมีใครนำมาใช้ประโยชน์จริงจัง หรือใช้ในชีวิตจริง หรือนำมาใช้การค้าขายได้ น่าจะมีหน่วยงาน หรือนักวิชาการ หรือสำนักงานกานศึกษาทาเป็นผู้รวบรวมความรู้มาใช้ประโยชน์จากความรู้เดิมๆ หรือสร้างนวกรรมใหม่ๆมาให้ใช้กันนะครับ คนเราคงต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่อก่อนคนจบปริญญาตรีน้อย และมักได้ดิบได้ดี ทำให้คนดิ้นรนให้จบให้ได้ พ่อแม่ขายของ หรืออาชีพรับจ้างส่งลูกเรียนสูงๆเป็นหมอ วิศวกร หรือปริญญาตรีสายอื่นๆ แล้วรุ่นลูกคงมีน้อยจะมาสืบถอดอาชีพเดิมๆของพ่อแม่  แต่เมื่อทุกคนคิดเหมือนๆกันก็ต้องมีทางออกอื่นๆ เช่นใช้แรงงานต่างชาติ ใช้เทคโนโลยี่ใหม่ให้ลดงานใช้แรงงานลง หรือค่าจ้างแรงงานต้องจูงใจในหารทำงาน เป็นต้น ผมว่าสังคมคงต้องปรับตัวไปตามกระแสสังคมใหม่ แต่จะเป็นอย่างไรก็ต้องดูกันต่อไป ในอนาคตรูปแบบอาชีพ และวิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปแน่นอนครับ คนเราต่างมีความฝันกันทั้งนั้น แต่จะมีใครสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จ ผมขอให้เพื่อนๆอย่าตัดสินคนหรือทับถมว่าเขาเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในความคิดของตัวคุณเอง เพราะคุณไม่ใช่ตัวเขา แต่ละคนอาจมีเหตุผลหรือแนวความคิดอีกอย่างที่ไม่เหมือนคุณก็ได้  เพราะคนเราต่างอยากประสบความสำเร็จทั้งนั้น ให้เรามาให้กำลังใจและช่วยเหลือคนรอบข้างให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จต่อไป จากคุณ : พ่อน้องนา - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประเทศที่พัฒนาแล้ว 1. เขาจ่ายค่าจ้างแรงงานที่ไม่ค่อยมีคนทำสูงกว่าทำงาน office ทำให้มีคนไปทำ สังคมก็น่าอยู่เพราะทุกคนมีรายได้พอเลี้ยงชีพ ประเทศด้อยพัฒนาอย่างเรา เลือกไปจ้างแรงงานต่างด้าว คนไทยจึงตกงานเยอะ สังคมถึงเต็มไปด้วยอาชญากรรม 2 งาน office งานผู้บริหาร ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาไม่ให้คนชาติอื่นมาทำงานง่ายๆเป็นนายเขา ประเทศด้อยพัฒนาอย่างเรา จ้างฝรั่งขี้นกจบมหาวิทยาลัยธรรมดาอยู่ประเทศตัวเองเป็นได้แค่เจ้าหน้าที่ธุรการ มาเป็นผู้บริหาร กอบโกยเงินกลับประเทศ คนไทยยกย่องเหมือนมันเป็นเทวดา จากคุณ : ชีวิตคือชีวิต - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องทำความเข้าใจกันใหม่นะ การที่คนๆหนึ่งจบวุฒิปริญญาตรี แสดงว่าคนๆนั้น มีวุฒิภาวะมากขึ้นเทียบเท่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นเท่านั้น ซึ่งเป็นเกณฑ์เฉลี่ย ไม่ได้หมายถึงทุก ๆ คนที่จบปริญญาตรีจะเป็นไปตามนั้น และในทางกลับกัน คนบางคนที่ไม่ได้จบปีญญาตรีก็อาจมีวุฒิภาวะเข้าเกณฑ์มาตรฐานได้เช่นกัน หรืออาจสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ ดังนั่น การทำงานอะไร ที่เป็นงานสุจริต ไม่เบียดเบียนคนอื่นและสังคม ทำได้ทั้งนั้น เพียงแต่เราคาดหวังว่าคนที่มีวุฒิภาวะที่สูงกว่าย่อมทำงานได้ดีกว่า ส่วนความเชี่ยวชาญความชำนาญ ทุกคนที่ทำงานต้องอาศัยประสบการณ์เก็บเกี่ยวจากการปฏิบัติทั้งนั้น เช่น จบปริญญาตรีมา มีความสามารถอ่านออกเขียนได้ บวกลบเลขได้ คิดเรื่องกำไรขาดทุนได้ พอมาขายก๋วยเตี๋ยว ก็เอาหลักวิชาพวกนี้มาใช้แบบไม่รู้ตัว ส่วนฝีมือการทำก๋วยเตี๋ยว ก็พอผ่านไปสักเดือน 2 เดือน ก็ทำให้อร่อยมากขึ้น คิดสูตรเด็ด ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ โดยอาศัยวุฒิภาวะของตนเองที่มีอยู่ จะจากการศึกษา หรือพรสวรรค์ก็ตามที สบายใจเถิด ไม่มีงานไหนที่ทำไม่ได้ ตราบใดที่เป็นงานสุจริต งานทุกงานมีเกียรติทั้งนั้น จากคุณ : ไอไอ - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รู้แต่ว่า ที่บ้านแฟน พนง.ขายที่หน้าร้าน(จบ ป.4) ได้รายได้วันล่ะ 1500 (ยังไม่รวมเปอร์เซ็นต์) ตกแล้วเดือนนึงได้เกือบแสน เด็กจบตรี เคยรับมาทำ ก็ทำได้พักเดียวก็ออกเพราะสู้งานไม่ไหว ปริญญาบอกได้แค่ว่า จบระดับนี้ มีความรู้ระดับนี้ แต่ชีวิตจริง เค้ายังเรียนไม่ผ่านครับ จากคุณ : komy14 - [ 11 ธ.ค. 50 07:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด การเรียนดีทั้งนั้นว่าแต่เรียนแล้วนำมาปรับใช้ได้หรือเปล่า ถ้าผมจ้างคนจบ ป.โท มาขายชิ้นปิ้ง เขาต้องหาวิธีขายแล้วได้กำไรวันละ 2000 ถ้าผมจ้างคนจบ ป.ตรี มาขายชิ้นปิ้ง เขาต้องหาวิธีขายแล้วได้กำไรวันละ 1200 ถ้าผมจ้างคนจบ ม.6 มาขายชิ้นปิ้ง เขาต้องหาวิธีขายแล้วได้กำไรวันละ 800 ถ้าผมจ้างคนจบ ม.3 มาขายชิ้นปิ้ง เขาต้องหาวิธีขายแล้วได้กำไรวันละ 500 ถ้าผมจ้างคนไม่จบอะไรสักอย่างแต่อ่านออกเขียนได้ มาขายชิ้นปิ้ง เขาต้องหาวิธีขายแล้วได้กำไรวันละ 300 ว่าแต่ภูมิความรู้ที่คุณมีคุณทำให้ผมได้หรือเปล่า คุณทำได้คุณก็อยู่ได้ตรรกง่ายๆวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง คุณมีแรงกายกับมันสมองผมมีทุนกับโอกาส จากคุณ : weeras - [ 11 ธ.ค. 50 11:50:13 ]