Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ***********เปิดข้อเท็จจริง ... ทำไมต้องเอา ปตท. คืนมา ************

    เปิดข้อเท็จจริง ... ทำไมต้องเอา ปตท. คืนมา  

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 ธันวาคม 2550 23:39 น.



    มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และผู้ฟ้องคดี 4 ราย จัดทำเอกสาร “ข้อเท็จจริงกรณี ปตท. ทำไมต้องเอา ปตท.คืนมา” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลโดยจะแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดพิพากษาคดี โดยเนื้อหาของเอกสาร ได้ตอบข้อสงสัย 7 ประเด็นอันเป็นเหตุผลว่า “ทำไมต้องเอา ปตท.คืนมา” คือ 1) องค์กรผู้บริโภคบ้าคลั่งหรือ ? 2) ความเสียหายจากการขายปตท. ขายแล้วขาดทุน ขายทำไม 3) ผลประโยชน์ส่วนตัวของบุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่รัฐบาลทักษิณถึงคุณปิยสวัสดิ์ 4) ปตท. กำไรปีละ 100,000 ล้านบาท ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน และผลกระทบของภาคธุรกิจจริงๆ
         
          5) การเพิ่มขึ้นของทรัพย์สิน 500,000 ล้านบาท ของปตท. เป็นทรัพย์สินของประเทศที่สูญหายไป 6) การแก้พระราชกฤษฎีกา และออกกฎหมายเพื่อล้มล้างความผิด หยุดใช้เทคนิกกฎหมายเพื่ออ้างต่อศาล และ 7) ปตท. ออกจากตลาดแล้วเศรษฐกิจเสียหาย จริงหรือ ?
         
          **บทเกริ่นนำ ทำไมต้องเอาคืน ปตท.
         
          ก่อนฟ้อง ปตท. มีคนสองกลุ่มที่เฝ้ามองว่า องค์กรผู้บริโภค จะฟ้องปตท.เมื่อไหร่ โดยกลุ่มหนึ่งมองด้วยสายตาสนับสนุนและหากไม่มีการฟ้องอาจจะคิดว่ากลุ่มผู้ฟ้องถูกซื้อด้วยเงินก้อนโต จาก ปตท. แต่อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า ปตท. ต่างจากกรณี กฟผ. ซึ่งถูกแปรรูปมายาวนานแล้ว หากจะฟ้องร้องจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและโดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย
         
          หลังฟ้อง หลังวันนัดฟังคำสั่งตุลาการผู้แถลงคดี ใกล้จะปิดคดี สถานการณ์ไม่แตกต่างกันมากนัก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้โทรศัพท์มากมายทั้งชมเชย สนับสนุน บางกลุ่มแนะนำให้มูลนิธิฯ ระดมทุนจากประชาชนทั่วประเทศร่วมกันออกเงินซื้อปตท.คืน โทรศัพท์บางสายก็ต่อว่าต่อขานว่ากำลังทำให้เศรษฐกิจเสียหาย หรือแม้แต่สื่อมวลชนบางฉบับ เช่น
         
          “เจตนาดีที่บ้าคลั่ง” จุดยืนมูลนิธิฯ เป็นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น วันที่ 3 ธันวาคมนี้ หลังจากศาลได้นัดฟังคำสั่งของตุลาการผู้แถลงคดี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
         
          หรือแม้แต่คอลัมน์ “ลมเปลี่ยนทิศ” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 3 ธันวาคม ที่พูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น หากปตท. จะถูกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์
         
          การฟ้องครั้งนี้ จึงมีความหมายและมีความสำคัญ เพราะท้าทายสามัญสำนึก จริยธรรมพื้นฐานของสังคมไทยว่า ยังยึดมั่นในความเป็นธรรมทางกฎหมายมากน้อยเพียงไร หรือพร้อมจะใช้ข้ออ้างประเด็นทางเศรษฐกิจระยะสั้นของคนกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจมาแลกกับความเป็นธรรมทางกฎหมายกันแน่ ผู้ฟ้องคดีเชื่อว่า คดี ปตท. จะให้บทเรียนที่สำคัญกับนักการเมืองและข้าราชการที่ฉ้อฉลว่า การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องจะพ่ายแพ้ต่อความเป็นธรรมทางกฎหมายในที่สุด
         
          ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ เพราะคนจำนวนไม่น้อย คิดว่าเรื่องมันล่วงเลยมานานแล้ว ถึงแม้จะมีความผิดพลาดก็ช่วยๆ กันไป เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตลาดหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของคนมีอำนาจทางเศรษฐกิจโดยผู้กระทำการทั้งหลายที่สร้างความเสียหายต่อประเทศไม่ต้องมีความรับผิดชอบใดๆ เป็นเพราะเราคิดกันแบบนี้หรือไม่ ทำให้ความฉ้อฉลของผู้มีอำนาจรัฐถึงอยู่ในสังคมไทยได้อย่างสง่างามมาโดยตลอด แม้แต่การแปรรุป กฟผง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายยังไม่เห็นว่า จะมีใครรับผิดชอบกับความผิดที่เกิดขึ้น
         
          ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. จะเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมไทย ไม่ว่าผลของคดีจะถูกตัดสินออกมาเช่นไร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และผู้ฟ้องคดีทั้ง 4 ขอน้อมรับคำตัดสินนั้น
         
          **องค์กรผู้บริโภคบ้าคลั่งหรือ ?
         
          พวกเราไม่ใช่พวกบ้าคลั่ง แต่หากจะกล่าวว่า เป็นพวกสู้ไม่ถอยต่อความไม่ถูกต้องเห็นจะถูกต้องที่สุด การฟ้องคดี กฟผ. ในอดีต ก็ถูกบอกว่าผีจะลงหลุมแล้วทำไมขุดขึ้นมาอีก
         
          ประชาธิปไตย ไม่ใช่การไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้น แต่ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ติดตาม ตั้งคำถามต่อความไม่ถูกต้อง และหาผู้รับผิดชอบที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดจนทำให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะ เศรษฐกิจ สังคม การดำเนินการแปรรูป กฟผ. เป็นเพียงการแปรทรัพย์สมบัติสาธารณะให้กลายเป็นทรัพย์สินเอกชนที่ยังคงอำนาจผูกขาด
         
          หากเป็นประเทศอื่นๆ คงได้เห็นความรับผิดชอบด้วยการลาออกของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องให้ทหารมาทำการรัฐประหาร รวมถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและครอบครัวในหลายรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการปรับโครงสร้างถาวรในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจทั้งหลายที่ควรมีองค์ประกอบของนักวิชาการและตัวแทนผู้บริโภค
         
          แต่สิ่งที่ได้มาจากการฟ้องคดีในครั้งนั้น คือ การสนับสนุนกำลังกาย กำลังใจ และงบประมาณ จากผู้คนผู้บริโภคทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ และนับเป็นการฟ้องที่มีผู้ร่วมฟ้องคดีมากที่สุด ถึง 2,038 คน
         
          กรณีการแปรรูป ปตท. ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้บริโภคทั้งระบบสาธารณูปโภคของประเทศ ระบบเศรษฐกิจ สายพานการผลิต ราคาสินค้า ฯลฯ เมื่อพบว่า มีข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง การใช้สิทธิในกระบวนการศาลเพื่อการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ เป็นสิ่งที่องค์กรและพลเมืองประชาชนคนเล็กคนน้อย พึงมีสำนึกเข้าร่วมกระทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางกฎหมาย ซึ่งเป็นความมั่นคงที่แท้จริงต่อสังคมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

    จากคุณ : อภิบาลคนดี - [ 14 ธ.ค. 50 02:24:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom