ความคิดเห็นที่ 1 อีกอย่างหากดูความเหมาะสมของราคาตามงบการเงินแล้วจะพบว่าปี 2544 ตอนเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มีผลกำไร ประมาณ 3000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเพียง 1.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากคิดตามราคาIPO ที่ 35 บาทแล้ว จะได้ PE ถึง 27 เท่า ซึ่งจัดว่าราคาค่อนข้างแพงมากครับ และหากเรามองว่าปตท.มุมมิบงบการเงินสมัยยังไม่ได้เป็นบมจ. เมื่อแปรรูปแล้วราคาควรกระโดดมากๆ แต่ความจริงก็คือ ปี 2545 ทั้งปี ปตท.บมจ.ทั้งปีก็ยังทำกำไรได้ไม่มากกว่าเดิมมากนัก โดยทำกำไรสุทธิ ที่ ประมาณ 5,300 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 1.90 บาทต่อหุ้น และหากเทียบเป็น PE ratio จะได้ถึง 18 เท่า ครับ ถ้าคุณอยู่ในวงการหุ้นแล้วล่ะก็ PE สูงขนาดนี้คงต้องคิดหนักหน่อยครับ เพราะราคาหุ้นยังถือว่าแพงอยู่มาก(ค่าPE ที่เหมาะสมแก่การลงทุนอยู่ประมาณ 10-15 เท่า) หากตอนนั้นได้ผู้บริหารที่ไร้ความสามารถแล้วปีต่อไปกำไรก็อาจหดหายลงไปได้อีก รายละเอียดเกี่ยวกับงบการเงินลองหาอ่านได้ตามลิ๊งข้างล่างนะครับ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin/cgi-bin/resultFS.php?from_page=findFS&lang=T&cmb_comp_id=0653 จากคุณ : คนรักน้ำมัน - [ 16 ธ.ค. 50 11:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้กรรมการ อสมท คนใหม่จะมีเวลามาดูข้อมูลนี้หรือเปล่านะครับ จากคุณ : tonytui - [ 16 ธ.ค. 50 12:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนหลักการประเมินราคาหุ้นขออนุญาตอธิบายอย่างนี้นะครับว่า การประเมินราคาหุ้นนั้นเราอาจพิจารณาง่ายเป็น 2 อย่างคือดูความสามารถในการทำกำไรได้แก่ P/E ratio และอีกอันจะดูที่มูลค่าทรัพย์สินได้แก่ P/BV ratio P/E ratio กล่าวง่ายๆคือมูลค่าตลาดPrice(หรือราคาIPOxจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังแปรรูปแล้ว)หารด้วยกำไรสุทธิEarningของปีนั้นๆ ซึ่งวัดค่าออกมาเป็นอัตราส่วน โดยทั่วไป ราคาหุ้นที่ถือว่าไม่แพงนัก หรือมูลค่ายุติรรมจะมีค่า P/E ประมาณ 10-15 เท่า P/BV ratio คือ มูลค่าตลาด Price หารด้วยมูลค่าทางบัญชีBook Value ของกิจการนั้นๆทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือทรัพย์สินลบด้วยหนี้สินซึ่งก็จะได้ส่วนของผูถือหุ้น ซึ่งราคาหุ้นที่เหมาะสมควรจะมี P/BV อยู่ระหว่าง 1-2 เท่าครับ และหากพิจารณาดูกรณีปตท.แล้วในปี 2544 ที่ทำการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีค่า P/BV ประมาณ 1.4 เท่าซึ่งก็จัดว่าเหมาะสมดีครับ อย่างไรก็ตามการพิจารณา ราคาเหมาะสมต้องดูทั้ง 2 อย่างประกอบกันครับ ไม่ใช่ดูอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะหากค่า P/BV ต่ำไม่ถึง1 แต่กิจการขาดทุน ราคาหุ้นก็ต้องตกลงมาครับ จากคุณ : คนรักน้ำมัน - [ 16 ธ.ค. 50 12:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างที่ จขกท คิดถูกแล้วครับ แต่ที่มีเรื่องกันเนี่ย เกิดจาก เขาคิดว่าถ้าราคาตอนนั้น IPO(35) ทำไมไม่ขายที่ราคาปัจจุบัน(300-400) ซึ่งพอคิดแล้วก็เกิดเสียดายจึงมาเรียกร้องว่า จริงๆ แล้วน่าจะขายได้ราคาที่ดีกว่านี้ พอดี ปตท ธุรกิจชัดเจน ตอนนี้ก็เกือบผูกขาด บริหารได้ดี ราคาก็เลยพุ่ง เหมือนกับหวยออก หนะครับ พอ ออกแล้วก็คิดว่าทำไมไม่ซื้อไปมาก ๆจะได้ ได้เงินเยอะ ๆ มาดูตัวอื่นที่หวยยังไม่ออกบ้าง MCOT ก็เหมือนกัน ถ้าตอนนี้ราคา 300 ก็คงมาเรียกร้องเหมือนกัน ความเป็น BRAND มีอยู่แล้วแต่บริหารไปๆ มาๆ นโยบายไม่คงที่ ใครเขาจะไปทำธุรกิจด้วยล่ะครับ ราคามันเลยทรงๆ ทรุดๆ คู่แข่งก็มีไม่เท่าไร แต่ทำไมราคาไม่ไปไหน ตอนนั้น จะเกิน 40 อยู่พักหนึ่ง ตอนนี้กลับไปน้อยกว่า 30 อีกละ AOT monopoly แน่นอน ทำไมปีเดียว EPS จาก7.7 เป็น .77 เอาไปจ่ายค่าชดเชยหมดหรือ ? จากคุณ : kim - [ 16 ธ.ค. 50 12:22:06 A:61.7.146.11 X: TicketID:110735 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หวยออก พูดอะไรถูกหมด จากคุณ : เก่งๆตอนหวยออก - [ 16 ธ.ค. 50 12:42:18 A:124.120.128.38 X: TicketID:000564 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หากตอนนั้นตั้งราคา IPO ที่ 300 บาทแล้วล่ะก็ รัฐคงขายหุ้นไม่ออกและการแปรรูปก็ทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอนครับ เพราะเป็นผมก็ไม่กล้าซื้อหรอกครับ เพราะหุ้นจะมีค่า P/E raio เท่ากับ 230.7 เท่า และ P/BV ratio เท่ากับ 12 เท่า ขอทิ้งท้ายว่าการมองอดีตมันง่ายกว่าการมองอนาคตเสมอครับ ที่ผู้ถือหุ้นมีความเสี่ยงและส่วนใหญ่มักขาดทุนเพราะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความจริงถ้าจะพูดว่าคนซื้อหุ้น PTT ตอนนั้นเป็นคนใจกล้าและมีความเสี่ยงก็คงไม่ผิดนัก ณวันนั้น(ปี2544)หากมีใครมาบอกว่าราคาน้ำมันจะขึ้นมาถึง90-100 เหรียญ คนส่วนใหญ่คงต้องหัวเราะเยาะ เพราะเป็นเรื่องตลกขบขันไปครับ จากคุณ : คนรักน้ำมัน - [ 16 ธ.ค. 50 12:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านจากคำฟ้อง  เข้าใจว่ามีการตกแต่งตัวเลขทรัพย์สินให้ต่ำกว่าความเป็นจริง   งบการเงินปีก่อนเข้าตลาด   มีทรัพย์สินสูงกว่าปีที่เข้าตลาดมาก    ยังไม่ได้ตามไปดูงบการเงินก่อนปีเข้าตลาดเลย     ถ้าใครอยากรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร   ก็ต้องนำงบการเงินปีก่อนๆ เทียบกับปีที่เข้าตลาด จากคุณ : เฟิร์นก้านดำ - [ 16 ธ.ค. 50 12:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าเป็นไปตามที่ #7 เข้าใจ ผู้ตรวจสอบบัญชี ซวยแน่ แต่ ปตท.น่าจะใช้บริษัทตรวจสอบบัญชีที่มีมาตรฐานนะ จากคุณ : ฉี จื่อ หลิง - [ 16 ธ.ค. 50 13:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วถ้าคิดอย่างนี้ละเฉพาะมูลค่าท่อก๊าช ที่โอนคืน แสนล้านบาท คิด 40 เปอเซ็นต์  ก็ 40000 ล้านบาท ท่อก๊าชที่จะโอนคืน เป็นท่อก๊าซที่วางไว้ก่อนแปรรูป มุลค่ามีแต่จะเสื่อมลงไม่มีขึ้น แล้วทำไม รัฐขาย ipo ทั้งปตท. รวมบริษัทย่อยด้วย 40 เปอร์เซ็น ได้เงินแค่ 28000 กว่าล้านบาทเอง จากคุณ : delight - [ 16 ธ.ค. 50 13:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไมไม่มองในมุมกลับละครับ ว่าบริษัทน้ำมันในโลกมีบริษัทไหนบ้างราคาหุ้นขึ้นถึง15เท่าภายใน5ปี ผู้บริหารปตทเก่งขนาดบริหารองค์กรให้ Book value ของบริษัทมากขึ้น15เท่าภายใน5ปี เลยหรือครับ จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 16 ธ.ค. 50 13:24:51 A:58.9.191.223 X: TicketID:070304 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เหอ เหอ ควันหลงยังอีกหลายวัน งานนี้ ต้องดูกันยาว ๆ จากคุณ : ไอไอ - [ 16 ธ.ค. 50 13:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่อง IPO ก็เรื่องหนึ่งครับ การกระจายหุ้นที่ให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของก็เรื่องหนึ่งครับ ความโปร่งใสนำมาสู่คำว่าธรรมาภิบาลครับ เเค่การจองซื้อก็ไม่โปรงใสแล้ว กลับไปดูนามสกุลกลุ่มที่ได้ ราคา IPO ก่อนครับ และปิดการจองหลังเปิด 15 วินาที ชาวบ้านรอหน้า ธนาคารตั้งแต่ ตี3 ยังไม่ได้เลย ธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล แค่เริ่มก็มีกลิ่นแล้ว จากคุณ : CP_Card - [ 16 ธ.ค. 50 14:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณพูดว่า PTT ราคา ipo ต่ำกว่าความเป็นจริง... ใช่ครับ คุณพูดได้เพราะวันนี้ราคาไป 368 บาท... ถ้าสมมุติวันนี้ ราคาอยู่ต่ำจองอยู่ จะมีใครพูดแบบนี้ไหมครับ วันที่ปตท.เข้าตลาด ราคาอยู่ต่ำกว่าจองอยู่นาน... มีแต่คนพูดว่า สมน้ำหน้าคนจอง... พอวันนี้ ราคาไปสามร้อยกว่า... กลับมาพูดว่า ขาย ipo ถูกไป... อย่างที่ข้างบนพูดว่า หวยออก พูดอะไรก็ถูก .... ถูกต้องเลยครับ ปล.ถ้าอย่างนั้น ผมขอร้องเรียนว่า THAI ขาย ipo แพงเกินเหตุได้ไหม... เพราะ ipo ขาย 60 บาท ... วันนี้ราคา 37.50 บาท... หวังว่าถ้าอีก 10 ปี ... ถ้า THAI ราคาเป็น 300 บาท คงไม่มีใครออกมาพูดนะครับว่า ขาย ipo ถูกไปอีก...อิ อิ จากคุณ : มาตรฐานชายไทย - [ 16 ธ.ค. 50 16:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 THL อนาคตเป็นอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : ทุ่งคา - [ 16 ธ.ค. 50 16:01:32 A:172.16.3.203 X:10.231.1.200, 203.149.16.42 TicketID:144714 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนจะ IPO ตลาด(นักลงทุน) ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท PTT คนที่ตั้งราคา - PTT กับ ที่ปรึกษาต่างๆ ต้องกำหนดราคาให้เหมาะสมกับข้อมูลที่เปิดเผยได้ในขณะนั้น เท่าที่จำเป็น (หนังสือชี้ชวน) ราคาที่ตั้งต้องไม่ต่ำเกินหรือสูงเกินไป ถ้าพิจารณาจาก Historical ข้างบน ส่วนตัวมองว่า ราคา 35 เหมาะสมแล้วครับ ภายหลังที่ราคาต่ำลงแล้วค่อยๆสูงขึ้น ก็คงเป็นเพราะมีข้อมูลใหม่ที่ทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยน จึงส่งผล reflect ไปในราคาหุ้นครับ จากคุณ : Persona - [ 16 ธ.ค. 50 18:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากข้อมูลของเซ็ตเทรดนะครับจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมดประมาณ3พันล้านหุ้นราคาipoหุ้นละ35บาท pttจะมีราคา 35x3พันล้าน=ประมาณแสนล้าน คุณคิดว่าทรัพย์สินทั้งหมด+กับสัมปทานต่างๆที่pttมีนั้นเกินแสนล้านหรือป่าวถ้าเกินแสดงว่าตั้งราคาต่ำกว่าจริงคิดง่ายๆมีร้านอยู่ร้านหนึ่งลงทุน1ล้านอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบคนอื่นแถมยังได้สิทธิพิเศษอีก ถ้าคุณสามารถซื้อกิจการนี้ได้ถูกกว่า1ล้านคุณจะซื้อหรือไม่เป็นผมก้อซื้อซื้อแล้วไม่ทำขายต่อก้อได้กำไรล่ะไม่ต้องทำไรเลย เท่าที่อ่านเห็นบอกท่อกาศมีราคา4หมื่นล้าน แล้วไหนจะที่ของpttทั่วประเทศอีกราคาเท่าไหร่ราคาโรงกลั่น สต็อกน้ำมันบริษัทย่อยต่างๆอีก ปล.1นี่เป็นความคิดเห็นของผมนะครับผมไม่มีปัญญาซื้อหุ้นpttหรอกครับ จากคุณ : diabloth - [ 16 ธ.ค. 50 19:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบความเห็นที่ 9 ก่อน ง่ายๆ คร่าวๆ  book =  asset - หนี้สิน สมมติตัวเลข ถึงมีท่อ มีตึก  มีสถานีน้ำมัน มีแท่นขุดเจาะ 4 แสนล้าน  แต่ถ้า มี หนี้ 3.7 แสนล้าน  book ก็เหลือ 3 หมื่นล้าน ครับ ต้องดูด้วยว่าตอนนั้น มีหนี้เท่าไหร่ _______________________________________ ปตท ตอนออก IPO มีบริษัทลูกหลายบริษัท แต่ละบริษัท ส่วนใหญ่ขาดทุน หลายบริษัท ขาดทุนสะสม ตั้งแต่ ปี 40 ที่เงินบาทลอยตัว งบปตท ต้องแบกรับ ส่วนได้ส่วนเสีย จากลูกๆ ทั้งหลาย ตอนนั้น ATC TOP RRC RPC BCP ฯลฯ ขาดทุนสะสมทั้งหมด ATC อยู่แถวๆ 6  บาท รู้สึกว่า ต่ำสุด 3 บาทกว่าด้วยซ้ำ ลงทุนเยอะ ค่าเสื่อมเยอะ เงินบาทอยู่ที่ 55 ซื้อของมาทำโรงงานก็แพง หนี้ก็ต้องใช้ทวีคูณ ดอกเบี้ยก็สูง ไม่ได้ต่ำเหมือนตอนนี้ รัฐก็อุ้มแต่แบงค์ ปตทต้องต่อสู้ตามลำพัง ปตทเอง ตอนนั้นก็ไม่มีตังค์  ลูกๆหลายบริษัท กำลังจะถูกเลหลังขายให้ต่างชาติ เพราะในไทย ไม่มีตังค์แล้ว คลังก็ไม่มีตังค์ เศรษฐกิจก็แย่ ก็เลยมา IPO เอาตังค์จากพวกเราไปเยียวยา ลูกๆ ทั้งหลายเป็นจำนวนเงิน 3 หมื่นล้าน  ซึ่งต่อมาภายหลัง เงินก้อนนี้ ก็ทำให้เกิด value added  เกิน 4 แสนล้าน ลูกๆ ทั้งหลาย ก็มีกำไรจากการ hair cut และ กำไรจากการบริหารจัดการที่ดี  การ synergy ควบรวม  ขายของมี margin สูงขึ้นเพราะราคาตลาดโลกสูงขึ้นด้วย เงินบาทก็แข็งขึ้น ดอกเบี้ยก็ลง ตลาดหุ้นก็ขึ้น  ปตทก็ได้รับส่วนได้เสีย จากผลกำไร มาเต็มๆ และปตท ก็ได้จังหวะ ขายบริษัทลูกๆ ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น  ATC ไปแถวๆ 72 บาท NPC แปลงร่างเป็น PTTCH กำไรเพียบ TOP ก็ IPO ได้กำไร 5-6 เท่า แถมไปซื้อ TPI 3.3 บาท ก็ได้ปันผลมาคุ้มค่า   ตัว PTTEP ATC TOP PTTCH RRC ก็กลายเป็นอภิชาติบุตร ตามราคาตลาดโลก ส่วนที่ยังไม่ได้ขาย ก็แบ่งผลกำไรมาให้มหาศาล จน ปตท ทำกำไร 30 % ส่วนอีก 70 % มาจากลูกๆ ราคาปตท ก็เลยขึ้น 10 เท่า 10 เท่าไม่แปลก เพราะ ATC ก็ขึ้นเกิน 10 เท่า PTTEP ก็เกิน 10 เท่า  TOP ก็ขายกำไร 6 เท่าจากราคาทุน 10 บาท ราคาน้ำมันเองก็ขึ้น 4 เท่า และโตในเชิงปริมาณอีก 1.8 เท่า คูณกันแล้วก็เกือบ 10 เท่า หุ้นปูนใหญ่ ตอนนี้ par 1 ขึ้นมาสูงสุด 286 เท่า ตอนนี้ 224 เท่า บ้านจัดสรร phase 1 กับ 2 spec เดียวกัน สร้างช้ากว่ากัน ไม่กี่เดือน ราคาต่างกันหลายแสน เพราะปูนขึ้นราคา กลับไม่เห็นมีใครพูดถึง Banpu ขึ้นมา 80 เท่า KK ฟื้นจากตาย ก็สูงสุด 80 เท่า พวกหุ้น รพ หุ้นประกัน  Mint Rojana ticon ขึ้นเกิน 10 เท่าทั้งนั้น เจ้าของเค้าไม่ฉลาด ตั้งราคา IPO ถูกไปเหรอ หุ้น Mai หลายตัว ก็ขึ้นกัน 4-5 เท่า ภายใน 0-3 ปี เช่น UMS SNC UEC DRT ILINK  AIT เจ้าของเค้า IPO ถูกๆ มาแจกตังค์หรืออย่างไร หน่อมแน้ม มากครับ หากใครคิดว่า IPO 35 บาท เป็นการทุจริต หลักกาลามสูตร อย่าเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา อย่าเชื่อ สื่อบางราย ที่จ้องป้ายสี ทรท อย่างเดียว ปตท เริ่มทำแผนแปรรูป โดยประชาธิปัตย์ อนุมัติโดยรัฐบาลชวน พวก ทรท มีได้สิทธิ์ซื้อหุ้น 35 บาท  ล้านกว่าหุ้น อยู่สองคน คือ คุณประยุทธ เจ้าพ่อเนสกาแฟ กับ คุณ ทวีฉัตร ที่ราคา 35 บาท แกขาดทุนอยู่ปีกว่าๆ ไม่รู้ขายหมู ขาดทุนรึเปล่า พวกนี้ได้จากโบรคเกอร์ เทรดเยอะ ก็ได้หุ้นจอง เป็นธรรมดา แต่ผมอ่านจากกระทู้ด้านล่าง บอกว่า พวกนักการเมืองยุคก่อน ทรท  ได้หุ้น PTT ราคา par  10 บาท หลายสิบล้านหุ้น (ได้กันฟรีๆ) เคยสังเกตมั้ยครับ ว่าฝ่ายค้าน ไม่เคยโจมตี ทรท เรื่อง IPO ปตท เอาเป็นว่า ผมไม่พูดเรื่องการเมือง มากไปกว่านี้ ดีกว่า จากคุณ : จิตผู้รู้ - [ 16 ธ.ค. 50 20:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ คห 8 ครับ ปตท ให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีครับ โดยมี ( คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ) ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จากคุณ : อ - [ 16 ธ.ค. 50 20:43:53 A:99.234.11.178 X: TicketID:050058 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ที่คุณ จิตผู้รู้อธิบายมานั่นชัดเจนครับ ตอนนั้นปตท. ถึงจะเป็นผู้ผูกขาดในกิจการหลยอย่างก็จริง แต่อย่าลืมว่าผูกกับลูกที่ขาดทุนย่อยยับ จนต้องพักชำระหนี้ด้วยเช่น TOP ATC NPC TOC โดยเฉพาะ TOP กับ ATC นี่เน่ามากๆ จนมีความคิดที่จะขายทิ้ง เพราะที่ปรึกษาการเงินที่จ้างมาตอนแรก แนะนำแบบนั้น โชคดีที่ไม่ขายแล้วได้กระจายหุ้น แล้ว refinanace ได้ช่วงน้ำมัน ปิโตรเคมี กำลังเป็นขาขึ้นพอดี ฉนั้นเรียกได้ว่า โชคดีและเฮงมากๆ จากคุณ : sin (sin_b) - [ 16 ธ.ค. 50 21:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องจองซื้อที่เต็มเร็วที่คุณ CP_Card  พูดอะ ผมพออธิบายได้ ถ้าคุณรู้จักเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือรู้จักผู้จัดการเลย เค้าฝากจองกันล่วงหน้าแล้วครับ ผมถึงเวลาเริ่มจองจริงพวกเจ้าหน้าที่ ธนาคารก็คีย์ข้อมูลให้พวกนี้ก่อน ผมถามหน่อยพวกนามสกุลดังๆเค้าไม่รู้จัก พวกนายธนาคารเหรอครับ ถ้าคุณจะบอกว่ามันทุจริต ก็ต้องไปว่าพวกนั้น ไม่ใช่เพราะ ปตท. คุณคนไทยคนหนึ่ง  คุณมั่นใจหรือครับว่า 15 เท่านี่ยาก ผมว่าเยอะแยะ  คุณลองไปดูหุ้นย้อนหลัง แค่ตลาดหุ้นไทยผมว่ามีเกิน 10 ตัว ที่ผลตอบแทนเกิน ปตท. คุณ Delight ท่อก๊าซเนี้ย เค้าไม่ได้ทำทั้งหมดตั้งแต่ก่อนแปรรูป เค้าทำเพิ่มตอนอยู่ตลาดแล้ว ก็เยอะ แล้วก็อย่างที่คุณ จิตผู้รู้ บอกเค้าไปกู้มาทำเป็นหนี้ มันไม่ใช่ส่วนของเจ้าของครับ ผมชอบความเห็น คุณ จิตผู้รู้ มากๆ โดยเฉพาะเรื่องหลักกาลามสูตร 1 อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา 2 อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำ สืบ ๆ กันมา 3 อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ 4 อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา 5 อย่าได้เชื่อถือ โดยเดาเอาเอง 6 อย่าได้เชื่อถือ โดยคาดคะเน 7 อย่าได้เชื่อถือ โดยตรึกตามอาการ 8 อย่าได้เชื่อถือ โดยชอบใจว่าต้องกับทิฐิของตัว 9 อย่าได้เชื่อถือ โดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ 10 อย่าได้เชื่อถือ โดยความนับถือว่านี้ คือครูของเรา ขอเพิ่ม อย่าเชื่อเพราะ เค้าพูดดูหน้าเชื่อถือ และอย่าเชื่อเพราะ เค้าพูดผ่าน ASTV จากคุณ : abscisic - [ 17 ธ.ค. 50 07:48:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 confirm 20 ครับ เด็กแบงค์บอกมาเอง ตอนนั้นใครอยากได้บอกเค้าคีย์ได้เลย คนรู้จักสั่งล่วงหน้ากันเป็นวันๆ ทำไฟล์ไว้ถึงเวลาคีย์แล้วกดปุ่มอย่างเดียว จากคุณ : khanchang - [ 17 ธ.ค. 50 10:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 17 ธ.ค. 50 11:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พวกโง่ๆเท่านั้น ที่ไปเชื่อ รสนา จากคุณ : yod_envi - [ 17 ธ.ค. 50 11:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก๊อปข้อมูลเก่าที่คุณ TRAT โพสไว้มาให้พิจารณา ___________________________________________ รายได้ของรัฐจากกลุ่ม ปตท. ภายใต้ 2 รัฐบาลเปรียบเทียบ เงินนำส่งรัฐจาก ปตท. ภายใต้ช่วงรัฐบาล ปชป. กับรัฐบาล ทรท. หากนำมาแยกเป็นรายปี..ตามประเภทการนำส่งในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแยกเป็นการนำส่งในรูปของภาษีนิติบุคคล เหมือนผู้ประกอบการ นิติบุคคลทั่วไป ส่วนหนึ่งนำส่งในรูปเงินนำส่งรัฐ (ส่วนแบ่งกงสี) ในฐานะที่รัฐเป็นเจ้าของ 100 % เต็ม ซึ่งยังไม่มีการแปรรูป ยังไม่ได้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน ต่อมาเมื่อแปรรูปแล้ว แปลงสินทรัพย์เป็นทุนเรือนหุ้นแล้ว...การนำส่งรัฐแบบกงสีก็ต้องยกเลิก เป็นการนำส่งในรูปเงินปันผลแทนที่...ผลสรุปพัฒนาการของรายได้ของรัฐจาก ปตท. สรุปได้ใน 2 ช่วงรัฐบาล เป็นดังนี้ ======ปตท. ภายใต้รัฐบาล ประชาธิปัตย์======== ปี 2542 (รวม 7,862 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....1,212 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................6,650 ล้านบาท ปี 2543 (รวม 6,102 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....2,250 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................3,852 ล้านบาท ========ปตท.ภายใต้รัฐบาลไทยรักไทย======= ปี 2544 (รวม 11,210 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....4,181 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................7,029 ล้านบาท =====รัฐบาลแปรรูป ปตท. ตาม พรบ.ทุนฯ======== ปี 2545 (รวม 16,718 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....6,874 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................5,000 ล้านบาท เงินปันผลจากหุ้น...............4,844 ล้านบาท ปี 2546 (รวม 15,294 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....9,771 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น...............5,523 ล้านบาท ปี 2547 (รวม 22,703 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....15,089 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น.................7,614 ล้านบาท ปี 2548 (รวม 35,344 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล...22,495 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น..............12,849 ล้านบาท ปี 2549 (รวม 51,400 ล้านบาท) ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....33,792 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น...............17,608 ล้านบาท ======****************************====== ถ้ารัฐบาลสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศแบบนี้เรียกว่าขายชาติ....เหรอครับ...???????? ปชป. จะตั้งนโยบายถลุงเงิน...เอารายได้ส่วนนี้ไปใช้ก็ดูให้ดีนะครับ...ให้มันเกิดประโยชน์คุ้มค่า กว่าจะบริหารให้ได้เงินมาใช้ในกิจการต่างๆตามงบประมาณของประเทศ...มันเหนื่อยนะครับ... คนเสนอหาเงิน หารายได้ให้ประเทศมันไม่ค่อยจะมี...มีแต่คนเสนอใช้เงิน....กึ๋นมันต่างกันตรงนี้ จากคุณ : TRAT ___________________________________________________ จากคุณ : . (ฆ้องชัย) - [ 17 ธ.ค. 50 12:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พวกสาวก ลิ้ม ก้อยังเถียงสุดใจขาดดิ้น ไม่รู้ตอนก่อนจะพิมพ์เถียง เอาสีข้างถูลงมาเนี่ย ได้อ่านข้อมูลที่ท่านอื่น ๆ เขากรุณาจุด เทียนแห่งปัญญา ให้ก่อนมั๊ย หัดอ่านหลาย ๆ ที่ แล้วค่อยมาพูด ถ้าอ่านอยู่ที่เดียว ผู้จัดการที่ศาสดาลิ้มเอาเท้าเขียนให้อ่าน แล้วจำมาพูดน่ะ เลิกเหอะ จากคุณ : ซาตาน (kazamachin) - [ 17 ธ.ค. 50 13:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ... 5555 .... ... ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ติดดอย Ptt ด้วย นะ ... ... เป็นไงล่ะ ...เปลี่ยนตลาดหุ้น ( โดยวิธีเ็ก็งกำไร ) จนกลายเป็นบ่อนพนันในสายตาชาวบ้าน และ เยาวขน ... ... ทำให้ปิดโอกาสการศึกษาทางด้านลงทุน เพราะคนนอกตลาดคิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อน ... ... ขาดทุนเท่าใดก็ตัดใจ และ เปลี่ยนนิสัยการเล่นหุ้นเสียใหม่นะ ... ... เปลี่ยนไปเรียนรู้ฝึกการเป็นนักลงทุนในหุ้นระยะยาว ... ... ประเทศไทยจะได้เจริญกว่านี้ นะ ... จากคุณ : สงสารแมงเม่า Ptt - [ 18 ธ.ค. 50 06:53:07 A:124.120.103.206 X: TicketID:078229 ]