PANTIP.COM : I6136832 NGO เอาเงินที่ไหนมาเป็นเงินเดือนอะครับในเมื่อมันไม่แสวงหากำไร []

ความคิดเห็นที่ 1

เอามาให้อ่านนะครับถูกผิดผมไม่รู้

พลวัต
เอ็นจีโอ.-อนาธิปัตย์

มีคำถามค่อนข้างรุนแรงว่า เอ็นจีโอ.มีประโยชน์อะไรบ้างกับสังคมไทย หฃและสังคมโลก?

คำถามนี้ เกิดจากข้อสงสัยเกี่ยวกับบทบาทของเอ็นจีโอ.หลายๆกลุ่มที่ดูเหมือนจะกลายสภาพเป้นนักเคลื่อนไหวทางสังคมในลักษณะทำลายล้าง และสร้างปัญหามากกว่าสร้างสรรค์ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ คนที่กระทำการที่ว่า มักจะทำในนามของความชอบธรรม สิทธิเสรีภาพ และความปรารถนาดี ซึ่งเข้าข่าย “เจตนาดี ประสงค์ร้าย”อย่างน่าเสียดาย

ความคับข้องใจดังกล่าว คนที่จะตอบได้ดีที่สุด หนีไม่พ้นคนในวงการเอ็นจีโอ.ด้วยกันน่ะแหละว่าจะประพฤติตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ในทางบวก ไม่ใช่เรื่องลบ

คำว่าเอ็นจีโอ. มาจากภาษาอังกฤษเต็มว่า non-governmental organizations ซึ่งนิยามโดยสหประชาชาติ โดยอยู่ภายใต้กรอบปรัชญาทางสังคมวิทยาเรื่อง “ความฉลาดของฝูงชน”(wisdom of crowd) ซึ่งแตกแขนงมาจากรากเหง้าของปรัชญาของพวกนีโอมาร์กซิสต์ โดยเฉพาะเจอร์เก้น ฮาเบอร์มาส เจ้าของทฤษฎีเรื่อง พื้นที่สาธารณะ (public sphere) และ การกระทำเชิงสื่อสาร (communicative actions)ปรัชญาพื้นฐานดังกล่าว เชื่อมั่นว่า ความหลากหลายทางความคิด และการสื่อสารที่มีเหตุผลทั้งหลายแหล่ เมื่อแสดงออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่มีอำนาจรัฐเข้ามากดดันแล้ว ท้ายสุดจำนำไปสู่ภูมิปัญญาใหม่ๆที่นอกจากพบทางออกให้กับสังคมแล้ว ยังสามารถที่จะสงวนความเห็นของเสียงส่วนน้อยไม่ให้เกิดเผด็จการโดยเสียงข้างมากสหประชาชาติ และสหรัฐฯ เป็นต้นธารของกระแสกำเนิดเอ็นจีโอ. ได้ช่วยกันแพร่ความคิดนี้ออกไป ถือว่า สังคมใดเปิดช่องให้มีเอ็นจีโอมากเท่าใด ถือว่า เป็นสังคมประชาธิปไตย (หรือที่เรียกกันว่า ประชาสังคม หรือ สังคมอารยะ (civil society)นั่นแหละ)มากเพียงนั้นนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ถึงกับเคยยกย่องเอ็นจีโอ.เสียเลิศลอยฟ้าว่า เป็น “ สติสัมปชัญญะของมนุษยชาติ” (conscience of humanity) กันเลยทีเดียวผลลัพธ์ก็ทำให้นักเคลื่อนไหวทางสังคมจำนวนมากที่ปฏิเสธทั้งแนวทางสังคมนิยม และแนวทางทุนนิยม แถมยังไม่ไว้วางใจอำนาจรัฐ กลายสภาพเป็นเอ็นจีโอ.กันอย่างกว้างขวาง กิจกรรมของเอ็นจีโอ แพร่ระบาดไปหลายด้าน เรียกรวมๆกันว่า ประชาสังคม มีทั้งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รณรงค์สุขภาพ สิทธิมนุษยชน ต่อต้านคอรัปชั่น ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสังคม ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและเด็กและผู้ด้อยโอกาส ฯเครือข่ายของเอ็นจีโอ แพร่กระจายข้ามพรมแดนในรูปของการ ลอดรัฐ (ตรงกันข้ามกับกลุ่มทุนข้ามชาติที่มีลักษณะการข้ามรัฐ) ในรูปคล้ายคลึงกับกระแสโลกาภิวัตน์เช่นกัน แต่เป้าหมายตรงกันข้ามกันอย่างเห็นได้ชัด และทำให้เอ็นจีโอ.กลายเป็นตัวถ่วงดุลของโลกาภิวัตน์อย่างมีนัยสำคัญไม่เพียงเท่านั้น เอ็นจีโอ. ยังมีลักษณะเป็นองค์กรจัดตั้งที่มีระบบในการถ่วงรั้งการใช้อำนาจรัฐ และกลุ่มทุนอย่างเห็นได้ชัดเจนความหลากหลายของเอ็นจีโอ. ทำให้พฤติกรรมของกลุ่มต่างๆที่ก่อตั้งขึ้นมา มีความหลากหลายจนบางครั้งยากจะนิยามออกมาได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเอกภาพกัน และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เดียวกันยิ่งกว่านั้น พลังขององค์กรจัดตั้งเอ็นจีโอแต่ละกลุ่ม ก็ไม่เท่าเทียมกันอีกด้วย เช่นกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กับกลุ่มสิทธิมนุษยชน ก็อาจจะไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอะไรกันเลยแม้แต่น้อยความซับซ้อนอย่างนี้ จึงไม่แปลกที่จะทำให้บทบาทของเอ็นจีโอ.จำนวนหนึ่ง กลายสภาพเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์แฝงเร้นขึ้นมาเป็นที่ยอมรับกันว่า องค์กรเอ็นจีโอจำนวนไม่น้อย ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยหน่วยงานลับระหว่างประเทศเพื่อเคลื่อนไหวสอดคล้องกันกับเป้าหมายของงานจารกรรม หรือสนองวัตถุประสงค์ของทุนข้ามชาติ หรือ รัฐมหาอำนาจบางประเทศในการแทรกแซงกิจการภายในของรัฐและสังคมอื่น แต่ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ มัจกจะถูกเอ็นจีโอ.ทั้งหลายพากันปฏิเสธว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและดูหมิ่นกันอย่างชัดเจนกระนั้น รัฐบาลหลายประเทศ ก็แสดงท่าทีต่อต้านการเคลื่อนไหวข้ามชาติของเอ็นจีโอ.ออกมาชัดเจน ชาติที่โดดเด่นกว่าใครก็คือ จีน กับรัสเซีย โดยเฉพาะรัสเซียนั้น ห้ามเอ็นจีโอภายในประเทศ รับเงินช่วยเหลือ หรือ พาเอ็นจีโอต่างชาติเคลื่อนไหวในประเทศ ไม่อย่างนั้นจะถูกยุบและจับกุมทันที ส่วนจีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่า เอ็นจีโอ.ไม่เคยอยู่ในสายตาของปักกิ่งปัจจุบัน เอ็นจีโอ.จำนวนมาก พัฒนาแงองค์กรที่มีลักษณะมืออาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เอ็นจีโอ.ที่ชอบเคลื่อนไหวตามท้องถนน และส่งเสียงโวยวายก็ยังมีให้เห็นมากมายต่อไป พวกหลังนี้แหละที่เป็นปัญหา และทำให้มีคำถามตามมาเกี่ยวกับบทบาทของเอ็นจีโอ.มากขึ้นเรื่อยๆที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า กลุ่มหลังสุดนี้แหละ ที่มักจะถูกครอบงำด้วยกรอบความคิดแบบนักอนาธิปัตย์ (anarchists)ที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ความเคลื่อนไหวจำนวนมาก กลายเป็นลักษณะทำลายล้างด้วยอคติและความเชื่อในโลกส่วนตัว มากกว่าด้วยเหตุผลเพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะตามปรัชญารากฐานเอ็นจีโอ.ที่มีลักษณะเป็นอนาธิปัตย์ เท่าที่ปรากฏนั้น จะประกอบด้วยกลุ่มที่ 1) เคลื่อนไหวต่อต้านทุนนิยม-โลกาภิวัตน์ –ลัทธิเสรีนิยมใหม่ 2) กลุ่มต่อต้านการพัฒนาที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ 3) กลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้กับคนกลุ่มน้อย ทุกกลุ่มที่ว่ามานี้ เห็นได้ชัดว่า ล้วนมีรากฐานมาจากกลุ่มฝ่ายซ้ายรุ่นเก่าที่แปลงสภาพให้สามารถเคลื่อนไหวในสังคมต่อไปได้ กลุ่มคนเหล่านี้มักจะให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของตนเองอย่างชัดเจน และมีลักษณะประนีประนอมต่ำ ถือเป็นอนาธิปัตย์ยุคหลังซ้าย(post-left anarchists) ซึ่งถึงแม้ว่า วิธีการนำเสนอตนเองจะเรียกร้องในเรื่องสันติประชาธรรม แต่ข้อเรียกร้องพื้นฐานนั้น ตรงกันข้ามอย่างชัดเจนกรณีเอ็นจีโอ.ที่กระทำการในนามของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ฟ้องร้องให้ถอนปตท. ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ มีแนวโน้มพฤติกรรมดังว่าค่อนข้างชัดเจน เมื่อดูจากข้อเรียกร้อง ซึ่งเริ่มต้นจากจุดเล็กอย่างมีขั้นตอนคือ จากการกล่าวหาว่า การกระจายหุ้นมีการฉ้อฉล บานปลายขยายความเป็น การแปรรูปคือการขายสมบัติชาติ และการแปรรูปเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างถึงที่สุดท้ายที่สุด มีมุมมองว่า นักลงทุนในตลาดทุน และตลาดทุน คือ ส่วนผสมของความเลวร้ายของสังคมไทยไปด้วย ไม่แตกต่างจาก”คนเลว”อย่างทักษิณและพวก ในขณะที่ พวกเขา ไม่เคยพูดถึงการทำลายสิทธิมนุษยชนที่คณะทหารรัฐประหารกระทำกับประเทศไทยในช่วง 1 ปี มานี้แม้แต่น้อย แถมยังสอพลอทหารยิ่งกว่านักการเมืองเสียอีกคนเหล่านี้แหละ กำลังทำให้ฐานะของเอ็นจีโอ.เป็นแค่อนาธิปัตย์ป่วนเมืองเท่านั้น .........
วันที่ 13 ธ.ค. 2550 แสดงข่าวมาแล้ว 3วัน 13ช.ม. 53นาที

จากคุณ : จัสครับ - [ 16 ธ.ค. 50 23:40:06 A:61.19.66.75 X: TicketID:162426 ]