ความคิดเห็นที่ 13
กระทรวงพลังงานเปิดหลักฐานกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค-เครือญาติจองซื้อหุ้น ปตท.เรียงตัวตัวตั้งแต่ปี 2544 ถืออยู่จนกระทั่งปี 2549 ขณะที่ ประธานมูลนิธิฯถืออยู่ 8,000 หุ้นนาน 3 ปี บางรายถือนับแสนหุ้น
กรณีคำให้การของคณะรัฐมนตรีและกระทรวงพลังงานในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้องคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท จำกัด(มหาชน)ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ ประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2544 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ยืนยันว่า กระบวนการขายหุ้นบริษัท ปตท.หลังจากการแปรสภาพดำเนินการอย่างถูกต้องและครบถ้วนตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิในการเข้าถึงและเป็นเจ้าของอย่างเท่าเทียมกันเนื่องจากประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผู้ฟ้องคดีที่ 1 ตลอดจนเครือญาติของกรรมการมูลนิธิผู้ฟ้องคดีที่ 1 รวมทั้งผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แทนผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้จองและซื้อหุ้นของบริษัท ปตท.ในการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป(IPO) ตั้งแต่ปี 2544 และถือหุ้นไว้เป็นจำนวนมาก ข้อกล่าวหาว่า กระจายหุ้นไม่เป็นธรรม จึงไม่มีมูลความจริงนั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงานเปิดเผย 'มติชนออนไลน์'ว่า จากหลักฐานที่กระทรวงพลังงานยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดนั้นระบุว่า รศ..ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซื้อหุ้นบริษัท ปตท.ในราคาจองที่ 35 บาทเมื่อปลายปี 2544 จำนวน 8,000 หุ้นโดยถือจนถึงปี 2547 ขณะที่นายจรัญ ลิ้มปานานนท์ ญาติซื้อหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 5,000 หุ้น มีการซื้อเพิ่มขึ้นในปี 2545 รวมเป็น 26,806 หุ้น จนกระทั่งปี 2549 จึงขายหุ้นเหลือ 206 หุ้น
นอกจากประธานมูลนิธิแล้ว เครือญาติของกรรมการมูลนินิอื่นๆก็ซื้อหุ้นจองไว้เป็นจำนวนมากได้แก่
1.นายจำเริญ อัศวเรืองชัย นามสกุลเดียวกับนางสุวรรณา อัศวเรืองชัย กรรมการมูลนิธิถือหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 100,000 หุ้น และขายหุ้นของตัวเองทั้งหมดในปี 2549
2.นางสาวณิศา ศุภวงษ์ นามสกุลเดียวกันกับ น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ กรรมการมูลนิซื้อหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 16,000 หุ้นและขายหุ้นปี 2545 เหลือ 1,000 หุ้น จนถึงปี 2546 จึงขายหุ้นออกไปทั้งหมด
3.นางพรทิพย์ ศุภวงศ์ ซื้อหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 10,000 หุ้น มีขายหุ้นของตัวเองทั้งหมดในปี 2548
4.นางสาวศุภรัตน์ อาชานานุภาพ นามสกุลเดียวกันกับรศ.น.พ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ กรรมการมูลนิธิ ซื้อหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 3,000 หุ้น และมีการเทขายหุ้นทั้งหมดในปี 2545
5.ผู้เกี่ยวข้องกับนักกฎหมายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีคือนายชัยวัฒน์ แสงอรุณ ปรากฏว่ามีบุคคลนามสกุลเดียวกันซื้อหุ้นจอง 4 คนประกอบด้วย
1.นายชยากร แสงอรุณ ถือหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 13,000 หุ้น ขายหุ้นปี 2545 เหลือ 8,000 หุ้น จนกระทั่งปี 2547 ได้ขายหุ้นทั้ดหมด
2.นางจันทรา แสงอรุณ ถือหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 30,000 หุ้นจนถึง ปี2549 มีหุ้นการจ่ายปันผลระหว่างกาล 30,000 หุ้น
3.นายแสวง แสงอรุณ ถือหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 40,000 หุ้น ซื้อหุ้นเพิ่มปี 2545 รวมมีทั้งหมด 54,302 หุ้น จนถึงปี 2546 และซื้อเพิ่มปี 2547 เพิ่มเป็น 58,901 หุ้นและขายปี 2548 -49 -มีหุ้นการจ่ายปันผลระหว่างกาล 54,133 หุ้น
4.นางศศิยา แสงอรุณ ถือหุ้น ปตท.ปี 2544 จำนวน 2,000 หุ้น และเทขายทั้งหมดปี 2549
จากหลักฐานดังกล่าว ยังปรากฏว่า มีเครือญาติกรรมการมูลนิธิเข้าซื้อหุ้น ปตท.ในระหว่างปี 2545-2549 อีกหลายคน http://www.norsorpor.com/go2.php?t=mg&u=http%3A%2F%2Fwww.matichon.co.th%2Fnews_detail.php%3Fid%3D13952%26catid%3D5
จากคุณ :
กิ๊วๆ
- [
18 ธ.ค. 50 09:59:28
A:203.154.114.253 X: TicketID:159846
]
|
|
|