ความคิดเห็นที่ 41
ใช้สามัญสำนึกเยี่ยงวิญญูชนพึงมี ถ้ารัฐบาลทักษิณโกงมากมายอย่างที่ถูกใส่ความ จะสามารถทำผลงานให้กับชาติได้อย่างนี้หรือ??(ดูข้อมูลข้างล่าง) นักบริหารที่ดีต้องมองภาพรวม อย่าให้จุดเปื้อนเล็กๆน้อยๆมาบังตามองภาพใหญ่ไม่ออก อย่าลืมนะครับ...
ใครเพิ่งโดนศาลฎีกาตัดสิน คดีสปก.4-01ที่ภูเก็ต ต้องคืนที่ดินให้รัฐ...นี่ละโกงของจริง
ใครไม่กี่วันนี้เพิ่งโดนศาลฎีกาคัดสินคดีซื้อเสียงเลือกตั้งที่ราชบุรีเมื่อหลายปีก่อนว่าผิดจริง...นี่ละโกงของจริง
ใครไปแย่งเมียเพื่อนเอามาครอง...นี่ละคนบาปตัวจริง _____________________________________________ _____________________________________________ ข้อมูลของคุณTRATที่เคยโพสไว้........
ประเทศไทยเปรียบเทียบปี 2543(รัฐบาลปชป.)กับ 2548(รัฐบาล ทรท.)
ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) --------------------------------- ปี 2543 ก่อนรัฐบาลทักษิณมูลค่าGDP 4.9 ล้านล้านบาท ปี 2548 หลังรัฐบาลทักษิณมูลค่าGDP 7.0 ล้านล้านบาท(เพิ่มประมาณ 40%) หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่วัดได้ชัดเจน
รายได้ต่อคนต่อปี(คนไทยและเกษตรกรไทย) ----------------------------------------------------------- คนไทยทั่วไป(ไม่รวมกลุ่มเกษตรกร) ปี 2543 รายได้เฉลี่ย 79,100 บาทต่อคนต่อปี ปี2548 รายได้เฉลี่ย 109,700 บาทต่อคนต่อปี
กลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2543 มีรายได้เฉลี่ย 32,120 บาทต่อคนต่อปี ปี 2548 มีรายได้เฉลี่ย 52,320 บาทต่อคนต่อปี
อัตราการว่างงาน ปี 2543 อัตราการว่างงาน 3.6% ปี 2548 อัตราการว่างงาน 1.9%
หนี้สาธารณะ ปี 2543 สัดส่วนหนี้สาธารณะ 58% ของจีดีพี ปี 2548 สัดส่วนหนี้สาธารณะ 41.% ของจีดีพี
ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ปี 2543 ระดับทุนสำรองฯ 32,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2548 ระดับทุนสำรองฯ 53,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเป็นหนี้ต่างประเทศ ปี 2543 หนี้ต่างประเทศมีมูลค่า 79,700 ล้านดอลลาร์ ปี 2548 หนี้ต่างประเทศมีมูลค่า 51,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การกระจายรายได้ ปี 2543 คนที่มีรายได้สูง สัดส่วนประมาณ 57.8% คนที่มีรายได้ปานกลาง สัดส่วนประมาณ 38.0% คนที่มีรายได้ต่ำ สัดส่วนประมาณ 4.2% ปี 2548 คนที่มีรายได้สูง สัดส่วนประมาณ 48.4% คนที่มีรายได้ปานกลาง สัดส่วนประมาณ 45.2% คนที่มีรายได้ต่ำ สัดส่วนประมาณ 6.4%
สัดส่วนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน (หมายถึงรายได้ขั้นต่ำที่เพียงพอในการดำรงชีวิต) ปี 2543 จำนวน 12.8 ล้านคน ปี 2548 จำนวน 7.5 ล้านคน
====================
รายได้ของรัฐจากกลุ่ม ปตท. ภายใต้ 2 รัฐบาลเปรียบเทียบ
เงินนำส่งรัฐจาก ปตท. ภายใต้ช่วงรัฐบาล ปชป. กับรัฐบาล ทรท. หากนำมาแยกเป็นรายปี..ตามประเภทการนำส่งในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแยกเป็นการนำส่งในรูปของภาษีนิติบุคคล เหมือนผู้ประกอบการ นิติบุคคลทั่วไป ส่วนหนึ่งนำส่งในรูปเงินนำส่งรัฐ (ส่วนแบ่งกงสี) ในฐานะที่รัฐเป็นเจ้าของ 100 % เต็ม ซึ่งยังไม่มีการแปรรูป ยังไม่ได้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน ต่อมาเมื่อแปรรูปแล้ว แปลงสินทรัพย์เป็นทุนเรือนหุ้นแล้ว...การนำส่งรัฐแบบกงสีก็ต้องยกเลิก เป็นการนำส่งในรูปเงินปันผลแทนที่...ผลสรุปพัฒนาการของรายได้ของรัฐจาก ปตท. สรุปได้ใน 2 ช่วงรัฐบาล เป็นดังนี้
======ปตท. ภายใต้รัฐบาล ประชาธิปัตย์========
ปี 2542 (รวม 7,862 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....1,212 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................6,650 ล้านบาท
ปี 2543 (รวม 6,102 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....2,250 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................3,852 ล้านบาท
========ปตท.ภายใต้รัฐบาลไทยรักไทย=======
ปี 2544 (รวม 11,210 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....4,181 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................7,029 ล้านบาท
=====รัฐบาลแปรรูป ปตท. ตาม พรบ.ทุนฯ========
ปี 2545 (รวม 16,718 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....6,874 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................5,000 ล้านบาท เงินปันผลจากหุ้น...............4,844 ล้านบาท
ปี 2546 (รวม 15,294 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....9,771 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น...............5,523 ล้านบาท
ปี 2547 (รวม 22,703 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....15,089 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น.................7,614 ล้านบาท
ปี 2548 (รวม 35,344 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล...22,495 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น..............12,849 ล้านบาท
ปี 2549 (รวม 51,400 ล้านบาท)
ในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคล....33,792 ล้านบาท เงินนำส่งรัฐ.......................(ยกเลิก) เงินปันผลจากหุ้น...............17,608 ล้านบาท
======****************************======
ถ้ารัฐบาลสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศแบบนี้เรียกว่าขายชาติ....เหรอครับ...????????
ปชป. จะตั้งนโยบายถลุงเงิน...เอารายได้ส่วนนี้ไปใช้ก็ดูให้ดีนะครับ...ให้มันเกิดประโยชน์คุ้มค่า กว่าจะบริหารให้ได้เงินมาใช้ในกิจการต่างๆตามงบประมาณของประเทศ...มันเหนื่อยนะครับ...
คนเสนอหาเงิน หารายได้ให้ประเทศมันไม่ค่อยจะมี...มีแต่คนเสนอใช้เงิน....กึ๋นมันต่างกันตรงนี้
_____________________________________________________
จากคุณ :
. (ฆ้องชัย)
- [
22 ธ.ค. 50 11:33:47
]
|
|
|