ความคิดเห็นที่ 1
เรียกเพื่อนมาสิบสองคน เริ่มจากคนแรกซื้อของอะไรก็ได้ ของคนที่สอง ด้วยสมมติว่าใช้เงินร้อยบาท คนที่สองซื้อของคนที่สามต่อไป เรื่อยๆจนครบสิบสองคน
เงินร้อยเดียวก็จริง แต่ว่าสร้างมูลค่าในทางเศรษฐกิจได้พันสองร้อยบาท ทุกคนที่จ่ายออกไปมีความมั่นใจที่จะจ่าย มั่นใจว่าจะหาเงินกลับมาได้อีก เลยกล้าจ่าย
ทุกคนมีรายได้ร้อยบาทเท่ากับว่ารวมแล้วมีรายได้พันสอง
ถ้าในวง มีใครซักคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อของคนต่อไป เก็บเงินไว้ก่อนดีกว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของวงนั้นก็จะน้อยลงไปหยุดอยู่แค่นั้น คนถัดๆไปถือว่าไม่มีรายได้
ในความเป็นจริงเราไม่จำเป็นต้องซื้อของที่เราไม่จำเป็น เพราะมันเป็นวงใหญ่มากๆ ขนาดเจ็ดสิบล้านคน มีการไขว้กันไปมามากมาย แต่พอคนเริ่มรู้ตัวว่ารายได้เข้ามาน้อย เค้าก็จะเริ่มเก็บสะสม เพิ่มระดับการคัดเลือกก่อนการซื้อ ซื้อน้อยลง รายได้ของคนต่อๆไปในวงก็ลดลง พอรายได้ของคนต่อๆไปลดลง เค้าก็ไปลดรายจ่าย ทำให้รายได้ของคนต่อไปของคนต่อไปลดลงอีก
แบบนี้แหละที่เรียกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าเศรษฐกิจดีก็ตรงข้ามกัน คนเริ่มรู้ตัวว่ามีรายได้มากขึ้น ลดการคิดก่อนซื้อ อยากได้ก็ซื้อโดยไม่ต้องคิดว่าจำเป็นหรือไม่ รายได้ของคนต่อไปก็เยอะขึ้นๆ เค้าก็รับรู้ได้ว่ารายได้เยอะขึ้น จะให้ความสุขกับตัวเองบ้างก็เหมาะสม รายจ่ายก็เยอะขึ้น ทำให้รายได้ของคนต่อไปของคนต่อไป มากขึ้น
และพอเศรษฐกิจดีมากๆ ดีต่อไปเรื่อยๆ คนเราก็จะสรรหาสิ่งใหม่ สิ่งสวยงาม สิ่งที่ให้ความบรรเทิง ให้ความสุขทางใจได้ และสิ่งเหล่านั้นจะกลายมาเป็นวัฒนธรรมของชนชาตินั้นๆ เช่นสมัยก่อนตอน ร.สี่ ร.ห้า ประเทศเรารวยมากๆ จึงได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมไปมากมาย อาหารไทยหลายอย่างสวยงามขึ้นในยุคนี้ และตอนนี้ประเทศยี่ปุ่น กำลังสร้างวัฒนธรรมใหม่ กิโมโนมีอยู่นานแล้ว แต่ไม่เคยมีกิโมโนชุดละยี่สิบล้านเยน ในสมัยนี้ก็มีให้เห็น แม้จะใช้เพียงแต่ในการแสดงระดับสูงเท่านั้น สำหรับประชาชน สมัยก่อนๆ กิโมโนของเค้าเป็นแค่ผ้าฝ้ายธรรมดา เมื่อประเทศมีเงินเยอะ เดี๋ยวนี้มีคนใส่กิโมโนผ้าไหมกันมากมาย นี่เป็นตัวอย่างที่วัฒนธรรมสวยงามจะเกิดขึ้นตามหลังเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง
คำตอบของคำถามคือเรื่องบน เรื่องล่างแถมให้ครับ อยากเห็นวัฒนธรรมไทยพัฒนา
จากคุณ :
ซื่อสัตย์ มั่นคง
- [
1 ม.ค. 51 09:15:15
]
|
|
|