ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วย และจะลองทำตามครับ จากคุณ : จะลองดู (Astromantic) - [ 24 ม.ค. 51 18:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีดปักมือ ...รายใหญ่ที่รู้จัก เวลาหุ้นตก เค้าจะออกจากตลาดไปเลย ... ...รายย่อยที่รู้จัก เวลาติดหุ้นก็ชอบถัวไปเรื่อยๆ จนพบว่า ไม่มีเงินเหลือจะถัว... ...จะขายก็ขาดทุนเยอะ ติดกับดักไปจนกว่าหุ้นจะขึ้นมาอีกรอบ... ...ในขณะที่รายใหญ่รอจนแน่ใจว่า หุ้นกลับมาดีจริง ค่อยเข้าซื้อหนักๆและไม่จำเป็นต้องได้ของที่โลว์สุด... ...คงดูออกแล้วนะว่า ใครเล่นแล้วรวย ใครเล่นแล้วเจ๊ง... จากคุณ : Trillionaire - [ 24 ม.ค. 51 18:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่แนะนำวิธีนี้เลยครับ แนวคิดผมคือ ถ้า ราคามันลงไปเรื่อย แล้วเราเฉลี่ยรับ พอถึงจุดนึงที่มันเป็นขาขึ้น ต้นทุนคุณจะสูงกว่าคนที่เค้าซื้อตอนถูก สมมุติ pttar คุณเฉลี่ยได้ 36 บาท ตอนที่หุ้นมันลงไปถึง 30 ถ้ามันกลับตัวเป็นขาขึ้น มันจะมีแนวต้านย่อย เรื่อยๆ ซึ่งกว่าจะมาถึงราคาคุณ มันอาจจะเป็นราคาสูงสุดของรอบนั้น ดังนั้นจึงแนะนำให้เฉลี่ยขาขึ้นเพราะยังไงก็ได้กำไรครับ รองรับฟังท่านอื่นๆต่อไป จากคุณ : แสบ - [ 24 ม.ค. 51 18:38:41 A:58.9.35.50 X: TicketID:080285 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอโทษนะครับ มีตำราที่ไหนแนะนำให้ซื้อหุ้นเฉลี่ยขาลง ?? กฎสำคัญข้อหนึ่งสำหรับนักลงทุน คือ ห้ามซื้อเฉลี่ยหุ้นขาลงเด็ดขาด  เพราะคุณจะต้องซื้อ จนหมดตัว แล้วก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะกลับตัวเป็นขาขึ้น  เดี๋ยวจะเอากราฟให้ดูนะครับ คนที่คิดอย่างนี้ผลจะเป็นอย่างไร  ผมเอา case  หุ้น JAS ให้ดูแล้วกัน  เมื่อก่อนหุ้นตัวนี้เป็นที่นิยมมาก ราคาเลยวิ่งป็นจรวด ซึ่งก็เหมาะสมกับธุรกิจตอนนั้น ช่วงปี 1995  หากมีใครติดอยู่แล้วซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยๆ คงกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่วันนี้ไปแล้ว   หรือราคาวันนี้เป็นไง น่าลงทุนหรือเปล่า จะมีปันผลหรือเปล่า ?  พื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า ?  ดังนั้นการซื้อหุ้นเฉลี่ยให้ซื้อเฉลี่ยขาขึ้นเท่านั้น  เมื่อหุ้นมีสัญญาณขายก็ให้ขายออกทั้งหมด ส่วนจะรู้ว่าหุ้นตัวนั้นมีสัญญาณซื้อ หรือขายยังไง คุณก็ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเอาเองครับ จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 18:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 36 ราคาไม่แพง :D จากคุณ : P Phod - [ 24 ม.ค. 51 19:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอาอีกตัวอย่างแล้วกันเดี๋ยวไม่ชัด  เอา TTA แล้วกันนะ สมมติว่าผม เป็นรายย่อยไปไล่ซื้อ TTA @ 64 บาท ดังรูป จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อมา ราคาลงมาแล้วมีสัญญาณขายที่ 60.5 บาทในวันที่ 31-10-07  ผมก็เลยขายทิ้ง ขาดทุนไปรวม 3.50 บาท ไม่รวมค่าโบรก จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จากนั้นก็จะรอซื้อคืน  ก็ใจมันรักตัวนี้มากกกกกกกกก    ต่อรอแล้วรอเล่า ก็ดันมามีสัญญาณขายอีกวันที่ 16-11-07   แต่เราไม่มีหุ้นแล้วนิ   งั้นรอต่อไป จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รอต่อ  เฮ้อ มีสัญญาณขายอีกแล้ว วันที่ 18-12-07   แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ซื้อล่ะเนี่ย จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รอต่อจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีสัญญาณซื้อ  รอต่อไป   แต่เอ  เรากำไร เท่าไหร่แล้วเนี่ย ขายไป 60.50 จนตอนนี้ ราคา 34 บาทแล้ว ยังไม่ได้ซื้อคืนเลย งั้นรอต่อ อาจได้ถูกกว่าอีก  แบบว่างกอ่ะ จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปเอาเองแล้วกันว่า ควรลงทุนยังไงนะ  รายย่อย จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 19:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เห็นด้วยกับการถัวเฉลี่ยเหมือนกันค่ะ โดนมาแล้วเจ็บจริง ๆ ขอบอก.... จากคุณ : อำพันสีทอง - [ 24 ม.ค. 51 19:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องดูเป็นรายตัว หุ้นหลายตัวขึ้นเพราะเม็ดเงินต่างชาติ ไม่ได้ขึ้นเพราะการทำกำไรเพิ่ม พอเงินไหลออกก็ต้องไปหาพื้นฐานที่แท้จริง และหุ้นหลายๆกลุ่มทั้งเดินเรือ,ปิโตรเคมี เป็นหุ้นที่มีวัฏจักรในการทำกำไร ยิ่งไม่สมควรใช้วิธีที่ จขกท แนะนำ ระวังกับดักเรื่องปันผล จะซื้อหุ้นต้องมองไปที่อนาคต หุ้นที่ปันผลสูงในวันนี้ มั่นใจได้หรือไม่ว่าจะปันผลได้เท่าเดิมในปีต่อๆไป จากคุณ : เล่นรอบ - [ 24 ม.ค. 51 19:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถูกต้องครับ การเล่นหุ้นโดยวิธีการซื้อเฉลี่ย เป็นวิธีที่ไม่พึงประสงค์ ก็จริง แต่วิธีเฉลี่ยหุ้นที่จะซื้อหุ้นนั้น จะต้องประเมินศึกษาแล้วว่า พื้น ฐานหุ้นต้องแข็งแกร่งจริงๆ และราคาที่ซื้อ ได้ตกลงมาต่ำกว่าพื้น ฐานของตัวหุ้นมากแล้ว และที่เสนอให้ซื้อ ก็เป็นราคาที่ตกลงไปอีก เจ็ดถึงสิบเปอร์เซนต์ ตัวอย่างเช่น เอาราคา PTTAR ที่ 36 บาท เป็นเกณฑ์ ตกจาก 36 บาทไปแปดเปอร์เซ็นต์ เอาเงินส่วนที่หนึ่งซื้อ จะได้ราคา 33 บาท แล้วตกต่อไปอีกเก้าเปอร์เซ็นต์ ใช้เงินส่วนที่สอง ซื้อ จะได้ราคา 30 บาท แล้วตกต่ออีกสิบเปอร์เซ็นต์ที่ 27 บาท ใช้เงินส่วนที่สามซื้อต่อ แล้วตกต่ออีก 7 เปอร์เซ็นต์ จะได้ราคา 25 บาท แล้วตกต่ออีก 9 เปอร์เซ็นต์ จะได้ราคา 23 บาท เฉลี่ยแล้ว คงตกประมาณหุ้นละ 27 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้น แล้ว ถือว่าถูกมาก และยังมีเงินปันผลที่ทำให้อุ่นใจได้อีกชั้นหนึ่ง ผมถึง บอกว่า ถึงซื้อถึงเงินส่วนที่ห้าแล้ว หุ้นยังตกต่อ ก็ไม่น่าจะห่วงอะไร ให้อดใจรอคอย เวลาเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสิน อย่าสิ้นความอดทนเสีย ก่อน รับรองผลที่ได้จะคุ้มค่าอย่างมากมายจริงๆ ถ้ากลับกัน หากเป็น การไล่ซื้อหุ้น แล้วติดหุ้นที่ยอดดอย อันนี้ไม่สมควรใช้วิธีซื้อเฉลี่ย อย่างเด็ดขาด ถ้าเห็นแนวโน้มว่า เซ็ตจะลงต่อแน่ ต้องใช้วิธีช๊อตฯ หุ้นในพอร์ตออกไปก่อน แล้วรอรับกลับ ถือเป็นการเล่นหุ้นขาลง การที่เซียนหุ้นมักจะบอกว่า เมื่อหุ้นตกให้ Cut Loss จริงๆ แล้ว วิธีนี้เหมาะสำหรับเซียนหุ้นที่มีประสบการณ์ที่ช่ำชองแล้วเท่า นั้นที่จะทำได้ดี แต่กับนักเล่นหุ้นมือใหม่หรือผู้ยังประสบการณ์น้อย เกือบร้อยทั้งร้อย จะทำไม่ได้ แม้แต่หุ้นมีกำไร ยังปล่อยให้กลายเป็น ขาดทุนก็ออกเห็นบ่อย ผมลืมย้ำบอกไปว่า ที่ผมเขียนข้อความนี้ เพียง อยากบอกนักเล่นหุ้นที่ยังไม่ชำนาญและเป็นนักเล่นหุ้นมือใหม่ ส่วน นักเล่นหุ้นขาใหญ่หรือเซียนหุ้น ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ต้องออกมา คัดค้าน ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบ การณ์กัน จากคุณ : ปู่หุ้น (psvilla) - [ 24 ม.ค. 51 19:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าใจในความปรารถนาดีของ จขกท.ครับ ขอบคุณครับ แต่ยังไม่ถึงก้นเหวครับ ขนาดเฟดให้ยาแรง ยังเอาไม่อยู่เลย.. รอเขาลดดอกเบี้ยอีกรอบ ค่อยลุยต่อดีกว่า แต่ถ้าใครพอร์ตว่าง เงินเย็น ก็โอเคครับ จากคุณ : jackyho (jackyho) - [ 24 ม.ค. 51 20:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดีครับ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง แต่ผมเชื่อว่าวิธีการซื้อถัวเฉลี่ยไม่ควรใช้สำหรับนักลงทุนทั่วๆ ไป เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าพื้นฐานธุรกิจของบริษัทเปลี่ยนไปหรือเปล่า กว่าจะรู้ต้องรองบผลประกอบการรายไตรมาสออกมา บางทีก็ไม่ทันการณ์ โดนรายใหญ่ที่เขารู้ก่อนกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล ออกมา หากเข้าไปถัวเฉลี่ยก็ตายอย่างเขียด  มีหุ้นหลายตัวให้เห็นอยู่แล้ว เช่น SAM RASA  AH AKR SOLAR  AMC  อีกมากมาย เวลาขายลงมา ตกลงมากกว่า 50-80% ในเวลาไม่กี่สัปดาห์  บางทีงบยังไม่ออกด้วยซ้ำ แล้วรายย่อยอย่างเราจะรู้ได้อย่างไร หากมั่นใจเข้าไปถัวเฉลี่ย ป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลย  ดังนั้น ผมยังยืนยังว่าไม่ควรอย่างยิ่งในการซื้อเฉลี่ยหุ้นขาลงเด็ดขาด  และรายย่อยควรจะเรียนรู้เรื่องการ stop Loss หากหุ้นมันไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ถึงแม้จะทำยาก แต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น หากไม่อยากออกจากตลาดด้วยความผิดหวัง จากคุณ : kitty63 - [ 24 ม.ค. 51 20:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถัวขาลง ระวัง ถึงตายได้นะ จากคุณ : GETTER - [ 24 ม.ค. 51 20:27:16 A:125.24.179.111 X: TicketID:153247 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ในความคิด ผม / คิดว่ากรณีที่ซื้อเฉลี่ยขาลง คงคิดว่า จุดก้นเหวหรือจุดกลับตัว คงอยู่ใกล้ๆแล้ว  (โดยอาจจะเทียบจากราคาหุ้นที่ลงมาเยอะ) เลยซื้อ ค  ข้อดี คือ ถ้ามันถึงจุดก้นเหวก็ จะได้เปรียบทันที   แต่ถ้าไม่เป้นเช่นนั้น ก็จะเฉลี่ยจนเงินกระสุนหมด พลิกเป็นสถานะการลำบากทันที   ส่วนกรณีที่ซื้อตอนจุดกลับตัวแล้วขึ้น  ข้อดี คือมันจะไม่เสี่ยง  ข้อเสีย คือ เราจะรุ้ได้ไง ว่า มันกลับตัวจริง หรือ กลับตัว หลอก  เพราะหลายครั้งที่ผ่านมา  กลับตัวเหมือนกัน แต่ กลับตัวแบบหลอกแล้วลงต่อ   ถ้าตลาดผันผวน แบบขึ้นๆลงๆๆ วิธีนี้ ก็ทำเจ็บตัวได้เหมือนกัน     ผมลองมาทั้งสองแบบ ปรากฎว่า เจ้งทั้งคู่  แต่ แบบเฉลี่ยขาลงจะเจ็บเยอะกว่า  เพราะรีบซื้อเร็วไป มีถูกแล้วมีถูกกว่า แล้วก็มีถูกยิ่งกว่าๆๆ  ส่วนแบบเฉลี่ยขาขึ้นก็โดนอีกเพราะมันขึ้นหลอกๆ แล้วก็ลงต่อ T_T   ผมว่าประเด็น มันอยู่ที่ ว่า เราจะรุ้ได้ยังไงว่า จุดก้นเหวเป็น จุดก้นเหวจริงๆ หรือปลอม แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 51 22:01:43 จากคุณ : M_GR2LAB - [ 24 ม.ค. 51 21:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 pttar ผมจะบอกคุณปู่ห้นให้ รอ bid เหลือช่องละ 5-8 เเสนหุ้นเมื่อไหร่นั่นหละจังหวะซื้อ ที่ผ่านๆมา bid offer ช่องละ 2-3 ล้าน เจ้ามือหลอกขายหุ้นทั้งนั้น ไม่ต้องไปคอยนั่งซื้อเฉลี่ยหรอก ถ้าคุณมีความคิดหน่อยคุณรองย้อนภาพไป อยู่ๆหุ้นมาจากไหนมากมาย จากคุณ : เสี่ยวเอ้อ - [ 24 ม.ค. 51 22:13:54 A:58.9.160.184 X: TicketID:106693 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมก็ซื้อถัว  และพยายามขายออกเพื่อเอาตัวรอด  หมายถึงถ้าติด ปตท ที่ 360 บาท  และมาซื้ออีกทีที่ 330 บาท  ถ้ามันวิ่งไปได้ซัก 336 ผมก็ขายออกครึ่งนึง  ถือว่าที่ซื้อ 330 มามีกำไร 2 เปอร์เซ็นต์  แต่ 360 ก็ถือไว้งั้น  รอๆๆๆ อีก ได้มาที่ 320 แต่ลงต่ออีก 296 ไม่เป็นไร ถือ  พอไปอีกวันแดงอีก 288 ซื้ออีก  พอ 296 ขาย 2 ยอดเลย  เพราะเป็นราคาถัวที่ขาดทุนนิดหน่อย  แต่ที่ 360 นี่  คงถืออีกปีกว่าแน่เลย  สรุป  ซื้อถัวเจ็บตัวซ้ำ  แต่ก็ยังอยากเล่นหุ้น  (ไม่มีใครเล่นหุ้นตัวเดียว และแบ่งเงินเป็น 5 ก้อนแน่)  ผมเล่นหุ้น 5 ตัว  แบ่งเงินเป็น 2-3 ช่วง  งบหนึ่งล้าน  ตอนนี้มีอยู่ในพอร์ต 8 แสนแล้ว  ขาดทุน เกือบ 2 แสน  ไม่รู้ว่าอีก 2 แสนที่เหลือจะเล่นรอบต่อตอนไหนดี จากคุณ : Magic.Kae - [ 24 ม.ค. 51 22:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณเสี่ยวเอ้อครับ มุมมองและความคิดของคนเราไม่เหมือนกัน ผมมองว่า การซื้อหุ้นก็คือการซื้อเวลา เราจะต้องให้เวลาเป็นตัว กำหนด แม้ว่าเดือนหน้า หุ้นจะตกอย่างรุนแรงลงไปถึง 600 จุด แต่ PTTAR ก็คงไม่ลงถึง 23 บาท เพราะระหว่างทาง จะต้อง มีคนคอยรับกันอย่างเหนียวแน่น มาตรแม้นว่าลงต่ำกว่าคาด ก็ไม่น่าเป็นห่วง อย่าลืมว่าหุ้นลงก็ย่อมมีขึ้น อย่างในปีนี้ หลายสำนัก โบรกเกอร์ยังให้ค่าเซ็ตไปถึง 1,000 จุด ซึ่งอาจเป็นได้และเป็น ไปไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ 850 - 900 จุด ผมยังเห็นว่าเป็นไปได้ แน่นอน ถ้าหากเซ็ตไปถึงแค่ 800 จุด หุ้น PTTAR จะไต่ระดับ ราคาขึ้นมาเท่าไหร่ อันนี้ผมอยากบอกว่า อย่าไปคำนึงเลยว่าบิทและ อ๊อฟเฟอร์ จะตั้งกันอย่างไร จริงเท็จแค่ไหน เพราะจุดประสงค์ไม่ได้ เล่นสั้น แต่เล่นหุ้นตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ หวังว่าคงเข้าใจในเจตนา นะครับ จากคุณ : ปู่หุ้น (psvilla) - [ 24 ม.ค. 51 22:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 นักลงทุนมือใหม่ซื้อเฉลี่ยขาลง ตายสนิท จอดไม่ต้องแจวแน่ครับ :) จากคุณ : DD - [ 24 ม.ค. 51 23:42:43 A:210.203.182.3 X: TicketID:100823 ]

ความคิดเห็นที่ 23 SCC วันนี้ซื้อที่ 214 ก่อน หันไปไม่นานเหลือ 206 เลยซื้อต่อ กะว่าถ้า 200 จะอัดหมด port เลยครับ ไม่รู้ว่าเค้าห้ามซื้อเฉลี่ยลง แงงงงงงงงงงงงงงงง ผมทำไงดีคับ ต้องรอดูยังไงคับว่าต้องซื้อตอนไหน? พี่ kitty63 ครับ ที่ไหนสอนให้เก่งแบบพี่คับ แนะนำด้วยครับผมมือใหม่ครับ จากคุณ : ปอ (kingruay) - [ 25 ม.ค. 51 00:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราว่าไม่ควรซื้อเฉลี่ยขาลงเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ^*^ROLITIA^*^ - [ 25 ม.ค. 51 02:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 กราฟพี่เจ๋งมากๆอยากได้มั่งจัง แต่ผมว่า เค้าคงหมายถึงหุ้นลงมามากๆก็ ทยอยสะสมไว้มั้งครับ ดีกว่าไปไล่ตอนมันแพงๆ คงแล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนน่ะครับ จากคุณ : ##NeVeR GiVe Up## - [ 25 ม.ค. 51 04:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอาตัวอย่างหุ้น SCC ของคุณปอ ซึ่งราคา 214 นับว่าต่ำใช้ได้แล้ว ตกลงมา 9% = 196 ซื้อด้วยเงินส่วนที่หนึ่ง ตกอีก    9% = 178 ซื้อด้วยเงินส่วนที่สอง ตกอีก    9% = 172 ซื้อด้วยเงินส่วนที่สาม ตกอีก    9% = 166 ซื้อด้วยเงินส่วนที่สี่ ตกอีก    9% = 160 ซื้อด้วยเงินส่วนที่ห้า ตามตัวเลขที่แสดง คิดว่าซื้อแล้วน่ากลัวไหม แถมมีปันผลอีก 7.5 บาท เป็นหุ้นพื้นฐานดีที่ทุกคนยอมรับ โอกาสล้มละลายแทบไม่มี เมื่อซื้อได้ ตามราคานี้เก็บไว้แล้ว ก็นั่งรอเวลาเป็นตัวกำหนด ไม่นานหุ้นจะต้องขึ้นมา ยังที่เดิมหรือขึ้นสูงกว่าเดิมจนได้ แล้วอย่างนี้ จะคุ้มกับเวลาที่รอคอยไหม แถมไม่ต้องซีเรียสไปมองดูกระดานหุ้นทุกวันด้วย ไม่เป็นการเล่นหุ้น อย่างมีความสุขหรือ แต่ส่วนมากที่ซื้อหุ้นเฉลี่ยนั้น มักอิงไปกับอารมณ์ ของตลาด โดยคิดว่าราคาที่ลงมาถูกแล้ว อย่างคุณปอซื้อเฉลี่ยที่ 206 จาก 214 ราคาเพิ่งตกลงมาแค่ 3% เท่านั้น จึงเป็นการซื้อเฉลี่ยที่ผิดพลาด สรุปง่ายๆให้ดูอย่างนี้ดีกว่า 1. คัดหุ้นจากกลุ่ม SET 50 2. เมื่อราคาหุ้นตกลงมาต่ำกว่าพื้นฐานแล้ว 3. ผลประกอบการดี มีปันผลทุกปีอย่างสม่ำเสมอ 4. พีอีเรโชต่ำกว่า 10 เท่า 5. พีบุ๊คต่ำกว่า 2 6. หมั่นติดตามผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง 7. สำคัญที่สุด ต้องมีความอดทนในการรอคอย ตามนี้ รับรองความพ่ายแพ้ในตลาดหุ้นจะไม่เกิดขึ้น ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : ปู่หุ้น (psvilla) - [ 25 ม.ค. 51 11:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 (ผมก็ซื้อถัว  และพยายามขายออกเพื่อเอาตัวรอด  หมายถึงถ้าติด ปตท ที่ 360 บาท  และมาซื้ออีกทีที่ 330 บาท  ถ้ามันวิ่งไปได้ซัก 336 ผมก็ขายออกครึ่งนึง  ถือว่าที่ซื้อ 330 มามีกำไร 2 เปอร์เซ็นต์  แต่ 360 ก็ถือไว้งั้น  รอๆๆๆ อีก ได้มาที่ 320 แต่ลงต่ออีก 296 ไม่เป็นไร ถือ  พอไปอีกวันแดงอีก 288 ซื้ออีก  พอ 296 ขาย 2 ยอดเลย  เพราะเป็นราคาถัวที่ขาดทุนนิดหน่อย  แต่ที่ 360 นี่  คงถืออีกปีกว่าแน่เลย  สรุป  ซื้อถัวเจ็บตัวซ้ำ  แต่ก็ยังอยากเล่นหุ้น  (ไม่มีใครเล่นหุ้นตัวเดียว และแบ่งเงินเป็น 5 ก้อนแน่)  ผมเล่นหุ้น 5 ตัว  แบ่งเงินเป็น 2-3 ช่วง  งบหนึ่งล้าน  ตอนนี้มีอยู่ในพอร์ต 8 แสนแล้ว  ขาดทุน เกือบ 2 แสน  ไม่รู้ว่าอีก 2 แสนที่เหลือจะเล่นรอบต่อตอนไหนดี ) Magic.Kae น่าสนใจ พอรทผม 3 ปีกว่า จาก 1ล้าน เหลือ 5 แสน กว่า ๆ ขาดทุน TPI ไป 2 แสน เพราะลืม เปลี่ยน จากคุณ : supanut01 - [ 27 ม.ค. 51 02:43:08 ]