ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ใช่เซียนนะครับ....แต่ชิงตัดหน้า 55555 ไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวของเจ้า DI+ กับ DI- แต่ให้สังเกตว่า หาก DI+ กำลังตัด DI- ขึ้นเป็นจุดซื้อที่ดีจุดหนึ่ง และอีกจุดหนึ่งคือถ้าหาก DI+ กับ DI- ห่างออกจากกันจนชนหรือเกือบชน กรอบบน และกรอบล่าง พลันเริ่มงอเข้าหากัน...ก็เป็นจุดซื้อที่ดีเยี่ยมอีกจุดหนึ่ง ลองย้อนดูกราฟราคาประกอบกับ Indicator ตัวอื่นๆด้วยนะครับ อย่าใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่งโดดๆ... เพราะเครื่องมือแต่ละชนิดก็มีจุดอ่อนในตัวของมันเอง ลองสังเกตดู...ว่าทำไมบางครั้งการตัดกันของ DI ไม่มีผลอะไรคล้ายๆเป็นสัญญาณหลอก... สังเกตดูก็จะเห็นเองครับ ส่วนเหตุผลต้องถามเซียนตัวจริง จากคุณ : ต้องถามหน่อย - [ 31 ม.ค. 51 21:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 stockcharts.com จากคุณ : We are X . - [ 31 ม.ค. 51 23:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่เซียนเทคนิคนะครับ แต่อาจมาช่วยขยายความให้ได้ ก่อนอื่นลองไปดูที่มาสูตรก่อน http://www.taladhoon.com/taladhoon/lib/irsta01/irsta01-13-d.htm เกี่ยวกับ เส้น ADX และความสัมพันธ์กับ DI + กับ DI - สมมติว่า ADX DI+ DI- คำนวณจาก 14 แท่ง DI+ จะขึ้นตามปริมาณการทำ new high เฉลี่ยตลอด 14 แท่ง ใช้แทนกำลังซื้อหน้าใหม่ที่โดดเข้ามาในช่วง 14 วัน และ DI- จะขึ้นตามปริมาณการทำ new low เฉลี่ยตลอด 14 แท่ง ใช้แทนกำลังขายหน้าใหม่ที่โดดเข้ามาในช่วง 14 วัน โดยทั่วไป ตลาดที่แกว่งตัวปกติ ถ้ามี NH ก็จะไม่มี NL กราฟ NH-NL จะวิ่งสวนทางกัน ตลาดที่เริ่มมีกำลังซื้อเข้ามาหรือเทรนด์กำลังขึ้น ก็จะมี NH มากกว่า NL พอ กราฟวิ่งไปตัดกัน เกิดเป็นสัญญาณซื้อ แปลว่าตอนนี้คนนิยมซื้อมากกว่าขาย สำหรับตลาดที่ราคาไม่ค่อยวิ่ง คนซื้อมากกว่าคนขายนิดหน่อย DI+ DI- ก็ตัดกันแล้ว จึงมีการคิด ADX ขึ้นมาช่วย ค่า ADX จะคำนวณจากสัดส่วนของกำลังซื้อหน้าใหม่(คนซื้อหน้าใหม่-คนขายหน้าใหม่) เมื่อเทียบกับพวกหน้าใหม่ที่เข้าตลาดมาทั้งหมด ก็จะทำให้รู้ว่า ที่บอกว่าคนซื้อมากกว่าคนขายน่ะ มากกว่าอยู่เท่าไหร่ ถ้าคนซื้อมากกว่าคนขายมากๆ ก็คือเทรนด์กำลังมาแรง โอกาสที่ราคาจะขึ้นก็มากขึ้นไปอีก โดยทั่วไปเค้าจะบอกว่ามีคนซื้อมากกว่าขายสัก 25% จึงถือว่าเทรนด์ใช้ได้ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างครับ จากคุณ : PUFF - [ 31 ม.ค. 51 23:07:30 ]