ความคิดเห็นที่ 1 หุ้นคงพุ่งขี้น 100 จุด วันนั้นวันเดียว ฝรั่ง net buy 15000 ล้าน เงินนอกไหลทะลักเข้ามา หุ้นมีราคาสูงขึ้นเยอะ นักลงทุนไทยดีใจ สุดขีด วิ่งไล่ตามราคากันใหญ่ เดือนถัดมา ฝรั่งปล่อยของ นักลงทุนไทย ติดยอดดอย วันเดียวกัน มีคนมาโพสใน เวป พันทิพย์ว่า ติดดอย ตัวนั้นตัวนี้ ที่ราคาโน้นราคานี้ แล้วก็มี คนมาโพสว่า   MAN U VS LIVERPOOL + ARSENAL อะไรประมาณนี้ 3 อาทิตย์ถัดมา ฝรั่งเริ่มเก็บ นักลงทุนไทย ยังกล้า ๆ กลัว ๆ มีแต่ฝรั่งที่ซื้อ กว่านักลงทุนไทยจะหายปอด ก็ไปซื้อที่ราคาดอย แล้วก็ กลับไปอ่านบรรทัดที่ 3 ลงมาใหม่ ฮา ฮา อย่าซีเรียสครับ จากคุณ : คุณปุน - [ 8 ก.พ. 51 17:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผลเสียคือ พวกส่งออกรับเงินเป็นดอลล์จะแย่ครับ เพราะเงินทะลักเข้าบาทย่อมอ่อน จากคุณ : `๏ โจรูโน่ - [ 8 ก.พ. 51 17:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากทราบด้วยครับว่า ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นอีกรึเปล่า? จากคุณ : garun studio - [ 8 ก.พ. 51 17:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ค่าเงินแข็งขึ้นแน่นอนครับ เงินน่าจะไหลเข้าตลาด bond รึเปล่า เพราะหุ้นก็ยกเว้น 30% อยู่แล้วนี่นา จากคุณ : Fr_Gump (Fr_Gump) - [ 8 ก.พ. 51 18:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผม... ประเทศจะเดือดร้อนในภาพรวม... และไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตราการนี้ โดยสิ้นเชิง... สำหรับผู้ที่สนับสนุน การยกเลิกมาตราการสำรอง 30% นี้... และเห็นด้วยกับนโยบาย ของรัฐบาล สมัคร 1... ผมเองอยากขอความรู้ คำแนะนำ... อยากทราบจริงๆ ว่ามีข้อดีอย่างไร... และน้อมรับ ทุกความเห็น และคำแนะนำ ครับ... จากคุณ : Mr.Zack - [ 8 ก.พ. 51 18:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หนึ่งปีที่ผ่านมา...  มาตราการนี้ได้ส่งผลกระทบกับ SET ในระยะสั้นเท่านั้น กับตลาดทุนนั้น... ไม่ได้มีผลกระทบเลยในระยะยาว... ภาพคงพิสูจน์ให้เห็นบ้างไม่มากก็น้อย... แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 51 18:35:47 จากคุณ : Mr.Zack - [ 8 ก.พ. 51 18:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่ได้บอกว่า มาตราการสำรอง 30% นี้ดี... แต่เพียงอยากบอกว่า... มันมีส่วนช่วยให้ค่าเงินมันแข็ง หรืออ่อน ไปตามธรรมชาติ ของค่าเงินในภูมิภาค... ศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องด้วย Currency ของสกุลเงินต่างๆ... มันเป็นไปตามธรรมชาติ....  เรายังพอแข่งกับประเทศคู่ค้า และคู่แข่งได้... แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 51 18:43:12 จากคุณ : Mr.Zack - [ 8 ก.พ. 51 18:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ย้อนหลังกลับไป 2 ปี... ก่อนที่หม่อมอุ๋ย 100 จุด จะประกาศใช้มาตราการนี้ เราเสียศักยภาพทางการแข่งขัน กับประเทศเพื่อนบ้านสำคัญไป ไม่ต่ำกว่า 15-20%... กราฟคงพอ บอกอะไรได้บ้างนะครับ.... มันแตกต่างจาก กราฟด้านบน อย่างชัดเจน.... หากท่าน นายกสมัคร และนายกกระทรวงต่างๆในรัฐบาลชุดนี้เค้ามาบริหาร และได้อ่านกระทู้นี้.... ในส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้ ครม ของท่าน ทบทวน ดูให้ถ่องแท้ ว่าสมควร หรือไม่ ที่จะยกเลิกมาตราการนี้.... ผมไม่เลือท่านเข้ามา... แต่ผมเคารพในการตัดสินใจของคนทั้งประเทศ อย่าทำให้พวกผม ผิดหวังครับ... จากคุณ : Mr.Zack - [ 8 ก.พ. 51 18:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้ว....หนักแน่น เฉียบคมครับพี่แซก จากคุณ : KyBlueSky - [ 8 ก.พ. 51 18:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าช่วงแรกอาจจะผันผวนนะครับ สุดท้ายก็จะค่อยๆ ปรับเป็นปกติอะครับ จากคุณ : ไม่รู้นะคิดดีไว้ก่อน (NumeeNewhand) - [ 8 ก.พ. 51 18:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แมวของ จขกท. อาจตกใจที่หุ้นบางกลุ่มขึ้นแรง ๆ ??? จนแว่นตา  และไป้ปที่คาบหล่นได้ครับ (ล้อเล่นนะครับ) จากคุณ : Learn and Live - [ 8 ก.พ. 51 19:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก็คงจะมีกลุ่ม YM บางกลุ่มได้ผลประโยชน์ ในอัตราแลกเปลี่ยนอีกตามเคย จากคุณ : โต้คลื่น - [ 8 ก.พ. 51 19:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันทำให้พวก นักเก็งกำไร ระยะสั้น ... ทำงานได้ยากขึ้นครับ ซึ่งดีต่อส่วนรวม แต่ไม่ดีต่อนักลงทุนประเภท High risk high return จากคุณ : รถไฟสายใต้ - [ 8 ก.พ. 51 19:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #4 ถูกต้อง แล้วครับ จากคุณ : KU_EE - [ 8 ก.พ. 51 20:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริง ๆ กันสำรอง 30% ก็มีข้อดี แต่ตอนปฏิบัติ ห่วย เล่นประกาศปิดประตูทุกการลงทุนต้องกัน 30 % หมด ทำให้ตลาดทุนเจ๊งไปด้วย ความจริง น่าจะค่อย ๆ ทยอยใช้มาตราการนี้เฉพาะจุดที่มีจุดอ่อน เช่น เรื่องเก็งกำไรพันธบัตร หรืออื่น ๆ ก่อนจะดีกว่านี้ แต่ ณ ตอนนี้ การยกเลิกกันสำรอง ต้องยกเลิกแน่ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ รัฐต้องเร่งลงทุน Mega project ก่อน และลดดอกเบี้ย เพื่อให้เงินทุนที่จะไหลเข้ากับที่จะไหลออกพอ ๆ กัน ให้เกิดสมดุลก่อน จริงค่อยยกเลิกก็ยังไม่สาย สำหรับผม เดาเอาไว้ประมาณ 6 เดือน นะครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 8 ก.พ. 51 20:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หุ้นคงพุ่งขี้น .... ฝรั่ง net buy .... เงินนอกไหลทะลักเข้า..... ค่าเงินบาท  แข็งค่า.... เชียร์ ให้ยกเลิกไวๆ    ตามนั้น... จากคุณ : ตี๋น้อยMBA - [ 8 ก.พ. 51 21:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนออกมาใหม่ๆ ก็ด่าในใจเหมือนกันครับ เเต่พอผ่านไป ก็เริ่มมองห็นผลดีของมาตราการนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าคิดจะยกเลิก ก็คงมีมาตราออกมารองรับกับค่าเงินที่จะเเข็งค่าขึ้น จากการเก็งกำไร สุดท้ายก็ต้องลดอัตราดอกเบี้ย โดยรวมคิดเหมือนพี่ zackกับ พี่ HaHaHa ครับ หุ้นไม่ต้องขึ้นเป็นพันจุดก็ได้ครับ รอให้ไปพร้อมกับเศรฐกิจที่เเท้จริง จะยั่งยืนกว่าครับ จากคุณ : thamma7 - [ 8 ก.พ. 51 21:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยกับ พี่แซค,คิดเหมือน พี่HaHaHa กับ พี่ thamma7 ครับ จากคุณ : helga - [ 8 ก.พ. 51 23:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมคิดว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับค่าเงิน ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติตามกลไกตลาดครับ การที่เราได้เปรียบเรื่องการส่งออกนั้นเป็นเพราะสินค้าเราถูกกว่าคนอื่นอันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตของเราถูก ต้นทุนของเราถูกเนื่องมาจากค่าครองชีพของบ้านเราถูก ค่าแรงถูก สวัสดิการของแรงงานไม่ดี ผู้ผลิตไม่รักษาสิ่งแวดล้อม พูดง่ายๆก็คือคุณภาพชีวิตของเราต่ำครับ  พอเราขายของถูกได้มากเราก็ได้ดุลย์การค้าค่าเงินก็แข็ง ทั้งหมดมันเป็นธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ผู้ส่งออกจะให้ค่าเงินอ่อนค่าตลอดไปไม่ได้ครับเพราะต้องเอาเงินของประเทศไปฝืนตลาด ผู้ส่งออกควรปรับปรุงตนเองต้องพัฒนาสินค้า เอาเรื่องคุณภาพไปแข่งขันกับต่างประเทศน่าจะดีกว่าเอาชนะคู่แข่งทางการค้าเพราะได้เปรียบจากค่าเงินครับ เหมือนกับที่ Charles Darwin ( father of evolution )ได้เสนอไว้ "survival of the fittest"  ผู้ที่จะอยู่รอดได้นั้นต้องมีการปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ครับ ต้องมีวิวัฒนาการครับ จากคุณ : blitzen - [ 8 ก.พ. 51 23:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาตรการ 30% คือต้องการปิดกันเงินที่เข้าเร็วออกเร็ว ถ้าเงินทุนเข้ามาลงทุนระยะยาวย่อมไม่มีผล เมื่อยกเลิกเกิดผลทางจิตวืทยาแค่ช่วงแรกต่อตลาดทุน แต่ก็ต้องระมัดระวังผันผวนค่าเงินจะสูงมาก อาจตามมาด้วยค่าเงินอ่อนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเงิน Flow out จากคุณ : c (ไป่ฉี) - [ 9 ก.พ. 51 00:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ต่ออีกนิด ตลาดบ้านเราเล็ก การปล่อยเสรีบางครั้งควบคุมยากมาก การโจมตีค่าเงินเกิดขึ้นง่ายมาก การยกเลิกควรรอจังหวะทิศทางที่ดอลล่าร์เริ่มนิ่งเท่านั้น และพร้อมเงื่อนไขนำกลับมาใช้เมื่อกลไกค่าเงินไม่ปกติ ไม่งั้นผู้ส่งออกและนำเข้าอาจรับมือยาก จากคุณ : c (ไป่ฉี) - [ 9 ก.พ. 51 00:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าตลาดหุ้น ตอนนี้ก็แทบไม่มีผล เพราะหัวขาวเอาเช็คไปแลกเป็นดอลได้เต็ม ตลอดเวลา ขั้นนี้ต้องหามือดีมาจัดการลูกโป่งสามลูกให้สมดุล จากคุณ : Ken - [ 9 ก.พ. 51 03:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเห็นว่ามาตรการนี้เปิดช่องให้ทำ arbitrage ค่าเงิน และทำให้ประเทศสูญเสียความเชื่อมั่นจากต่างชาติอย่างสูง ระยะยาวไม่ดีแน่ๆครับ แต่ก่อนยกเลิกต้องหาทางจัดการกับเงินดอลในคลังที่ขาดทุนทางบัญชีไปมหาศาลก่อน ผมว่าอันนี้น่ากลัวสุด จากคุณ : Red Aegis - [ 9 ก.พ. 51 04:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สิ่งที่ผิดธรรมชาติ อย่างไรก้อผิดต้องแก้ไขให้ทุกคนนยอมรับ ว่าแต่มาตรา 30% ผิดขนาดไหนคุณที่ว่าหนักแน่นถามหน่อยคุณเลือกไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้งหรืออะไร เพราะหากคุณเลือก พรรคเงา เขาก้อบอกว่า นโยบายเร่งด่วน 99 วันมี เลิกนโยบาย กันสำรองตรงนี้ และ ทุกพรรคที่ลงชิงเลือกตั้งก้อแทบทั้งสิ้นหาเสียงยกเลิกอันนี้หมดเลยนะ ผมมองว่าคุณอาจมองภาพใดแค่ภาพหนึ่งนะครับ  เช่นคุณมองส่งออก ว่าเขาจะโตเป็นแรงขับเคลื่อน...    ตามนั้น จากคุณ : ปลาอ้วนกวนน้ำ - [ 9 ก.พ. 51 09:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รบกวนถามพี่zackว่ากราฟ2 คือค่าเงินon shore และกราฟ3 คือค่าเงินoff shoreหรือเปล่าครับ? พอดีเห็นกราฟประเภทเดียวกันแต่ราคาไม่เหมือนกันในช่วงเวลาเดียวกันครับ เห็นด้วยกับคุณ Red Aegisครับ จากกราฟ2ของพี่zackจะเห็นว่าหลังจากมาตรการ30% ค่าเงินก็ยังคงแข็งค่าต่อไปและมากกว่าเพื่อนบ้าน แสดงให้เห็นว่ามาตรการนั้นไม่มีประโยชน์ต่อการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเลย ส่วนช่วงหลังของปี2007ที่ค่าเงินเริ่มอ่อนตัวน่าจะเนื่องมาจากปัญหาsubprimeทำให้กองทุนต่างชาติต้องขนเงินกลับประเทศทำให้ค่าเงอนอ่อน ไม่ใช่ค่าเงินอ่อนจากมาตรการ30%ครับ จากคุณ : blitzen - [ 9 ก.พ. 51 09:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ++  ทั้ง 2 เป็น Offshore ทั้งคู่ บน Timeframe ที่แตกต่างกันครับ... ++ Arbitrage มีมาแต่ไหนแต่ไรในอดีต...  ลองมองย้อนกลับไปดู     USDHKD และ USDTHB เปรียบเทียบกันนะครับ...  Offshore ทั้ง     สองสกุลมีการแกว่งตัวของราคา ที่แตกต่างกันมาก...  การผูกติดของ     สกุลเงิน HKD และ USD นี้นั้นไม่ได้มีผลกับ USDHKD ของ Onshore     หรือ Offshore มากนัก... ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ arbitrage ปัญหาจริงๆ     มันอยู่ที่ Monetary Policy ของแต่ละประเทศที่จะควบคุม การเข้าโจมตี     ค่าเงินอย่างไร และความอ่อนต่อโลกของ BOT ของไทย เป็นอีกหนึ่งที่     ต้องพิจรณา... อยากให้ตั้งข้อสังเกตุว่า  BOT นั้นมีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์     กับมาตราการนี้หรือไม่ (สำหรับผมคิดว่าไม่)     ผมไม่แน่ใจว่า... BOT กำลังทำอะไรอยู่ ด้วยเจตนาที่ดีหรือไม่ดี กันแน่     แต่ที่แน่ๆ... BOT อ่อนต่อโลกในสายตาผม...  หรือตั้งใจทำตัวให้อ่อนต่อโลก     กันแน่.... ทำเป็นนโยบายตั้งรับ รุกไม่เป็น หรือไม่มีเงินในคลังให้รุก.... แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 14:57:34 จากคุณ : Mr.Zack - [ 9 ก.พ. 51 14:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การกล่าวอ้าง ว่าการกันสำรอง 30% นั้นเผื่อรักษาผลประโยชน์กับภาค อุตสหกรรมการส่งออกนั้น... ถูกเพียงครึ่ง และผิดอีกครึ่ง... GDP หลักของประเทศนั้น เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมหลักใหญ่ๆ 3 ส่วน... 1.  ภาคอุตสาหกรรมการส่งออก 2.  ภาคเกษตรกรรม และกสิกรรม 3.  ภารธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้ง 3 ภาคอุตสาหกรรมนั้น จริงๆแล้วได้ผมกระทบทั้งหมด แต่ที่หนักสุด นั้นไม่ใช่ ภาคอุตสาหกรรมการส่งออก และกับเป็นอีก 2 ส่วนที่เหลือ ผู้ส่งออก ณ ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ ได้ป้องกันความเสี่ยงบน USDTHB ไว้แล้ว ที่เรียกว่า Forward  เป็นการล็อคค่าเงินผ่าน FX Global Line ผ่านแบงค์ ต่างๆ ซึ่งธุรกรรมนี้ แบงค์ต่างๆ ให้เครดิตในการทำ Forward สูงและ นานพอกับ Production Timeframe ในแต่ละอุตสาหกรรม ตั้งแต่ 6 เดือน- 1ปี....  ที่เพิ่มเข้าไปอีก คือ การถือครองเงินสกุลต่างประเทศ ในบัญชี FCD ทั้งออมทรัยพ์ และ ฝากประจำ ในอัตราดอกเบี้ย 1.0-1.9% และ 2.5-3.0% ตามลำดับ... ในส่วน FCD นี้นั้น มีข้อได้เปรียบใน กรณีที่ ภาคอุตสาหกรรมที่ธุรกรรมนำสินค้าเข้ามา ในรูปวัตถุดิบ หรือ สินค้าสำเร็จรูป... แน่นอนว่า 6 เดือน - 1 ปี นั้นอาจยาวพอที่จะป้องกันความเสี่ยงของค่า เงินได้ในระดับหนึ่ง... แต่ไม่ยาวเพียงพอที่จะปรับตัว เพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขัน หากค่าเงิน บาท นั้นแข็งค่า หรืออ่อนค่า เกินกว่า ประเทศ คู่ข้าในภูมิภาค ภาคเกษตรกรรม และกสิกรรม และ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นแตกต่างกัน การป้องกันความเสี่ยงบน เงินบาท นั้นแทบไม่มีเลย... เค้าไม่มีสิทธิ์ป้องกัน ความเสี่ยง กับ Forward ผ่าน FX Globle Line เลย...  กลับกัน กับโดน ควบคุมราคาสินค้า ตั้งแต่ ข้าว ลำไย หมู ผักต่างๆ....  ในขณะที่ต้นทุน การผลิตเพิ่มขึ้น... การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น กลับจะทำให้พวกเค้าเหล่านั้นแย่ลง  ภาคอุตสาหกรรม การผลิต ลดกำลังการผลิต ลดยอดการส่งออก เสือบเนื่องมาจาก FOB's สินค้าในประเทศจำเป็นต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจาก ค่าเงินบาทที่แข็ง จนเกินไป.... สุดท้าย ภาคอุตสากรรม ลดการรับ หรือลดปริมาณการรับ... ผลผลิตทางการเกษตรและทางกสิกรรม.... ปัญหานี้ไม่ได้กระทบกับ ภาคอุตสาหกรรมการส่งออกเป็นหลัก... แต่ในทางกลับกัน กำลังกระทบการคนส่วนใหญ่ของประเทศ ในระดับล่าง... โดยเฉพาะ เกษตรกร และกสิกรไทย (ทักษิณ เรียก ชาวรากหญ้า) แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 16:17:03 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 15:21:29 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 15:06:31 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 15:02:29 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 14:53:04 จากคุณ : Mr.Zack - [ 9 ก.พ. 51 14:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมก็สงสัยหายๆอย่าง อย่างเช่นทุกคนกลัวความเสี่ยงกันทั้งนั้นแต่ก็ไม่ค่อยมีไครประกันความเสี่ยงกัน       ค่าเงินผันผวนก้ประกันความเสี่ยงใว้  เอาเงินคลังออกมาตรึงค่าเงินก้ทำประกันความเสี่ยงใว้ แต่ที่ผมเห็นตอนนี้คลังขาดดุลอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแสนล้าน แสดงว่าไม่ใด้ทำประกันใว้เลย เป็นนักเก็งกำไรนี่หว่า (รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ จบสูงๆกันทั้งนั้น)    ค่าเงินus มีแนวโน้มอ่อนค่าลง กับค่าเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น แต่เราเลือกที่จะกู้เงินเย็นมาทำรถไฟฟ้า หึหึหึสงสัยอนาคตจ่ายค่าหนี้ไม่พอต้องจ่ายค่า(รู้หรือไม่รู้อีกเท่าไหร่)   usอ่อนค่าลงทุกวัน เราก็กอดusใว้ 55555 (รู้หรือไม่รู้กัน)    กรรมของประเทศไทยจริงๆ จากคุณ : กุยแก (JG) - [ 9 ก.พ. 51 16:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านไปอ่านมาปวดหัว(ใจ) แล้วมาคิดว่าอันมาตรการ 30%เนี่ยจะว่าไปมันมีผลในทางปฏิบัติระยะสั้นเท่านั้น นั่นคือพอผ่านไปหนึ่งปี มันก็เหมือนน้ำที่ล้นที่กั้น กล่าวตือที่นำเช้าถูกหัก30% เงินเก่าที่ถูกหักก็ได้ตืน 30% พอดี ก็เจ๊ากันแล้วครับ แต่อย่าลืมว่า ธปท.น่ะเป็นหนี้ในส่วนที่ยึดต่างฃาติที่นำเงินเช้ามา30% ในปีแรกอยู่ ซึ่งถ้าเขาจะถอนเงินออกเลิกลงทุนก็ต้องตืนเขาอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไร ดังนั้นถ้าจะปลดเงินที่ผูกพันอยู่อย่างมีแผน น่าจะทยอยทำ คือยกเลิกไปทีละนิดละหน่อย อย่าเลิกทีเดียว 30% ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ผมจะเช้าใจถูกหรือไม่ ผิดถูกประการใดขออภัยยยยยยยยย. .... จากคุณ : MONOion - [ 9 ก.พ. 51 21:08:48 A:58.8.9.222 X: TicketID:040891 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เงินก็เหมือนกับสายน้ำ กี่พันปีมาแล้ว(ตั้งแต่สมัยกษัตรย์เหลือง)ที่เข้าบอกว่า  น้ำมากให้ระบาย น้ำน้อยให้กักเก็บไว้ใช้ เงินต่างชาติ เข้ามามาก ต้องระบาย ไม่ใช่ไปเก็บ  เก็บไปเก็บมาเขือนแตกทำไง???  อย่าบอกว่าไม่มีทางแตก  แตกมาทุกเขือนหละ แล้วอยู่ๆจะไปรื้อเขือน  ปลาใต้เขือนไม่โดนหินทับตายหมดเหรอ??? แต่คงไว้ต่อไป  จะไปสู้หมู่บ้านอื่นที่เขาไม่สร้างเขื่อน แต่สร้างคลองได้จริงเหรอ???  ค่าบำรุงรักษาเขือนอันนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆ ที่ผ่านมาก็โดนไปจนตัวลีบแล้ว ไม่เข้าใจว่าคิดบ้าอะไรอยู่ แต่จะรื้อเขือน นะปรึกษาวิศวกรให้ดี ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน  ค่อยๆตักดินออก เตรียมทางระบายน้ำไว้ด้วย อย่าทำเหมือนตอนสร้างเขือนที่สั่ง ทิ้งดิน ไปชั่วข้ามคืน  จนน้ำมันขุ่น ปลา ลูกปลา กระจุยกระจายหมด  ตักดินออกที่ละนิด ระบายให้ทั่วถึง ชาวบ้านตาดำๆ จะได้มีโอกาสใช้น้ำเพาะปลูกพืชผลได้ จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ 9 ก.พ. 51 22:30:38 ]