ความคิดเห็นที่ 1 มันอยู่ที่ระบบการแทงบัญชีครับว่าเราจะลงเป็นส่วนใหนกองใหน จุดเด่นมันอยู่ที่การทยอยซื้อทยอยขายลดความเสียหายในการผิดทาง เลือกเล่นตัวกองกลางครับ  เอามาเล่น สัก 20% แต่ตัวหลักก็ยังเป็นวิธี แบบเดิมๆครับ คือ ขายก่อนแล้วซื้อคืน จากคุณ : ขวัญชัย - [ 20 ก.พ. 51 01:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังนึกไม่ออกเลยครับ พี่ขวัญชัย ช่วงที่ผ่านมา ผมซื้อหุ้นตัวนึงทั้งหมดโดยไม่เหลือกองหลังเลย เพราะซื้อบางส่วนแพงกว่าขายด้วย แต่เฉลี่ยซื้อถูกกว่าเฉลี่ยขาย (ตั้งใจว่าตรงนี้จุดต่ำสุดแล้ว และจะยอมเขยิบกองหลังไปอีกหากผิด) แล้วโชคดีที่ ตรงนั้นเป็นจุดต่ำสุดจริงๆ วันแรกที่หุ้นขึ้นจากจุดต่ำสุดนั้นและทำจุงสูงสุดใหม่ ผมจึงเข้าซื้อหุ้นเพิ่มให้เต็มวงเงินทันที หากซื้อไม้นี้แล้วหุ้นกลับลง พี่ขวัญชัยจะทำอย่างไรครับ สำหรับส่วนที่เกินโควต้า แบ่งขาย หรือขายทั้งหมด (มันเป็นส่วนที่เกินโควต้ามานะครับ) จากคุณ : chinn - [ 20 ก.พ. 51 02:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วันแรกที่หุ้นขึ้นจากจุดต่ำสุดนั้นและทำจุงสูงสุดใหม่ ผมจึงเข้าซื้อหุ้นเพิ่มให้เต็มวงเงินทันที หากซื้อไม้นี้แล้วหุ้นกลับลง พี่ขวัญชัยจะทำอย่างไรครับ สำหรับส่วนที่เกินโควต.. .......................................................................... ขายส่วนนั้นหมดครับ  เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ขาลง(หันมาจ้องนิวโลแทน) ถ้ามีการไล่ราคาขึ้น ปกติจะไม่ซื้อทั้ง 100%  ก็จะไล่ตามสเต็ป เหมือนกันกับตอนขายแบบเบสิคเพียงแต่ทำสลับกัน   ดูวอลุ่ม   ดูอารมณ์ตลาด  ดูราคา ประกอบกัน ......มันก็เหมือนกับการคัดล๊อส  ต่างกันที่การลงบัญชี  เราลงค้างไว้ก่อน ปกติเราจะลงด้านขายอย่างเดียวใช่ไหมครับ  เดี๋ยวนี้ผมลง 2 ด้าน ยังไม่แม็ทกัน เพราะบางทีไม่นานมันก็ตัดกันเองในวัน2วันนั้นครับ เวลาเราเล่นหุ้นมันก็ขึ้นๆลงๆ  ผ่านหน้าราคานั้นอยู่บ่อยๆเดี๋ยวเราก็จับ แม็ทกันได้อยู่ดี จากคุณ : ขวัญชัย - [ 20 ก.พ. 51 10:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การจับคู่แม๊ทราคากัน  ถ้าอารมณ์เรามีความต้องการเงินแฝงมาก เราก็จะแม็ทคู่กับราคาที่เราขายไว้ด้านบนสุด  บัญชีจะบอกว่า เราได้เงินแฝงมาก  แต่เมื่อราคาหุ้นลงมาเราก็ขายรอบใหม่ราคาบนสุด ก็จะต่ำลง ๆ ๆ มาเรื่อยๆ เช่น เราเคยขายที่ไฮ 10 บาท เราซื้อ 7 บาท เราก็ได้เงินแฝง 3 บาท (10-7) แต่ถ้าเราปล่อยขายไปก่อนที่ราคา 8 บาท เราก็ได้เงินแฝง 1 บาท(8-7) ส่วนราคาขาย 10 บาทยังอยู่  ขีดเส้นพักเป็นขอบบ่อไว้  ให้เราตกปลา เล็กๆที่ 7 กับ 8 เป็นต้น ถ้าวันใดเราเล่นตกปลาที่ 4 กับ 5 บาท ขอบบ่อก็จะสูงมากขึ้นไป อีก ถ้าเราตกปลาได้ตัวเล็กแต่บ่อยๆเราก็อิ่มได้เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องวิดบ่อบ่อยๆ  แล้วขอบบ่อเราก็ต่ำลง ๆ ๆ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 10:54:45 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 20 ก.พ. 51 10:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมจึงคิดแบบนี้? วันหนึ่งในบทสนทนากับอ.เด่นศรี มีการคุยกันว่า คุณเด่นศรียังมี 30% ที่ราคาขายสูงกว่าปัจจุบัน 40 ช่อง ผมก็สงสัยว่าเหลือได้ยังไง  ก็ในเมื่อตามขั้นตอนการซื้อคืน ที่ว่าซื้อรวบ 3 ราคาบ้าง  ซื้อคืนที่ 5 ช่องบ้าง  ซื้อเมื่อราคาหุ้นขึ้นจากต่ำ สุดมา 4 ช่องบ้าง   แล้วคุณ เด่นศรีเหลือที่ 40 ช่อง 30% ได้ไง ก็เลยคิดว่าคงมีการขีดเส้น พักไว้เป็นขอบบ่อไงครับ  ผมก็ไม่ได้รับการยืนยันว่าวิธีคิดจะตรงกันใหม แต่ก็ทดลองทำดูครับ จากคุณ : ขวัญชัย - [ 20 ก.พ. 51 11:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณพี่ขวัญชัยมากเลยครับ เข้าใจชัดเจนเลยครับ จะนำไปใช้ครับ จากคุณ : chinn - [ 20 ก.พ. 51 11:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ  อยู่ที่ว่าเราจะเลือกตัดตัวไหนก่อน ก้อเข้าก่อนออกหลัง  หรือเข้าหลังก่อน  อิอิ ผมก้อทำแบบนี้เหมือนกันครับ  มันได้กำลังใจแยะดีด้วย เรามีหุ้นที่ขายไปราคาสูง  ยังไม่ได้ซื้อคืนอีกแยะ  ในบัญชี แต่ว่า  เงินส่วนนั้น  มันหายไปเป็นตัวอื่น  เหลืออยู่นิ๊ดเดียว  แก้ไม่หายครับ จากคุณ : จอนฟอน - [ 20 ก.พ. 51 20:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ ... จากคุณ : akae - [ 21 ก.พ. 51 07:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก้อทำแบบนี้เหมือนกันครับ  มันได้กำลังใจแยะดีด้วย เรามีหุ้นที่ขายไปราคาสูง  ยังไม่ได้ซื้อคืนอีกแยะ  ในบัญชี แต่ว่า  เงินส่วนนั้น  มันหายไปเป็นตัวอื่น  เหลืออยู่นิ๊ดเดียว  แก้ไม่หายครับ --- จอนฟอน --- ............................................................................................... คำตอบก็มักจะอยู่ในคำถามนะครับ  ที่คุณจอนฟอนบอกว่าเงินมันหายไป ทั้งที่หุ้นที่ยังไม่ได้ซื้อคืนอยู่ที่ราคาสูง  ถ้าแก้ตรงนี้ได้จะได้ผลดีมากเลยครับ 1 เงินแฝงที่ได้แยกออกมาเก็บไว้ต่างหากสะสมไว้ 2 คิดว่าเงินแฝงเป็นเงินที่เราหามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก  ต้องรักษาไว้ ไม่ให้ม้นด้อยค่า  หรือ เสียหายไป  ทำยังไงให้มันเพิ่มพูนขึ้น การเล่นหุ้นเราต้องเจอกับปัญหา  เราก็ต้องบริหารปัญหาให้เป็นประโยชน์ กับเรา  หรือ ให้ทำความเสียหายให้เราน้อยที่สุด สร้างเงื่อนไขที่เป็น ประโยชน์ให้มากที่สุด ปัญหาสำคัญในการสู้รบอีกอย่างคือ  "ความกล้าที่จะเป็นผู้ชนะ" บางที่เราชนะแล้วแต่เราไปกลัวที่จะเป็นผู้ชนะ  ก็เลยไม่ชนะซะที กลับยอมเพลี่ยงพล้ำทำตัวให้เหมือนแพ้เหมือนเดิมอีก บางทีกลัวมีเงินในกระเป๋า  ต้องควักไปจนให้หมดกระเป๋า แล้วบอกว่า "กลัวเงินขี้เกียจ" ผู้แพ้เอาเงินเข้ามาในตลาดหุ้นแต่กลับครอบครองหุ้นน้อยลง ผู้ชนะเอาเงินออกจากตลาดหุ้นแต่กลับเพิ่มการครอบครองหุ้นมากขึ้น .....................ต้องบอกตัวเองว่า กล้า  กล้า  หน่อย  ..................                          ......... กล้า ชนะ หน่อย ....... แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 51 15:19:06 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 21 ก.พ. 51 15:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "ชนะแล้ว แต่ไม่กล้าครอบครอง จึงต้องพ่ายแพ้ เงินแฝงเราได้มาเหมือนเงินทอนจากการด้อยค่าของหุ้น เราต้องสะสมไว้วันใดที่หุ้นราคาลดลงถึงต่ำติดดิน เงินจำนวนนี้เราต้องเอากลับมาครอบครองจำนวนหุ้นมากขึ้น" สังเกตุจากการอ่านวิธีคิดของ คุณ เด่นศรี จะมีการออมเงิน จะเน้นการตรวจสอบความสำเร็จโดยการ  ให้ดู ว่า เรา ต้องมีหุ้นมากขึ้น  ต้องมีเงินสดมากขึ้น  ต้องมีทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น  ต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น  ต้องมีสำรองเพิ่มขึ้น ดังนั้นเงินสำรองจึงต้องมีความพร้อม   ในวันที่หุ้นต่ำสุดๆถ้าเรามีเงินสดจะได้เปรียบ แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 51 15:59:01 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 21 ก.พ. 51 15:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ  ต้องอดทน  ถ้าคิดแบบพี่บูฯ  ถือเงินสดอยู่ที่โบรค ก้อได้ดอกเบี้ย  เหมือนฝากเงิน  รอเวลาทำงาน  ต้องอดทนๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : จอนฟอน (จอนฟอน) - [ 21 ก.พ. 51 19:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คห. 9 และ 10 ของพี่ขวัญชัย โดนใจมากๆเลยครับ หลายๆครั้งที่ผมเอาเงินออกจากตลาดไม่ได้เลย(สมัยที่เล่นกราฟ) เจ็บใจตัวเอง โง่จริงๆ จากคุณ : tung+ (ksarot) - [ 21 ก.พ. 51 23:13:22 ]