ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าคุณและสามีไม่มีสวัสดิการจากที่ทำงานเพื่อประกันการเจ็บป่วยของลูกเลย เราแนะนำว่าให้ทำประกันสุขภาพให้ลูกเลยค่ะ เพราะมันคุ้มจริงๆ เด็กๆ เจ็บป่วยที มีโอกาสได้นอนโรงพยาบาลสูงมาก เรายกตัวอย่างจากครอบครัวเราเองเลยนะคะ
สามีและตัวเราเองมีประกันสังคมซึ่งไม่ครอบคลุมถึงลูก จึงจำเป็นต้องทำประกันให้ลูกค่ะ ตอนแรกก็มองทั้งบริษัทประกันแบบเฉพาะสุขภาพที่ต้องซื้อทิ้งเป็นปีๆ กับประกันชีวิตทั่วไป มันมีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ
บริษัทประกันสุขภาพที่ซื้อทิ้งเป็นปีนั้น ต้องซื้อกรมธรรม์ของพ่อหรือแม่ก่อนถึงจะซื้อกรมธรรม์ให้ลูกได้ และมีราคาค่อนข้างสูงค่ะ อย่างต่ำก็เจ็ดพันอัพ แต่ข้อดีคือ สามารถใช้กับ OPD ได้ประมาณ 30 ครั้งต่อปี และ IPD นี่ไม่จำกัดจำนวนครั้งแต่จำกัดวงเงิน
ส่วนบริษัทประกันชีวิตทั่วไปที่ต้องซื้อเบี้ยหลักก่อนแล้วถึงจะซื้อเบี้ยสุขภาพได้นั้น ในช่วง 6 ปีแรกจะเสียเบี้ยสูงหน่อยค่ะ เพราะต้องเสียทั้งเบี้ยหลักและเบี้ยสุขภาพของเด็กก่อน 6 ปีจะสูงพอๆ กับเบี้ยของบริษัทประกันสุขภาพ แต่พออายุ 6 ปีขึ้นไป เบี้ยสุขภาพจะลดลงมาเกือบครึ่งเลยทีเดียว และที่ดีอีกอย่างคือ ยังมีเบี้ยหลักที่คุ้มครองลูกอยู่อีก ซึ่งจะเป็น 20 ปี หรือตลอดชีพ ก็แล้วแต่คุณจะเลือกซื้อค่ะ แต่ข้อเสียคือ จะเบิกได้ก็ต่อเมื่อลูกต้องนอนโรงพยาบาลเท่านั้นหรือไม่ก็อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอการรักษาเกินกี่ชั่วโมงๆ ขึ้นไปตามแต่ที่บริษัทเขากำหนดไว้ ไม่สามารถเบิก OPD ได้ เรียกว่าถ้าลูกปวดหัวตัวร้อนเนี่ย ต้องจ่ายเองค่ะ
ระวังตัวแทนบางคนด้วยนะคะ เราเคยเจอเองเลยมาหลอกเราว่า เนี่ย ฉีดวัคซีนก็ไม่ต้องเสียเงิน เราก็สนใจ แต่พอถามเข้าจริงๆ ก็คือ ถ้าฉีดวัคซีนลูกก็จะมีไข้ ก็เอานอนโรงพยาบาลก็จะได้ไม่เสียเงินค่าโรงพยาบาล ฟังแล้วอยากจะด่า ใครจะบ้าอยากไปเสียเวลานอนโรงพยาบาลวะเนี่ย แล้ววัคซีนเด็กเดี๋ยวนี้มันมีตั้งหลายตัวที่ลดการเป็นไข้ได้ ตัวแทนห่วยๆ อย่างนี้ ขอบอกว่าเป็นถึงระดับหัวหน้าเขตเลยนะ เลยเลิกซื้อประกันกับตัวแทนคนนี้ไปเลย
สำหรับเราแล้ว เราซื้อประกันเบี้ยหลักให้ลูก 100,000 บาท เป็นแบบตลอดชีพค่ะ ก็เสียเบี้ยหลักแค่พันสองพัน แล้วเบี้ยสุขภาพก็ประมาณ 8,000 กว่าบาท รวมแล้วปีหนึ่งก็เสียหนึ่งหมื่นนิดๆ ไม่ถึงหมื่นเอ็ด แต่ลูกนอนโรงพยาบาลปีละ 2 หน หนละหมื่นขึ้น ก็คุ้มค่ะ สำหรับเรานะ
*****
มาถึงประกันชีวิตแบบตลอดชีพและสะสมทรัพย์ ในครอบครัวเรา เราทำประกันไว้ทุกคนค่ะ ทั้งสามี ตัวเราและลูก ถ้ากัดฟันส่งไหวก็ส่งเถอะค่ะ ยังไงก็มีผลดีถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด
ประกันชีวิตแบบตลอดชีพจะส่งเบี้ยถูก และจะส่งแค่ 20 ปี แต่คุ้มครองตลอดชีพ แต่ผลตอบแทนที่ได้ระหว่างมีชีวิตอยู่นั้นน้อย จะมีแค่ปันผลรายปี ซึ่งทางบริษัทเขาก็จะเก็บไว้แต่ก็คิดดอกเบี้ยให้นะ วันไหนที่เราเสียชีวิตไป ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับทุนประกันเต็มๆ +ปันผล+ดอกเบี้ย (สำหรับแบบที่มีปันผลนะคะ) แต่ถ้าส่งหมดแล้วอยู่ไปนานๆ แล้วอยากจะใช้เงิน ก็ปิดกรมธรรม์ ก็ยังได้เงินก้อนที่ยังไงก็ไม่น่าจะขาดทุนค่ะ
เราเลือกซื้อประกันตลอดชีพให้ลูกเพิ่มอีกกรมธรรม์หนึ่ง เพราะยิ่งซื้อตอนอายุน้อยๆ เบี้ยจะถูกกว่าซื้อตอนโตเยอะเลยค่ะ เช่น เด็กอายุ 2 ปี ซื้อทุนประกัน 1 ล้านบาทจะเสียเบี้ยประมาณ 12,000 (สมมตินะคะ) แต่ถ้าไปซื้อตอนอายุ 30 ปี เงินที่เสียเบี้ยไป 12,000 บาทเนี่ย จะซื้อทุนประกันได้แค่ 500,000 บาท หรืออายุ 35 ปี จะได้ซื้อทุนประกันได้แค่ 250,000 บาท เป็นต้น
และเราคิดว่าถ้าลูกเราอายุ 60 ปี อยากจะปิดกรมธรรม์นี้ เขาก็จะได้เงินก้อนที่ได้มากกว่าเงินส่งไป 2-3 เท่าเลยทีเดียว ก็ถือเป็นมรดกอีกอันหนึ่งให้เขา แต่ถ้าเขาไม่ปิด ก็เป็นมรดกให้ลูกหลานเขาต่อไป
ส่วนประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย เบี้ยจะสูงค่ะ แต่ผลตอบแทนก็สูงตามไปด้วย แล้วแต่แบบประกันค่ะ มูลค่าเงินสดก็สูงด้วย บางแบบมีเงินคืนทุกๆ 5 ปี บางแบบก็คืนทุกปี ทุก 2 ปี ทุก 3 ปี ต้องดูให้ดีค่ะ แต่ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะคุ้มครองชีวิตในจำนวนปีที่กำหนดไว้เท่านั้นค่ะ คุณส่งแบบสะสมทรัพย์นี้ก็อาจจะถือเป็นการวางแผนการใช้จ่ายให้ลูกได้ด้วย เช่น คุณจะรู้แน่ๆ ว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าคุณจะมีเงินจำนวนเท่านี้คืนมาเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เขาได้แน่ๆ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ
และไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตแบบตลอดชีพหรือสะสมทรัพย์ คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพเสริมได้หมด เขาเรียกว่าอนุสัญญาค่ะ แต่มันก็จะมีข้อจำกัดอยู่หน่อยหนึ่งว่า ถ้าทุนประกันคุณมีเท่านี้ คุณจะซื้อประกันสุขภาพได้ไม่เกินเท่านี้ๆ ค่าห้องจะซื้อได้ไม่เกินเท่านี้ๆ น่ะค่ะ
และเบี้ยประกันชีวิตที่ส่งไปที่มีระยะเวลาการคุ้มครองชีวิตเกิน 10 ปีขึ้นไป คุณสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาทค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าชื่อกรมธรรม์นั้นจะต้องเป็นชื่อคุณเท่านั้น แม้ว่าคุณจะส่งประกันให้ลูก ก็ไม่สามารถนำส่วนนั้นไปลดหย่อนได้ค่ะ
ไม่รู้ว่าเราจะให้คำตอบที่ชวนงุนงงมากขึ้นหรือจะทำให้ จขกท พอจะเข้าใจได้บ้างไหมนะคะ แต่เห็นเรื่องประกันชีวิตแล้วอยากจะตอบมากค่ะ เพราะเคยเจอตัวแทนเลวๆ บางบริษัทหลอกจนแค้นมากถึงกับไปสอบเป็นตัวแทนประกันเพื่อจะได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงของการทำประกันค่ะ แต่ไม่เคยขายใครนอกจากตัวเองกับสามี 5555
ปัจจุบันไม่ได้ขายประกันให้ใคร มีแต่ซื้อกับตัวแทนที่ไว้ใจได้ และยังเห็นว่าการทำประกันชีวิตนั้นมีข้อดีมากมายจริงๆ ค่ะ ตราบใดที่ไม่บ้าซื้อประกันจนเกินความสามารถจะส่งเบี้ยได้
จากคุณ :
[NostalgiA]
- [
23 ก.พ. 51 11:07:36
]
|
|
|