PANTIP.COM : I6374235 ตลาดหุ้นลักษณะคอขวด การไล่ซื้อคือความเสี่ยง ( prettypetite ) []

ตลาดหุ้นลักษณะคอขวด การไล่ซื้อคือความเสี่ยง ( prettypetite )

สวัสดีค่ะ

เมื่อวานนี้ดิฉันได้แสดงความคิดเห็นในบอร์ด Thaidaytrade.com และใน Blog น้องชายว่า หุ้จีนทำ new low และเด้งขึ้นแล้ว ถ้าเป็นดิฉัน จะรีบไปเล่นเก็งกำไรหุ้นจีน เพราะตลาดไทยขึ้นมาแรงกว่าตลาดอื่นๆ จนกองทุนหุ้นไทยติดอันดับ most gaining อันดับ 1 ถึง 4 มานาน 5 สัปดาห์แล้ว ในขณะที่ตลาดจีนลงมาตลอด

มองที่ high ปีที่แล้ว เราเหลือ upside gain 10% เอาเถอะ ต่อให้ 1000 จุด ก็แค่ 20% แต่จีน มีให้ 50%

เราว่าตลาดไทยยังไม่ขึ้น จริงรึ??? ดูดัชนี Bluechips สิ ไทยก็ all time high ไม่ได้น้อยหน้าเลย เราเอา SET ทั้งหมดไปเทียบกับดัชนี Bluechips ชาวโลกเขานะ ลองดูดัชนีหุ้นตัวเล็กๆของอเมริกาสิ หุ้นมากมายทำ new low

วันนี้ตลาดจีนวิ่งแรงมาก ตอนเช้าไทยก็กระโดดเปิดหน้าต่าง แต่แล้วมีแรงขายทำกำไรทำให้ดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่หุ้นตัวใหญ่ๆวิ่งแคบๆแบบซื้อได้แต่ขายไม่ได้ หรือขายได้แต่ซื้อคืนไม่ได้ กลับมีแรงปั่น TFEX ขึ้นมาจนแตะ high ตอนเช้า แต่พอเปิดตลาดบ่ายปุ๊ป ร่วงปั๊ปแบบไม่ให้ตั้งตัวรวม 6 จุด รายย่อยรีบเข้าไปไล่ซื้อคนละสัญญา 2 สัญญา หวังจะขายที่จุด high ตามที่ได้เห็น 2 รอบในตอนเช้า ซึ่งแน่นอน จะไม่เป็นไปตามที่หวัง

เมื่อรายใหญ่และต่างชาติมีพฤติกรรมเล่นเวียนเทียน หุ้นไทยก็เลย sideway เหวี่ยงขึ้นๆลงๆ และวันนี้ก็เข้ารอบที่ 4 แล้ว ราคาหุ้นเป้าหมายของ hedge funds ต่างชาติ ล้วนแล้วแต่ขึ้นมาเยอะมากๆ เมื่อเที่ยบกับช่วงเวลาอันสั้นแค่เดือนเศษๆ

เงิน 1 หมื่นล้านบาท นำหุ้นไทยขึ้นได้ตั้ง 110 จุด ในเวลาแค่ไม่กี่วัน นับว่าน่ามหัศจรรย์อยู่แล้ว แต่การใช้เงินหมุนเล่นรอบเพียงแค่ไม่ถึง 2 พันล้าน ก็ทำเป้าหมายได้พอกัน คิดดูสิ 4 รอบ รอบละ 30 จุด รวมกันเท่าไรไปแล้ว ในขณะที่รายย่อยนั่งตบยุง ชะเง้อรอคอย 860 จุด คนคุมเกมทำ SET เล่น sideway ก็เหมือนได้เห็น 900 จุดไปแล้ว

นี่คือเหตุผลที่ดิฉันบอกให้เล่นสั้นๆ อย่าถือยาว โดยเฉพาะคนที่ต้นทุนสูง ซึ่งพลาดนิดก็ขาดทุนแล้ว ต่างชาติเริ่มกลยุทธ์ ลงมือแบบสายฟ้าแลบมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มันเป็นเวลาเอาชั้นเอาเชิงกัน ใครมีพวกมากกว่า เร็วกว่า คือผู้ชนะ เพราะ ไม่ใช่เป็นช่วงเวลาที่รายใหญ่ collect หุ้นเหมือน 5-6 ปีที่แล้ว จะได้ใจเย็นๆค่อยๆสะสม

ตลาดหุ้นทั้งโลกในขณะนี้ เล่นหุ้นโดยมีข่าวเป็นปัจจัยหลัก ชาชินกับข่าวร้าย และให้ความหวังกับข่าวดีมากๆ

ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่จะต้องมีความหวัง และปัญหาทุกๆอย่างมันย่อมแก้ได้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องยอมปล่อยให้จบเกม ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้กระทั่งการจบลงด้วยชีวิต ยังต้องยอมเลย ในตลาดทุนและตลาดหุ้น การยิ่งยื้อนาน ก็ยิ่งต้องใช้เงินมาก เครียดมากขึ้น นักลงทุนทั่วๆไปจะยิ่งขาดทุนในวงกว้างขึ้น และสุดท้าย ก็จบในรูปแบบที่คนส่วนใหญ่เสียหาย และมีคนได้แค่ไม่กี่คน

สิ่งที่คนสำคัญ ผู้มีอิทธิพลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ มันเหมือนลิงกำลังแก้แห เหมือนพยายามจะแกะด้ายที่พันกัน สร้างฟองสบู่ลูกใหม่ที่ใหญ่กว่าลูกเก่า ปัญหาครั้งนี้ คือไม่มีใครคาดได้ว่า มีความเสียหายเท่าไร ปัญหามันใหญ่แค่ไหน

ดิฉันเองเจอเรื่องร้ายๆและปัญหามากมายมหาศาลในชีวิต คนที่แค่ฟังเรื่อง ต่างบอกกันว่า ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตคนๆหนึ่ง มันจะพลิกผัน สบัยซับซ้อน เต็มไปด้วยปัญหายุ่งเหยิงมากมายขนาดนี้ น่าจะป่วยตาย หรือเป็นบ้าตายไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเจอปัญหาธุกิจและตลาดหุ้น หมดกำลังใจสู้ มะเร็งถามหา คุณแม่ยืดชีวิตไปได้ 8 เดือน ทุ่มสุดตัวยังรั้งชีวิตเอาไว้ไม่ได้เลย มาถึงพ่อ ปล่อยเลยตามเลย อยู่ได้ 20 กว่าวัน เสียชีวิตไปตั้งแต่อายุแค่ 54 และ 55

เมื่อทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะการเทรดหุ้น ให้หยุด action เมื่อก่อนดิฉันทำได้นะ เช่น หยุดไปตั้งแต่ล้างพอร์ตก่อนปิด 56 สถาบันการเงิน 3 วันที่ SET เกือบ 800 จุด แล้วเข้ามาซื้อคืนใหม่ตอนธนาคารกรุงเทพเหลือแค่ 20.25 บาท แต่พอลูกๆโตแล้ว ว่างจัด แถมนั่งหน้าจอคอม ทำให้เกิดอาการเสพติดหุ้นขนาดหนัก คงต้องหาวิธีบำบัดแล้ว นี่กะว่าจะหาสมุดมาเล่มหนึ่ง แล้วเคาะซื้อ เคาะขายกับกระดาษแผ่นนั้นไป แล้วมาดูผลว่าเป็นอย่างไร

เพราะดูๆแล้ว จุดซื้อราคาถูกน่าซื้อรอบต่อไป น่าจะอยู่ราวๆปลายเดือนมีนาคม ต่อต้นเดือนเมษา ราคาตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะ hold หุ้นอยู่รอขาย การเข้ามาไล่ซื้อรู้สึกว่า จะไม่คุ้มความเสี่ยง

จากคุณ : KENG76 - [ 28 ก.พ. 51 08:29:00 ]