Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    นำเงินสด1แสนบาทเพื่อเปิดบัญชีกระแสรายวัน ที่ธ.กสิกรไทย สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ แต่พนักงานไม่นำเงินเข้าบัญชี

    ดิฉันชื่อปารณีย์ รัชตเมธากุลค่ะ
    จะขอเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้นะคะ

    เมื่อวันที่14กุมภาพันธ์2551เวลา18.20น.ที่ผ่านมา
    ดิฉันได้เดินทางไปเปิดบัญชีกระแสรายวันที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
    ดิฉันกดบัตรคิวและได้ติดต่อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ที่7กับพนักงานชื่อคุณนวรัตน์ ถาวรวงศ์
    พนักงานคนดังกล่าว ได้กล่าวว่าการเปิดปัญชีกระแสรายวัน จะต้องมีเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ10000บาท(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
    ดิฉันก็เข้าใจตามกฏเกณฑ์นี้ดี และได้เตรียมเงินสดมาเพื่อทำการเปิดบัญชีกระแสรายวันด้วยจำนวนเงิน100000บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน) และได้วางเงินสดไว้ข้างเครื่องคอมพ์ของพนักงานคนดังกล่าวทำงานอยู่ จนเสร็จสิ้นเรื่องราวของการขอเปิดบัญชีประมาณ1ทุ่มของวันเดียวกัน

    เวลาผ่านไปจวบจนกระทั่งถึงวันพฤหัสที่28กุมภาพันธ์2551 ดิฉันได้ขอตรวจสอบการเดินบัญชีโดยทางFax
    เมื่อตรวจสอบแล้ว ดิฉันจึงพบว่ายอดเงินได้ขาดหายไปจำนวนเงิน100000บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)
    และตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าจำนวนเงิน100000บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)ที่ดิฉันนำมาเพื่อเปิดบัญชีกระแสรายวัน ไม่มีการนำเข้าบัญชีของดิฉันแต่ประการใด

    ดิฉันจึงเดินทางมาที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ที่ดิฉันขอเปิดบัญชีอยู่ และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และขอสอบถามจำนวนเงินที่หายไป และได้มีการเปิดดูกล้องวงจรปิด
    ในครั้งนี้ โดยมีพนักงานธนาคารชื่อคุณประภาภรณ์ มาร่วมดูกล้องกล้องวงจรปิดนี้ด้วย
    และจากการที่ดิฉันสังเกตพบว่าพนักงานท่านนี้พยายามพูดปกป้องพนักงานด้วยกัน และพยายามกันมิให้ดิฉันพูดได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น โดยที่ให้ดิฉันนั่งฟังอยู่ฝ่ายเดียว

    จากการที่ตรวจสอบการบันทึกเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิด ได้ดูมาถึงช่วงที่พนักงานที่ชื่อคุณนวรัตน์ ถาวรวงศ์กำลังลุกขึ้นให้ดิฉันเซ็นเอกสาร โดยที่มือซ้ายของคุณนวรัตน์ ถาวรวงศ์ยื่นเอกสารให้ดิฉันเซ็น และมือขวาของคุณนวรัตน์ หยิบเงินสดที่ดิฉันนำมาทำการนับ


    และเมื่อดูบันทึกจากกล้องวงจรปิดเสร็จสิ้นแล้ว

    คุณประภาภรณ์ กลับกล่าวว่า"นี่มิใช่การนับเงิน แต่เป็นการค้นหาเอกสาร"

    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ดิฉันจึงได้มีการคุยโต้ตอบกัน
    หลังจากนั้นคุณประภาภรณ์จึงนัดให้ดิฉันมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ในเวลา11.00น.

    วันที่29กุมภาพันธ์2551 เวลา11.00น.
    ดิฉันจึงเดินทางมายังธนาคารอีกครั้ง ตามที่ได้นัดกันไว้

    เมื่อดิฉันมาถึง ผู้จัดการสาขาชื่อคุณสุพรรณี ก็ได้กล่าวกับดิฉันว่าเมื่อคืนได้ดูจากบันทึกกล้องวงจรปิด จนถึง5ทุ่ม
    ในกล้องวงจรปิดที่มีพนักงานชื่อคุณนวรัตน์ ถาวรวงศ์กำลังนับเงินนั้นเป็นเงินของพนักงานท่านอื่น มิใช่เงินของดิฉัน

    ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่ทำเอกสารของดิฉันอยู่แล้วนำเงินของลูกค้าท่านอื่นมานับได้อย่างไร


    ในครั้งนี้ดิฉันจึงได้ถามผู้จัดการท่านี้ไปว่า มีด้วยหรือที่ไม่มีเงินสดมาเปิดบัญชี แต่มาขอเปิดบัญชีกระแสรายวันได้

    ผู้จัดการท่านนี้กลับกล่าวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า
    "มี แล้วแต่เคส"

    ดิฉันจึงกล่าวไปว่า ดิฉันก็คงเป็นเคสพิเศษซินะ

    ในประโยคนี้จึงอยากจะขอถามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหากได้มาอ่านในเรื่องราวที่เกิดขึ้นและร่วมพิจารณาด้วยว่า

    เพราะเหตุใด ดิฉันจึงมีสิทธิพิเศษ ที่สามารถเปิดบัญชีกระแสรายวันได้ โดยที่มิต้องใช้เงินสดเปิดบัญชี

    ทั้งที่ผู้จัดการหรือพนักงานท่านอื่นท่านใดกับตัวดิฉันเอง ก็มิเคยพูดคุยหรือรู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่ประการใด




    และจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดิฉันได้นึกย้อนกลับไปเมื่อวันที่14กุมภาพันธ์2551 วันที่ดิฉันได้ทำการขอเปิดบัญชีกระแสรายวัน
    ในวันนั้นดิฉันได้มีการทำการขอเปลี่ยนชื่อและนามสกุลในบัญชีออมทรัพย์ที่ดิฉันได้เปิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
    ในวันนั้นจึงมีการเซ็นเอกสารหลายใบด้วยกัน และทำให้ดิฉันขาดการขอสลิปหลักฐานการนำเงินสด100000บาทเข้าบัญชีกระแสรายวันกลับมาด้วย


    ด้วยเหตุนี้ทางพนักงานธนาคารในสาขานี้จึงสบช่องโอกาสที่พยายามจะปฏิเสธการรู้เห็นการรับเงินของดิฉัน ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด และสมุดเช็คที่ดิฉันได้มาจากธนาคาร

    และในเรื่องนี้ ดิฉันได้นำเรื่องเข้าพูดคุยผ่านทางรายการสถานีวิทยุรายการหนึ่งเมื่อคืนนี้ เพื่อรับฟังและพูดคุยออกความคิดเห็นกัน
    และมีผู้ฟังอยู่ท่านหนึ่งถามดิฉันว่า ทำไมดิฉันขอเปิดบัญชีด้วยเงินสด1แสน ทำไมไม่เปิดเพียงแค่1หมื่นบาท และทำไมไม่เปิดบัญชีออมทรัพย์แล้วโอนเข้ามา

    ดิฉันขอตอบว่า
    -ดิฉันทำอาชีพค้าขายเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง การใช้เช็คแต่ละใบ ยอดเงินสั่งจ่ายมากกว่า1หมื่นบาท บางใบก็หลายหมื่น และดิฉันก็ไม่สะดวกที่เดินทางเข้าธนาคารทุกวันเพียงเพื่อมาเข้าบัญชีเพื่อจ่ายเงินตามยอดเงินในเช็ค
    ฉะนั้นดิฉันจึงนำเงินสดเข้าบัญชีรอเช็คมาตัดยอด
    และอีกประการหนึ่งคือดิฉันก็ไม่คุ้นเคยกับการโอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์มายังกระแสรายวันด้วย และอีกทั้งที่ดิฉันเห็นว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ดิฉันจึงไม่อยากสิ้นเปลืองเงินค่าใช้จ่ายในจุดนี้ค่ะ


    จากการตั้งข้อสังเกตของดิฉันพบว่า
    1.ในวันแรกที่ได้ดูบันทึกกล้องวงจรปิด คุณประภาภรณ์ กล่าวว่า"นี่มิใช่การนับเงิน แต่เป็นการค้นหาเอกสาร

    2.ในวันที่2ที่มีการนัดติดต่อธนาคาร ผู้จัดการสาขาชื่อคุณสุพรรณี กล่าวว่า"คุณนวรัตน์ ถาวรวงศ์กำลังนับเงินนั้นเป็นเงินของลูกค้าท่านอื่น มิใช่เงินของดิฉัน"

    ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าบุคคลทั้ง2พูดไม่เหมือนกัน คนหนึ่งบอกว่าเป็นการค้นหาเอกสาร อีกคนหนึ่งบอกว่ากำลังนับเงินของลูกค้าท่านอื่น

    ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ จากคำตอบและการปฏิเสธของพนักงานธนาคารบ่งบอกถึงอะไร เจตนาอันใดจึงคบคิดกันกล่าวออกมาเช่นนั้น ก็ขอให้ทุกท่านร่วมพิจารณาดูกันนะคะ


    เรื่องที่นำมาบอกกล่าวทั้งหมดนี้ เป็นความจริง และยินดีเป็นอย่างยิ่งหากได้ผู้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้จะติดต่อกลับมาหาดิฉันโดยตรง

    โดยส่งอีเมล์ติดต่อมาได้ที่paranee2517@thaimail.com


    และดิฉันอยากจะเรียนถามทุกท่านที่พอที่จะให้คำชี้แนะได้บ้างว่าดิฉันควรที่จะดำเนินการใดต่อไป

    ขอบคุณค่ะ

    จากคุณ : ปารณีย์ รัชตเมธากุล - [ 1 มี.ค. 51 17:15:37 A:124.120.51.192 X: TicketID:164262 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom