 |
คัมภีร์ของนักเก็งกำไร
ใครชอบเก็งกำไร ก็ลองอ่านดูนะครับ !
คัมภีร์ของนักเก็งกำไร ถ้าพูดว่า Securities Analysis และ Intelligent Investor คือคัมภีร์ของ Value Investment แล้ว The Battle for Investment Survival เขียนโดยเจอรัลด์ เลิบ ก็น่าจะเรียกว่าเป็นคัมภีร์ของนักเก็งกำไรได้เช่นกัน
หนังสือของเลิบ ซึ่งเป็นโบรกเกอร์และเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์เล่มนี้เขียนขึ้นในปี 1935 ซึ่งใกล้เคียงกับหนังสือ Securities Analysis ของเบน เกรแฮมที่เขียนขึ้นในปี 1934 ซึ่งเป็นเวลาหลังการเกิดวิกฤติตลาดหุ้นนิวยอร์คในปี 1929
เนื้อหา แนวความคิด หลักการลงทุนระหว่าง เบนเกรแฮม กับ เลิบ นั้น แน่นอน อยู่กันคนละขั้ว เหมือนกับกลางวันกับกลางคืน ทั้งคู่ต่างก็อ้างว่าวิธีของตนนั้นคือวิธีที่จะทำให้ร่ำรวยหรือเอาตัวรอดได้ในตลาดหุ้น
ทั้งคู่มองว่าการลงทุนซื้อขายหุ้นนั้นเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์สูงที่จะประสบความสำเร็จ และทั้งคู่เห็นว่าเป้าหมายของการซื้อขายหุ้นก็คือการรักษาเงินต้น และทำกำไรที่ดี และสามารถชดเชยกับอัตราเงินเฟ้อได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองคนมองกันคนละมุม
เลิบมองว่าการลงทุนในหุ้นนั้นคุณต้องทำแบบเก็งกำไรซื้อขายหุ้นเร็ว ดูภาวะตลาดหลักทรัพย์และจับกระแสให้ถูกต้อง เขามองว่าการลงทุนถือหุ้นยาวเพื่อรอกินปันผลนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเพราะผลตอบแทนที่คาดหวังจะต่ำเพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ต่อปี และโอกาสที่จะขาดทุนเพราะเงินต้นหายจะมีมากถ้าคุณคาดการณ์ผิด สำหรับเลิบแล้ว หุ้นราคาถูกสไตล์ Value Investment นั้นไม่มีประโยชน์เพราะมันอาจจะถูกไปนานแสนนาน เขาเห็นว่าควรเข้าซื้อหุ้นที่เริ่มจะแพงและแพงขึ้นเรื่อย ๆ
วิธีการลงทุนแบบของเลิบนั้น เขาแนะนำให้ใช้เงินเก็งกำไรเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ตเท่านั้น ไม่แนะนำให้ลงทุนเงินทั้งหมดในหุ้นแบบ Value Investment ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงิน 100 คุณอาจจะใช้เงินเพียง 20 30% เข้าซื้อหุ้นเพียงหนึ่งหรือสองตัว โดยในช่วงแรกซื้อแต่น้อย ถ้าผิดพลาดก็ให้ขายตัดขาดทุนหรือ Cut Loss ทันที แต่ถ้าหุ้นขึ้นไปให้ทะยอยซื้อเพิ่มไปเรื่อย ๆ และปล่อยให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือที่เรียกว่า Let Profit Run เลิบมองว่าวิธีแบบนี้จะทำให้ได้กำไรเป็น 100% ในเงินที่ลงไปภายในเวลาอันสั้นซึ่งดีกว่าการลงทุนด้วยเงินทั้ง 100% และได้ผลตอบแทนเพียง 10% ซึ่งต้องเสี่ยงเงินมากกว่า
เลิบเห็นว่าเราไม่ควรปล่อยให้เงิน ทำงาน ตลอดเวลาโดยการ Fully Invest แบบนักลงทุนระยะยาวทั้งหลาย ถ้าภาวะตลาดไม่ดีให้ถือเป็นเงินสดไว้ไม่ต้องทำอะไร แต่เมื่อภาวะเอื้ออำนวยเขาจะเข้า แรงและเร็ว พูดง่าย ๆ เขาแนะนำให้ เล่นรอบ และเล่นตามภาวะตลาดในขณะที่เขาเห็นว่าการเลือกซื้อหุ้นโดยไม่สนใจภาวะตลาดแบบเบนเกรแฮมนั้นไม่ถูกต้อง เพราะถ้าตลาดไม่ดีต่อเนื่องยาวนานหรือเข้าไปซื้อตอนตลาดอยู่ในช่วงสูงสุดหรือดัชนีอยู่บนดอย หุ้นดีอย่างไรก็ไปไม่รอด
เลิบไม่เน้นให้กระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นหลาย ๆ ตัว เขาคิดว่าควร ใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียวและเฝ้าดูให้ดี แบบเดียวกับวอเร็น บัฟเฟตต์ ซึ่งแตกต่างจากเบน เกรแฮมที่เน้นการกระจายถือหุ้นถูกจำนวนมาก ๆ ไว้ในพอร์ต เลิบเห็นว่าการกระจายความเสี่ยงแบบนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังมีฝีมือไม่พอ แต่คนที่คิดจะรวยจากตลาดหุ้นนั้นต้องเล่นแบบเน้นลงทุนในหุ้นน้อยตัวด้วยเงินจำนวนมาก
การเก็งกำไรทุกครั้งสำหรับเลิบแล้วจะต้องมีแผนหรือมีกลยุทธ์ชัดเจน การเข้าหรือออกจากหุ้นแต่ละตัวจะต้องมีเป้าหมายไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ เช่น ถ้าลงทุนโดยเก็งว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็วถ้าเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้นก็ต้องขายหุ้นทิ้งไม่ใช่ปล่อยรอไปเรื่อย ๆ หรือถ้าเก็งว่าจะประกาศปันผลออกมาดีและหุ้นจะขึ้น เมื่อเหตุการณ์เกิดแล้วก็ต้องขายหุ้นทิ้งเป็นต้น
ในความเห็นของเลิบ การลงทุนนั้นเหมือนกับการทำสงครามที่นักลงทุนก็คือ นักรบ ที่ต้องซื้อ ๆ ขาย ๆ ทำกำไรและเอาตัวรอดในยามวิกฤต ความเสี่ยงต่อหายนะนั้นมีอยู่ตลอดเวลา สำหรับเขาแล้ว ตลาดหลักทรัพย์เป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และบ่อยครั้งไร้ซึ่งเหตุผลซึ่งทำให้การวิเคราะห์บริษัทแบบของเบน เกรแฮม นั้นไม่มีประโยชน์ เพราะมันเหมือนกับการเข้าไปตรวจสุขภาพทหารในสนามเพลาะในขณะที่ทั้งกระสุนและระเบิดกำลังถล่มเข้ามา ชีพจรของทหารไม่ได้บอกว่าโอกาสของการอยู่รอดจะเป็นอย่างไร และนี่คงเป็นที่มาของชื่อหนังสือที่แปลว่า การยุทธเพื่อความอยู่รอดของการลงทุน
ในช่วงที่หนังสือของเลิบและของเบน เกรแฮมออกสู่ตลาดในปี 1934 35 นั้น นักลงทุนในอเมริกาแบ่งออกเป็น 2 ค่ายคือ คนที่ซื้อขายหุ้นระยะสั้นแบบเก็งกำไรที่น่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ และพวกที่ซื้อและถือยาวแบบเบน เกรแฮมที่น่าจะเป็นคนส่วนน้อย ณ วันนี้ กลุ่มที่เล่นหุ้นแบบถือยาวเติบโตขึ้นมาก ในขณะที่เทรดเดอร์นั้นแทบจะหมดไปแล้วจากตลาดหุ้นสหรัฐ หนังสือ The Battle for Investment Survival เองก็หยุดพิมพ์มานานและนักลงทุนเลิกสนใจที่จะอ่านในขณะที่ The Intelligent Investor ยังขายได้เรื่อย ๆ ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเพราะเรื่องของภาษีที่เอื้อต่อคนถือหุ้นยาว และประสบการณ์ของนักลงทุนที่ผ่านมายาวนานเกือบ 70 ปีของการซื้อขายหุ้น คนอเมริกัน ณ วันนี้เชื่อกันว่า การลงทุนที่ทำกำไรได้ดีที่สุดก็คือการถือหุ้นยาว เขาต่างก็เห็นว่านั่นคือวิธีการที่ทำให้วอเร็น บัฟเฟตต์ทำเงินได้เป็นล้าน ๆ ดอลลาร์
ในฐานะของ Value Investor แน่นอน ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการลงทุนของเลิบ ผมคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดน่าจะทำผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยการลงทุนแบบ Value Investment อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รักการเก็งกำไรแล้ว การศึกษาคัมภีร์เล่มนี้น่าจะเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าการเล่นตาม ๆ กันไปโดยไม่ได้ศึกษาไบเบิลของศาสดา แม้ว่าศาสนานี้กำลังถดถอยลงจนแทบไม่เหลือสาวกในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่างในสหรัฐ
จากคุณ :
stoes
- [
2 มี.ค. 51 17:26:58
]
|
|
|
|
|