Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Trade like A Hedge Fund

    เห็นว่าช่วงนี้จะมีงานสัมมนาทำนองนี้ เลยยืมหัวข้อมาตั้งกระทู้หน่อยนะครับ  ผมคิดว่าหลายๆคนคงสงสัยอยู่ว่าเฮดจ์ฟันนั้นต่างกับกองทุนทั่วๆไปอย่างไร  ซึ่งแน่นอนนิยามและคำจำกัดความก็ย่อมจะแตกต่างกันไปแล้วแต่แนวความคิดของแต่ล่ะคน ส่วนสำหรับแนวความคิดของผมก็เขียนไว้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในฐานะที่ตนเองทำงานอยู่ในเฮดจ์ฟัน และ เป็นแนวทางให้กับน้องๆที่อยากจะมาทางสาย Trader อาชีพ (ต้องขอบอกนะครับว่าผมไม่ได้เก่งอะไรเลย ผมเป็นเพียงผลพวงของความโชคดีในความน่าจะเป็นเท่านั้นเอง และ แก้ไขให้ด้วยนะครับไม่ได้ตรวจทานภาษาเลย)
    เฮดจ์ฟันนั้นมีเยอะมากแต่ผมจะหยิบแนวความคิดของพวกเฮดจ์ฟันที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอดแล้วกันนะครับ ผมจะเรียกพวกนี้ว่าเฮดจ์ฟันแท้ อีกพวกนึงเรียกว่าพวกเทียม พื้นฐานแรกเลยของแนวคิดแบบ เฮดจ์ฟัน แท้ๆนั้นแตกต่างจาก เฮดจ์ฟันเทียมอยุ่พอสมควร  
    พื้นฐานที่แรก : การเล่นกับความน่าจะเป็นหรือเหตุการณ์สุ่ม
    แน่นอนเทรดเดอร์ที่ดีมักจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการ Trading เลย แต่สิ่งที่คนทั่วๆไปมองข้ามนั่นก็คือผลลัพธ์ของโอกาสที่เกิดขึ้นได้น้อย
    ในตลาด Trading นักเก็งกำไรต่างก็พยามคิดค้นวิธีการของตัวเองขึ้นมาเพื่อพยามพยากรณ์ให้แม่นยำที่สุดโดยจะใช้อะไรก็แล้วแต่ เช่น กราฟ หรือ แม้แต่ ทักษะเฉพาะส่วนตัวของแต่ล่ะคน เป็นต้น ตามที่เรียนหรือศึกษามาเรามักจะสนใจในการทำการเทรดของเราให้แม่นยำที่สุด ดีที่สุด จริงแล้วทุกๆคนถ้าฝึกฝนแล้วมีความสามารถไม่แพ้กันเลย เพียงแต่ธรรมชาติสร้างเราให้รู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นเลยมีความรู้สึกเป็นตัวตนของเราขึ้นมา และรู้สึกว่าเรานั้นแตกต่างจากคนอื่น ปัญหาเหล่านี้จะยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆบนโลกใบนี้เพราะทุกคนต่างต่อสู้เพื่อแนวความคิดของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว รวมทั้งผมเองด้วย ดังจะเห็นจากปัญหาการต่อสู่ทางศาสนา หรือ ปรัชญาความเชื่อ สิ่งที่เฮดจ์ฟันทำการศึกษาก็คือ คณิตศาสตร์ และ มนุษย์ นั่นเอง
    จากที่ว่ามาแล้วข้างต้นทุกคนก็จะพัฒนาระบบของตัวเองขึ้นมาซึ่งมีความแม่นยำในการเทรด อาจจะ 70% หรือ 80 % ก็แล้วแต่ และหลายๆคนคงทราบดีว่าตลาดทุนตลาดเงิน ผู้ที่อยู่รอดคือคนกลุ่มน้อย แน่นอนไม่ต้องห่วงว่าคนส่วนใหญ่จะหันมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะมันฝืนกับธรรมชาติของเรา ซึ่งต้องแม่นยำที่สุด ดีที่สุด เราถึงจะมองว่าดีที่สุด แต่ถ้ามาว่าตามหลักทฤษฏีผลตอบแทนแล้วแน่นอนพิสูจน์ได้ตามหลักคณิตศาสตร์ ในระบบเกมใดๆก็แล้วแต่ หากมีโอกาสเกิดมากกว่า ผมยกตัวอย่างเช่น สมมุติเราเป็นบ่อนคาสิโน (ตลาด) แล้วมีลูกค้าทั้งหลายเข้ามาเล่นกับเรา ทุกส่วนมากรู้ดีว่าโอกาสที่ทีมที่เราเปิดรับแทง(ทีมA)มีโอกาสชนะถึง 80% ตลาดอย่างเราก็คงไม่จ่ายผลตอบแทนให้กับคนที่แทงทีม A จนมากเกินไปแน่นอน ดังนั้นคนที่แทงทีม B จึงจะได้ผลตอบแทนมากกว่ามากๆ เพราะทีม B มีโอกาสชนะเพียงแค่  ไม่เกิน 20 % เท่านั้นเอง ดังนั้นเวลาเกิดเหตุการณ์ที่คนส่วนมากไม่คาดคิดผลเสียหายก็จะมหาศาล เพื่อจะจ่ายผลตอบแทนอันมหาศาลให้กับคนอีกกลุ่มนั่นเอง
    จากเหตุการณ์แบบนี้เราจะเห็นนักเทคนิคบางคนเนื่องจากประสบการณ์เจอกับสถานการณ์แบบนี้มาเยอะจึงเริ่มอาจจะมีการตั้งระบบ Cut Loss อะไรก็แล้วแต่ ดังนั้นผลตอบแทนที่เราสะสมมาในการแทงตามระบบที่มีความแม่นยำสูงก็จะต้องมาจ่ายคืนให้กับเหตุการณ์แบบนี้อย่างโชคร้ายไม่วันใดก็วันหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ ทาเลป พยามจะสื่อนั่นเอง ดังนั้น เฮดจ์ฟัน จึงพยามจะเล่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อยพวกนี้เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงมาก ระหว่างนั้นก็จะเล่นตามเกมส์ความแม่นยำสูงซึ่งคนทั่วๆไปเล่นไปพลางๆก่อน และคอยหาโอกาสที่พลิกหรือช็อคความคิดของคนทั่วไปได้ คำนวณเงินที่เหมาะสม แทงไปเรื่อยๆ  นี่หล่ะ คือเบื้องต้นของ ทฤษฎีกระจกสะท้อนของโซรอส เพียงแต่โซรอสถ้าเห็นมันเกิดขึ้นแล้วจะพยามเข้าไปซ้ำทางด้านนั้นเรื่องๆเนื่องจากคนทั่วไปยังปรับความคิดตามไม่ทัน ผลตอบแทนก็จะไหลไปอีกฝั่งอย่างมหาศาล
    ขอโทษนะครับที่อาจจะขาดๆอะไรไปบ้างเนื่องจากเวลาผมน้อย ตอนต่อไปจะว่ากันถึงข้อต่อมานะครับ  ทิ้งท้ายด้วยการยกตัวอย่างจริงตามสไตล์ผม เฮดจ์ฟันกองหนึ่งที่ใช้วิธีที่ผลพูด คือเล็งหาโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยกองทุนนี้มองเห็นโอกาสของฟองสบู่อสังหาของอเมริกาขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว และเมื่อโอกาสแบบนี้มันเกิดขึ้นมาแล้วก็จะทำให้ผลตอบแทนนั้นแซงวีธีการผลตอบแทนปกติที่พวกกองทุนทั่วไปใช้อย่างน้อยๆก็ 20 ปีเป็นต้น จึงคุ้มค่ามากเรียกว่าประหยัดเวลาไปขั้นต่ำ 20 ปีเลยได้ทีเดียว แต่ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นกองทุนก็จะมี Nav น้อยกว่ากองทุนทั่วไปไม่มากเป็นต้น วิธีการคำนวณการจัดการทางการเงินนี้เพื่อนๆต้องคิดต่อเองนะครับ เพราะเครื่องมือทางการเงินมีมากมาย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเหตุการณ์ต่างๆเราจึงมักเห็นเฮดจ์ฟันเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์นั้นอยู่เรื่องๆ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตค่าเงินปอนด์ หรือ ค่าเงินของเราเอง หรือจะ ซัพไพม ที่กำลังฮิตตอนนี้เป็นต้น และมีอีกหลายเหตุการณ์ ที่มันไม่ยอมเกิดเป็นต้น นี่เป็นเพียงผลพวงของการเล่นกับ ความน่าจะเป็นที่เป็น Unexpected event นั่นเอง  และก็มีหลายๆกองทุนอื่นๆพยามจะเลียนแบบ และต้องล้มไปอีกมากมาย เนื่องจากขาดหลักการพื้นฐานขั้นต่อไป นั่นเอง

     
     

    จากคุณ : MudleyGroup - [ 6 มี.ค. 51 21:08:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom