ความคิดเห็นที่ 1 ผมเพิ่งซื้อไปเมื่อปลายปี 70/30 ของไทยพานิชย์เพียง 2 วันกำไรหลายร้อยบาท วันที่ซื้อปลายปีอยู่ที่ 13 .0 บาทกว่าตอนนี้เหลือ 12.9 บาทกว่า แต่ประโยขน์ที่ได้รับคือการลดภาษีครับ ของผมเสียที่อัตรา 30 % ดังนั้นหากซื้อมากก็ลดมากครับและภายใน 5 ปีปฎิทินสามารถขายคืนได้ ที่อัตรานี้น่าจะคุ้มกว่าฝากกินดอกบัญชีฝากประจำครับ จากคุณ : CFPHY - [ 13 มี.ค. 51 13:01:36 A:unknown X:203.117.141.19 TicketID:162835 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงรอปันผล .... อาจสร้างโอกาส หรือแม้แต่การรักษาสมดุลย์ให้กับการลง ทุนของเราได้ จากกองทุนต่างๆ ที่ไม่ได้จำกัดความเสี่ยงเพียงแค่การลงทุน ให้หุ้นที่มีสัดส่วนน้อยเท่านั้นครับ ยังมีอีกหลายตัวเลือก ที่แม้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงเวลาที่น่ากลัว บางครั้งการ สับเปลี่ยนไปอยู่ในกองทุนที่แม้จะมีการลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65-70% ก็ยังสามารถประคับประคองให้ผลตอบแทนมีการสูญเสียน้อย กว่าตลาดหุ้น ได้ครับ จากคุณ : pjuk - [ 13 มี.ค. 51 13:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนกองทุนที่มีนโยบายการจ่ายปันผลของ SCBAM จะมีทั้งหมด 3 กองทุน SCBLT1 : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 SCBLT4 : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ SCBLTT : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต อีก 3 กองทุนที่จะไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล SCBLT2 : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส SCBLT3 : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ SCBLTS : ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท ลักษณะนิสับ และการเคลื่อย้ายเปลี่ยนแปลงราคาของกองทุน นอกเหนือจาก สัดส่วนการเลือกหุ้นมาลงทุนแล้ว ยังมีอีกประมาณ 30-35% ที่สามารถผสมผสานการลงทุนด้วยหลักทรัพย์ที่แตกต่างกันได้อีกด้วยครับ ยามที่ต้องการรุก :: เมื่อยามที่ตลาดหุ้นสดใส พร้อมที่จะทยายไปข้างหน้าได้อย่างมาก เลือกโอกาส ที่จะสร้างด้วย LTF ที่ เน้นการรุกในตลาดหุ้นได้อย่างเต็มที่ ไม่มีสัดส่วนการคัดค้าน หรือลดถอน ทิศทางของหุ้นให้ต่ำลง โดยอาจใช้ SCBLT2 - ที่มีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 ประมาณ 90% SCBLT3 - ที่มีการกระจ่ายการลงทุนไปในหุ้นทุกกลุ่ม ทั้ง SET50 ,ต่ำกว่า SET100 และใน MAI SCBLT4 - ที่มีบางส่วนกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศ SCBLTT - ที่รวบรวมรูปแบบการลงทุนหลายๆ อย่างในกองทุน ตามมุมมองของ Fund Manager ยามที่ต้องการรับ :: เมื่อยามที่ตลาดหุ้นน่ากลัว และมีแนวโน้มของความไม่แน่นอน และผันผวนสูงมากๆ การที่ออกมาหยุดพักคอยกับ LTF ที่มีการลดสัดส่วนในการลงทุนในตลาดหุ้นให้น้อยลง หรือใช้หลักการหักล้าง เพื่อทำให้เสมือนการลงทุนในหุ้นที่ต่ำลง อาจจะสามารถ ช่วยพยุงผลตอบแทนที่สะสมไว้ในยาม รุก ให้อยู่กับเราได้ แม้จะไปตลอดไป แต่ก็จะเป็นการดีกว่าการปล่อยให้ไหลรูดหายไปต่อหน้าต่อตา กว่าการที่ไม่ทำอะไร หรือทำไม่ได้เลย ซึ่งกองทุนที่เหมาะสมกับภาวะที่น่ากลัว อาจใช้ SCBLT1 - ที่มีการลงทุนในหุ้นประมาณ 70% ที่เหลือเป็นตราสารหนี้ หรือ SCBLTS - ที่มีการใช้ SET50 Index Futures ช่วยในการลดทอนความรุนแรงของหุ้น ลงไปให้เหลือได้ประมาณ 30% และด้วยการสับเปลี่ยน ที่ไม่ทำให้เกิดส่วนต่าง ของราคาที่ใช้ทำรายการ กับราคาหน่วยลงทุน ยกเว้นขาเข้า ที่มีส่วนต่างจากการคำนวณราคาที่ 0.0001 บาท ราคาสับเปลี่ยนออก = ราคาหน่วยลงทุน ราคาสับเปลี่ยนเข้า = ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001 ซึ่งเป็นทั้งราคาสับเปลี่ยนภายใน บลจ. หรือต่าง บลจ. ก็ตามครับ อีกทั้งช่วงเวลาที่เปิดให้ขายคืนได้ เมื่อครบระยะเวลาการลงทุน - SCBLT1 - 3 :: วันที่ 2-15 มกราคม และกรกฎาคม - SCBLT4 :: วันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ และสิงหาคม - SCBLTS :: วันที่ 1-15 มีนาคม และกันยายน - SCBLTT :: วันที่ 1-15 พฤษภาคม และพฤศจิกายน (ยกเว้นวันหยุดทำการของธนาคาร) ทำให้การสับเปลี่ยน ช่วยเพิ่มขยายระยะเวลาให้ครอบคลุม ในการเลือกหาจังหวะได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งการที่สามารถทำรายการ ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน ได้ถึงเวลา 16.00 น. ผ่านช่องทางอิเล็คโทรนิค ทั้ง SCB Easy Net และ SCB Easy Phone ครับ จากคุณ : pjuk - [ 13 มี.ค. 51 13:50:53 ]