ความคิดเห็นที่ 21
ความคิดเห็นที่ 101
วันนี้ ออกทำธุระทั้งวัน สงสัยต้องจริงจังเรื่องเช็คหุ้นผ่านโทรศัพท์ซะแล้ว มาร์ก็ทิ้งขว้าง สั่งให้โทรก็โทรบ้างไม่โทรบ้าง โทรไปกว่าจะโทรกลับ ไม่ทันขายหรือซื้อซะแระ
เรื่องคำว่า นิวโลว นิวไฮ ไปอ่านที่หน้า เฮฮา ก็ยังงงๆค่ะ เข้าใจที่ป๋าอธิบายนะคะ แต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติ คือว่าเวลาคนเค้าพูดกันว่า นิวโลว นิวไฮเนี่ยมันจะมีความหมายสองแบบตามที่ป๋าอธิบายในหน้านั้นเหรอคะ คิดว่ามันเป็นคำศัพท์แบบว่าสากลหน่อย น่าจะมีความหมายเดียวที่เข้าใจเหมือนกัน (รึปล่าว)
เรื่องการซื้อเพิ่ม เมื่อหุ้นขึ้นไปถึง 15 ช่อง ซื้อ 60% ของที่ขายไปทุก 1% ขาขึ้น + กองหลังที่ยังซื้อคืนไม่ได้ก็เอามารวมกัน อันนี้ลงบัญชีเป็นเหมือนซื้อตอนนี้ขายอนาคต(ที่ราคาต่ำกว่าที่ซื้อ)ใช่มั้ยคะ เขย่งไว้ก่อน
แต่ส่วนที่ขายๆ ไป 1% กับที่เป็นกองหลังอยู่ ก็จะทำการซื้อคืนตามจำนวน 100%(เมือ่หุ้นลงมา 5 ช่อง ตามแผนของเก๋ หรือบางทีรวบได้ก็รวบค่ะ) ก็เป็นการตัดกันกะที่ขาย 1% กับกองหลังที่ค้างอยู่ งงมั๊ยคะเนี่ยกะคำถาม อ่านเองยัง งงๆ
ได้ย้อนมาอ่าน คห 56 57 58 อีกที เห็นความเห็น 58 แล้วงง เรยค่ะว่าอะไรจะซื้อขายถี่ขนาดนั้น และแล้วป๋าก็มาเฉลยว่ามันเป็นการทำตามโมเดลที่แย่ที่สุด แต่พอลงมาทู้ที่สรุปว่า ถ้าเลิกกลางคัน ทำไมกลับกลายเป็นว่า อันที่แย่ที่สุดกลับขาดทุนน้อยที่สุดล่ะคะ เก๋ไม่ได้คิดเลขตามนะ ถามเอาเลยจากคำพูดของป๋าน่ะค่ะ
คคห ที่ 92(คำตอบของป๋าจากเมลล์) อ่านแล้วเพิ่งถึงบางอ้อค่ะ ทำให้เห็นเหตุผลของคำตอบใน คคห 95 ของป๋า ทีนี้กลายเป็ฯว่า ที่ 42.75 เป็นจุดชอ้ตใหม่รึปล่าวคะ ต้องนับช่องขึ้นลง จากจุดนี้ โดย ทิ้งจุด 41 ไปเลยรึปล่าว
สมมติมีกองหลังที่ 40 40.5 41 41.5 ถามว่า กองหลังไม้แรกคือตัวไหนคะ ใช่ 40 รึปล่าว หรือว่า 41.5
เก๋ว่าแนวของเก๋น่าจะคล้ายๆ คุณพี่ trakulsom ค่ะ แบบว่าเก๋ยังไม่แม่น basic ขอทำที่ขั้นตอนน้อยๆ ไม่ยุ่งยากก่อน พอเก่งๆ กว่านี้อาจจะลองทำแบบป๋าห่านค่ะ ที่ลองตรงนุ้นตรงนี้ว่าเป็นไง อ่านของพี่ขวัญชัยแล้วอืมมม อีกนานค่ะกว่าเก๋จะได้แตะเข้าขั้นนั้น
โหมดบ่น ลงบัญชีแล้วอึดอัดใจยังไงไม่รู้ค่ะ บรรยายไม่ถูก แต่พอลงตารางแบบป๋าแล้วจะเห็นเลยว่าถ้าเราขายไม่ทันโอกาสทำ กงสฝ หายไปเห็นๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำค่ะ ฮ่าๆๆ แต่ก็ยังไม่หายอึดอัดนะคะ มันยังมีจุดอื่นที่ไม่รู้ว่าเราตกหล่น ไม่ครอบคลุมรึปล่าว
ตอนนี้ก็ยังไม่มีวินัยอีก ยังโยนก้อนกรวดทีเดียวหลายๆก้อน เมือไม่ได้โยนทีละก้อน ต่อไปต้องปรับเรื่องนี้ค่ะ กลัวไม่ได้ขาย กลัวไม่ได้ซื้อ ในแต่ละวัน ฮ่าๆๆ
หุ้นหายไป 400 หุ้น หาไม่เจอค่ะ เพิ่งรู้ตัววันนี้ว่าหายไป
อ่านอนดึกอีกแล้ว กว่าจะย้อนอ่าน แล้วเค้นคำตอบ คำถามได้ ผ่านเกือบสามชม ฮ่าๆๆ
จากคุณ : Ouzo - [ 21 ก.พ. 51 01:25:13 ]
ความคิดเห็นที่ 102
ได้ย้อนมาอ่าน คห 56 57 58 อีกที เห็นความเห็น 58 แล้วงง เรยค่ะว่าอะไรจะซื้อขายถี่ขนาดนั้น และแล้วป๋าก็มาเฉลยว่ามันเป็นการทำตามโมเดลที่แย่ที่สุด แต่พอลงมาทู้ที่สรุปว่า ถ้าเลิกกลางคัน ทำไมกลับกลายเป็นว่า อันที่แย่ที่สุดกลับขาดทุนน้อยที่สุดล่ะคะ เก๋ไม่ได้คิดเลขตามนะ ถามเอาเลยจากคำพูดของป๋าน่ะค่ะ
.............................................
ดีใจมากๆ เลยที่คุณพี่เก๋ ใส่ใจทุกรายละเอียด เอิ๊กๆๆ.......
ใน คห. 63 ผมสรุปไว้ผิดดังนี้
............................. ความคิดเห็นที่ 63
ใน คห.56 ณ จุดสุดท้ายถ้าถอดใจขายล้างพอร์ตจะขาดทุน 8,311 บาท
ใน คห.57 ณ จุดสุดท้ายถ้าถอดใจขายล้างพอร์ตจะขาดทุน 7,309 บาท
ใน คห.58 ณ จุดสุดท้ายถ้าถอดใจขายล้างพอร์ตจะขาดทุน 3,056 บาท
.....................
ตรง คห.56 - 57 ตัวเลข ถูกต้องแล้วครับ...
แต่พอ คห.58 ผมลืมไปว่า จุดเริ่มของตัวอย่างมันไม่ใช่ที่ราคา 41.50
แต่เป็นที่ 45.25 ซึ่งต้นทุนของเงินทุนเริ่มต้นจะเท่ากับ 181,484
แต่ต้นทุนของ คห.56 - 57 จะเท่ากับ 166,444
ดังนั้น เมื่อขายทิ้งทั้งหมดที่ราคา 39.50 แล้วนำไปหักต้นทุนก็จะได้ผลขาดทุนตามที่ว่า...
แต่ คห.58 ผมเอาราคาที่ขายทิ้งไปลบต้นทุนของ คห.56 - 57 ..คือ 166,444
ซึ่งจริงแล้วจะต้องหักที่ราคาทุนที่ 181,484
ผลขาดทุนมันเลยน้อยเกินจริงไปตั้ง 15,040 เอิ๊กๆๆ
จริงๆ แล้ว ใน คห.58 ณ จุดสุดท้ายถ้าถอดใจขายล้างพอร์ตจะขาดทุน 18,096 บาท ครับ
........................
ขออภัย ขออภัย
จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 21 ก.พ. 51 13:58:53 ]
ความคิดเห็นที่ 103
แต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติ คือว่าเวลาคนเค้าพูดกันว่า นิวโลว นิวไฮเนี่ยมันจะมีความหมายสองแบบตามที่ป๋าอธิบายในหน้านั้นเหรอคะ คิดว่ามันเป็นคำศัพท์แบบว่าสากลหน่อย น่าจะมีความหมายเดียวที่เข้าใจเหมือนกัน
....................
ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แหะ แหะ... แต่จากความเข้าใจก็คือการทำจุดสูงสุดใหม่ และการทำจุดต่ำสุดใหม่.. เมื่อเทียบกับของเดิม
ทีนี้ของเดิมก็แล้วแต่ว่าจะดูเดิมตรงไหน
ถ้าเป็นภาพรวมก็คงดูในปี ถ้าในหนึ่งปีที่ผ่านมา TTA ทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 50 บาท
เมื่อไรที่ราคาทะลุ 50 บาทขึ้นไป ก็แสดงว่าทำนิวไฮ เป็นต้น
.....................
ก็คงแล้วแต่คนที่จะใช้..มั๊งครับ
ว่าจะดูจุดเดิมตรงไหน
ถ้าดูในวัน ก็ดูว่าจุดที่ทำต่ำ อยู่ไหน สูงอยู่ไหน
พอราคาผ่านทะลุไป ก็เป็น นิว
จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 21 ก.พ. 51 14:15:47 ]
ความคิดเห็นที่ 104
เรื่องการซื้อเพิ่ม เมื่อหุ้นขึ้นไปถึง 15 ช่อง ซื้อ 60% ของที่ขายไปทุก 1% ขาขึ้น + กองหลังที่ยังซื้อคืนไม่ได้ก็เอามารวมกัน
อันนี้ลงบัญชีเป็นเหมือนซื้อตอนนี้ขายอนาคต(ที่ราคาต่ำกว่าที่ซื้อ)ใช่มั้ยคะ เขย่งไว้ก่อน
.......................
ก็คงแล้วแต่รูปแบบสไตล์บัญชีที่ทำครับ....
แต่โดยปกติการซื้อเพิ่มตรง 15 ช่องนี่..ไม่น่าจะแมชกับที่เคยขายไปได้
เพราะน่าจะเป็นการซื้อตรงจุดราคาที่สูงกว่าราคาที่เคยขายอยู่แล้ว
จึงไม่มีคู่ให้จับแมช
ก็ต้องลงลอยๆ ไว้ก่อน...
ปัญหาก็คือ ถ้าหลังจากซื้อเพิ่มแล้วหุ้นขึ้นต่อ ก็ขาย 1%..
ตรง 1% นี่จะทยอยจับแมชกับราคาที่ซื้อเพิ่มเลย...ก็ได้
หรือจะทิ้งไว้ลอยๆ แล้วค่อยมาซื้อคืนทีหลัง...ก็ได้
อันนี้ผลก็จะต่างกัน...
อีกประเด็น...ถ้าตามที่คุณพี่ loaw แนะนำ เขาบอกว่า เมื่อมีการซื้อเพิ่มตรงจุด 15 ช่องแล้ว
ให้ซ่อนข้อมูลการขายเดิมไว้ก่อน จะได้ไม่งง
เพราะเงินที่ได้จากการขายเดิมนั้น ถูกนำมาใช้ซื้อหุ้นเพิ่มไปแล้ว..
ถ้าคงข้อมูลเดิมไว้ เงินมันจะชอร์ต
จะมีเงินไม่พอซื้อหากราคาหุ้นมันลงมาถึงที่ระดับเคยขายเดิมเร็วเกินไป
.......................................
แต่ส่วนที่ขายๆ ไป 1% กับที่เป็นกองหลังอยู่ ก็จะทำการซื้อคืนตามจำนวน 100%(เมือ่หุ้นลงมา 5 ช่อง ตามแผนของเก๋ หรือบางทีรวบได้ก็รวบค่ะ) ก็เป็นการตัดกันกะที่ขาย 1% กับกองหลังที่ค้างอยู่ งงมั๊ยคะเนี่ยกะคำถาม อ่านเองยัง งงๆ
..........................
ปัญหาก็คือใช้เงินก้อนไหนมาซื้อ.........
ถ้ายังไม่มีการใช้เงินไปซื้อหุ้นเพิ่ม...
การซื้อคืนตามแผนเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว และข้อมูลมันก็จะจับคู่กันได้ลงตัวไม่สับสน
เมื่อจับคู่ได้ พอขึ้นไปอีก ก็ขายเหมือนเดิมอีก แล้วก็รอซื้อคืนอีก
เงินมันจะเปลี่ยนเป็นหุ้น แล้วหุ้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นเงิน กลับไป กลับมา
ตามข้อมูลคงอยู่และที่หายไป (จากการแมชได้แล้ว)
แต่เมื่อไรก็ตามที่เงินที่รอซื้อคืนถูกนำไปใช้ซื้อหุ้นเพิ่ม...
มันจะเท่ากับมีคู่รอแมชที่อาจจะรอเก้อ
เพราะหุ้นที่ถูกเปลี่ยนเป็นเงิน และกำลังรอให้เงินเปลี่ยนกลับมาเป็นหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า
แต่ได้ถูกนำไปเปลี่ยนเป็นหุ้นในราคาที่สูงกว่าเสียแล้ว..
ดังนั้นถ้าซื้อเพิ่มแล้วหุ้นลงก็ต้องขายตามเสต็ป
และก็จะเกิดเป็นข้อมูลสองชุดบนเงินก้อนเดียวกัน
ถ้าอยู่ห่างกันหลายๆ ช่อง...ก็คงไม่เป็น
แต่นานๆ ไป ข้อมูลการขายใหม่ และการขายเดิมมันก็จะมาบรรจบกัน
ทีนี้ปัญหามันก็จะเกิด ว่าจะเลือกซื้อชุดไหนก่อนดี...เอิ๊กๆ และจะกลายเป็น
ซื้อคืนได้ไม่ครบชุดที่ได้ขายไป
ยกเว้นว่าได้ทำรอบจนมี กสงฝ.สะสมมากพอที่จะซื้อคืนได้ทั้งสองชุดแล้ว.. ..........................
เหมือนภรรยาที่สามีแอบไปมีกิ๊ก...
แรกๆ ภรรยาก็ไม่ตาม...ก็ไม่เป็นไร
แต่เมื่อนานไป นานไป ภรรยาชักจะตามติดมากขึ้น สามีจะทำยังไง....เอิ๊กๆๆ ...................................
จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 21 ก.พ. 51 14:51:03 ]
ความคิดเห็นที่ 105
คคห ที่ 92(คำตอบของป๋าจากเมลล์) อ่านแล้วเพิ่งถึงบางอ้อค่ะ ทำให้เห็นเหตุผลของคำตอบใน คคห 95 ของป๋า ทีนี้กลายเป็ฯว่า ที่ 42.75 เป็นจุดชอ้ตใหม่รึปล่าวคะ ต้องนับช่องขึ้นลง จากจุดนี้ โดย ทิ้งจุด 41 ไปเลยรึปล่าว ...................
ใช่ครับ ถ้าราคายังไม่ถึง 15 ช่อง ก็กำหนด 15 ช่องเป็นจุดตั้งใจขาย 10%
แต่เมื่อราคาขึ้นไปถึง 15 ช่องแล้ว แต่ยังขึ้นไปต่ออีก ก็เลื่อนจุดตั้งใจขายขึ้นตามไปเรื่อยๆ
รอจนหักหัวลง 2 ช่อง ก็ขายเลย
แต่ถ้ายังอยู่ระหว่างรอให้ราคาขึ้นไปถึง 15 ช่อง มันก็ยังไม่ถึงจุดตั้งใจขาย ก็ไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว (ยกเว้นว่า มีกติการขายขาขึ้น 1% ก็ต้องทยอยขาย 1% ไปเรื่อยๆ)
...........................
สมมติมีกองหลังที่ 40 40.5 41 41.5 ถามว่า กองหลังไม้แรกคือตัวไหนคะ ใช่ 40 รึปล่าว หรือว่า 41.5
ผมนับเป็นไม้แรกที่ 40 ครับ...
คนอื่นๆ จะมีใครนับที่ 41.5 หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ
แต่น่าจะเข้าใจเหมือนกันหมดแล้วนะ อิอิ
จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 21 ก.พ. 51 14:58:32 ]
จากคุณ :
Mr.Eiji
- [
26 มี.ค. 51 07:52:28
]
|
|
|