ความคิดเห็นที่ 1 1. ไม่เกิน 15% ของรายได้พึ่งประเมิน ก่อนหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนทุกประเภท และต้องไม่เกิน 300,000 บาท (รอข้กำหนดใหม่ อย่างเป็นทางการ ที่ 500,000 บาท อีกที) 2. ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี สามารถเลือกลงทุนเฉพาะปีที่ต้องการ ใช้สิทธิ์นำตัวเลขเงินลงทุนใน LTF ไปลดหย่อนภาษีกพอครับ 3. โดยจะขายคืนได้ตามเงื่อนไข คืน เงินที่จ่ายเข้าลงทุน ต้องมีการลงทุนต่อเนื่อง (ห้ามขาย แต่สับเปลี่ยนได้) ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน (ดูที่เลขปี พ.ศ.) สำหรับปี พ.ศ. 2559 เป็นปีสุดท้ายที่ สามารถนำตัวเลขเงินลงทุนใน LTF ไป ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ครับ (2559 ใช้สิทธิ์ได้ :: คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ) 4. เงินปันผลที่ได้คืนมา เหมือนได้เงินลงทุนบางส่วนคืนได้ก่อนกำหนด โดยไม่ต้องขายคืน แต่สิ่งที่ได้มา อาจหมายถึงการลดทอนผลประโยชน์ จากภาษีที่ต้องเสียสำหรับเงินปันผลครับ 5. อดีตไม่ใช่อนาคต ปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้มีอดีต อนาคตคือการวัดผลอดีตที่ผ่านมา 6. การขายคืน เงินลงทุนจะกลับไปยังผู้ลงทุน โดยอาจเข้าบัญชีธนาคาร หรือรับเป็นเช็ค และจึงไปซื้อใหม่ ซึ่งจะถือว่าผิดข้อกำหนดในการลงทุนต่อเนื่อง การสับเปลี่ยนกองทุน จะไม่ใช่การขายคืน แล้วซื้อใหม่ เพราะการสับเปลี่ยน จะเป็นการย้ายเงินลงทุนจากกองทุนต้นทาง ไปไว้ที่กองทุนปลายทาง โดยการสับเปลี่ยนย้ายกองทุน สามารถทำได้โดยไม่ผิดเงื่อไขการลงทุน ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 133) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อ หน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ระยะยาว http://www.rd.go.th/publish/21463.0.html ข้อ 3 ครับ จากคุณ : pjuk - [ 8 เม.ย. 51 16:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรียน ถามคุณ pjuk ถามต่อจากข้อ 1 ไม่เกิน 15% ของรายได้พึ่งประเมิน ก่อนหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนทุกประเภท และต้องไม่เกิน 300,000 บาท (รอข้อกำหนดใหม่ อย่างเป็นทางการ ที่ 500,000 บาท อีกที) :: ซื้อเกิน 15% ของรายได้พึงประเมิณ  แต่จะใช้สิทธิลดหย่อนไม่เกิน 15% ได้หรือไม่ครับ จากคุณ : mrlamud/mrlamud@hotmail.com (mrlamud) - [ 8 เม.ย. 51 20:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ซื้อเกินสิทธิ์ (15%) ได้ครับ แต่ไม่เกิดประโยชน์ด้านภาษี แถมยังต้องเสียภาษีของกำไร ที่เกิดจากส่วนที่ลงทุนเกินสิทธิ์ด้วยนะครับ จากคุณ : pjuk - [ 8 เม.ย. 51 20:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณ pjuk ครับ ถ้างั้นซื้อเกินไปแล้ว ก็คงไม่น่าจะเอาไปขอลดหย่อนใช่ไหมครับ (เกินไป นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่น่าเกิน 2%) ...และถ้าไม่เอาไปลดหย่อนในปีที่ซื้อ จะขายคืนก่อน 5 ปี เพื่อทำกำไรส่วนต่าง ก็ได้ใช่ไหมครับ จะมีอะไรเสียหายตามมาหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : mrlamud - [ 8 เม.ย. 51 20:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนที่ลงทุนไว้เกิน สามารถขายคืนก่อน 5 ปีปฏิทินได้เลยครับ แต่แต่ต้องนำไปแสดงในแบบ ภงด.90 พร้อมทั้งหนังสือรับรองการขายคืน ซึ่งจะระบุว่าเป็นรายการที่เกิดจากการซื้อของปีใดด้วยครับ อีกประเด็นสำหรับการขายคืน คือต้องระวังจะไปกระทบกับการลงทุนของปีก่อนหน้า ถ้าเคยมีการลงทุนในกองทุนเดียวกันกับที่ซื้อไว้เกินสิทธิ์ด้วยครับ และการขายคืน จะต้องคำนวณจากต้นทุน (ราคาที่ซื้อ) ที่ซื้อ ไม่ใช่ปริมาณเงินล่าสุดด้วยนะครับ --------------------- แต่ถ้าคงไว้โดยไม่ขายคืน ไม่จนกระทั้งถึงปี พ.ศ. 2564 ซึ่งจะเป็นปีที่ LTF จะหมดสภาพกองทุนพิเศษ กลายเป็นกองทุนหุ้นทั่วไป ก็จะทำให้ปลอดภาษีเมื่อทำการขายคืนได้ครับ จากคุณ : pjuk - [ 8 เม.ย. 51 22:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สงสัยครับว่า ถ้าถือเกิน5ปีแล้วค่อยขายคืน เงินต้นที่ได้คืนมา จะไม่ต้องนำไปคิดเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีเลยหรอครับ จากคุณ : แอบสงสัย (iToTTi) - [ 9 เม.ย. 51 10:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อลงทุนครบตามเงื่อไขแล้ว ก็จะเป็นเช่นเดียวกับกองทุนทั่วไป ไม่ไม่มีภาระภาษี มาเกี่ยวข้องเลยครับ หรือแม้แต่การลงทุนยังไม่ครบตามเงื่อนไข เงินลงทุนของเรา เมื่อมีการขายคืนออกมา ก็ไม่ต้องนำไปรวมเป็นรายได้ครับ มีเพียงแต่ส่วนของกำไรเท่านั้น ที่จะนำไปรวมเป็นรายได้ ถ้าผิดเงื่อนไขการลงทุน แต่ถ้าครบตามเงื่อนไขแล้ว ก็จะปลอดภาระภาษีทั้งปวงครับ ------------ สงสัย แบบเปิดเผยได้เลยครับ.... ไม่ต้องแอบ ^_^ จากคุณ : pjuk - [ 9 เม.ย. 51 13:37:14 ]