Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    esso update

    แผนแจ้งเกิด (หุ้น) 'เอสโซ่' ไม่ง่าย!!

    21 เมษายน พ.ศ. 2551 05:00:00


    มงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)

    โอกาสที่ผลประกอบการ และราคาหุ้น ESSO จะแซงหน้าหุ้นกลุ่มปตท. "ไม่ง่าย" ถ้าหุ้นกลุ่ม ปตท. "ยังไม่รุ่ง" แล้ว "น้องใหม่" อย่างเอสโซ่ จะแซงหน้าได้หรือ

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คาดหวังกันมากก็อาจจะผิดหวังมาก เพียงก้าวแรกสู่ตลาดหุ้น ของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ก็ต้อง “ปาดเหงื่อ” กับโจทย์ท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า ทั้งเผชิญกับความผันผวนของ "ค่าการกลั่น" และเกมคุมราคาน้ำมันของรายใหญ่ที่รอ “สกัดดาวรุ่ง” ไม่ให้แจ้งเกิดได้ง่ายๆ

    เส้นทางการเดินเข้าสู่ตลาดหุ้น ของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) บริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (ว่าที่) หุ้นไอพีโอ มาร์เก็ตแคปสูงที่สุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ คงไม่ได้ “โรยด้วยกลีบกุหลาบ” เช่นเดียวกับกระแสความคิดของนักลงทุนในช่วงนี้ ที่มองหุ้นกลุ่มพลังงานไม่ค่อยน่าสนใจ หากเทียบกับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

    เห็นได้จากหุ้นปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) หุ้นไออาร์พีซี (IRPC) หรือแม้แต่หุ้นไทยออยล์ (TOP) "รุ่นพี่" ในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจพอจะเทียบเคียงกันได้ ล้วนเทรดกันที่ ค่าพี/อี เรโช ต่ำเพียง 6-9 เท่า และต่ำกว่า ค่าพี/อี เรโช SET ตัวเก่า 12 เท่า และค่าพี/อี SET ตัวใหม่ที่จะเริ่มใช้วันที่ 2 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่กว่า 15 เท่า

    สิ่งที่ เจ้าเสือ..เอสโซ่ มี คือ "ความสดใหม่" เอาไว้สู้กับ "ช้าง" อย่างกลุ่มปตท. ส่วนปัจจัยในด้านอื่นๆ ทั้งความพร้อมทางด้านการเงิน อำนาจเหนือตลาด และเครือข่ายธุรกิจ ไม่ต้องพูดถึง "เทียบกันไม่ได้" โดยเฉพาะในเกมนี้ ปตท. คือผู้ที่ "กุมตลาด" เอาไว้แบบเบ็ดเสร็จ

    ณ สิ้นปี 2550 เอสโซ่ มีสถานีบริการน้ำมัน 583 แห่ง มีมาร์เก็ตแชร์ในตลาด 17.6% (ปตท. 39.2% เชลล์ 16% บางจาก 12.7% และคาล์เท็กซ์ 8.3%) และเป็นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 177,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 16% ของกำลังการผลิตรวมในประเทศ และมีกำลังการผลิตพาราไซลีน 500,000 ตันต่อปี และผลิตสารทำละลาย 50,000 ตันต่อปี

    ถ้าพิจารณาจากราคา IPO 9-13 บาท และแผนที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 1 บาท ซึ่งผู้ที่จองซื้อหุ้นจะได้รับเป็น "ของแถม" อีก 7-11% ก็ต้องบอกว่า งานนี้ บล.ภัทร ในฐานะ "พี่เลี้ยง" วางแผนมาเป็นอย่างดี ถ้าเทียบกับผลประกอบการ ปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 7,053 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.03 บาท ถือว่าราคานี้ "ไม่แพง" และ "น่าลงทุน" อยู่ไม่น้อย

    แต่หากประเมินจาก "กำไรขั้นต้นจากการกลั่นต่อบาร์เรล" ที่ค่อนข้างผันผวน ในปี 2550 อยู่ที่ 7.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบกับ 3.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2549 และ 6.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2548

    ขณะที่ ผลิตภัณฑ์พาราไซลีนของ เอสโซ่ ก็มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน จากในปี 2548  อยู่ที่ 233 ดอลลาร์ต่อตัน ในปี 2549 ตกลงมา 213 ดอลลาร์ต่อตัน และในปี 2550 ตกลงมาอีกเหลือ 178 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก "ถ่วง" เส้นทางทำกำไรของเอสโซ่ในอนาคต และต้องเฝ้าติดตาม  

    มงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ว่า จะเป็นการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 773.33 ล้านหุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม คือ กระทรวงการคลังเสนอขาย 326.25 ล้านหุ้น รวมเป็น 1,099 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 9-13 บาท เปิดขายวันที่ 21 เมษายน นี้

    การจัดสรรหุ้นในประเทศ 549.79 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการจัดสรรให้กับบุคคลทั่วไป 159.32 ล้านหุ้น ผู้จองซื้อรายย่อย ที่จองผ่านธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงเทพ แบ่งขายนักลงทุนสถาบันไม่เกิน 228.57 ล้านหุ้น ส่วนการจัดสรรให้นักลงทุนต่างประเทศแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 549.79 ล้านหุ้น

    “หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้ว หุ้น ESSO น่าจะมีมาร์เก็ตแคปในตลาดไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งใหญ่พอที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่ม SET 50 ได้ในทันที”

    สำหรับจุดประสงค์ของการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ มงคลนิมิตร กล่าวว่า เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นประมาณ 23,710 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือไม่เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 เท่า และเป็นการล้างขาดทุนสะสมออกไป เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้

    ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้ของเอสโซ่ มาจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและจำหน่ายน้ำมัน 90% และอีก 10% เป็นธุรกิจปิโตรเคมี ด้านผลประกอบการในปีที่ผ่านมาเอสโซ่ มีรายได้รวม 199,904 ล้านบาท มี EBITDA 12,687 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,053 ล้านบาท มีปริมาณการค้าปลีกน้ำมัน 2,887 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 1.9% จากปี 2549

    ผู้บริหารรายนี้พยายามชี้ให้เห็นอนาคตของเอสโซ่ว่า บริษัทได้ตั้งงบการลงทุนไว้ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่น รวมถึงปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้ได้มาตรฐาน EURO 4 ให้ทันกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2555 จะทำให้บริษัทผลิตน้ำมันในต้นทุนที่ต่ำลง แต่มีคุณภาพสูง

    ด้าน แมนพงษ์ เสนาณรงค์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายตลาดทุน บล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ประเมินว่าค่าพี/อี เรโช ของหุ้น ESSO เมื่อคำนวณจากงบการเงินในปัจจุบันน่าจะอยู่ในระดับไม่ถึง 6 เท่า ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นของผู้ประกอบการรายอื่น อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตามราคาหุ้นในตลาด

    บล.ภัทร ยังชี้ให้เห็นถึง "จุดเด่น" ด้วยว่า เอสโซ่สามารถลดต้นทุนในการกลั่นน้ำมันดิบสูงที่สุดในอุตสาหกรรมเวลานี้ เนื่องจากสามารถใช้น้ำมันดิบในการผลิตได้ถึง 62 ชนิด ต่างจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่จำกัดประเภทน้ำมันดิบได้เพียงแค่ 13-20 ชนิด เท่านั้น จากเครือข่ายการจัดหาน้ำมันดิบทั่วโลกของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล (Exon Mobil) ทำให้บริษัทสามารถคัดเลือกน้ำมันดิบที่ราคาต้นทุนต่ำในเวลานั้นๆ มาใช้ผลิตได้

    อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ และกำไรสุทธิในอนาคตของเอสโซ่ คือ ค่าการกลั่น (GRM) ในตลาดโลก ซึ่งเป็น "ปัจจัยเสี่ยง" ภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้

    “เวลานี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ค่าการกลั่นในตลาดโลกได้เลย คงต้องรอดู Supply ในตลาดไปอีกระยะหนึ่ง ต้องยอมรับว่ายังมีโอกาสผันผวนได้อีกมากไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งหมด” แมนพงษ์ วิเคราะห์

    รวมถึงเกมคุมราคาน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศของ ปตท. ที่บีบให้ "ค่าการตลาด" ราคาขายปลีกน้ำมัน “บางเฉียบ” ในขณะที่ ปตท. มีรายได้จากธุรกิจอื่นมาชดเชยมาร์จินน้ำมันที่ติดลบได้ และยังเป็นผู้ชี้นำตลาดได้ทั้งหมดเพราะปั๊มปตท. รวมกับ ปั๊มบางจาก คุมมาร์เก็ตแชร์ 52% ของทั้งประเทศ (เอสโซ่ 17.6% เชลล์ 16% คาล์เท็กซ์ 8.3% และอื่นๆ 6.3%)

    ในเมื่อรูปเกมยังเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ผลประกอบการ และราคาหุ้น ESSO จะแซงหน้าหุ้นกลุ่มปตท.จึง "ไม่ง่าย"  เพราะถ้าหุ้นกลุ่ม ปตท. "ยังไม่ (ถึงเวลา) รุ่ง" แล้ว "น้องใหม่" อย่างเอสโซ่ จะแซงหน้าได้หรือ เสียชื่อ "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" แย่..จริงมั๊ย!

    จากนี้ไป..ภารกิจสำคัญที่เอสโซ่ต้องพยุงตัวเอง “ว่ายทวนน้ำ” ฝ่าคลื่นลมแรงเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น "ด่านแรก" ต้องผ่าน "ปตท." ให้ได้ซะก่อน

    จากคุณ : todbig - [ 21 เม.ย. 51 21:27:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom