ความคิดเห็นที่ 1 โอ้โหกำไร 1 สตางค์หุ้นวิ่งก่อนผลออกซะเหมือนกำไร 50 ตังค์ ฮ่าๆ จากคุณ : เข็มซ่อนคม - [ 15 พ.ค. 51 18:41:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สาดดดดดดดด แล้วแมล่งบอกจะกำไร100ล้าน แล้วงี้ราคาหุ้นจะเปนไงเนี่ย จากคุณ : cakey - [ 15 พ.ค. 51 19:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บริษัท นี้  ชอบ  ให้ข่าว โกหก อยู่ตลอดเลย    น่าลงโทษมากเลย จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 15 พ.ค. 51 19:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คำชี้แจงประกอบรายงานและงบการเงินไตรมาสที่ 1/255115/05/2551 18:03      THL : คำชี้แจงประกอบรายงานและงบการเงินไตรมาสที่ 1/2551 ที่ ทค. 151-049/5/2551                                             15 พฤษภาคม 2551 เรื่อง คำชี้แจงประกอบรายงานและงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551       เปรียบเทียบผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2551 กับไตรมาสเดียวกันของปี 2550 เรียน กรรมการและผู้จัดการ      ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย          ตามที่บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ส่งรายงานและงบการเงินรวมสำหรับงวดสาม เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 ซึ่งได้ผ่านสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจากบริษัท เอ.เอ็ม.ที แอสโซซิเอท ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจง ประกอบผลการดำเนินงานดังต่อไปนี้       บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 คิดเป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2550 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิเป็นจำนวนเงิน 25.499 ล้านบาท          บริษัทฯ ขอชี้แจงโดยสรุปถึงสาเหตุที่สำคัญของผลการดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว ต่อไปนี้:- ยอดขาย 1. รายได้จากการขายทองคำ          ในไตรมาสที่ 1 ปี 2551 บริษัทย่อยผลิตทองคำจำนวน 6,690 ออนซ์ และ มีรายได้จากการขาย ทองคำเป็นเงิน 149.12 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นคิดเป็นร้อยละ 39 หรือประมาณ 58.16 ล้านบาท จาก ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนมีนาคม 2551 หลังจากบริษัทฯได้เริ่มดำเนินงานในพื้นที่เหมืองใหม่ T-1-8 ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น                                            มกราคม            กุมภาพันธ์           มีนาคม                                            2551              2551              2551    ปริมาณการผลิต (ออนซ์)                       1,758            1,385             3,547 2. รายได้จากการขายหินแอนดีไซด์        รายได้จากการขายหินแอนดีไซด์ลดลงจาก 1.53 ล้านบาท เป็น 0.97 ล้านบาท และต้นทุนขาย ลดลงจาก 3.46 ล้านบาท เป็น 0.76 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความ ล่าช้าของโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ บริษัทจึงไม่สามารถขายหินโรยทางรถไฟและ หินปูพื้นถนนได้ตาม เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ 3. รายได้จากการขายแร่ดีบุก          ในปี 2550 และ 2551 บริษัทฯไม่มีการผลิตและรายได้ใดๆจากส่วนงานดีบุกเนื่องจากบริษัทฯ กำลังดำเนินการเพื่อให้ บริษัท ทรัพยากรสมุทร จำกัด ซึ่งมีธุรกิจหลักคือการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเล ได้ ประทานบัตรและเริ่มดำเนินการให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งประมาณการของกำลังการผลิตดีบุกของบริษัท ทรัพยากรสมุทร นั้น อยู่ที่ระดับ 2,000 ตันต่อปี เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ผลกระทบการเปลี่ยนนโยบายบัญชีต่องบการเงินรวมและงบการเงินของบริษัทฯ         เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44(ปรับปรุง 2550) เรื่องงบการเงินรวมและงบ การเงินเฉพาะกิจการ บริษัทฯได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบ การเงินเฉพาะบริษัทจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน ในปี 2550 ซึ่งใช้วิธีปรับปรุงย้อนหลังโดยถือเสมือน ว่าบริษัทฯได้บันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามวิธีราคาทุนมาโดยตลอด          ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงิน ให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยแห่งหนึ่งจำนวน 3.11 ล้านบาทและบันทึกกลับรายการด้อยค่าจากเงินลงทุนใน บริษัทย่อยจำนวน 19.23 ล้านบาท ผลกระทบสุทธิรวมทั้งสิ้นเป็นรายได้ 16.12 ล้านบาท และเมื่อรวมผล ขาดทุนของบริษัทฯ จำนวน 8.12 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 8 ล้านบาท ผลกำไรจากการดำเนินงาน        กำไรรวมของบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด(มหาชน) จำนวน 8 ล้านบาทส่วนใหญ่มาจากผลกำไร ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด (บริษัทย่อย) แต่อย่างไรก็ตาม ผลกำไรของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้ถูกหักลบ โดยผลขาดทุนจากส่วนงานอื่นๆในบริษัทย่อยอื่นในกลุ่มบริษัทส่งผลให้ กำไรรวมของกลุ่มบริษัทลดลง วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด         ส่วนประกอบหลักของผลกำไรใน บริษัท ทุ่งคำ จำกัด คือ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 29.20 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2551 เนื่องจากแนวโน้มการแข็งค่าอย่างรุนแรงของเงินบาทใน ไตรมาสแรกของปี 2551 โดยบริษัท ทุ่งคำ จำกัด มียอดเงินกู้คงเหลืออยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อยู่ เป็นจำนวนมากจึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 29.20 ล้านบาท ซึ่งกำไรดังกล่าว เกือบทั้งจำนวนมาจากกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้จริงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Unrealized exchange rate gain) อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้รับผลกระทบในด้านลบเช่นกันเนื่องจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ส่งออก ทองคำใน สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้นทุนการผลิตของบริษัททั้งหมดเป็นเงินบาท การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทจะทำ ให้ราคาขายลดลงโดยที่ต้นทุนการผลิตไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบสัดส่วนระหว่างขาดทุน จากราคาขายที่ลดลงกับกำไรจากเงินกู้ที่ลดลงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว บริษัทได้ผลประโยชน์จากการ แข็งค่าของเงินบาทเป็นอย่างมาก         และปัจจัยเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่มีผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ดังต่อไปนี้ 1.กำไรขั้นต้นจากการขายทองคำ ที่สูงขึ้นจาก 39.27 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 เป็น 58.16 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2551 หรือสูงขึ้นร้อยละ 48.10 เนื่องจาก ก. ปริมาณผลผลิตทองคำ         ปริมาณผลผลิตทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.72 จากการที่บริษัทได้เริ่มดำเนินงานในพื้นที่เหมือง ใหม่ T-1-8 ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551ซึ่งอุดมไปด้วยสินแร่ที่มีค่าความสมบูรณ์สูงที่ยังไม่ถูก นำมาใช้ ประกอบกับเครื่องบดย่อยและเครื่องจักรอื่นๆ สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตได้เริ่มดำเนินงานแล้ว                                            ไตรมาสที่ 1         ไตรมาสที่ 1                                            2551              2550         ปริมาณที่ผลิต (ออนซ์)                   6,690             5,079 ข. ต้นทุนการผลิตต่อออนซ์ที่ลดลง          เนื่องจากพื้นที่เหมืองใหม่ T-1-8 ซึ่งบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้รับอนุญาตให้เข้าดำเนินงานและขน ย้ายแร่ได้ในเดือน กุมภาพันธ์ 2551 นั้นมีสินแร่ออคไซด์ที่มีความสมบูรณ์ของแร่สูงอยู่ จึงส่งผลให้การ สกัดทองคำในเดือน มีนาคม 2551 มีต้นทุนการผลิตต่อ ออนซ์ลดลงมาก โดยในไตรมาสแรกของปี 2550 นั้นสินแร่ที่นำมาสกัดทองคำมีความสมบูรณ์ของแร่ต่ำกว่า นอกจากนี้ค่าความสมบรูณ์ของแร่ที่สูงขึ้นยัง ส่งผลให้อัตราการใช้สารเคมีต่างๆ ลดน้อยลงด้วย                                            ไตรมาสที่ 1         ไตรมาสที่ 1                                                2551            2550                                            (ถัวเฉลี่ย)          (ถัวเฉลี่ย)    ต้นทุนการผลิต (บาท/ออนซ์)                   15,097            15,564 ค. ราคาขายทองคำของบริษัท       ถึงแม้ว่าราคาขายทองคำของบริษัทในไตรมาสแรก ของปี 2551 จะมีเพดานราคาอยู่ที่ 820 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในเดือน มกราคมและกุมภาพันธ์ ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้กับ ธนาคารแห่งหนึ่งหลังจากได้เจรจาต่อรองในเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งราคาขายดังกล่าวสูงกว่าราคาขาย เฉลี่ยในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ถึง 164 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือสูงขึ้นร้อยละ 25 หลังจากนั้น ในเดือน มีนาคม 2551 เพดานราคาได้เปลี่ยนเป็น 862 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ตามข้อกำหนดในสัญญา เงินกู้ใหม่ตามรายละเอียดของสัญญาที่ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551 2. การซื้อทองคำ            เนื่องจากผลผลิตทองคำที่ไม่เพียงพอ บริษัทฯจำเป็นต้องซื้อทองคำเพื่อการส่งมอบตาม ภาระของสัญญาที่มีทุกเดือน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับค้าขาย ทองคำเพื่ b9c อหวังเก็งกำไร การซื้อจะกระทำก่อนวันส่งมอบและนำส่งให้กับธนาคารคู่สัญญาทันที อย่างไรก็ ตามบริษัทสามารถผลิตทองคำได้เพียงพอปริมาณที่ระบุไว้ตามสัญญาได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551                                           ไตรมาสที่ 1         ไตรมาสที่ 1                                               2551            2550                                           (ถัวเฉลี่ย)          (ถัวเฉลี่ย)       ปริมาณทองคำที่ซื้อ (ออนซ์)                1,056             563       ราคาซื้อ (บาท/ออนซ์)                   30,281            23,055 3. ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากส่วนการผลิต ก. ค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินงาน        ค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินงานลดลง 2.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนหรือลดลงประมาณร้อยละ 5.91 เนื่องจากในไตรมาสแรกของปี 2550 ได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการ รีไฟแนนซ์เงินกู้ ข. ค่าใช้จ่ายตัดจ่ายและค่าเสื่อมราคา         ค่าใช้จ่ายตัดจ่ายต่างๆโดยเฉพาะ รายจ่ายโครงการเหมืองแร่ทองคำตัดบัญชี ที่สูงถึง 14 ล้าน บาทซึ่งได้คำนวณ จากปริมาณสินแร่ที่ใช้ไปในไตรมาสแรกของปี 2551 ทั้งหมดซึ่งมีปริมาณการใช้ที่ สูงขึ้นตามปริมาณการผลิต และ ค่าเสื่อมราคาที่สูงถึง 17 ล้านบาท จาก สินทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มดำเนินงานและ คำนวณค่าเสื่อมราคา ในในช่วงปลายปี 2550 ค. การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าภาคหลวงในปลายปี 2550         การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าภาคหลวงในปี 2550 จาก 2.5% ของราคาขาย ไปเป็น อัตราก้าวหน้า ตามราคาตลาดของทองคำที่สูงขึ้น โดยอัตราใหม่จะอยู่ในช่วง 2.5% ถึง 20% ส่งผลให้ค่าภาคหลวง ที่ บริษัทจะต้องจ่ายชำระให้แก่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม สูงขึ้นเป็น 19.27 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2551 โดยเพิ่มขึ้นถึง 13.54 ล้านบาทเมื่อ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2550 สรุป         หลังจากบริษัทฯได้ดำเนินการตามแผนงานเพื่อปรับปรุงการผลิตและการสกัดทองคำตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งได้ส่งผลให้ผลผลิตในเดือน มีนาคม 2551 อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจทั้งปริมาณการผลิตและ ต้นทุนการผลิต ทางบริษัทฯจะพยายามรักษาความสามารถในการผลิตและการสกัดทองคำ และพัฒนา เพื่อสร้างผลกำไรต่อไปในอนาคต       นอกจากการรายงานข่าวแก่ตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 เรื่องโครงการการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่าเนื่องจาก บริษัท สกายคลิฟ์ฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายกับธนาคารใน ประเทศไทยในเรื่องการสนับสนุนทางการเงิน ดังนั้นบริษัท สกายคลิฟ์ฟ จำกัด จึงได้ขอขยายระยะเวลา กำหนดการก่อสร้างโครงการที่จะเริ่มมีขึ้นในไตรมาสที่สอง ไปเป็นไตรมาสที่สาม           บริษัทฯ จึงขอประกาศในเรื่องการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ                              ขอแสดงความนับถือ                              บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน)  (นายโรนัลด์ อึ้ง วาย ชอย)                                (ดร.จอห์น ปีเตอร์ มิลล์ส)       กรรมการผู้จัดการ                                     กรรมการบริหาร ที่มา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย     วันที่   15/05/08   เวลา   18:07: จากคุณ : Boyd_5555 - [ 15 พ.ค. 51 20:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปสั้นๆ คือ มีการผลิตทองคำเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม จากระดับ 1758, 1385 และ 3547 ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคมตามลำดับ ทำให้รายได้จากการขายทองคำในไตรมาสที่ 1 ที่น่าจะออกมาขาดทุนเหมือนเดิม กลับมาเริ่มมีกำไรเป็นเดือนแรก และจะเริ่มมีกำไรมากขึ้นในเดือนต่อๆ ไป และจากเดิมที่ไม่สามารถผลิตทองได้เพียงพอต่อการส่งมอบให้กับเจ้าหนี้ จึงต้องดำเนินการซื้อทองไปใช้หนี้แทน แต่ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตทองได้ตามจำนวนที่ส่งมอบให้กับเจ้าหนี้ และยังมีส่วนที่เหลือเพื่อนำมาขายได้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งการขายส่วนหลังนี้จะมีราคาตามตลาดโลกครับ จากคุณ : Boyd_5555 - [ 15 พ.ค. 51 20:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ซึ่งถ้าเป็นตามนี้ ลองวิเคราะห์กำไรทั้งปี 1.ขายทอง 6690 ออน มีรายได้ 149.12 ล้านบาท = 1ออน จะขายได้ ประมาณ 22290 บาท กำไร ขั้นต้น 58.16ล้าน เอาไปหาร 6690ออน เท่ากับ 1 ออนกำไรประมาณ 8693 บาท 2.กำไรขั้นต้นจากการขายทองคำ ที่สูงขึ้นจาก 39.27 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 เป็น 58.16ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2551 เนื่องจาก ก. ปริมาณผลผลิตทองคำ ปริมาณผลผลิตทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.72 จากการที่บริษัทได้เริ่มดำเนินงานในพื้นที่เหมืองใหม่ T-1-8 ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551ซึ่งอุดมไปด้วยสินแร่ที่มีค่าความสมบูรณ์สูงที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ มกราได้ 1758ออน กุมภา 1385ออน มีนา 3547ออน *เหมืองใหม่ T-1-8 ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2551ซึ่งอุดมไปด้วยสินแร่ที่มีค่าความสมบูรณ์สูงที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ ดังนั้นเราตีความว่าตั้งแต่เดือน เมษา-ธันวา น่าจะได้ทองเฉลี่ยเดือนละ3500ออน รวม 31500 ออน*8693 เท่ากับ 273.38 ล้าน หักค่าใช้จ่ายในการบริหาร ตีว่า เท่าไตรมาสแรก51.81ล้าน*3 เท่ากับ 155.43 ล้าน รายจ่ายอื่นๆอีกไตรมาสละ14ล้าน รวม42ล้าน รายได้ 273.38 ล้าน-155.43ล้าน-45ล้าน จะกำไร 72.95 + ไตรมาสแรก8ล้าน เป็น80ล้าน eps = ประมาณ 10 ตังต่อหุ้น วิเคราะเล่นๆนะครับ ตัวเลขต่างๆอิงตามไตรมาส 1 จากคุณ : cakey - [ 15 พ.ค. 51 22:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ ลืม คิดแต่ค่าใช้จ่ายอื่น ลืมรายได้อื่นๆ ถ้าไตรมาส ละ 10 ล้านบาท =กำไรจะเปน 110ล้านบาท eps=15ตัง จากคุณ : cakey - [ 15 พ.ค. 51 23:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อืม ขอแก้ไขครับ ข้างบนผิดครับ เป้นการคิดแค่กำไรขั้นต้นครับ ต้องหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีอีก โทษทีครับ จากคุณ : cakey - [ 15 พ.ค. 51 23:12:57 ]