ความคิดเห็นที่ 1 ง่ะ...กองทุนรวมที่ใหนครับ 55 วันให้ 2% แบบชัวๆ จะได้รีบไปซื้อ ^^! ส่วนตัวแล้วบัตรเครดิตเนี่ยมีจะทำให้เราเป็นคนสร้างหนี้ใช้จ่ายเกินตัวอ่ะครับ. จากคุณ : burinpun - [ 31 พ.ค. 51 18:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำได้ครับ แต่จะคุ้มเหรอ เงิน 10000 นึงลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 55 วัน ได้ผลตอบแทนประมาณ 30 บาท จากคุณ : s0010936 - [ 31 พ.ค. 51 18:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ออมเงินมาลงทุนดีกว่ามั๊งครับ อย่าหาวิธีลัดแบบนี้จะดีกว่านะครับ ไม่คุ้มหรอก จากคุณ : SIAMESS? - [ 31 พ.ค. 51 19:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คือคิดว่าจะเอาเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปลงทุนไงค่ะ ไม่ใช่เงินเย็นที่ลงได้ทีละเยอะๆ และไม่สามารถลงทุนได้ระยะยาว เพราะชีวิตมันต้องมีรายจ่ายอยู่ อาจได้กำไรไม่มาก แต่เก็บเล็กผสมน้อยก็น่าจะพอได้ค่าข้าวกลางวันสักวันสองวันต่อเดือนก็ยังดี แบบ 10,000 ที่ใช้จ่ายค่าไฟ จ่ายค่าน้ำ ซื้อสบู่แชมพูยาสีฟัน ตามห้าง จ่ายค่าน้ำมัน  ที่ปกติเราจ่ายด้วยเงินสดในแต่ละเดือน ถ้าเราไม่จ่ายด้วยเงินสด แต่ใช้บัตรเครดิตแทน โดยนำเงินสดที่เคยใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวไปซื้อกองทุนแทน พอถึงเวลาจ่ายบัตรก็ขายกองทุนมาจ่าย มันจะมีส่วนต่างไหมค่ะ เพราะถ้ามันมีกำไรบ้างแม้จะไม่มาก  แต่สำหรับเราถือว่ามันคล้ายการจับเสือมือเปล่าอ่ะ  เพราะมันเป็นเงินที่เราไม่ได้เสียไปไหน ก็เป็นเงินที่ปกติเราใช้ในชีวิตประจำวันอ่ะค่ะ แต่เราไม่แน่ใจในเรื่อง ค่าธรรมเนียม  ดอกเบี้ย  ผลตอบแทน  รวมถึงรายละเอียดการซื้อกองทุน เพราะไม่เคยซื้อมาก่อน มีใครพอแนะนำเรื่องกองทุนระยะสั้นๆความเสี่ยงต่ำๆ อะไรพวกนี้บ้างไหมค่ะ ประมาณ 55 วันนี่โดยเฉลี่ยผลตอบแทนของกองทุนต่อ 10,000 บาท จะอยู่ที่เท่าไหร่ค่ะ มีโอกาสขาดทุนมากน้อยแค่ไหน  คุ้มหรือเปล่า  ถ้าคิดว่าเป็นการเอาเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาทำให้เกิดเงินคืน เหมือนซื้อของได้ส่วนลดอ่ะค่ะ หรือ เอาบัตรเครดิจไปซื้อทองเก็งกำไร สามารถทำได้ไหมค่ะ เราจะหาประโยชน์อะไรจากบัตรเครดิตได้โดยที่เราไม่เป็นหนี้บ้างค่ะ ตอนนี้มีบัตรเครดิตว่างๆ อยู่หลายใบเหมือนกัน ( ส่วนที่สร้างหนี้สินก็มีหลายใบ 555  กำลังอยู่ระหว่างการรวมหนี้เป็นหนึ่งแล้วเคลียร์ให้หมด ) ตอนนี้สภาพคล่องส่วนตัวกำลังโอเค  อยากหาประโยชน์จากบัตรบ้างค่ะ ไม่อยากโดนมันกินดอกเบี้ยอย่างเดียว  คิดในแง่ดีก็เผื่อจะได้กำไรเล็กๆน้อยจากบัตรสักใบ ถือซะว่าได้ลดดอกเบี้ยจากบัตรใบอื่นก็ยังดี  อิอิ จากคุณ : *แชมพู* - [ 31 พ.ค. 51 19:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เงินออมเก็บอยู่แล้วค่ะ  อันนั้นแยกไว้ต่างหากเป็นของสูงทีเดียวมิกล้าแตะต้อง ลงทุนก็ยังไม่กล้า ยังไม่มีมากพอ ระยะยาวก็ยังไม่แน่นอนกับชีวิต กลัวว่ามันหมดแล้วจะหมดเลย แต่ค่าครองชีพทุกวันนี้มันแพ๊งแพง  เลยอยากหาวิธีลดรายจ่ายจากก้อนค่าใช้จ่ายปกติที่ใช้หนะค่ะ  ( มิใช่เงินเก็บนะคะ ) ปกติไม่มีใครเค้าทำกันใช่ไหมค่ะ  ทำไมหนังสือเล่มนั้นแนะนำอย่างนี้อ่ะ หรือว่ามีคนทำบ้าง แล้วได้ผลเช่นไรค่ะ จากคุณ : *แชมพู* - [ 31 พ.ค. 51 19:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บัตรเครดิต กรุงศรี GE ใช้รูดซื้อกองทุนตราสารหนีได้เช่น AYF-cash ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี ถ้าวงเงินซัก แสนนึง รูดซื้อๆขายๆ ปีนึงคงได้ซัก 2000 บาทตกเดือน นึง 170 บาทไม่รู้ว่าคุ้มค่าเสียเวลารึเปล่า จากคุณ : s0010936 - [ 31 พ.ค. 51 19:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 55 วัน 2%+ มีเยอะแยะครับแต่เสี่ยงๆทั้งนั้น... จากคุณ : burinpun - [ 31 พ.ค. 51 19:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เหนื่อยคับ ขนาดเงินแสนยังได้แค่เดือนละร้อยได้ แล้วแต่ จขกท คับ จากคุณ : Casper in Love - [ 31 พ.ค. 51 20:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าอ่านตามที่เของกระทู้ต้องการผมคิดว่าน่าจะเป็นกองทุนจำพวกตราสารหนี้ เช่น SCBSFF ซึ่งกองทุนเหล่านี้จะมีความเสี่ยงต่ำ ซื้อขายแทบจะไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ว่าถ้าจะขายต้องรออีก หนึ่งวันทำการถึงจะได้เงิน เช่นขายวันจันทร์ จะได้เงินตอนวันอังคารก่อนบ่าย สอง ผมเห็นด้วยกับแนวความคิดของคนที่แนะนำและเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ ยิ่งถ้าชำระเต็มจำนวนถือว่ามีประโยชน์คือ ข้อดี 1ใช้บัตรเครดิตจ่าย fix cost ในแต่ละเดือน เช่นค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ ค่าสิ่งของอุปโภค ต่าง ๆ ของผมจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตด้วย 2สร้างวินัยให้ตัวเองคือเรากันเงินไว้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนไว้ซึ่งถือว่าเป็การเพิ่มมูลค่าของเงิน ถึงแม้จะน้อยไปหน่อยก็ตาม แต่ว่าความเสี่ยงก็น้อยเช่นเดียวกัน 3.ได้คะแนนสะสม ถ้าเลือกใหดีเป็นประเภทของเครดิตคืน หรือว่าแลกของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นบัตรทางด่วน บัตรเติมน้ำมัน บัตรแทน เงินสดในโลตัส บิ๊กซีคาร์ฟูร์ เป็นต้น 4บางบัตรก็จะมีโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 600 รับ 60 บาท เท่ากับ ลด สิบเปอร์เซ็นต์ หรือว่ารับส่วนลดน้ำมัน สองเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเติมเงินสดจะไม่ได้ลด ข้อเสีย 1.ต้องกำหนดวันในการชำระให้ดีถ้าลัวจะสับสนควรจะจดข้อมูลวันตัดรอบบัญชี วันกำหนดชำระ เพื่อกันลืม 2.ถ้าพ่วงกับบัญชีกองทุนให้กำหนดขายก่อนให้ดี เผื่อวันหยุดของธนาคารด้วยนะครับ และเวลาขายคืนต้องก่อนบ่ายสามโมงครึ่งวันธรรมดาครับ 3.ต้องไม่หลงไปกับกิเลสของตัวเองหรือโปรโมชั่นล่อตาล่อใจให้รูดปื๊ด ๆ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียวินัยทางการเงิน จากคุณ : songsan (songsan) - [ 31 พ.ค. 51 21:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ระวังจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ ผลประโยชน์สำหรับวิธีนี้  กับเงินเพียงเท่านี้  อาจจะไม่คุ้มค่ากับความยุ่งยากของเราที่ต้องมาใส่ใจกับวันครบรอบจ่ายบัตร  ถ้าลืม ก็ถูกปรับหลายร้อย แต่เวลาได้ ก็ได้ค่าดอกเบี้ยเพิ่มมาจิ๊ดเดียว สู้เอาเวลาที่เสียไปจากการคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้  ไปคิดเรื่องที่มานสำคัญกับชีวิตเรา  แล้วให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่านี้  ดีกว่าไม๊ครับ จากคุณ : ไคโร - [ 31 พ.ค. 51 22:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมได้คืนจากบัตรเครดิต ทั้งจากโปรโมชั่นของบัตรและการใช้ประโยชน์จากวงเงินที่มีอยู่ ปี 49 ได้มาเกิน 50,000 บาท ปี 50 ได้มาเกิน 100,000 บาท ปี 51 ม.ค.-พ.ค. ได้คืนมาแล้ว เกิน 50,000 บาทแล้วครับ ถ้าคนใช้เป็นคุ้มครับ จากคุณ : lyPPN - [ 31 พ.ค. 51 23:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คคห. 10  คิดเรื่องไรดีค่ะ  อะไรดีล่ะ ที่ลงทุนระยะสั้นๆ เงินไม่ได้มากนัก ( เงินหมุนที่ใช้ทุกเดือน ) แต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้ม  อยากคิดอ่ะค่ะ  แต่คิดไม่ค่อยออก รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ส่วนคุณ lyPPN  อยากรู้จังทำยังไงเหรอคะ อยากรู้ค่ะ  บอกวิธีบ้างสิคะ ปกติเป็นคนไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย  ไม่บ้ายี้ห้อ  เงินส่วนตัวต่อเดือนเรียกว่าใช้น้อยมากๆ ที่ผ่านมาบัตรเครดิตที่ใช้ก็ค่อนข้างมีวินัยในการจ่าย  คือจ่ายเต็มจำนวนตลอด และใช้รูดแค่ค่าน้ำมันเท่านั้น ( งกดอกเบี้ย อ่ะค่ะ ) คิดว่าน่าจะพอคุมตัวเองในเรื่องการใช้บัตรได้ มีบัตรมา 3 ปี เพิ่งจ่ายไม่เต็มจำนวนปีนี้ปีแรก แค่ไม่กี่ใบซึ่งก็เป็นหนี้เงินก้อน จากการรูดซื้อของตกแต่งบ้าน ( ซื้อบ้านใหม่ ) ทำเรื่องรวมหนี้และแบ่งผ่อนชำระแบบระยะยาวไว้แล้วซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยประมาณอาทิตย์หน้า หนี้ของบัตรเครดิตก็จะหมดไป (กลายเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลระยะยาวแทน ^^ ) ยังมีว่างๆ ที่ไม่เคยใช้เลยอยู่หลายใบเหมือนกัน  กำลังคิดว่ามีระยะปลอดดอกเบี้ย 55 วัน จะเอาเงินไปทำไรดี ให้ไม่เสียดอกเบี้ย แต่เป็นการได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนภายใน 55 วันนั้นแทน ( บางใบ 60 ด้วย ) แนะนำด้วยค่ะ อาจไม่ได้นำไปซื้อกองทุนก็ได้  แต่มันจะเอาไปทำอะไรได้บ้างจากเงินที่เราซื้อของแต่ละเดือน จะกันเงินไว้ล่วงหน้าทุกเดือนเลยจริงๆนะ ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันนะคะ  นิดๆหน่อยๆ ก็เงินละนะ   55555  งกที่สุดเลยคนเรา - -" แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 00:08:05 จากคุณ : *แชมพู* - [ 1 มิ.ย. 51 00:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เคยแนะนำเรื่องแบบนี้ไปหนนึงแล้ว ลองดูอีกทีหรือ ถ้าอยากให้ได้แบบเต็มขั้นเลยนะครับ เอาแบบเป็นเงินสดไปเลย 1 อันดับแรกผมแนะนำให้ใช้เป็นแบบcash backใช้เท่าไหร่ ได้เงินคืนเป็น%ของเงินที่ใช้ไป ผมลองคำนวณจากการเอาแต้มแลกกับได้เงินคืนแล้ว ผลคือผลตอบแทนเท่าๆกัน ดังนั้น การที่เราได้เงินสดออกมาเลย ย่อมคุ้มกว่าการเอาแต้ม(เงินในอนาคต)ไปจมอยู่กับบริษัทบัตรครับ 2 ทุกครั้งที่ซื้อของ ถ้ารูดบัตรได้ รูดซะ แล้วพอกลับบ้านให้เปิดอินเตอร์เน็ทเพื่อซื้อกองทุนเท่ากับจำนวนเงินที่รูดทันที วิธีนี้จะมีปัญหาบ้าง ตรงที่บางครั้งเราซื้อของแค่ไม่กี่ร้อยบาท ไม่พอค่าขั้นต่ำของหลายๆกองทุน แต่ก็มีบางกองทุนที่ค่าขึ้นต่ำไม่กี่บาท อันนี้ลองทำการบ้านเองนะครับ อ่อ กองทุนต้องเป็นแบบmoney marketนะครับ ความเสี่ยงจะได้น้อย และมีสภาพคล่องสูงพอ 3 มีบัตรสักสองใบ อย่าเกินจากนี้ เพราะถ้ามีใบเดียวตอนใกล้จะตัดยอดเงิน เราจะได้ประโยชน์จากกองุนรวมไม่เต็มที่ แต่ถ้าเรามีบัตรสองใบ ห่างกันครึ่งนึงของระยะเวลาปลอดหนี้ เราจะขยายเวลาให้เงินทำงานได้มากกว่าเดิม อย่ามีมากกว่าสอง ถ้าไม่จำเป็น เพราะการมีบัตรเครดิตหลายใบ จะมีผลต่อการกู้ซื้อบ้านและรถ แม้ว่าเราจะไม่มียอดคงค้างก็ตาม 4 โดยปกติ การจ่ายเงินจะช้าได้2-3วันโดยไม่มีค่าปรับ ถือเป็นอีกช่วงนึงที่ให้เงินเราทำประโยชน์ได้ครับ และการเลือกบัตรเครดิตนั้น สำคัญต้องมีค่าธรรมเนียมต่ำมากๆ ไม่รวมค่าทำบัตรและรายปี ที่ควรจะฟรีแบบไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น 5 ถ้ามีเงินเดือน จะจ่ายตามวันที่กำหนด เช่นวันที่28 ให้ทำเรื่องซื้อกองทุนอัตโนมัติไปเลย แล้วเบิกออกมาเท่าที่พอใช้อาทิตย์นึง เพราะกองทุนmoney marketนั้นมีกำหนดรับเงินไม่นาน ส่วนใหญ่ t+1 t+2 คือขายวันนี้พรุ่งนี้ มะรืนได้เงินแล้ว ส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ (มีกองทุนหนึ่ง ขายแล้วได้เงินวันนั้นเลย(T) ลองถามเพื่อนๆในนี้ก็ได้ครับ ทำการบ้านหน่อยนะ อิอิ) ซึ่งตามจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายพวกนั้นมักจะเลื่อนได้วันสองวันอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นวันได้เงินพอดี หรือไม่ก็รูดบัตรมันซะเลย 6 ตอนเปิดบัญชีทุกอย่างให้สมัครทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ทไว้ด้วย เพราะสะดวก ประหยัดเงินและเวลาในการเดินทางด้วย ยิ่งบางธนาคารและกองทุน ซื้อขายกันในเวบเดียวกันเลย หรือเชื่อมกันได้ แบบนั้นยิ่งทำรายการสบายเลยครับ สำคัญที่สุด คือ มีวินัยในการใช้เงินมากน้อยแค่ไหนครับ ถ้ามีวินัยพอ วิธีนี้ทำผลตอบแทนได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีวินัย วิธีนี้จะฆ่าคุณไปทีละน้อยๆครับ หุหุหุ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 1 มิ.ย. 51 02:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าจะใช้ประโยชน์จากวงเงินการใช้บัตรเครดิตจริงๆ ละก็ ...  คำแนะนำของคุณขอบฟ้าบูรพา ก็ดีมากๆเลยครับ ละเอียดยิบเลย ...  แล้วอีกอย่าง  ดอกเบี้ยกำลังจะเป็นขาขึ้น ซึ่งธนาคารกรุงเทพประกาศนำก่อนแล้ว  ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนรายวันจากการซื้อกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น.. ผมเคยอ่านในห้องนี้  กรณีซื้อกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของกรุงศรี  โดยตัดเงินจากบัตรเครดิตกรุงศรี  ก็ดีเหมือนกันนะครับ  เหมือนได้ดอกเบี้ยฟรีๆมา 50 วัน (ไม่รุว่าหมดเขตไปหรือยังนะครับ ลองเข้าไปค้นในเว็บกรุงศรีดู  หรือไม่ก็ค้นกระทู้เก่าๆจากในห้องนี้ดูครับ) อีกอย่างนึง..  ซึ่งสำคัญมาก ...  ถ้ายังโสดอยู่ ต้องหาแฟนอย่างคุณขอบฟ้าบูรพานะครับ  อนาคตรวยแน่ๆ  (ล้อเล่นนะครับ) จากคุณ : ไคโร - [ 1 มิ.ย. 51 11:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 วิธีนี้ผมก็ทำนะครับ แต่อาจจะได้ไม่มากถึง 2% ครับ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ มันไม่ได้มากมายอะไรหรอกครับ เล็กๆน้อย ดีกว่าอยู่เฉยๆ ไม่เชื่อลองดูก็ได้ครับ ไม่ยากเลย จากคุณ : หยกน้อย (alfalfa) - [ 1 มิ.ย. 51 14:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทำวิธีนี้อยู่ค่ะ คือจะใช้บัตรเครดิตซื้อของ  แล้วกันเงินใช้จ่ายประจำวันซื้อกองทุนตราสารหนี้ทุกเดือน ไม่ถึง 55 วันหรอกค่ะ รอบละประมาณ 30 วัน ครบกำหนดจ่ายบัตรเครดิต ก็ขายกองทุนแล้วชำระบัตรเครดิต หลังจากนั้น ก็กันเงินใช้จ่ายประจำเดือนไปซื้ออีกค่ะ ถึงจะได้ไม่มาก (เดือนละประมาณหนึ่งร้อยบาท วงเงิน 50,000 บาท) แต่ก็เป็นเงินนะคะ (ฝากธนาคารจะได้ไหม) ไม่รู้คนอื่นคิดไง แต่เราก็ทำแบบนี้น่ะ ถ้ามีวิธีที่ดีกว่า ช่วยแนะนะด้วยนะคะ จากคุณ : kkka - [ 1 มิ.ย. 51 16:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รู้จะเหมือนกันเปล่า เงินเดือนออกก็ซื้อกองทุนตราสารหนี้ตราสารเงินระยะสั้น เลือกที่มั่นคงระดับเรตAAA(รัฐบาลประกัน) อะไรที่รูดบัตรได้  ก็รูดแทนจ่ายเงินสด ครบวันจ่ายก็ขายกองทุน  หักผ่านบ/ช=สะดวกดี บัตรเครดิตก็เลือกแบบจ่ายเงินคืน(cash back=0.5%) สะสมแต้มไม่เอาเลย  เอาเงินคืนอย่างเดียว ยกเว้นบัตรอีกใบมีส่วนลด%ได้มากกว่าcash back   เงินที่เก็บพอก้อนเริ่มใหญ่ก็กระจาย  ซื้อกองทุนทองบ้าง (ตอนลงมา13000)  กองทุนพันธบัตรเกาหลี  พันธบัตรไทย ส่วนหุ้นแหย่แล้วเพราะเจ็บมากกว่าแฮปปี้  คิดว่าเป็นของแสลงสำหรับผม  ไม่ได้คำนวณว่าได้อะไรเท่าไร  แต่คิดว่าดีกว่าจ่ายเงินสดไปเลย แช่ๆไว้กองทุนตราสารเงินระยะสั้นมา4ปี  ก็ไปเรื่อยๆครับ ส่วนทองเพิ่งมาหวือหวาตอนราคาน้ำมัน มันผัวผวนนี่แหล่ะครับ   ข้อสำคัญคือเลือกกองทุนที่ปลอดภัยสุดๆครับ จากคุณ : pungee1 - [ 1 มิ.ย. 51 20:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ของเราทำอย่างนี้น่ะ เวลาซื้อของผ่านบัตรไป กลับบ้านก็มาเปิดอินเตอร์เน็ตสั่งซื้อกองทุน MMF เท่าจำนวนที่ใช้บัตรซื้อไป พอครบกำหนดการชำระเงิน ก็สั่งขาย แล้วเอาเงินไปจ่าย ได้ดอกเบี้ย(หรือผลตอบแทน)มานิดๆหน่อยๆก็ดีกว่าเอาเงินไว้ในบัญชีธนาคาร เพราะมักจะเผลอกดออกไปใช้ประจำอยู่เรื่อยเลย ... จากคุณ : endimian - [ 2 มิ.ย. 51 14:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่น่าจะคุ้มนะคะ น่าจะคิดว่า จะรูดก็ต่อเมื่อซื้อของที่จำเป็นต้องซื้อจริงๆ ถ้าจ่ายสดได้ส่วนลด ก็จ่ายสด ถือนโยบายพกเงินสดน้อยที่สุด เวลากระเป๋าหายก็ไม่ต้องเครียดมาก เพราะไม่มีเงิน จ่ายผ่านบัตรทั้งหมด เวลายกเลิกการซื้อทุกกรณี บางครั้งไม่ต้องทำอะไรเลย เช่นซื้อบัตร thaiticket เวลายกเลิก เราก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเอาตั๋วเพื่อรับเงินสดคืน นอกนั้น ไม่รู้จะไปคิดทำไมค่ะ ไม่คุ้ม เอาเวลามาวางแผนเรื่องอื่นจะดีกว่า จากคุณ : plern2000 - [ 2 มิ.ย. 51 15:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาแอบอ่านค่ะ  เก็บข้อมูล อิอิ เราก็เป็นเหมือนเจ้าของกระทู้ค่ะ  คือ ต้นเดือนเงินเดือนออก  แต่ต้องมาจ่ายปลายเดือน ทีนี้ เงินมันก็กองอยู่ในแบงค์นาน  กำลังคิดหาวิธีอยู่เหมือนกันค่ะ  ดีใจจัง ได้ความรู้เยอะแยะเลย  บอร์ดนี้มีแต่คนเก่งๆๆ น่ะค่ะ จากคุณ : petit AngLe - [ 2 มิ.ย. 51 16:07:43 ]