ความคิดเห็นที่ 1
เพื่อให้นักลงทุนท่านอื่นทราบด้วยนะครับ
กองทุน TISCO Trigger2 ของ บลจ.ทิสโก้ จะนำเงินลงทุนของนักลงทุนในประเทศอย่างเราๆ ไปลงทุนในกองทุนหลัก (Master Fund) ที่ต่างประเทศ ที่ชื่อว่า "Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan" ซึ่งเป็นกองทุน ETF ไม่มีผู้จัดการกองทุนดูแล แต่ Track Performance อ้างอิงตาม MSCI AC Asia Ex Japan ครับ
การจ่ายผลตอบแทนของกองทุน จะดูว่า NAV ของกองทุนไปถึง 11.5 บาทต่อหน่วย ไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ (15% ต่อเงินต้น) ก็จะปิดกองและจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนทันที กองนี้ประสบความสำเร็จจากกองแรกมาแล้ว เปิดไม่ถึง 2 เดือนก็ปิดกองได้ทันทีครับ ส่วนค่าธรรมเนียมที่นักลงทุนต้องจ่ายจริงมี 2 อย่างคือ ค่าธรรมเนียมการซื้อ/ขาย เข้าออกอย่างละ 1% รวมแล้วก็โดนไป 2% ครับ นั้นหมายถึง ผลตอบแทนที่จะจ่ายจริงหาก NAV ถึง 15% ก็คือ 15%-2% = 13% นั้นเอง ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆนั้นรวมเข้าไว้ในการคำนวน NAV เรียบร้อยแล้วครับ (หากครบกำหนดอายุโครงการแล้วไม่ถึง 15% ทางกองทุนจะจ่ายลตอบแทนตามจริง ณ ราคาวันปิดกองครับ)
กองทุนนี้เหมาะกับใคร? - ใครอยากกระจายความเสี่ยง ไปลงทุนต่างประเทศ และไม่มีเวลาติดตามตลาดล่ะก็กองนี้น่าสนใจครับ เพราะตั้งจุด Take Profit ให้เราเลย ไม่ต้องมาส่วคำสั่งขายกันเองให้เมื่อย
ควรลงทุนหรือไม่? - ตรงนี้แล้วแต่มุมมองนะครับ ปัจจุบันมีกองทุน FIF ที่ลงทุนในตลาดเอเชียอยู่แล้ว ทั้ง UOBSA, I-ASIA และ ABAPAC ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมเฉพาะขาเข้า 1.5% ไม่มีค่าธรรมเนียมขาออก และเป็นกองทุน Active Management Portfolio ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล ซึ่งทั้ง 3 กองทุนมีผลการดำเนินงานชนะ MSCI AC Asia Ex Japan ด้วย แต่นักลงทุนต้องคอยหาจังหวะ Take Profit กันเอง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ติดตามตลาด หรืออยากลงทุนแบบ Long-Term Investment ยาวๆ 1-2 ปีขึ้นไป สังเกตจาก NAV ของกอง ABAPAC ตอนนี้อยู่ที่ 13 บาทกว่าๆ นั้นหมายถึง ใครลงทุนตั้งแต่จัดตั้งกอง ได้ไปแล้วกว่า 30% ครับ
สรุปคือ มีเวลาติดตามตลาด แนะนำลงทุนในกองทุนเปิด FIF ธรรมดา แต่ถ้าไม่มีเวลาล่ะก็ TISCO-Trigger ก็น่าสนใจกว่าครับ (แต่อย่าคาดหวังว่าจะปิดกองทุนเร็วเหมือนกับกองแรกนะครับ เด๋วจะผิดหวังได้ง่ายๆ ^^
--------------------- โชคดีการลงทุนครับ
จากคุณ :
Mr.Messenger
- [
17 มิ.ย. 51 08:06:55
]
|
|
|