ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากนั้นผมเลยกลับมาศึกษากระทู้ทั้งหลายในยุคเริ่มต้นอีกครั้ง อ่านๆไปก็พบว่าแม้จะพอรู้เรื่อง และคิดตามตรรกะแล้วน่าจะเป็นวิธีที่ดีทีเดียว แต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด ยังงงๆในหลายจุด และไม่เข้าใจเลยในบางประเด็น เช่น สูตร 3-0-2-8 และ ช่องว่าง แม้ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจนะครับ แต่ว่าขี้เกียจพยายามทำความเข้าใจแล้ว อีกทั้งยังเชื่อที่คุณเด่นศรีบอกว่า แค่เบสิค ก็เอาตัวรอดในตลาดได้แล้ว ก็เลยเปลี่ยนตัวเองมาเป็น DSMer เต็มตัว ตั้งแต่ต้นปี 2005 โดยล้างพอร์ทเน่าๆไปหลังเหตุการณ์สึนามิ ปลายปี 2004 โดยใช้เงินที่เหลือ มาเริ่มต้นจากหุ้น 3 ตัว คือ TOP SHIN-W1 และ TPI (IRPC ในปัจจุบัน) สิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนแรกซึ่งเป็นปกติสำหรับ DSM มือใหม่ก็คือ ยังกล้าๆ กลัวๆกับการขายหุ้นต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา และยังคาดเดาตลาดโดยหวังว่าจะขายได้ราคาที่สูงกว่านี้ (ซักช่องเดียวก็ยังดี) และอยากซื้อคืนให้ได้ราคาต่ำกว่านี้อีกซักหน่อย จึงทำให้ยังตั้งซื้อ ตั้งขายอยู่ ไม่กล้า ซื้อ ขาย ที่ BID OFFER (ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่บ้างครับ) เดือนแรกผ่านไปด้วยความงงๆ มี order น้อยมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้ กสงฝ กลับมาจิ๊ดนึง ที่ 0.2% ที่ได้มาก็เพราะรีบซื้อกลับ ลงได้ 6 ช่อง แล้วซื้อเลย เพราะกลัวว่าจะเสียหุ้นไปไม่ได้ซื้อคืน บัญชีก็ทำเฉพาะแค่ ช่องสำหรับ match เวลาซื้อขาย ไม่ได้ทำบัญชีเงินสด หรือ กสงฝ อะไรเลย (แน้ มีรูปปลากรอบซะด้วย 555) แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 51 00:45:58 จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 00:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปลากรอบตัวใหญ่ไปหน่อยแฮะ หุหุหุ เป็นกราฟ Set รายวันของเดือนมกราคมปี 2005 น่ะครับ เอามาลงเล่นๆ จะได้ไม่มีแต่ตัวหนังสืออย่างเดียว เดี๋ยวจะลายตา จะเห็นว่า ตลาดเป็นขาขึ้น มีแท่งแดงอยู่นิดหน่อย ตอนนั้นก็คงอาศัยจังหวะย่อนิดๆนี่แหละครับ ซื้อแล้วรีบเก็บคืน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ รีบเก็บเกินไปทำให้ได้ กสงฝ น้อยซะเปล่าๆ แต่ถ้าตลาดเข้าเงื่อนไขต้องเก็บคืน ก็ต้องเก็บนะครับ อย่าชักช้าลังเล จะพลาดโอกาสดีๆ จริงๆ เริ่มต้นใหม่ทุกคน คงเป็นเหมือนๆกันคือ ไม่กล้าขาย และ รีบซื้อ ผมก็นึกไม่ออกว่าจะปิดจุดอ่อนตรงนี้ยังไงเหมือนกัน สำหรับมือใหม่ๆนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้ผมมีปัญหานี้น้อยลงมากแล้ว เพราะไม่เคยนึกถึงคำว่าราคาต้นทุนอยู่ในหัวอีกเลย เพราะว่ามันไม่รู้ว่าจะจับตรงไหนเป็นต้นทุนแล้วด้วยครับ มันนานจนลืมไปแล้ว และระหว่างทางก็ซื้อๆ ขายๆ เยอะไปหมด อีกอย่างนึงที่ทำให้สามารถขายได้อย่างสบายใจ ที่ราคาไหนก็ได้ เพราะผมอยู่กับตลาด และ ทำ DSM มานานพอที่จะเห็นว่า เคยขายไปราคาไหนยังไงก็ซื้อคืนได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง กรอบเวลาที่ยาวนานไม่มีที่สิ้นสุดจะช่วยเหลือเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่างเองครับ ถ้าจะให้แนะนำก็คงต้องบอกว่า ใจถึงๆครับ กล้าขายไปเลย เป็นการสร้างโอกาสซื้อคืนครับ ไม่ขายก็ไม่ได้ซื้อคืน เสียโอกาส เสียรอบไปเปล่าๆ จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 00:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ผมซื้อหุ้นเพิ่มอีก 3 ตัว คือ ITD PTT และ ATC (PTTAR ในปัจจุบัน) เป็นเงินสดที่ยังเหลือจากการขายล้างพอร์ทตอนปลายปี ที่ซื้อเพิ่มเนื่องจากตั้งใจจะใช้วิธีนี้อย่างจริงจัง และ เดาว่าตลาดจะเริ่มดีขึ้น เดือนนี้ ก็ยังเป็นเหมือนเดือนก่อนคือ เดาตลาด กลัวที่จะขายต่ำ และรีบซื้อสูง เพราะกลัวเก็บไม่ได้ เริ่มได้ กสงฝ เพิ่มขึ้น ทั้งที่จริงๆแล้วควรจะได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่รีบซื้อเร็วเกินไป แม้ว่าตลาดจะยังเป็นขาขึ้นแต่ก็ได้ กสงฝ 0.64% เพิ่มขึ้นมาอีกจิ๊ดนึง และเริ่มมีกองหลัง ทิ้งเอาไว้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ย้อนนึกไป DSMer มือใหม่อย่างผม ต้องเริ่มเป็นกังวลแล้ว ว่า เสียดาย ขายไปถูก หุ้นขึ้นมาแล้ว รับคืนก็ไม่ได้ จำนวนหุ้นเริ่มลดลง กังวลไปเรื่อยๆครับ ช่วงนั้น เพราะความที่ยังปรับจิตใจไม่ได้ และยังไม่มั่นใจในระบบนัก (ดูซิว่ารูปปลากรอบ เดือนนี้ ขนาดจะพอดีขึ้นรึยัง) จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 00:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พอถึงเดือนมีนา เริ่มเข้าเทศกาลปันผล ตลาดเริ่มมีขาลงมากขึ้น กสงฝ ก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามระเบียบ เดือนนี้ได้ 1.38% ครับ ว่าไปก็คล้ายๆด้านกลับของคนเล่นเทรดดิ้งนะครับ เทรดขาขึ้น ซื้อหุ้นอะไรก็กำไรไปหมด DSM ขาลง ถ้ากล้าขาย ยังไงก็ต้องได้ กสงฝ มาก คนเลยชอบคิดว่า DSM เหมาะกับขาลงมากกว่า ซึ่งจะเน้นแต่ขาลงก็ได้ครับ แต่ประสิทธิภาพจะน้อยกว่ามาก ไม่ต้องดูที่ไหนไกล port ผมนี่แหละครับ DSM ขาลง ตัวจริง เพราะเน้นแต่ basic ล้วนๆ กว่าจะมั่นใจ เห็นผล ก็เลยกินเวลาซะเกือบ 4 ปี อย่างที่เห็น จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 01:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สามเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก จุดอ่อนของมือใหม่ตอนนั้นก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ไม่กล้าขาย รีบซื้อ และชอบเดาตลาด จะขายก็เกี่ยงขอแพงกว่านี้นิด  ขายไปแล้วหุ้นลงต่อ ราคาพอซื้อได้ รีบซื้อกลับ ไม่รู้จะรีบไปไหน แต่เวลาตอนมันดีดขึ้น จะต้องซื้อกลับลังเลเผื่อได้ถูกกว่าอีกซักหน่อย แล้วก็ชอบเดาตลาด ว่ามันน่าจะขึ้นแล้วน่า ก็รีบซื้อเชียว หรือ มันยังไม่ลงจริงหรอก ก็ไม่ค่อยจะยอมขาย แล้วก็เดาผิดทุกที เกี่ยงช่องทีไร ก็พลาดเกือบทุกหน ถึงจุดแล้วไม่ขาย ได้ไปขายต่ำกว่า ถึงเวลาไม่ซื้อ ต้องซื้อแพงขึ้น มือเก่า มือใหม่ ใครเป็นแบบนี้บ้างครับ ---------------------------------------------------------------------- ขออนุญาต เริ่มต้นกระทู้ วันแรกนี้ แค่ไตรมาสแรกของปี 2005 ก่อนนะครับ ที่ฝืนทนง่วง มานั่งปั่นกระทู้นี้ เพราะห่วงสวัสดิภาพของพี่ห่านนะครับ เดี๋ยวจะนั่งเก้าอี้ดูตลาดไม่ได้ เพราะระบม พี่ๆ ท่านใดจะปาด จะคุย จะแซว จะแสดงความคิดเห็น เชิญได้ตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่างๆจะมาเขียนต่อครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 01:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หวัดดีคับ พี่ ฉินจัง "ถึงจุดแล้วไม่ขาย ได้ไปขายต่ำกว่า ถึงเวลาไม่ซื้อ ต้องซื้อแพงขึ้น มือเก่า มือใหม่ ใครเป็นแบบนี้บ้างครับ" ....เข้ามายกมือ คนแรก เลยคับ.... ถึงจุดขายแล้วไม่ขาย เพราะไม่อยากเป็นไม้แรกที่ขายราคา low คับ เผลอแป๊ปเดียว ราคาหลุดไปแล้ว ถ้าจะขายก็ต้องตั้งขาย พอตั้งขาย หลุดอีกแล้วคับ เหอ เหอ เหอ ขอบอกว่า ตอนนั้น เศร้าคับเศร้า ทำอะไรไม่ถูก หยุดทำต่อเลยคับ ไปทำหุ้นตัวอื่นต่อ สรุปว่า หุ้นตัวนั้น พอมาดู บัญชี ตอนนี้ ไม้เดียวที่ขายไปนั้น อยู่ยอดดอย ไปแล้วคับ เหอ เหอ เหอ แต่ตอนซื้อนี่ ไม่เคยลังเล เลยคับ ถึงจุดซื้อปุ๊ป เคาะปั๊ปเลย เคยซื้อที่ราคาไฮ อยู่คนเดียวด้วยคับ (ขำตัวเอง เวลาไปดู วอลุ่ม แต่ละช่องราคา) มีอยู่ 1000 หุ้นที่ราคาไฮ ตั้งเด่นเป็นสง่า เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำเลยคับ อิอิ ส่วนที่ซื้อคืนก่อนกำหนด 5 ช่อง ก็มีคับ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดคับ ...... ....คือ ซื้อแล้วมันลงต่อ อิอิ ...ดีคับ เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า "ห้ามเดาตลาดนะ ห้ามเดาตลาด" แต่ไม่ได้ผลคับ เพราะก็ยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อมาเรื่อย ๆ สงสัยต้องฝึกจิตมากกว่านี้ แล้วพี่ฉินจัง ทำมา 4 ปีแล้ว ได้ผลอย่างไรคับ พอร์ตโตเป็นกี่เท่าตัวแล้วคับ สำหรับผมเพิ่งจะทำได้ ครึ่งเดือนเองคับ ยังอีกนานกว่าจะเห็นผล แต่คิดว่า เริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะส่งผลงานเข้าประกวดด้วยอีกคนคับ ขอบคุณสำหรับ ประสบการณ์ คับ อยากได้อ่าน ประสบการณ์ แบบนี้ เยอะ ๆ ซึ่งมันทำให้ มือใหม่ อย่างผม มองเห็นถนนได้ชัดขึ้นคับ ตอนนี้ พอร์ต ผมแบ่งเป็น DSM ส่วนนึง เก็งกำไร อีกส่วนนึง และ การลงทุนแบบ Dollar-cost Average อีกส่วนนึงคับ ซึ่งแบบที่ 3 นี้เกิดมาจากแนวคิดที่ว่า ตลาดหุ้นมีขึ้นย่อมมีลง มีลงก็ย่อมมีขึ้น แต่แบบที่ 3 คาดว่ากว่าจะเห็นผล คงต้องใช้ระยะเวลาอย่างต่ำ 6 เดือนขึ้นไป จึงจะสามารถขายหุ้นไม้แรกได้ ตอนนี้กำลังร่างแผน คิดจะเอาการลงทุนแบบที่ 3 ผสมกับ DSM คับ ซึ่งยังไม่เจอ จุดเชื่อม คับ ก็กำลังคิดหา จุดเชื่อมอยู่ว่า จะเอามาเชื่อมกันได้อย่างไร แต่เรื่องเก็งกำไรนั้น คงไม่เอามาผสมกับแบบไหนคับ เพราะคิดว่า อีกไม่นาน จะโละส่วนนี้ทิ้งแล้วคับ จะเหลือแค่ 2 ส่วนเท่านั้นพอ (ยิ้ม) จากคุณ : เสี่ยวหลง - [ 6 ส.ค. 51 02:03:21 A:58.64.86.89 X: TicketID:123609 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แอบหลับอยู่หลังห้องกับป๋าห่านนี่ครับ พอตื่นขึ้นมาป๋าหายไปไหน แถมคุณครูก็เริ่มสอนไปจนกลับบ้านกันแล้ว ..... .................. งั้นก็ขอหลับต่อรอคุณครูกลับมาเข้าห้องใหม่อีกครั้ง ................ จากคุณ : loaw - [ 6 ส.ค. 51 06:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อิอิ ย่องๆ กลัวคุณพี่ loaw ตื่น... ....................... ยอดเยี่ยมมากครับ คุณพี่ฉินจัง หลังจากคุณพี่ฉินจังเขียนกระทู้นี้จบลง ผมเชื่อว่าคุณพี่ฉินจังจะแตกความคิดเกี่ยวกับ DSM ได้เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน...ฮี่ฮี่ ......................... ผู้ให้มักจะกลายเป็นผู้รับเสมอ ครับ.... โดยเฉพาะความรู้ หลังการถ่ายทอด ความคิดจะเป็นระเบียบมากขึ้น ขนาดผมมีความรู้น้อย พอเวลาเขียนโพสต์อะไรที่ตัวเองคิดได้... มักจะพบว่าหลังโพสต์ มันจะปิ๊งๆๆๆ  ได้แนวคิดมีความเข้าใจใหม่ๆ ทุกที แล้วคุณพี่ฉินจังมีความรู้มากมาย จะไม่ได้อะไรหลังจากที่ได้เขียนเลยเชียวหรือ... ค่อยๆ เขียนก็ได้ครับคุณพี่ฉินจัง จะได้ไม่เหนื่อยมาก.. ผมก็จะคอยตามอ่านไปเรื่อยๆ อยู่หลังห้อง ... อิอิ (ยืนอยู่ใกล้ๆ คุณพี่ loaw น่ะ... แต่ไม่ได้ชิดกันนะครับ..เอิ๊กๆๆ... ผวาเดี๋ยวโดนคุณพี่ออสซี่ตีความไปอีก ) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 6 ส.ค. 51 09:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ... รอคุณครูต่อครับวันนี้ จากคุณ : ozzyii - [ 6 ส.ค. 51 09:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จบคลาสแรกแล้ว....พักเบรก...เดี๋ยวกลับมาเรียนต่อครับ.... จากคุณ : ยิปซีร่อนเร่ - [ 6 ส.ค. 51 10:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ ตอบพี่เสียวหลงก่อน DSM เวลาซื้อ มันง่าย นะครับ เพราะเรา มีรายได้เมื่อซื้อ แต่จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับช่องห่างระหว่างจุดซื้อ จุดขาย ถ้าถึงจุดต้องซื้อ ซื้อแล้วลง เราก็ไม่กลัว เพราะเราจบไปตั้งแต่เคาะซื้อแล้ว แต่ถ้าถึงจุดต้องซื้อ แล้วไม่ซื้อ แล้วมันขึ้นต่อ อันนี้สิเสียหาย ส่วนคำถาม ที่ว่า พอร์ท โตแค่ไหนแล้ว คำถามนี้ดีมากเลยครับ เพราะว่าเราจะต้องวัดผลตัวเองตลอดเวลา ยังโตไม่มากครับ กสงฝ ยังไม่ได้เท่ากับเงินลงทุนตั้งต้นเลยครับ ตอนแรกนึกว่าจะทบเป็น 2 เท่า ภายใน 4 ปี อย่างที่โม้ไว้หลายครั้ง (ดูไปดูมา อ้าวเคยเพิ่มทุนลงไปด้วยครั้งนึงนี่นา เลยขอยืดเวลาทบต้นไปอีกหน่อยครับ) แต่ที่สำคัญกว่า และเป็นการบ้านที่เราไม่เคยส่งกันเลย ก็คือจำนวนหุ้นครับ จะบอกว่านี่เป็นจุดอ่อนของผมเช่นกัน ไม่ใช่ว่าของผมไม่เพิ่มนะครับ ตอนนี้ผมมีหุ้น 10 ตัว แต่ละตัวปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้น ประมาณ 20% (ยังไม่เคยดูละเอียดเลยครับ) ที่ผมบอกว่าเป็นจุดอ่อนของผม ก็เพราะผมอ่านไดอารี่คุณเด่นศรี จะมีการรายงานจำนวนหุ้น ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงตลอด ซึ่งส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้น ทีละนิด ทีละนิด แต่วิธีการของผม ทำไปเรื่อยๆ หุ้นจะค่อยๆลดลง จนเหลือน้อย ค่อยตัดสินใจซื้อเพิ่ม ตอนแรกผมก็นึกว่าทำถูก ที่ว่า หุ้นไหนน้อย แปลว่าของดี ให้ซื้อเพิ่ม หลักการถูกครับ แต่วิธีการผิด ผมเพิ่งจะมาปิ๊ง เอาตอนที่ศึกษา และเรียบเรียง สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังในกระทู้นี้เองครับ ซึ่งสิ่งนี้น่าจะจะปิดจุดอ่อน ในการเล่น ขาขึ้น และ sideway ของผมลงได้ เดี๋ยวผมจะค่อยๆเล่าให้ฟังนะครับ ว่าผมเห็นอะไรจากการอ่านไดอารี่พี่เด่นศรี ซึ่งจริงๆ พี่ๆท่านอื่นอาจจะทำอยู่แล้วก็ได้ครับ แต่ผมเพิ่งจะพบ คุณเสี่ยวหลง จะลองไปคิดดูก็ได้นะครับ ว่าขาลงได้ กสงฝ ขาขึ้น ได้หุ้นเพิ่ม (ทีละนิด) ทำได้อย่างไร --------------------------------------------------------------------------------- พี่ห่านครับ มันปิ๊งจริงๆครับพี่ เพราะมันต้องมานั่งดูพอร์ทเราย้อนหลัง เปรียบเทียบกับองค์ความรู้ของท่านเจ้าสำนัก เราเลยได้เห็นจุดอ่อนของตัวเองขึ้นมาทันทีเลยครับ เย็นๆ ค่ำๆ มาใหม่ครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 10:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณฉินจัง รออ่านต่ออยู่นะครับ ถือเป็นกระทู้จุดประกายที่ดีเลยครับ จากคุณ : ลุงโนะ - [ 6 ส.ค. 51 10:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หวัดดีคับ พี่ฉินจัง เวลาเพิ่มหุ้น สำหรับ พี่ เด่นศรี ผมยังจับไม่ได้คับว่า หลักการเพิ่ม พี่เค้าดูจากไหน แต่ที่ผมคิดไว้คือ สมมุติว่า หุ้นมันขึ้นมาจาก จุดต่ำสุด 4 ช่อง ก็ซื้อคืนไม้ที่ขายไปใช่มั๊ยคับ สมมุติว่า ตรงนี้ เราสามารถซื้อคืนได้ทั้งหมด 3 ไม้ ก็ซื้อ 3 ไม้ก่อน แล้วดูว่า พอจะเพิ่มได้มั๊ย ซัก 100 หุ้นขั้นต่ำ ถ้าได้ผมก็คิดว่าจะซื้อคับ จะกี่หุ้นก็แล้วแต่ เอาเต็ม max เลยคับ อิอิ (ยิ้ม ได้หุ้นเพิ่ม) ถ้าไม่ได้ก็เก็บ กสงฝ ไว้ รอไปสมทบกับรอบต่อไป แต่คุ้น ๆ เหมือนเคยอ่านเจอว่า พี่เด่นศรี จะซื้อซักประมาณ 10 ช่องจากจุดต่ำสุด หรือเปล่าคับ ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ยังไม่เคยเพิ่มอะไรเลยคับ มีแต่ลด ลด ลด ฮือ ฮือ เพิ่มอย่างเดียวคือ อายุ กับ น้ำหนักตัว ฮือ ฮือ จากคุณ : เสี่ยวหลง - [ 6 ส.ค. 51 11:02:34 A:58.64.86.89 X: TicketID:123609 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีครับ คุณฉินจัง ชงกาแฟ มานั่งอ่านแล้วครับ เสียดายนิดนึง น่าจะยืดเวลาโพสไปอีกสักสองสามวัน ให้ป๋มซ้อมตัวประกันก่อน จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 6 ส.ค. 51 11:05:18 A:125.27.164.104 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 15 +++ เริ่ดมากเลย ค่อยๆ เรียบเรียงค่อยๆเล่านะครับ จะคอยติดตามอย่างใจจดจ่อ ชอบมากเลยอะ จะได้มีเป็นตัวอย่าง ไม่ต้องไปงมๆเองตั้งแต่ต้น ขอบคุณครับผม จากคุณ : a - [ 6 ส.ค. 51 11:32:21 A:124.121.83.236 X: TicketID:073234 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณพี่ฉินจังจ๋า.....ตอนท้ายๆ ช่วยแนะเรื่องระบบบัญชีด้วยนะจ๊า.......ขอบคุณหลายๆเลยเด้อ จากคุณ : ยิปซีร่อนเร่ - [ 6 ส.ค. 51 11:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอโทษครับ โพสต์ผิดกระทู้ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 51 14:34:18 จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 6 ส.ค. 51 14:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มารออ่านต่อนะครับ เป็นประสบการณ์ที่น่าฟังมากครับ ปล. พี่แมลงเม่าจะพาน้อง ๆ มาให้กำลังใจคุณฉินจังหรือกั๊บ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 6 ส.ค. 51 16:42:33 A:125.27.162.52 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาลงชื่อรออ่านครับ จากคุณ : Mr.Eiji - [ 6 ส.ค. 51 17:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาติดตามฟังด้วยใจจดจ่อครับ มาติดตามฟังด้วยใจจดจ่อครับ มี  ปตท.ตั้งแต่  2005  และ  เอทีซี  ด้วย  ถ้าเพิ่มหุ้นได้อย่างต่ำ  20 % พอร์ตก้อใหญ่มากแล้วครับ  ตามมูลค่าตลาด จากปี  2005  เซท  600   กว่า ไปเก้าร้อยปีกลาย  แล้วกลับมา  600  ปีนี้ มีตัวไหนที่ซื้อคืนไม่ได้มั้ยครับ  ถ้าเซทกลับไป  900  พร้อมหุ้นเต็มมือ  ก้อยอดมาก คุณpฉินจัง  วางกองหลังไว้  3  ไม้ตลอดรึเปล่าครับ  มีช่วงไหนมั้ยที่หุ้นหมดมือหรือเหลือน้อยมาก ๆ จากคุณ : จอนฟอน - [ 6 ส.ค. 51 20:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 +++ คุณฉินจัง ครับ ขอถามนิด หุ้นทุกตัวที่ทำ DSM ของคุณฉินจัง เริ่มที่ 10000 หุ้นหมดเลยหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ พอร์ทคงโตน่าดู มีแต่ตัว เป้งๆท้างน้านนนน จากคุณ : a - [ 6 ส.ค. 51 21:27:32 A:58.64.104.90 X: TicketID:073234 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรียนอาจารย์ใหญ่และสวัสดีพี่ๆทุกท่านครับ ผมก็เป็นอีกคนที่เคยเริ่มศึกษา DSM พร้อมๆกับฉินจังเมื่อสี่ปีที่แล้ว ยังจำได้ว่าตอนที่ได้ยินคำว่า เด่นศรีเม็ทธอด จากปากฉินจังแล้ว เครื่องหมาย ???????????  มันขึ้นมาแทรกระหว่างคิ้วเต็มไปหมด อารายของเมิงฟระ... เด่นศรี ชื่อหมา... (ขออภัยนะครับ ตอนนั้นคิดอย่างงิจริงๆ) จนฉินส่งนู่นส่งนี่มาให้อ่านแล้วค่อยๆเริ่มทำตามก็... งงครับ... ปีแรก... อะไรอะ.. ช่องว่าง... คืออะไร ใช้ยังงัย... (จนบัดนี้ก็ยังเป็นคำถามอยู่) หลังจากงงและไม่สามารถ match ไม้นู้นไม้นี้ ได้เลยอยู่นาน รวมถึงไม่มีคนคอยดูแลพอร์ทให้ยามไม่ว่าง ก็เลยคิดว่าวิธีนี้มันไม่เวิร์ค... แน่นอน... ยอมฝ่าฝืนกฎข้อสำคัญที่สุดของ DSM ที่บอกว่า "ห้ามเลิก" หยุดเล่นไปพักใหญ่โละใหม่หมด... คำนวณดูแล้วพอร์ทขาดทุนไป 20% ได้ กสงฝ มานิดหน่อยแต่ก็ไม่เท่ากับที่ขาดทุน... . . . . . จนมาวันหนึ่ง... ที่ฉินจังพูดว่า "ไม่วันใดก็วันหนึ่ง กรอบเวลาที่ยาวนานไม่มีที่สิ้นสุดจะช่วยเหลือเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่างเอง" มันก็พิสูจน์ให้ผมเห็นความจริงเมื่อกลับมามองหุ้นอีกทีแล้วเปิดไฟล์สถิติเก่าๆที่ทำไว้ดู ไม้ที่ ไม่สามารถ match ได้ตอนนั้น มันสามารถเก็บคืนได้ในตอนนี้... ได้คุยกับฉินจังใหม่ว่าเค้าจะทบต้นได้แล้ว ถึงแม้จะดีเลย์ไปกว่าที่ตั้งใจไว้... เสียดายเวลาที่ผ่านมาจริงๆครับ... ตอนนี้ก็ได้เริ่มกลับมาทำ DSM อีกทีตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว... ได้แวะเข้ามาอ่านบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ส่งการบ้าน... เห็นพี่ๆคอยตรวจการบ้านน้องใหม่กับมีเฮฮารายวันแล้วก็คิดว่ามันอบอุ่นดีนะบ้านหลังนี้... คงได้แวะเข้ามาบ่อยขึ้นครับ... กระทู้นี้ขอเป็นกำลังใจให้ฉินจังกับภรรยาและพี่ๆน้องๆทุกคนนะครับ... ว่าแล้วก็รออ่าน Review ของฉินจังต่อดีกว่า... จากคุณ : namit - [ 6 ส.ค. 51 22:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณพี่ a ครับ บ่ใช่ดอกครับ ถ้าผมมี ปตท 10000 หุ้น ก็เงิน สองล้านกว่าแน่ะครับ ผมก็ยิ้มน่ะสิอย่างนั้น หุ้นแต่ละตัวมีไม่เท่ากันครับ ส่วนใหญ่จะกำหนดด้วยมูลค่า คือ ซื้อแต่ละตัวด้วยเงินจำนวนเท่าๆกัน ดังนั้น ตัวใหญ่ๆ ก็มีปริมาณหุ้นน้อย ตัวเล็กๆ ก็จะมีปริมาีณหุ้นมาก แต่ก็ไม่ใช่พอร์ทใหญ่มากหรอกครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเล็ก จริงๆขนาดพอร์ท มันเป็นความสัมพัทธ์นะครับ ไม่สำคัญหรอก คนมีเงินหมื่น ก็ว่า พอร์ทหลักแสน ใหญ่ คนมีเงิน ล้าน ก็ว่า พอร์ทหลักแสนเล็ก พวกเราถึงไม่ค่อยรายงานการบ้านกันเป็นตัวเลขจริงๆ ไม่เคยบอกว่าได้ กสงฝ กี่บาท แต่บอกเป็น % แทน และมันก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหญ่ๆด้วย ตัวอย่างง่ายๆก็คือเจ้าสำนัก ที่เริ่มต้นจากเงินเพียง 4 แสน ไม่เคยเพิ่มทุน ขยายจนเป็นหลัก 10 ล้านได้ มือใหม่ สู้ๆครับ อย่ากังวล ------------------------------------------------------------------------ พี่จอนฟอนครับ 20% เป็นอัตราคร่าวๆ ดูรวมๆน่ะครับ จะบอกว่าผมยังไม่เคยทำบัญชีละเอียดๆเลยว่า หุ้นเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตัวเลข 20% นั่น ดูคร่าวๆเองครับ ซึ่งบางตัวมากกว่านั้น แต่บางตัวก็น้อยกว่า เช่น ptt เป็นต้น ที่มีหุ้นน้อยลง หลุดอยู่เป็นกองหลังซะเยอะ แต่ pttar มีเยอะขึ้นนะครับ มากด้วย แต่ถ้าคิดมูลค่าพอร์ทจริงๆ น้อยนะครับ เพราะมันลงมาซะสาหัสเลย ส่วนเรื่อง กองหลัง กับ เรื่องหุ้นหมดมือ เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าเพิ่มเติมครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ส.ค. 51 23:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณๆ ฉินจัง ครับ ตามอ่านอย่างจดจ่อ จากคุณ : tung+ (ksarot) - [ 7 ส.ค. 51 00:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณนะคะที่เสียสละเวลาให้ข้อคิดกับมือใหม่ จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ จากคุณ : แม่อริน (แม่อริน) - [ 7 ส.ค. 51 01:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หุหุ มีหน้าม้ามาเชียร์ส่วนตัวด้วยนะเนี่ย ไม่ได้จ้างมานะคร้าบ มาโม้ต่อรอบดึก ช่วงนี้ว่างเฉพาะตอนกลางคืนครับ จะไปนอนไม่เขียนต่อก็กลัว สวัสดิภาพพี่ห่าน ไม่ให้เสียเวลา มาว่ากันต่อเลยดีกว่าครับ ---------------------------------------------------------------- คราวนี้ผมว่าไปทีละสามเดือนเลยแล้วกันครับ ไม่งั้น เดี๋ยวกระทู้ตกหน้าไปซะก่อน ก็ยังไม่จบ เดือน 4 กสงฝ 1.06% เดือน 5 กสงฝ 1.84% เดือน 6 กสงฝ 0.36% เช่นเคยครับ เดือนไหนหุ้นขาลง ก็ได้ กสงฝ มาก เช่นเดือน เมษา พฤษภา พอเดือนมิถุนา เริ่ม sideway up นิดๆ ด้วยความที่เล่นไม่เป็นก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย กสงฝ ก็ลดกลับลงมาต่ำอีกครั้ง สรุปว่า ครึ่งปีแรก ได้ กสงฝ รวมประมาณ 5.5% ก็เริ่มคิดแล้วว่า ถ้าตลอดทั้งปีทำได้ 11% มันจะคุ้มไม่เนี่ย ถึงแม้มันจะโตกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็ต่ำกว่ามาตรฐานของเจ้าสำนักอยู่มากโข แต่ก็ยังไม่เอะใจอะไรนะครับ ไม่คิดแก้ไขเปลี่ยนแปลง ปรับรูปแบบบัญชี หรือปรับวิธีการเล่นใดๆทั้งสิ้น จริงๆ คือ ไม่รู้จะปรับไปทางไหน เพราะยังคิดไม่ออกว่า ขาขึ้นและ sideway เค้าทำกันยังไง ก็พยายามศึกษาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีทางออก ประกอบกับขี้เกียจด้วยเลยปล่อยๆไปเรื่อยๆ ไม่ปรับไม่ว่า ซื้อหุ้นเพิ่มเข้าไปซะอีก แน้ ช่างกล้า เดือนมิถุนา ผมรับ TTA เข้ามาประจำการเพิ่มอีก 1 ตัว ซึ่งบอกได้เลยว่า คราวนี้น่าจะมาจากเงินกองหลัง เพราะทำไปซักระยะ เงินกองหลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีกองหลังหลุดอยู่เป็นระยะๆ พอเป็นก้อนเข้าก็ชักเริ่มคัน เริ่มรู้สึกว่า เงินมันไม่ทำงาน ต้องเอามันออกมาทำงานซะหน่อย ซึ่งการซื้อหุ้นเพิ่มไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ แต่การซื้อเพิ่มโดยไม่ได้มีระบบบัญชีควบคุม อันนี้ผิดมหันต์เลยครับ มันอาจจะยังไม่เป็นปัญหาตอนนี้ แต่ในอนาคตมีแน่นอนครับ สรุปครึ่งปีแรก สิ่งที่ทำผิดก็ยังคงเหมือนเดิม คือ ขายช้า ซื้อเร็ว เกี่ยงgap เดาตลาด ที่ผิดเพิ่มขึ้นคือ ไม่ทำตามแผน จริงๆเรียกว่าไม่มีแผนซะมากกว่า คือ ขาขึ้น เวลาที่หุ้นมันย่อ ก็มักจะขายเพิ่มอีกไม้ ทั้งที่มันยังไม่เกิน 15 ช่อง ทำให้เสียหุ้นมากเกินไป ลองคิดตรรกะที่เป็นธรรมดาๆที่สุดก็ได้ครับ หุ้นขึ้น เราต้องลดเงินสด ถือหุ้นเพิ่ม หุ้นลง เราต้องลดหุ้น ถือเงินเพิ่ม เราดันทำกลับกันคือ ขาขึ้น ทยอยขาย ลดหุ้น เพิ่มเงิน งี้ก็เจ๊งสิครับ ส่วนที่ไปขยายพอร์ท ไม่ผิดที่ขยายครับ แต่ผิดที่ไม่ได้มีระบบบัญชีคุมเลย คือผมทำบัญชีได้ห่วยมาก ตอนนี้ก็ยังไม่แก้ไข คือทำบัญชีเฉพาะ รายการซื้อขาย รายตัว กับกสงฝ และ เงินสดคงเหลือ ทีนี้พอเงินสดมันเหลือเยอะ เอาละสิ ขาขึ้นอยากลดเงิน เพิ่มหุ้น เลยซื้อเพิ่มอีกตัวเต็มๆ ซึ่งถ้ามันไม่พรวดพราดหักหัวกันลงมา ก็ยังไม่เดือดร้อนอะไรครับ แถมยังมีทำผิดแบบเดิมๆซ้ำอีก เพราะมันยังไม่แสดงผล เพราะรอบนั้นมันขึ้นจริง ขึ้นกันเป็นปีๆ เป็นเทรนด์ขาขึ้น ยาวมาจนถึงเดือนพฤษภา ปี 2007 นู่นเลย แล้วก็ใช้เวลาแค่เดือนเดียวทิ้งถล่มลงมาร้อยสามสิบจุด แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ช้อตนะครับ ยังรอดได้ มาช้อตจริงๆเอาตอน อุ๋ยร้อยจุดนู่น เงินหมดพอร์ตจนต้องเพิ่มทุน แค่นึกถึงก็สนุกแล้วครับ ยังไม่ทันเล่าเลย ค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆนะครับ เดี๋ยวถึง จากคุณ : ฉินจัง - [ 7 ส.ค. 51 01:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ครึ่งปีหลัง ปี 2005 เริ่มต้นเดือน กรกฎา ได้อย่างสวยสดงดงาม ด้วยตัวเลข 2.13% แล้วค่อยๆลดลง เป็น 1.18% ในเดือนสิงหา 0.52% ในเดือนกันยา 0.86% ในเดือนตุลา ซึ่งมาดูวันนี้ก็นึกไม่ออกเหมือนกันครับ ว่าทำไมทั้งที่เดือนตุลาหุ้นแดงเถือกขนาดนั้น แต่ กสงฝ ได้น้อยมาก ไม่สัมพันธ์กันเลย แต่เดือนกันยา นี่ผมทำผิดพลาดซ้ำซ้อนอีกแล้วครับ คือซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ว่าไม่ได้ขยายตัวเพิ่ม แต่ไปเพิ่มปริมาณของตัวเก่าๆ ที่เริ่มขาดมือไป ตรงนี้ตอบทั้งสองคำถามของพี่จอนฟอน คคห 20 ได้เลยครับ หุ้นหมดมือนี่ บ่อยครั้งที่สายัณห์เจอเลยครับ (มุขนี้คาเฟ่ไปมั้ยเนี่ย ไม่มีคนเก็ต แป้กอีก ตรู 555) และที่มันหมดมือก็เพราะมันไม่ได้มีแผน ว่าเป็นกองหลังชุดละ 3 ไม้น่ะสิครับ แต่มันทยอยขายขาขึ้นมาเรื่อยๆ คือ ขึ้นมาแล้วย่อไปหน่อยก็ขาย หุ้นมันก็เริ่มจะหมดมือลงไปเรื่อยๆ ตอนเดือนกันยา หุ้นมันเริ่มจะหมด ก็เริ่มหงุดหงิดดิ้นรนจะซื้อเพิ่มแล้ว ไอ้เราก็นึกว่า หุ้นน้อย ซื้อเพิ่ม ดี ดีตามหลักการครับ แต่วิธีการ ผิด คือผมซื้อแบบ ตามใจตัวเองเลย เช่น ptt เหลือ 3 ไม้ น้อยไป ซื้อเพิ่ม อีกซัก 3 ไม้ดีกว่า จะได้เป็น 6 ไม้ สบายใจ คือเล่นซื้อเพิ่มกันตามใจฉันแบบนี้เลยครับ โดยใช้ปริมาณเงินสดคงเหลือเป็นตัวกำหนด เช่นตอนนี้กองหลังเยอะ เงินสดเหลือ 40% ก็จะซื้อให้เหลือเงินสดติดพอร์ตบัญชีไว้ซัก 20-30% โดยคิดเอาเองว่า กองหลัง 30% ก็เหลือเงินสดติดไว้ 30% เอากันง่ายๆแบบนั้นเลย คิดแล้วก็ขำดีเหมือนกัน อะไรจะขี้เกียจและมักง่ายขนาดนั้น ถามว่าใช้ได้มั้ย โดยคร่าวๆแล้วก็พอถูไถได้เหมือนกัน แต่มันทำให้ประสิทธิภาพ DSM ลดลงไปมากๆเลยครับ เพราะอะไร เดี๋ยวจะบอกครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 7 ส.ค. 51 02:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมไม่ทราบว่าคนอื่นเป็นเหมือนผมรึเปล่า เวลาซื้อหุ้นเพิ่มทีไร พอซื้อแล้วหุ้นตกลงไปทุกที ผมเพิ่งจะมาวิเคราะห์ตัวเองออกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองครับ ว่าทำไม ผมพบว่าเวลาหุ้นขึ้น มันจะขึ้น แล้วก็ย่อ แล้วค่อยๆขึ้นต่อ อันนี้เป็นปกติ ใครก็ทราบ แต่ว่าพอทำ dsm พอมันขึ้นแล้วย่อ พอผมเห็นมันแดง ก็ขายอีกแล้ว ทั้งที่มันยังไม่ทันผ่านจุดขายใหม่ ที่เลยกองหลังไป 15 ช่องเลย คือ ขาขึ้น ทะลึ่งทยอยขายไปเรื่อยๆ มันก็หมดสิครับ พอมันใกล้จะหมด ซึ่งก็นานนะครับ เพราะรอบขึ้นรอบนึง เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงหลายที หุ้นจะหมดมือผมก็ดิ้นรนจะซื้อเพิ่ม เพราะตามทฤษฎี หุ้นตัวไหนน้อย ต้องซื้อเพิ่ม พอเราซื้อเพิ่มปุ๊บ ส่วนใหญ่มันก็หมดขาขึ้นพอดี ยังไงล่ะทีนี้ ก็ยอดดอยสิครับพี่น้อง แล้วเราก็ปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไร ใช้เงินจาก กสงฝ DSM ซื้อที่ราคาไหนก็ได้ แต่มันหลายดอย จนจะเป็นเขาสามร้อยยอดอยู่แล้ว แบบนี้มันก็ไม่ไหว ผมเพิ่งอ่านไดอารี่คุณเด่นศรี แล้วสังเกตว่าเค้าต้องไม่ได้ทำอย่างเราแน่นอน เพราะรายงานของเค้า จำนวนหุ้นส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นตลอด แม้ว่าจะไม่มาก ถึงได้ ปิ๊ง ขึ้นมาว่า จริงๆแล้วมันต้องซื้อเพิ่มแทบจะตลอดเวลาที่มี กสงฝ เข้ามา เพราะอะไร ... เพราะว่าทันทีที่เราซื้อหุ้นกลับคืน แปลว่า เราได้รับสัญญาณว่ามันเริ่มหักหัวขึ้นแล้ว มันจะกลับมาเป็นขาขึ้นตามนิยามของ DSM ดังนั้นเราก็จะเก็บหุ้นกลับ ได้หุ้นคืนมา พร้อมทั้ง กสงฝ ซึ่งเราต้องเอา กสงฝ ที่ได้นั้น มาเพิ่มหุ้นเข้าพอร์ท ในทันที จะเป็นจำนวนเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ว่าได้ กสงฝ มาแค่ไหน ซื้อตัวไหน ก็พิจารณาเอา ส่วนใหญ่ก็เลือกตัวที่เหลือน้อย ที่ต้องรีบซื้อเพิ่มทันทีก็เพราะว่า เราจะได้หุ้นเพิ่มในปริมาณมากเพราะราคาที่ต่ำ เพราะเรารีบซื้อในขณะที่มันยังเป็นช่วงต้นของขาขึ้นอยู่ ไม่ใช่ไปซื้อเอายอดดอย แบบที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ แบบนี้ต่างหาก ถึงเรียกว่าเริ่มเล่นขาขึ้นเป็น คือขาขึ้น หุ้นเพิ่ม แล้วให้มันพามูลค่าพอร์ตโตขึ้นไปด้วย ครั้งนึงผมก็เคยจะใช้ reverse dsm จัดการกับขาขึ้นนะครับ เพราะคิดว่า ขาลง ขาย แล้วซื้อต่ำ ขาขึ้นก็ทำกลับกัน คือ ซื้อ แล้วไปขายสูง นึกว่าดีนะนั่น จริงๆแล้ว มันเก็งกำไรชัดๆเลยครับ ถ้าทำจริงพอร์ตจะยุ่งเละเทะหมดแน่ๆ ที่พูดมานี่ เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนแท้ๆเชียวครับ เพราะผมว่าพี่ๆหลายท่านก็ทำแบบนี้กันอยู่แล้ว แต่ผมเพิ่ง ปิ๊ง จริงๆ ครับ ก็เลยเขียนบันทึกไว้เป็นหลักฐานความโง่ซะหน่อย จะ 4 ปีอยู่แล้ว ไม่รู้รอดมาได้ยังไง โดยไม่รู้ตรงนี้ และยิ่งทำให้รู้สึกว่า DSM มันเรียบง่ายจริงๆครับ มี 1% อีกอย่าง ก็ครบเลย ขาลง ขาขึ้น sideway จะมาท่าไหนก็ได้ จุดสำคัญของเราคือแผนต่างหาก ขอให้แผนชัดเจน เรียบง่าย ทำตามแผนโดยไม่เขว ไม่หลง ที่เหลือก็คือ ทำไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้นเองครับ ขนาดผมทำขาลงเป็นอย่างเดียวยังรอดมาได้ทุกวันนี้ (มีเพิ่มทุนนิดหน่อย ไม่รอดจริง หุหุ) ---------------------------------------------------------- เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อครับ ง่วงมากแล้ว เอาเรื่องการซื้อเพิ่มมาคั่นซะ เลยยังเล่าไม่ถึงรายการพิเศษ TPI ตอนเดือน พย เลยครับ พี่ๆท่านใด อยากช่วยเสริมตรงไหนก็เชิญเลยนะครับ หรือถ้าเห็นว่าผมยังไม่ถูกต้อง หรือยังไม่ครบถ้วน ช่วยบอกด้วยเถอะครับ จะ 4 ปี แล้ว หนทางสู่อิสรภาพทางการเงินจะได้ชัดเจนซะที จากคุณ : ฉินจัง - [ 7 ส.ค. 51 02:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณครับ พี่ฉิันจัง รอเรียนต่อคืนนี้ อิอิ  ... นักศึกษาภาคดึก จากคุณ : ozzyii - [ 7 ส.ค. 51 08:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มา ตอกบัตร อ่าน.... ........................ สุดยอดครับ คุณพี่ฉินจัง  ผมเองตอนนี้ก็กำลังทำแบบที่คุณพี่ฉินจัง เรียกว่า reverse dsm อยู่..... งี้ต้องรีบเลิก...อิอิ... แล้วไปทำแบบที่คุณพี่ฉินจังว่าไว้ดีก่า...... ที่ว่า..... ...........เราต้องเอา กสงฝ ที่ได้นั้น มาเพิ่มหุ้นเข้าพอร์ท ในทันที จะเป็นจำนวนเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ว่าได้ กสงฝ มาแค่ไหน ซื้อตัวไหน ก็พิจารณาเอา ส่วนใหญ่ก็เลือกตัวที่เหลือน้อย ที่ต้องรีบซื้อเพิ่มทันทีก็เพราะว่า เราจะได้หุ้นเพิ่มในปริมาณมากเพราะราคาที่ต่ำ เพราะเรารีบซื้อในขณะที่มันยังเป็นช่วงต้นของขาขึ้นอยู่........... .................... จะรออ่านต่อนะคุณพี่ฉินจัง...   ค่อยๆ ทยอยเขียนตอนว่างๆ ก็ได้ครับ... อย่าหักโหม ครับ อย่างหักโหม... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 7 ส.ค. 51 08:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เดี๋ยวต้องแวะไปต่อรองคุณดอกไม้ DSM ให้ปล่อยตัวประกันซะแล้ว คุณฉินจังจะได้ไม่หักโหมจนเกินไป จากคุณ : wasansem - [ 7 ส.ค. 51 09:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จริงๆเลยครับ พี่ห่าน reverse dsm มันเป็นสิ่งที่พวกเราคิดกันขึ้นมาเอง เพราะไปสำคัญผิดว่า dsm เอาไว้เล่นขาลง เลยต้องหาอีกวิธีนึงมาจัดการกับขาขึ้น เหมือนจะดีนะครับ ขาขึ้นก็ซื้อ เพื่อเอาไว้ขายสูงกว่า แต่ลองดูดีๆ ลึกๆ มันคือความอยากได้กำไร เพราะมันก็คือการเก็งกำไรดีๆนี่เอง เราสลัดความอยากได้กำไรทิ้งไปไม่ค่อยได้หรอกครับ พี่ห่านคงรู้ตัวดี ว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่ ยังมีพื้นฐานความคิดเรื่องกำไร อยู่อย่างเสมอๆ มันต้องเปลี่ยนที่ ความคิดครับ อย่างที่คุณเด่นศรีบอกว่า มันขึ้นกับ แนวคิด และ ใจ ไม่ใช่ขึ้นกับเทคนิค ว่าจะขายยังไง ซื้อตรงไหน ทีละเท่าไหร่ ผมพบว่า วิธีคิดแบบง่ายๆ ซื่อๆ เอามาใช้กับ dsm ได้ดีทีเดียวครับ โดยเราเริ่มต้นจาก หุ้นลง ลดหุ้น ถือเงิน หุ้นขึ้น ลดเงิน ถือหุ้น เบสิคสุดๆ ใครทำได้แค่นี้ก็รวยแล้ว หุ้นลง dsm ทำอะไร เราขายครับ โดย ideal แล้ว ถ้าเรารู้ว่ามันลงจริง เราก็อยากขายก่อน ให้มันหมดมือไปเลย แล้วค่อยไปรับ ตอนที่ต่ำที่สุด แต่ในเมื่อเราไม่รู้หรอก ว่ามันจะลงจริง หรือไม่ แค่ไหน dsm จึงออกแบบมาให้ค่อยๆ ทยอยขาย ถ้าลง เราก็สบายใจ ขายไปแล้ว ยิ่งลง ก็ยิ่งขายออกไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ลงจริง เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะเรายังมีหุ้นอีกจำนวนมาก เหลืออยู่ในมือ ---------------------------------------------------------------- ทีนี้ขาขึ้นบ้าง โดยนิยามของ dsm เราใช้การหักหัวขึ้นของราคามาเป็นตัวชี้วัด dsm ก็ซื้อสิครับ ตัวไหนเคยขายไปแล้ว ซื้อกลับได้ กวาดให้เกลี้ยง และถ้าเรารู้ว่ามันจะขึ้นจริงๆ เราก็คงแทบจะ ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อหุ้น ถูกมั้ยครับ หรือถ้าเป็นนักเก็งกำไร เราก็จะซิ้อเท่าที่เงินในพอร์ตจะอำนวย แต่เรื่องก็คือ เราไม่รู้จริงหรอกครับ ว่ามันจะขึ้นจริงไม่จริงแค่ไหน เราจึงซื้อเท่าที่ซื้อได้ คือซื้อเพื่อจับคู่กับที่เคยขายไปแล้ว แล้วเงินยังมีอีกมั้ย มีครับ ตรงนี้จะต้องมีเงินเหลือในบัญชีแน่นอน ส่วนนึงคือกองหลัง อีกส่วนเล็กๆคือ กสงฝ แท้ ที่เกิดขึ้นจากการซื้อคืนต่ำ กสงฝ นั้นเป็นเงินอิสระ ที่เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ และเราควรจะต้องนำมาซื้อหุ้นเพิ่มทันที เพราะมันเป็นขาขึ้นนี่ครับ เราจะถือเงินไว้ทำไม (ส่วนเรื่องแบ่งเงิน กสงฝ ไปใช้จ่าย อันนั้นก็เป็นสัดส่วนของแต่ละคนนะครับ) เงินอีกส่วนคือเงินกองหลัง ถ้าแบบเบสิคจริงๆ อย่าไปยุ่งกับมันครับ มันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่ หน้าที่ก็คือ เผื่อมันไม่ขึ้นจริงไงครับ ถ้ามันกลับลงมาใหม่ เราก็ยังมีเงินนี้คอยรอซื้ออยู่ เราชอบคิดว่า มีแต่หุ้นเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่ อย่าลืมว่า เงินก็ทำหน้าที่ของมันเหมือนกัน หรือ ถ้าจะรีดเงินกองหลังออกมาอีก เครื่องมือเราก็ยังมี กสงฝ ในอนาคต และบางครั้ง ถ้าเรามีกองหลังที่ราคาต่ำกว่าลงไปมากๆ เราก็ยังมีการแปลงร่างหุ้นได้อีก จะแปลงเป็นตัวเอง หรือแปลงเป็นหุ้นตัวอื่นก็ว่ากันไป เพียงแต่ว่าต้องระลึกว่าเป็นการเร่งขยายพอร์ต ถ้าหุ้นมันลงมามากๆ เงินจะช้อตได้ เห็นมั้ยครับว่า มันง่ายจริงๆ คิดให้มันง่ายๆ เบสิคๆเข้าไว้ เพราะตัวแปรมันมีแค่ เงิน กับ หุ้น เท่านั้นเองครับ อยู่ที่เราจะจัดสัดส่วนของมันในแต่ละสถานการณ์ยังไง เบื้องหลังการควบคุม ก็คือ ระบบบัญชีนั่นเองครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 7 ส.ค. 51 10:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณจริงๆ คับคุณครูฉินจัง จากคุณ : ยิปซีร่อนเร่ - [ 7 ส.ค. 51 10:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 +++ขอบคุณ คุณคุณพี่ฉินจัง มากครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมกำลังจะเริ่มทำ DSM จะได้ศึกษาข้อดี ข้อผิดผลาด แล้วเอามาปรับใช้ จะได้ไม่ต้องลองเอง ขอบคุณ ทุกๆคน และคุณคุณพี่ฉินจัง ด้วยนะครับ ที่ย่นระยะเวลา ลองผิดถูกเอาเอง ได้อีกหลายเลย +++ คุณพี่ฉินจัง ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ ค่อยๆเขียน วันไหนเหนื่อยไม่อยากเขียนก็ไม่ต้องหลอกครับ พักให้หายเหนื่อย แล้วอยากเขียนก็ค่อยเขียน (แต่อย่าหายไปเลยนะครับ เพราะ อย่างน้อย มีผมรออ่านอย่างใจจดจ่อ อยู่คนนึงล่ะ อุอุ เป็นแฟนพันธุแท้ไปละ) ค่อยๆเล่า ยิ่งละเอียด ยิ่งดีครับ เข้าใจง่ายดี ไม่ต้องรีบเหนื่อยก็พัก ขอให้การให้ครั้งนี้ ส่งผลให้ พอร์ตของคุณชินจัง โตขึ้นๆๆๆๆ เป็น 100 เท่าครับ (ยิ้ม) +++ ที่อยากถามต่อคือ ผมสนใจตัว PTT อ่ะครับ คุณพี่ฉินจัง ก็ใช้ DSM กะพี่ ป เหมือนกัน พอดีผมมี อยู่ 1000 หุ้น คิดอยากเอามาทำเหมือนกัน แต่มันตัวใหญ่ และ ถ้าบริหารไม่ดี คงเหลือหุ้น นิดเดียวเป็นแน่ เลยอยากให้ คุณพี่ฉินจัง แนะนำวิธีเทรด พี่ ป ตามแบบที่ คุณพี่ฉินจัง เทรด เพื่อเป็นความรู้ทีครับ เพราะ ถ้ารอกระแสเงินสดแฝง เพื่อ ซื้อพี่ ป เพิ่ม คงรอกันหลายรอบ กว่าจะซื้อเพิ่มหุ้น ได้ซัก 100 หุ้น แนะนำทีนะครับผม ขอบคุณมากครับ พี่ๆคนอื่นจะช่วยแนะนำก็ได้นะครับ จากคุณ : a - [ 7 ส.ค. 51 11:15:58 A:124.121.80.30 X: TicketID:073234 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาทักทายพี่ฉินจังคับ หลายๆอย่าง ที่พี่เขียน ตรงกับที่ตอนนี้คิดเลยคับ ขอบคุณมากคับ รออ่านอย่างใจจดจ่อ จากคุณ : เสี่ยวหลง - [ 7 ส.ค. 51 12:08:09 A:58.64.86.89 X: TicketID:123609 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มาอ่านต่อแล้วครับ คุณฉินจัง เล่าประสบการณ์ดีจังครับ เห็นด้วยกับพี่คนล่าห่าน และคุณ a ว่าค่อย ๆ เล่าไปก็ได้ครับ ได้อ่านละเอียด ได้ความรู้มาก อ้อ ลืมบอกไปว่า ผมปล่อยตัวประกันไปแล้วนะครับตั้งแต่วันก่อน ได้อยู่ใกล้ชิดกันแค่วันเดียวเอง เกือบอดใจไม่หวาย ........................................................................................ สวัสดีคุณ namit และคุณ a ด้วยครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ส.ค. 51 12:50:09 A:125.27.165.200 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 37 งั้นขอต่ออีกนิดละกัน เหลืออีกแค่สองเดือน จะได้จบปี ผ่านมา 10 เดือน เริ่มสงสัย เพราะเพิ่งได้ กสงฝ 10% เท่านั้นเอง ถึงแม้ว่ามันจะมากกว่าเงินฝาก และ เงินเฟ้อ แต่ถ้าหวังจะอยู่ได้ด้วย dsm ล่ะก็ อัตรานี้ทำกันนานแน่ๆ แล้วก็เหมือนมีปาฏิหาริย์ ส่ง TPI ลงมา จำไม่ได้แล้วครับว่ามันขายหุ้นเพิ่มทุน หรือ อะไรซักอย่าง แต่มันก็ทำให้ราคาลงมาจาก 13-14 บาท ลงมาเหลือ 7 บาทเท่านั้น อย่างนี้ก็ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม สิครับ กองหลัง ที่หลุดออกไปหลายชุด ก็สามารถเก็บคืนได้ทั้งหมด ตอนแรกรู้สึกประหลาดๆนะครับ เหมือนหลอกๆตัวเอง ยังไงไม่รู้ คือ อยู่ๆ หุ้นมันราคายุบลงมาเพราะ มันเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน คือจำนวนหุ้นมากขึ้น เราก็ซื้อคืน แล้วบอกว่า เราได้ กสงฝ เพียบเลย ทั้งที่หุ้นมันพื้นฐานไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างน้อยๆ สัดส่วนความเป็นเจ้าของ เงินปันผล และแม้แต่ความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของราคา มันเปลี่ยนไปหมดเลย TPI ตอนนั้น เลยอืดๆ ไปพอสมควร (แต่ก็ไม่เท่าตอนมาเป็น IRPC นะครับ พอเฮียปอ กินรวบไปซะ แทบเลิกเล่นเลยครับ นิ่งเงียบเป็นเ่ป่าสาก อยากให้ ประชัย กลับมาจริง สนุกสุดแสน) แต่พอกลับมามองตอนนี้ ผมว่านี่แหละข้อดีของ dsm คือ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง dsm รับได้หมด ตราบใดที่ หุ้นสามารถทำเงินให้เราได้ ราคาไหนเราก็ไม่เกี่ยง ตัวไหนก็เหมือนกัน ไม่แตกต่าง โยกตัวกันได้ซะอีกแน่ะ เดือน พย เลยเป็นเดือนพิเศษ ได้ กสงฝ เดือนเดียว 11.44% เดือน ธค ได้มาอีก 1% รวมแล้วปีแรก ผมทำ กสงฝ ได้ 22.25% ด้วยความฟลุคๆ งงๆ ถ้ารวมเงินปันผลด้วย จะได้ 23.79% ตอนนั้นก็ไม่รู้สึกมั่นใจอะไรมากขึ้นกับ dsm เลยนะครับ คิดแต่ว่าโชคดีที่ tpi มาให้โชคเอาตอนท้ายปี คิดแต่ว่ามันฟลุ้ค แล้วก็ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลย ทั้งที่พยายามอ่านเพิ่มเติมแล้ว อาจจะขี้เกียจคิดด้วย อันไหนดูเข้าใจยากก็ข้ามๆ สรุป แล้ว จบปีแรกด้วย dsm basic สำหรับขาลงอย่างเดียว กองหลังก็ทิ้งไว้กระจัดกระจายตามรายทางที่หุ้นขึ้นมา แผนก็ยังไม่ชัด หลายครั้งยังทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไงในสถานการณ์นั้นๆ แต่สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับหุ้นลดลง ความทุรนทุราย ในขาลง ความร้อนรน ตอนขาขึ้น ก็น้อยลง ที่สำคัญคือเลิก trading ไปอย่างถาวรเลยครับ มันทำใจเทรดไม่ได้อีกเลย เพราะเคยเล่นแบบที่ไม่มีความวิตกกังวลเร่าร้อนแล้ว ผมนึกไม่ออกว่า จะกลับไปนั่งลุ้นหุ้นขึ้น เสียวหุ้นลงอีกทำไมกัน ไม่เห็นมันจะมีความสุขตรงไหน ซื้อหุ้น day trade แล้วมันไม่มีแผนอะไรรองรับเลย ว่า ถ้าขึ้นจะทำยังไง ไปขายตรงไหน กำไรกี่ช่องดี ถ้าลงล่ะ คัทตรงไหน ที่สำคัญคือทำใจไม่ได้แล้วที่จะ คัท หุ้น ตัดขาดทุนไป เพราะพอใช้ dsm ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีคำว่าขาดทุนแล้ว มันกลับไปเล่นแบบเดิมไม่ได้อีกเลย อีกอย่างก็คือ เล่นเทรด ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า จะทำเงินรวมทั้งปีได้เท่ากับ dsm หรือเปล่า เพราะได้ทีละนิดๆ แต่เสียทีเป็นก้อนใหญ่ คืนกำไรและเงินต้นให้ตลาดไปหมด ---------------------------------------------------------------------------- พี่ a ครับ พี่ใหญ่ หรือ เฮียปอ เป็นหุ้นดีที่น่าสะสมครับ ปัญหาคือตัวมันใหญ่มาก ต้องใช้เงินเยอะทีเดียวถ้าจะทำ dsm ให้ได้ผล ถ้ามี 1000 หุ้น จะแบ่งขายทีละ 100 ก็ได้ครับ ผมก็ไม้ละ 100 เหมือนกัน ก็ทำตามสูตรเหมือนปกติเลย ไม่แตกต่างอะไร แต่ผมมีสถิติน่าสนใจนิดหน่อย คือว่า ผมมี ptt ประมาณ 20% ของมูลค่า port ตอนเริ่มต้น แต่มันทำ กสงฝ ให้ผมได้แค่ 5% ของ กสงฝ รวมทั้ง port เองครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยชำนาญกับทางของเฮียปอก็ได้เลยถูกมันหลอกให้ออกของบ่อย หุ้นหายอยู่บ่อยๆ อย่างที่พี่ a กังวลเป๊ะเลยครับ สรุปว่า หุ้นหาย อย่างที่พี่คาดไว้นั่นแหละครับ เพราะผมก็ไม่มีวิธีพิเศษอะไรกับตัวนี้ อย่างนึงที่ผมสังเกตคือ เฮียปอ ขึ้นลง ทีละรอบใหญ่ อาจจะดูเหมือนขึ้นลง ทีละมากๆ เนื่องจากราคามันสูง แต่ความหวือหวา จำนวนรอบในการเหวี่ยง สู้หุ้นตัวที่เล็กกว่าหลายๆตัวไม่ได้ แต่พี่ a จะทำก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ ถ้ามีหุ้นอยู่แล้ว ไม่ต้องถึงกับขายไปหาตัวอื่น หุ้นดีๆ มีอยู่ในพอร์ทอยู่แล้วจะขายทำไม แต่ถ้ายังไม่มีหุ้นเลย กำเงินจะเข้ามาซื้อเพื่อเริ่มต้นละก็ ผมแนะนำว่าให้เริ่มกับตัวอื่นก่อนดีกว่าครับ พอได้ กสงฝ แล้วค่อยเอาไปสะสม เฮียปอ ทีหลัง ถ้าให้แนะนำเป็นตัวหุ้นเลยละก็ คัดจาก 10 ตัวใน port ที่ผมคุ้นเคย ขอส่ง 3 อันดับ เข้าประกวด คือ itd tta pttar ครับ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า 3 ตัวนี้ดีที่สุดนะครับ ยังมีตัวอื่นๆ ที่พี่ๆท่านอื่นๆเล่นอยู่ เพียงแต่ผมไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง ผมคุ้นเฉพาะหุ้นที่ตัวเองมีเท่านั้นครับ -------------------------------------------------------------------------- คืนนี้ผมคงไม่ได้มาโพสต์เพิ่มนะครับ งานเข้าครับ ต้องไปทำงานเลี้ยงชีพอีกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้กลางวันจะเข้ามาใหม่ครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 7 ส.ค. 51 13:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 38 +++ ขอบคุณ คุณพี่ฉินจังมากครับ ที่แนะนำ ฟังจากที่คุณพี่ฉินจัง เล่ามา ก็ใช่เลย เฮีย ป. ตัวใหญ่ ขึ้นลงเป็นรอบๆ คงเก็บมันไว้อย่างเดิมดีก่า เอาไว้ สลับรอบ แล้วค่อยเอา เงินแฝงตัวอื่นมาซื้อดีก่า เนอะ ขอบคุณ คุณพี่ฉินจังมากครับ ไปหาตัวเล็กหน่อย และวูบวาบๆ แบบ ทีเด็ดก็น่าสนเนอะ จากคุณ : a - [ 7 ส.ค. 51 22:13:46 A:58.64.104.85 X: TicketID:073234 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับสำหรับวันนี้ อิอิ ตื่นเต้นดีจริง ๆ ครับ ... จากคุณ : ozzyii - [ 8 ส.ค. 51 08:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มารออ่านต่อครับ จากคุณ : Dearibo - [ 8 ส.ค. 51 09:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีครับ ผมชักเริ่มหมดมุขแล้วสิ เพิ่งจบปีแรกไปเอง เพราะว่า ปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 มันก็คล้ายๆกันน่ะครับ ลองมาดู กสงฝ รายเดือนของปีที่สอง 2006 ดู ่มกรา    1.44 % กุมภา    0.51 % มีนา      0.31 % เมษา    1.57 % พฤษภา 0.97 % มิถุนา    2.74 % กรกฎา   0.83 % สิงหา     0.65 % กันยา     0.72 % ตุลา       0% !!!! พฤศจิกา 0.29 % ธันวา      6.18 % จะเห็นได้ว่า แต่ละเดือน ก็ได้ กสงฝ มากน้อย แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะน้อย คือ ต่ำกว่า 1% มี 0% ด้วย ตอนเดือนตุลา น่าจะเพราะหุ้นขึ้น เดือนที่ได้มากๆ เช่น เดือนมิถุนา และเดือนธันวา ก็คือเดือนที่หุ้นลงหนักๆ สังเกตได้ว่าการบ้านของผมแต่ละเดือนก็แทบไม่ได้แตกต่างจากทุกๆคนเลยนะครับ ส่วนใหญ่ น้อยกว่า 1% ทั้งนั้น ปีนี้ 11 เดือนแรก ได้ กสงฝ น้อยกว่าปีที่แล้วมาก ตอนแรกก็กังวลใจ เพราะปีที่แล้ว ถ้าไม่นับ TPI ก็ได้ กสงฝ ไม่เท่าไหร่เช่นกัน ทำให้รู้สึกว่า เอ๊ะ สองปีผ่านไปแล้ว ตกลงมันได้เรื่องจริงรึเปล่าเนี่ย DSM แต่ตอนนั้นผมก็นึกไม่ออกนะครับ ว่าเราทำอะไรผิดพลาดตรงไหนบ้าง มันถึงไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง แต่ถามว่าคิดจะเลิกมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่เลิกแน่นอน เพราะ วิธีนี้มันสบายมากๆ worry-free ในทุกๆสถานการณ์ แล้วก็ได้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ แม้จะไม่สูงเท่ากับ benchmark ที่ท่านเจ้าสำนักทำไว้ก็ตาม พอถึงเดือนธันวาคม ผมวางแผนลางาน 1 อาทิตย์ เพื่อไปอยู่วัด แถวคลอง 14 อยู่ไป 3 วัน การปฏิบัติธรรม ก็กำลังก้าวหน้าไปเป็นลำดับ จนถึงเช้าวันที่ 4 โบรกเกอร์ ก็โทรเข้ามาบอกว่า พี่ โลกจะแตกแล้วหนีตายเร็ว เหตุการณ์ครั้งนั้นที่เราขนานนามกันในภายหลังว่า อุ๋ย 100 จุด ปรากฏว่าผมทนเสียงปี่รบเสียงกลองศึกมันเรียกร้องไม่ไหว เก็บข้าวเก็บของ ไปกราบลาพระอาจารย์ บอกท่านว่าต้องรีบกลับ อยู่ครบ 7 วันไม่ได้แล้ว บ่ายนั้น เข้าประจำการที่หน้าจอ เคาะหุ้นอย่างสนุกสนาน ทั้งซื้อ ทั้งขาย ใบ confirm วันนั้นวันเดียว ต้องพิมพ์ถึง 2 หน้า ไม่น่าเชื่อว่า ในวันเดียว จะได้กลับลงไปเก็บกองหลังไม้ต่ำๆกลับมาได้เกือบครบ ปัญหาก็คือ เงินไม่พอซื้อครับ พอสรุปยอดซื้อสุทธิ ปรากฏว่าเกินยอดเงินสดในบัญชีไปโขทีเดียว จนต้องใช้เงินสดจากที่อื่นมาเพิ่มทุน สาเหตุสำคัญก็มาจาก เอาเงินกองหลัง ไม้ต่ำๆทั้งหลายที่ไม่คิดว่าจะซื้อได้แล้ว ไปซื้อหุ้นเพิ่มที่ราคาสูงๆซะหมด พอหุ้นมันกลับลงมาเร็วอย่างนึกไม่ถึง ก็เลยไม่มีเงินซื้อคืน ปัญหาจากการเล่นขาขึ้นที่ไม่ถูกต้อง ที่ทยอยสะสมมาเกือบสองปี มาแผลงฤทธิ์เอาในวันเดียวนี่แหละครับ ยังดีที่ยังพอมีเงินสดให้มาเพิ่มทุนได้บ้าง ไม่อย่างนั้นล่ะ เสียโอกาสซื้อไปหลายเลยเชียว สรุป ผลงานปีที่ 2 กสงฝ 16% กว่าๆ ปันผลอีกเกือบ 3% กสงฝ ลดลงจากปีแรก แต่ได้ปันผลเพิ่มขึ้น ขยายหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 2 ตัว คือ ple และ pttep (ตัวนี้รักชอบกันมานานแต่สมัย 500-600 ซื้อไม่ไหว ต้องรอจนแตกพาร์ถึงไปขอ) หุ้นที่ขยายเพิ่มก็คงเป็นสาเหตุส่วนนึงที่ทำให้เงินชอร์ตด้วย ตอนนั้นเวลาซื้อหุ้นเพิ่มก็ไม่นึกอะไรเลย พอเงินสดเยอะหน่อยก็เริ่มคันแล้ว แล้วพอซื้อเพิ่มแล้ว ราคาก็มักจะลงทุกที สามปีครึ่งผ่านไป เพิ่งจะรู้สึกตัว คิดแก้ไข ไม่ได้เรื่องจริงๆ จากคุณ : ฉินจัง - [ 8 ส.ค. 51 15:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไล่รายปีเลยแล้วกันนะครับ ปี 2007 ไม่รู้จะเล่าอะไร หุ้นขึ้นเกือบทั้งปี มกรา    1.31 % กุมภา    0.19 % มีนา      0.38 % เมษา     0 % !!! พฤษภา 0.27 % มิถุนา    0.26 % กรกฎา   0.27 % สิงหา     4.24 % กันยา     0 % !!!! ตุลา       0.79 % พฤศจิกา 2.75 % ธันวา      1.07 % ปีนี้ได้กสงฝ น้อยลงมาก เนื่องจากหุ้นขึ้นเกือบตลอดปี แต่ได้ปันผลมากกว่าปีแรกเกิน 100% นอกจากซื้อหุ้นเดิมเพิ่มเติมช่วงขาขึ้นแล้ว (ซึ่งมักจะซื้อที่ยอดดอย) ปีนี้เพิ่ม ap เข้า port มาอีก 1 ตัว เช่นเคย มาจากเงินมาจากเงินกองหลัง นอกจากหุ้นจะขึ้นแล้ว ยังเป็นปีที่งานยุ่ง ทำให้มีเวลาดูหุ้นน้อยมาก ผลก็เป็นอย่างที่เห็น คือ รวมทั้งปีได้ประมาณ 11.5% รวมปันผลด้วย 15% ตอนแรกหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ปลายปีแบบสองปีแรกอีก แต่ปีนี้ไม่มีอะไรเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ กสงฝ มากๆอย่างที่คาดไว้ จากคุณ : ฉินจัง - [ 8 ส.ค. 51 16:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แต่การที่ปี 2007 หุ้นไม่ลงแรงๆ ให้เก็บ กสงฝ ทำให้ปีที่แล้วเป็นปีที่สร้างฐานข้อมูลทิ้งไว้เยอะมาก พอมาถึงปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ต่างชาติทุบตลาดอย่างหนัก ฐานข้อมูลที่เคยสร้างเอาไว้ ก็เริ่มแสดงผล มกรา    7.86 % กุมภา    0.78 % มีนา      0.02 % เมษา     0.46 % พฤษภา 2.54 % มิถุนา    6.92 % กรกฎา   4.79 % 7 เดือนแรกของปีนี้ กสงฝ รวมเกิน 23% ไปแล้วครับ แต่ว่าก่อนหน้านี้แทบไม่ได้ดูย้อนหลังรายเดือนเลยนะครับ การบ้านก็ไม่เคยส่ง แต่พอผลงานดี ก็เลยทำย้อนหลังรายเดือนส่งซะหน่อย ถึงได้สังเกตว่า เออ ปีนี้เป็นปีมหัศจรรย์แฮะ จนเป็นเหตุให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมานี่แหละครับ ส่วนนึงนอกจากปีนี้ต่างชาติจะถล่มขายจนหุ้นไทยลงไปกองกับพื้นแล้ว อีกส่วนนึงที่เป็นองค์ประกอบสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ฐานข้อมูล ครับ ปีนี้หลายๆคนคงพบเจอสิ่งเดียวกันคือ เราไม่ได้ซื้อคืนเฉพาะหุ้นที่เคยขายไปเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น แต่เรายังไปตามเก็บหุ้นที่เคยขายไป เมื่อ 2-3 ปีก่อนได้อีกด้วย นี่แหละครับที่ทำให้ผม มั่นใจใน dsm อย่างเต็มร้อย จนต้องมาเขียนเล่าให้ฟังกัน เพราะว่า สิ่งที่เราทำ ก็คือ สร้างฐานข้อมูล เอาไว้เรื่อยๆ มันอาจจะยังไม่สร้างรายได้ให้เราในทันทีทันใด แต่ในวันใดวันนึงมันจะกลับมาทำประโยชน์ให้เราอย่างเป็นกอบเป็นกำ ลองนึกถึง excel ที่มีช่องโหว่ให้รอ match เป็น 10 เป็น 100 ช่อง สิครับ ถ้าเรามีข้อมูลตรงนั้น คราวนี้หุ้นจะขยับตรงไหน ก็เป็น กสงฝ ไปซะทั้งหมด เทียบกับ ถ้าเรา กลัวๆ กล้าๆ ไม่เคยขายเอาไว้เลย แล้วจะไปสร้าง กสงฝ ขึ้นมาได้ยังไง ยิ่ง ฐานข้อมูลย้อนหลังยิ่งมาก วันหนึ่งมันก็จะกลับมาเป็นประโยชน์กับเรา เงินสด ไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้ฉันใด การถือหุ้นเอาไว้เต็มมือ ก็ไม่เคยสร้างรายได้ให้เราฉันนั้น ถือหุ้นเอาไว้เฉยๆ ก็มีแค่มูลค่าพอร์ท เวลามันลง บอกว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน ตอนมันขึ้นก็เหมือนกันนะครับ ไม่ขายไม่กำไร มีแค่มูลค่าพอร์ทที่เพิ่มขึ้น แล้วทำอย่างไร ถึงจะมีฐานข้อมูลมากๆ ก็ต้องขายสิครับ แต่ไม่ใช่ชวนให้ขายสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะหลักการขายมีอยู่แล้ว นั่นคือ ลงขาย ขึ้นซื้อ ซื้อให้ถูกกว่าขาย ได้กสงฝมา ซื้อเพิ่ม อย่าโฟกัสเฉพาะ กสงฝ นะครับ อย่าลืมว่าเป้่าหมายเราคือการสะสมหุ้น กสงฝ เป็น หนทางไปสู่การสะสมหุ้นเพิ่มเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 51 16:14:18 จากคุณ : ฉินจัง - [ 8 ส.ค. 51 17:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จริงๆ ยังมีเรื่อง 1% อีกเรื่องที่ยังไม่ได้พูดถึง เอาซะหน่อยก็ได้ ผมเข้าใจครับว่า ขาย 1% เป็นเรื่องทำยาก เพราะบางทีมันไม่ค่อยคุ้มค่าโบรก โดยเฉพาะที่ต้องจ่ายขั้นต่ำ 50 บาท แต่ถ้าวันนึง port ใหญ่ขึ้น จนสามารถทำได้แล้วล่ะก็ น่าพิจารณามากๆครับ เพราะ 1% ช่วยหลายอย่างครับ ทำให้เราไม่เสียหุ้นมากเกินไปในขาขึ้น ทำให้มีอะไรทำ ในช่วงหุ้น sideway โดยเฉพาะจะได้มีอะไรทำในวันน่าเบื่อ อย่างวันที่หุ้นขึ้น 555 นอกจากนี้ยังช่วยลดความคันมืออยากขาย 10% ตอนที่หุ้นขึ้นไปยังไม่ถึง 15 ช่องแล้วย่อลงมาด้วย เพราะหลายครั้ง เรามักจะเสียหุ้นดีๆ ไปในขาขึ้นเวลามันย่อลงมาระหว่างทาง ผมก็กำลังจะลองเริ่มทำจริงๆจังๆ กับหุ้นบางตัวที่พอจะทำได้ คราวนี้จะได้มีแผนครบทั้งสามกาลซะที ไม่ว่าจะขึ้น จะลง หรือ sideway จากคุณ : ฉินจัง - [ 8 ส.ค. 51 17:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สรุปครับ รวบรัดจบ หมดมุขแล้ว ผมพบว่า อะไรที่ง่ายๆ เบสิคๆ ดีที่สุด ขาลงขาย ขาขึ้นซื้อ ซื้อถูกกว่าขาย ได้ กสงฝ มาก็สะสมหุ้นเพิ่ม ทำบัญชีให้ละเอียด แต่ให้ชัดเจน และดูง่ายๆ (ของผมต้องรื้อบัญชีใหม่เหมือนกันครับ ของเก่าห่วยมาก) แล้วบัญชีจะควบคุมระบบของเราให้เดินหน้าไปได้เอง ฝึกขายที่บิด ซื้อที่ offer อย่าไปกลัวซื้อคืนไม่ได้ครับ ตราบใดที่เราทำการซื้อขายตามแผน ฐานข้อมูลจะเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลในระยะยาว เพราะกรอบเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดคือเครื่องมืออันล้ำค่าของ DSMer จงใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ครับ -------------------------------------------------------------------------------- ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ ขอให้สนุกกับการลงทุน จากคุณ : ฉินจัง - [ 8 ส.ค. 51 17:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาลงชื่ออ่านจบคนแรกครับ ^^ จากคุณ : wasansem - [ 8 ส.ค. 51 18:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ลงชื่อเป็นคนที่ 2 ครับ ถามอะไรอย่างนะครับ การที่เรามีฐานข้อมูลอยู่มาก นั่นก็หมายความว่า เราได้ทำการขายไประหว่างทางมาก พอหุ้นขึ้นใหม่ เราก็เงินที่ขายไปแล้วมาซื้อหุ้นตอนหุ้นขึ้น ทีนี้ ถ้าตลาดเกิด panic ขึ้นมา จนราคาร่วงไปต่ำกว่าราคาที่เราขายขึ้นมา จะเกิดปัญหาเรื่องไม่มีเงินทุนพอที่จะซื้อกลับ ถ้าเรายังมีเงินเหลือก็ดีไป หรือไม่ก็เพิ่มทุนอย่างที่คุณฉินจังทำ แต่ถ้าไม่มี คงจะเสียโอกาสน่าดูเลยนะครับ จากคุณ : Dearibo - [ 8 ส.ค. 51 21:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านจบเป็นคนที่ 3 ครับ ขอบคุณพี่ฉินจังมากนะครับ เห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้นทีเดียว ได้ประโยชน์จากที่พี่เขียนเยอะแยะไปหมด จริงๆ ผมก็คิดบางอย่างคล้ายๆ พี่  ก็คือคิดจะเอา กสงฝ ทั้งหมดมาซื้อหุ้นเพิ่ม ส่วนการถอนทุนคืน หรือการดึงเงินกลับ หรือคลายเครียดเรโช ผมจะรอเอาจากเงินปันผล อนุโมทนาในวิทยาทานครับ ขอให้ผลบุญนี้ทำให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับ _/|\_ จากคุณ : อนาคต - [ 9 ส.ค. 51 00:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณพี่ฉินจัง สำหรับบทเรียนทั้งหมดครับ ช่วยให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างเลยครับ ... จากคุณ : ozzyii - [ 9 ส.ค. 51 09:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามที่คุณ Dearibo ถามปัญหาเรื่องเงินซื้อคืนไม่พอ ถ้าเรามีการแบ่งเงินแฝงตามแผน คือ 50% เพิ่มหุ้น 25% ค่าใช้จ่าย 25% เงินสำรอง หรือถ้าใครอยากเพิ่มหุ้นให้มากๆ อาจจะเปลี่ยนเป็น 75% เพิ่มหุ้น 25% เงินสำรอง เวลาหุ้นตกแรงๆ เหมือนปัจจุบัน หรือ ปฎิวัติ หรือ อุ้ย 100 จุด ผมคิดว่า เงินสำรอง 25% จะเข้ามาแก้ปัญหานี่ได้ครับ แต่ก็ขึ้นกับเวลาที่เราสะสมเงินแฝง และฐานข้อมูล ยิ่งทั้งสองมากเท่าไร ก็จะเกิดผลลัพธ์ที่มากขึ้นเท่านั้น ดูจากที่คุณฉินจังเล่ามา เราจะมีช่วงเวลาอย่างนั้นปีละครั้ง ขอเพียงเรารอให้ถึงเวลานั้นก็เพียงพอแล้วครับ จากคุณ : wasansem - [ 9 ส.ค. 51 10:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านจบแล้วทำให้มองภาพของdsmชัดเจนขึ้น ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : แม่อริน - [ 9 ส.ค. 51 10:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ ได้ฟังประสบการณ์แล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกครับ จะรออ่าน season 2 อย่างกระวนกระวายใจ นะกั๊บ .......................................................................................... ขออนุญาต comment นิดนึงครับ ปีที่เงินแฝงน้อย หุ้นขึ้นเยอะ อย่างปี 2007 อาจมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นมาก ซ่อนอยู่ในพอร์ต กระมังครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 9 ส.ค. 51 11:00:33 A:125.27.166.42 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณพี่ฉินจังมากครับ... (อ่านจบคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ คิดว่ามีคนใต้โต๊ะหลายคนอ่านจบก่อนผม อิอิ ) อ่านแล้วได้รู้ว่า ผมก็ได้ทำเหมือนๆ พี่หลายอย่าง (ดีใจจัง ) แต่ที่ผมยังทำได้ไม่ดีพอน่าจะเป็นระบบบัญชีครับ ถ้าเป็นไปได้ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ........ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 51 15:41:18 จากคุณ : ยิปซีร่อนเร่ - [ 9 ส.ค. 51 15:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบพี่ a คคห 38 ครับ ptt มีไว้ใน port ดีแล้วครับ แต่ถึงไม่ได้ทำ dsm ก็อย่าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆนะครับ พยายามลดต้นทุนมันลง ในระหว่างทางด้วย จะใช้สไตล์ไหนก็ได้ครับ ห่านทองคำ หรือ คลายเครียดเรโช แล้วแต่จะเรียก พยายามคงจำนวนหุ้นไว้ให้เท่าเดิม หรือ ค่อยๆเพิ่มขึ้น แต่อย่าขายทิ้งจนหุ้นลดลงนะครับ ถือหุ้น หุ้นสร้างรายได้ให้เรา ขายทิ้งไป ถือเงินสด ไม่เกิดประโยชน์ครับ เดี๋ยวก็ต้องคันมือ เอาเงินกลับมาซื้อหุ้นในตลาดอีกอยู่ดี --------------------------------------------------------------------------------- ตอบพี่ยิปซี คคห 16 เรื่องบัญชี ผมกำลังจะเพิ่มเติมของตัวเองแบบนี้ครับ must have แน่นอนอยู่แล้วคือ sheet แสดงรายการซื้อขายของหุ้นแต่ละตัว อีกอย่างที่มีอยู่แล้ว คือ เงินสดคงเหลือในมือ และ ช่อง balance เงินสดรายวัน กสงฝ รายวัน (อันนี้มีอยู่แล้ว) ที่ต้องเพิ่มก็คือ กสงฝคงเหลือ กับ ช่อง balance กสงฝ ในกรณีที่ใช้กสงฝ ซื้อหุ้นเพิ่ม ถ้าอยากให้ละเอียดกว่านั้น ก็เพิ่มเงินสดกองหลังเข้าไปอีกช่องก็ได้ครับ สำหรับผมคงทำแค่นี้ก่อน ทั้งหมดทำง่ายๆด้วย excel ครับ แล้วลงบัญชีด้วย manual เอา ขี้เกียจผูกสูตร เขียนอะไรให้วุ่นวายครับ --------------------------------------------------------------------------------- ตอบคุณ dearibo คคห 47 ครับ การซื้อขายที่ปิด match ไปแล้ว ก็เป็นข้อมูลประกอบเอาไว้ดูย้อนหลังได้ครับ แต่ฐานข้อมูลเก่าที่ผมพูด ผมหมายถึง order การขายที่เปิด open เอาไว้รอการ match น่ะครับ ยิ่งทำมานานจะยิ่งมีส่วนนี้มากขึ้น มันเหมือนการวางหมาก หรือวางค่ายกลน่ะครับ คราวนี้หุ้นจะเคลื่อนไหว ตรงไหน อย่างไร เราก็มีหมากที่วางไว้รับหมดแล้ว ถึงวันนั้นจะคีย์กันจนเมื่อยมือเลยล่ะครับ ในวันที่หุ้น active มากๆ ส่วนที่บอกว่า วันที่หุ้น panic แล้วจะเก็บคืนไม่ได้ ถ้าทำตาม basic จริงๆจะไม่มีวันเกิดปัญหานี้ครับ เพราะเวลาเราซื้อหุ้น ตัวที่เป็นกองหลัง เราก็ใช้เงินกองหลังมาซื้อ ซึ่งเงินก้อนนี้ต้องมีอยู่แล้วจากการขายกองหลังทิ้งเอาไว้ ส่วนการซื้อเพิ่ม เราจะใช้เฉพาะ กสงฝ มาซื้อเพิ่มเท่านั้นครับ ปัญหาไม่มีเงินซื้อคืน จะเกิดขึ้น ก็เพราะเราเอาเงินกองหลัง บุกกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มเข้าน่ะครับ พอมัน panic ลงมา เงินจะขาดมือ แต่ถ้าเงินเราทำหน้าที่ของมันดีอยู่ คือกองหลังก็คือกองหลัง ไม่โหมบุกไปเล่นหน้า หลังเราก็จะไม่รั่วครับ พอคู่ต่อสู้ ตีโต้กลับมา เราก็ยังมีกองหลังเราตรึงกำลังไว้รับอย่างเหนียวแน่น ------------------------------------------------------------------------------ สาธุ ครับพี่อนาคต ถ้าให้เจริญก้าวหน้าจริงสมกับที่พี่อวยพร ผมของเจริญทางธรรมอย่างเดียวก็พอครับ ทางโลกผมไม่ค่อยสนเท่าไหร่ ที่ทำ dsm นี่ก็เพื่อจะได้ยุ่งวุ่นวายกับทางโลกให้น้อยลงน่ะครับ ชีวิตนี้ผมมีโอกาสดีมากๆ ทางโลกก็ได้มาเจอ dsm เรียกว่าแทบจะหมดภาระทางโลกกันไปเลย ก็เหลือแต่การภาวนาครับ ที่ค่อยๆก้าวเดินไปทีละน้อย วันนึงก็คงจะถึงวันที่สิ้นธุระเหมือนกัน --------------------------------------------------------------------------------- ของพี่ wasansem พูดรวมอยู่กับของพี่ dearibo ไปแล้วครับ ถ้ากองหลังไม่ทะลึ่งบุกไปยิงประตู ไม่มีวันที่เงินจะช้อตครับ --------------------------------------------------------------------------------- พี่ดอกไม้ครับ ไม่รู้เหมือนกันครับว่าหุ้นเพิ่มขึ้นรึเปล่า แต่จากนี้ไป ผมจะทำรายงานเรื่องจำนวนหุ้นด้วย และแนะนำว่า เวลาส่งการบ้าน ควรส่งเรื่องจำนวนหุ้นด้วยครับ ใช้แบบคุณเด่นศรีทำก็ได้ คือ Z+? หรือ Z-? จะได้ไม่ต้องลงจำนวนที่แท้จริง หรือง่ายกว่านั้น เขียนเป็น % ก็ได้ ดีกว่าอีก เช่น 120% หรือ 80% เทียบกับวันอ้างอิงเริ่มต้น season 2 จะมีรึเปล่าก็ไม่รู้ครับ ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่ถ้า ปิ๊งอะไรใหม่ๆ หรือ เข้าใจอะไรเพิ่มเติม จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ ตอนนี้ก็แทบไม่มีอะไรแล้ว วันๆ ก็ทำไปตามแผนเรื่อยๆ เข้าขั้นน่าเบื่อเข้าไปทุกทีครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 9 ส.ค. 51 15:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณพี่เสี่ยวหลง พี่ a พี่loaw พี่ห่าน พี่หมอ oz พี่ยิปซี ลุงโนะ พี่ดอกไม้ พี่แมลงเม่าทนไฟ พี่ Eiji พี่จอนฟอน namit พี่ตั๋ง แม่อริน พี่ wasansem คุณ dearibo พี่อนาคต ที่มาช่วยกันคุยครับ รวมถึงทุกท่านที่แอบอ่านอยู่ใต้โต๊ะด้วยนะครับ หวังว่าการขี้โม้ของผมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านนะครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 9 ส.ค. 51 16:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณ พี่ฉินจัง มากๆครับ ออกจากใต้โต๊ะ มาขอบคุณครับ ^_^" .................................................. จากคุณ : กำไรสุทธิ - [ 9 ส.ค. 51 16:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณ คุณพี่ฉินจัง มากๆครับ ออกจากใต้โต๊ะ มาขอบคุณครับ ^_^" .................................................... อิอิ  ลอกคุณพี่กำไรสุทธิซะเลย.... จากคุณ : คนล่าห่าน (คนล่าห่าน) - [ 9 ส.ค. 51 23:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 กลับมาอ่านอีกครั้ง ยอดเยี่ยมมากเลยครับ (o^-^)b แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 10:09:06 จากคุณ : wasansem - [ 10 ส.ค. 51 09:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 vbvb ยกนิ้วอีกคนครับ ... จากคุณ : ozzyii - [ 10 ส.ค. 51 20:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ออกมาจากใต้เตียงเพราะชอบเข้ามาดูน้องคนจน อิอิ กระทู้พี่ดีมากๆเลย หนทางหมื่นไมล์ เริ่มจากก้าวแรก ผมรู้สึกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้ มักจะมีบุคลิกคล้ายๆแบบนี้นะ จากคุณ : Way Back ฯ - [ 11 ส.ค. 51 09:31:51 A:124.120.84.153 X: TicketID:170540 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โห.. เจอสามวันนี้ขึ้นๆลงๆ งงจริงๆ... เด๋วมาอ่านใหม่... จากคุณ : namit - [ 11 ส.ค. 51 10:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง    สำหรับความมีน้ำใจของคุณพี่ฉินจังต่อกระทู้นี้ ไม่อาจที่จะกล่าวคำคำใด เพือแสดงให้รับทราบถึงความซาบซึ้งและประทับใจ   แบบว่าหากันไม่ได้ ง่ายๆเลย    และรู้สึกว่า "นี้แหละ  1 ในคน 3% " แต่มันก็ไม่ได้ง่ายที่ใครจะสามารถลดตัวตนได้มากถึงขนาดนี้ได้  เพื่อสนองต่อเจตจำนงอันแรงกล้า ที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ ที่่ความชัดเจน ทั้งแน่วแน่บนเส้นทางสายเล็กๆและแคบ ๆมากสายนี้  ขอแสดงความยินดีและขอขอบคุณอีกคร้้งครับ จากคุณ : nuser (nuser) - [ วันแม่แห่งชาติ 18:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอมาปิดท้ายด้วยคนครับ นี่แหละครับ เคล็ดไม่ลับของ DSM .... ความอดทน ... บวกกับน้องวินัย ... มันสำคัญกว่าสิ่งที่พวกเรามานั่งหาอยู่ทุกวันว่าจะซื้อจุดไหนดีที่จะถูกจังหวะ หรือขายตรงไหนดี แม้แต่ว่าจะซื้อคืนยังไงดี ....................... จากคุณ : loaw - [ วันแม่แห่งชาติ 21:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรียนคุณพี่ nuser คุณพี่เล่นซะผมเขินเลยครับ จริงๆผมยังไม่รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จกับ dsm นะครับ เมื่อก่อนผมอ่านกระทู้เวลาใครต่อใครคุยกันแล้วก็รู้สึกว่า เราไม่รู้จะคุยอะไรกับเค้า ตอบอะไรก็ไม่ได้ ไม่เข้าใจอะไรที่มันดูลึกซึ้ง หรือที่มันยากๆเลย ส่วนใหญ่ก็เลยได้แต่แอบอ่านอยู่ใต้โต๊ะ แต่ก็อยู่กับตลาดมาตลอดไม่เคยทิ้ง จนเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ที่อยู่ๆ มันก็เหมือนปิ๊งขึ้นมา คือจากความรู้สึกเฉยๆ เรื่อยๆ อยู่ๆมันก็มั่นใจในแนวทาง dsm ขึ้นมาอย่างเต็มที่น่ะครับ ก็เลยรู้สึกว่าอยากเขียนเล่าให้คนอื่นๆฟังบ้าง เพราะผมรู้สึกว่าบางทีคนใหม่ๆ เข้ามาจะรู้สึกเคว้งๆ ไม่แน่ใจว่าจะไปรอดรึเปล่า ก็เลยเกิดเป็นกระทู้นี้ขึ้นมา แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมนะครับ ว่ายังไม่รู้สึกว่าประสบความสำเร็จ เพียงแค่รู้สึกว่ามั่นใจว่ามันจะไปได้ตลอดรอดฝั่งเท่านั้นเอง ก็เลยคิดว่าประสบการณ์ของเราคงจะมีประโยชน์กับท่านอื่นๆบ้าง อีกอย่างนึงที่จะบอกก็คือ เขียนกระทู้แบบนี้ ไม่ค่อยลดตัวตนหรอกครับ ยิ่งเสริมอัตตาซะด้วยซ้ำ มีทั้ง ตัวเรา กับ ของเรา เต็มไปหมดเลย แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ผมชอบจริงๆ ดึงคนออกมาจากใต้โต๊ะได้เนี่ย อิอิ จากคุณ : ฉินจัง - [ วันแม่แห่งชาติ 23:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มา up กระทู้ ขออนุญาตส่ง link ไปห้องใหญ่นะครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6888044/I6888044.html แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 21:18:37 จากคุณ : Mr.Eiji - [ 13 ส.ค. 51 21:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยอดเยี่ยมเลยครับ และยินดีด้วยกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก้าวแรกครับ จากคุณ : smokerfield - [ 14 ส.ค. 51 02:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณมากครับพี่ฉินจัง สำหรับประสบการณ์ดีๆที่นำมากเล่าให้ฟังทำให้มือใหม่อย่างผมมีกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะเลย   ว่างมากเล่าให้ฟังอีกนะครับจะรอติดตาม จากคุณ : ช่างทำแว่น - [ 14 ส.ค. 51 15:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 68 แปลกนะครับ ไม่มีคนเข้ามาอย่างที่คิดไว้ หรือหัวข้อผมไม่น่าสนใจ???? หรือพวกเขาต้องการวิธีที่สำเร็จรูปกว่านี้  รวยเร็วกว่านี้???? หรือไม่มีใครเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเลย สมัยนี้???? ผมว่าคุณฉินจังเขียนเล่าประสบการณ์และวิธีแก้เกมส์ได้ดีนะครับ อ่านง่าย และสามารถทำตามได้สะดวก โฆษณามากกว่านี้ เดี๋ยวจะหาว่าเป็นหหน้าม้า เฮ้อออออออออ......................... จากคุณ : Mr.Eiji - [ 14 ส.ค. 51 21:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมว่าหลายคนที่เข้ามาแล้วไม่ได้โพส อาจจะเป็นเพราะงงๆ อยู่เหมือนผมก็ได้ครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยลงทุนกับหุ้นสักที เลยได้แต่อ่านไปเรื่อยจนจบก็ยังไม่รู้อะไรอยู่ดี สงสัยผมต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมพื้นฐานซะหน่อยแล้ว แล้วค่อยกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกที :D จากคุณ : nicknak - [ 15 ส.ค. 51 00:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สันนิษฐานครับพี่ Eiji 1. ช่วงนี้กระทู้ห้องใหญ่เยอะมาก อ่านผ่านๆ ถ้าไม่สะดุดตา ก็จะไม่มีคนคลิกเปิดอ่าน 2. ผมอ่านชื่อกระทู้แล้วรู้สึกเหมือนจะถูกหลอกให้มาอ่าน คล้ายๆ ทำงานผ่านเน็ต เดือนละ 5000-50000 ประมาณนั้นครับ 3. ถึงเข้ามาอ่านแล้วก็คงงงๆ เหมือนคุณ nicknak ว่า เพราะว่าผมเขียนสำหรับคนที่รู้จักและเคยศึกษา พอมีพื้นฐาน dsm อยู่บ้าง เพราะว่าผมไม่ได้ลงรายละเอียดเลยว่า dsm ทำยังไง ขายยังไง ซื้อยังไง concept หลักการพื้นฐานเป็นยังไง เพราะมีเป้าหมายต้องการให้ คนใหม่ๆที่ได้ศึกษามาบ้างแล้ว อ่านแล้วมีกำลังใจเดิน เท่านั้นเองครับ ไอ้ครั้นจะเขียนพื้นฐานใหม่หมดเลย ก็จะยาวมากๆ แน่ๆ ผมก็ขี้เกียจด้วย เอาว่าถ้าใครอ่านแล้ว ไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าสนใจจะศึกษา ลองเข้าไปถามในกระทู้ เฮฮารายวัน ในคลับอิสรภาพทางการเงินดูนะครับ พี่ๆทุกคนยินดีตอบคำถามอยู่แล้ว ตอนที่เห็นพี่ Eiji เอาlink ไปแปะห้องใหญ่ ผมก็นึกว่างานจะเข้าซะแล้ว เล่น pantip มาสิบกว่าปี นึกว่าจะได้เกิดก็งานนี้แหละ 5555 --------------------------------------------------------------------------------- ขอบคุณพี่ smokerfield กับพี่ ช่างทำแว่น ที่แวะเข้ามาครับ ไม่ได้เห็นชื่อพี่ๆนานเลย จากคุณ : ฉินจัง - [ 15 ส.ค. 51 14:39:14 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มาแอบปั่นกระทู้ตัวเองครับ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านกระทู้เก่าๆ กับไดอารี่ กระทู้เก่าบางอัน ผมก็เพิ่งเคยอ่านเป็นครั้งแรก และแล้วผมก็ได้ ปิ๊ง กับบางสิ่งบางอย่าง ที่เมื่อก่อนผมก็นึกว่าผมเข้าใจมันดีอยู่แล้ว แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลยครับ ผมแค่คิดเอาเองว่าผมเข้าใจ แต่มันไม่ได้ เข้า ไปใน ใจ ผมจริงๆ ก็เลยมาอ่านทบทวนสิ่งที่เคยเขียนไปครับ ว่าสิ่งที่เข้าใจใหม่นี้ ทำให้ของเก่าที่เคยเขียนไว้ ผิด ไปหรือเปล่า ก็พบว่า ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ แค่เข้าใจบางอย่างมากขึ้นเท่านั้นเอง หลักการยังคงเดิม ขาลง ขาย ขาขึ้น ซื้อ ซื้อให้ถูกกว่าขาย ได้ กสงฝ มา ซื้อหุ้นเพิ่ม เงินกองหลัง อย่าไปยุ่งกับมัน จนกว่าหุ้นจะเหลือน้อยลงจนเหลือ 10-20% ระยะเวลา และฐานข้อมูล จะเป็นขุมทรัพย์มหาศาลในอนาคต ทั้งหมดควบคุมด้วยระบบบัญชีอย่างรัดกุม จากคุณ : ฉินจัง - [ 17 ส.ค. 51 15:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ถามพี่ฉินจังครับ จากคุณ : จอนฟอน - [ 17 ส.ค. 51 20:03:43 ]