ความคิดเห็นที่ 1 ตามเครื่องหมายปรัศนีย์มาค่ะเฮียเอ็นโด น่าสนใจ และคงค้างคาใจใครอีกหลายคน ขออนุญาตตีตั๋วรอฟังด้วยคนนะคะ จากคุณ : มยุรกาญจน์ - [ 14 ส.ค. 51 09:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงครับ  คนเรามันเชี่ยวผิดกันว๊อยยยยยยย ทางใครก็ทางมัน   จะให้เชี่ยวเหมือนเฮียเคลี่ คงยากลำบากมากสำหรับชีวิตนี้ เพราะนั่งเฝ้าจอทั้งวันและทุกวัน จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ 14 ส.ค. 51 09:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คงต้องเริ่มจากคำถามที่ว่า ทำไม  คนส่วนใหญ่ในสังคม  ยังมองตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน และมองนักลงทุนในตลาดหุ้น  เป็นคนที่เดินเข้าบ่อนการพนัน ผมคิดว่า   มันเป็นทัศนคติ ที่ได้มาจากสภาพแวดล้อมที่คนทั่วไปได้เห็นและได้รับรู้มา ไม่ว่าจากปากต่อปาก  หรือจากการพบเห็นด้วยตัวเอง ทัศนคติด้านลบต่อนักลงทุนในตลาดหุ้น   น่าจะแบ่งได้เป็น ทัศนคติระดับมหภาคและระดับจุลภาค ๑ ทัศนคติระดับมหภาค มาจากคนในสังคมโดยรวม ซึ่งอาจจะไม่ได้ประสพพบเห็นด้วยตัวเอง  แต่ได้รับรู้ต่อๆกันมา อย่างเช่นคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย   พอถามถึงอาชีพของเรา พอเราตอบว่า  "เล่นหุ้น"     การมองในแง่ลบก็จะเกิดขึ้นในใจของเขาทันที เพราะชุดความคิดที่อยู่ในใจของผู้ถามก็คือ เล่นหุ้น   เล่นหวย  เล่นไพ่  เล่นม้า  เล่นบอล  เล่่นการพนัน คำว่าเล่นคำเดียว  จะทำให้ทัศนคติด้านลบเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ สังคมส่วนใหญ่ยังคงรับรู้มาว่า นักลงทุนรายย่่อยๆจำนวนมากมาย   ในตลาดหลักทรัพย์ ในที่สุดแล้ว   "มักจะขาดทุนจากการลงทุน   กำไรที่ได้มา  ไม่มีความยั่งยืนแน่นอน" ซึ่งมันเป็นความจริงที่ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ จนกว่าปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม  จะเปลี่ยนแปลงไป ๒ ทัศนคติระดับจุลภาค มาจากคนรอบข้างที่เรารู้จัก ไม่ว่าพ่อแม่ พี่น้อง  ญาติสนิท มิตรสหาย เขาเหล่านั้น   จะได้รู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้น  ในความเห็นของผม การเปลี่ยนแปลงทัศนคติด้านลบต่อนักลงทุนอาชีพในตลาดหุ้น ถ้าเป็นทัศนคติระดับมหภาค  จะทำได้ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ส่วนทัศนคติระดับจุลภาค   ทำได้ไม่ยาก เพราะว่า  มันขึ้นกับการกระทำของนักลงทุนแต่ละคน จากคุณ : endophine - [ 14 ส.ค. 51 09:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ???????????????????????????????????????????? ???????????????????????????????????????????? ???????????????????????????????????????????? ???????????????????????????????????????????? ???????????????????????????????????????????? จากคุณ : yai-cho - [ 14 ส.ค. 51 09:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาจัดเก้าอี้ฟังครับ จากคุณ : d.hunt - [ 14 ส.ค. 51 09:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีครับเฮีย ????????????????????? เพราะการที่เราเอาแต่นั่งหน้าจอ ...ดูกระดาน.. คนไม่เข้าใจก็มองว่า นี่เป็นการพนัน เป็นเรื่องของคนขี้เกียจ แม้ว่าจะไม่สนใจและเข้าใจ แต่บางทีมันก็สั่นคลอนความเชื่อในความคิดของตนเอง ที่ผ่านการกรองมาแล้ว เคยรับเงินเดือนเกือบ 3หมื่นมาลงทุนเต็มตัว บางทีจิตมันก็ตก %%%%%%%%%%%%% นั่นแหละครับ มองลึกๆ คนรอบข้างที่รักเรา เป็นเงาสะท้อนตัวเราที่ดี ควรหาอย่างอื่นทำบ้าง แทนที่จะนั่งแต่หน้าจอ เราเทรดต่อวันบ่อยขนาดนั้น และจำเป็นต้องเฝ้าดูกระดานตลอดเวลาไหม อีกอย่างครับ คนรอบข้างที่รักเรา จะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ความเครียดของเรา มากกว่าเรื่องเงินทอง พอเราได้เขาก็ดีใจไปด้วยก็จริง แต่จะอดห่วงไม่ได้ เพราะคนไม่เล่นหุ้นรู้ดีกว่าคนเล่นซะอีกว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นควรหาอะไรทำบ้าง หรืออย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า เรามีสุขภาพกายและใจที่ดีเสมอ ไม่ว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในสภาวะไหน ผมเองเคยรับเงินเดือน6หมื่นมาก่อน ยังจิตตกจิตวูบมาตลอดเป็นพักๆ  แหะๆ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 14 ส.ค. 51 09:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับข้อคิดเรื่องการเล่นหุ้นเป็นอาชีพครับพี่ๆ จากคุณ : zylinz - [ 14 ส.ค. 51 09:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แหะๆ ตอนพิมพ์ความเห็น6 ส่งยังไม่เห็นความเห็นเฮียเคลี่ เฮียปลา ขอนั่งอ่านเฮียเลคเชอร์ก่อนครับ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 14 ส.ค. 51 09:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เงินเดือน  3 หมื่น  จะสู้  ทำกำไร  เดือนละ   8 หมื่น ได้หรือคะ ?? จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 14 ส.ค. 51 09:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เฝ้าจอทุกวัน เฝ้าจอทั้งวัน โอ่งแตกทั้ง 5 ใบ เหนื่อยสาหัส ครับ ไม่เจอไม่รู้ 555 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ 14 ส.ค. 51 09:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคำตอบของคุณเตวี่มากๆครับ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ที่ผมคิดว่า  ทัศนคติด้านลบระดับมหภาคเปล่ี่ยนแปลงได้ยากมากๆๆ ก็เพราะว่า สังคมส่วนใหญ่ยังคงรับรู้ว่า นักลงทุนรายย่่อยๆจำนวนมากมาย ในตลาดหลักทรัพย์ ในที่สุดแล้ว   "มักจะขาดทุนจากการลงทุน   กำไรที่ได้มา  ไม่มีความยั่งยืนแน่นอน" เราจะเปลี่ยนทัศนคตินี้ได้ก็ต่อเมื่อ "นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น   ได้กำไรอย่างยั่งยืน  จากการลงทุนเท่านั้น" ผมขอสมมติให้ระดับความยั่งยืนของนักลงทุนอาชีพ  ยาวนาน ๑๒ ปี คือจากระยะเวลาหุ้นขาขึ้นครั้งใหญ่  ไปยังหุ้นขาลงครั้งใหญ่ หรือจากห้นขาลงครั้งใหญ่  ไปยังหุ้นขาขึ้นครั้งใหญ่ กินเวลานาน  ๙ ปี  บวกไปอีก ๓ ปี  เพื่อให้นักลงทุนคนนั้นๆ   อยู่จนครบทั้งวงจรหุ้นขาขึ้นครั้งใหญ่  และหุ้นขาลงครั้งใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นคำตอบสำหรับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติระดับมหภาคก็คือ เมื่อไรที่นักลงทุนส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น สามารถกำไรอย่างยังยืน    ในระยะเวลาสิบสองปีขึ้นไป ผมมั่นใจว่า ทัศนคติด้านลบระดับมหภาคของสังคม ที่มีต่อนักลงทุนในตลาดหุ้น   จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในระดับขั้นปัจจัยพื้นฐานทางความคิด แต่ในความเป็นจริงอันโหดร้ายของตลาดหุ้นที่เป็นอยู่ก็คือ นักลงทุนทุกคน  เข้าตลาดมาด้วยฝันสีทองในหัวใจ แต่มีจำนวนมากมักจะจากออกไป  พร้อมกับฝันสลายในที่สุด เมื่อคนส่วนใหญ่เขารับรู้มาแบบนี้ การเปลี่ยนทัศนคติด้านลบระดับมหภาค  จึงทำได้ยากมาก เท่าที่ผมอ่านดูจากกระทู้ต่างๆ เชื่อว่า  นักลงทุนในห้องสินธรตอนนี้   เป็นนักลงทุนเจนเรชั่น วาย ๘๐ เปอร์เซนต์มีอายุต่ำกว่า  ๓๐ ปี และ  ๗๐ เปอร์เซนต์มีอายุต่ำกว่า ๒๕ ปี ส่วนใหญ่เข้ามาด้วยยุทธศาสตร์  ๓ ร. คือ รวยมากๆ รวยเร็วๆ รวยง่ายๆ ซึ่งผมเชื่อว่า   จะมีคนที่รวยจากยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์ของนักลงทุนทั้งหมด ส่วนอีกเก้าสิบเปอร์เซนต์  ก็จะขาดทุนกลับออกไป และไปต่อยอดความคิด  ให้สังคมส่วนใหญ่เชื่อว่า   นักลงทุนอาชีพในตลาดหุ้น  ก็คือนักเล่นการพนัน ที่ไม่มีความแน่นอนมั่นคงของชีวิต สรุปง่ายๆก็เอาเป็นว่า ถ้านักลงทุนเจนเรชั่นวายที่เข้าตลาดหุ้นตอนนี้ สามารถกำไรอย่างยั่งยืนในเวลาสิบสองปีข้างหน้า ทัศนคติด้านลบระดับมหภาคก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ   จนนักลงทุนอาชีพในตลาดหุ้น   กลายเป็นอาชีพที่มีที่ยืนในสังคมได้ ลองนึกไปถึง คำว่าอาชีพเต้นกินรำกินดู เดี๋ยวนี้มีแต่คนแย่งกันจะเต้นกินรำกิน ในขณะที่เมื่อสี่สิบปีก่อน  เป็นอาชีพที่ไม่มีความยั่งยืนเอาเลย เรียกว่า  เวลาเปลี่ยน  ความคิดคนก็เปลี่ยน แต่ปํญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ นักลงทุนส่วนใหญ่  ทำกำไรอย่างยั่งยืนจากตลาดหุ้นได้หรือเปล่า ??? ตราบใดที่ยังทำไม่ได้  ทัศนคติด้านลบระดับมหภาคก็ยังคงไม่เปลี่ยน แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 10:01:47 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 09:51:14 จากคุณ : endophine - [ 14 ส.ค. 51 09:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 _/|\_...ขอบคุณครับเฮีย   จากคุณ : helga - [ 14 ส.ค. 51 09:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติด้านลบระดับมหภาคได้ เพราะมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ที่เราพอจะทำได้ก็คือ ใช้การกระทำของตัวเรา ทั้งในตลาดหุ้น  และในการดำเนินชีวิตทั่วๆไป   มาเปลี่ยนแปลงทัศนคติด้านลบของคนที่เรารู้จัก มันต้องใช้เวลาในการสะสมปัจจัยพื้นฐาน นั่นก็คือ  ต้องยอมอดทน ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า   "เราสามารถทำกำไรอย่างยั่งยืนจากตลาดหุ้น   ในขณะเดียวกัน สามารถทำตัวดีๆกับคนรอบข้าง อย่างเสมอต้นเสมอปลาย" ผมเน้นมากๆ  เรื่องการทำตัวดีๆกับคนรอบข้าง ถ้ารวยหุ้น  แต่ทำตัวเหลวไหล   จะยิ่งตอกย้ำให้คนรอบข้างเชื่อว่า ตลาดหุ้นเป็นแหล่งรวมความชั่วร้าย เหมือนกับเศรษฐีใหม่ชาวจีน   ที่ไกด์ชาวจีนเคยเล่าให้ฟัง ตอนไปเที่ยวปักกิ่งปีที่แล้ว   รวยจากตลาดหุ้น  ก็ทิ้งเมียเก่าคู่ทุกข์คู่ยาก  ไปหาเมียใหม่ที่ปิ้งกว่า ผมเอง ยังต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบปี กว่าจะเปลี่ยนคำทักทายของเพื่อนคนหนึ่ง   จากคำว่า "ว่าไง นักพนัน" มาเป็นกระซิบถาม "หุ้นตัวไหนน่าซื้อลงทุน" มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมถือว่า เป็นเรื่องสำคัญมากๆก็คือ ต้นทุนทางสังคม ของนักลงทุนแต่ละคน ถ้าคนรอบข้าง  ไม่เคยให้กำลังใจ  แต่กลับบ่นว่า   ก็อาจจะจะเกิดอาการจิตตกได้   ดังนั้น  ต้นทุนทางสังคม จึงนับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญมากๆในการเป็นนักลงทุนอาชีพ ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การแก้ปัญหาจึงต่างกันไป ยอมรับว่า  ผมค่อนข้างเป็นคนโชคดี   ไม่มีพี่น้องผู้ชาย ให้เปรียบเทียบความสำเร็จในชีวิต ก็เท่ากับลดแรงกดดันไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนพีน้องผู้หญิงก็ไม่มีใครมีความรู้เรื่องหุ้น "และพ่อแม่พี่น้อง ทั้งทางผมและทางฝ่ายภรรยา ก็ยอมรับ   ในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ ไม่ใช่ จะยอมรับ ก็ต่อเมื่อ  ผมได้เป็นในสิ่งที่พวกเขาอยากให้เป็น" ข้อความข้างบนสำคัญมากๆเลย   สำหรับการใช้ชีวิตในตลาดหุ้นของผม ทุกวันนี้  มีความมั่นใจมากว่า สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติด้านลบของ ญาติสนิท มิตรสหายและคนรู้จักกันนานๆได้แล้ว ส่วนคนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน ก็ต้องปล่อยให้เขามีทัศนคติด้านลบต่อไป ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเขา  และยิ่งไม่ใช่ความผิดของเรา ถ้าคนที่รู้จักกันเพียงผิวเผินถามว่า ทำงานอะไร     คำตอบที่ผมจะเลี่ยงคือ  "เล่นหุ้น" ผมจะใช้คำว่า "ซื้อขายหลักทรัพย์" แทน มันเหมือนกับว่า เรากำลังซื้อขายสินค้าอย่างหนึ่ง ถ้าเขาสนใจจะฟังต่อ  ค่อยต่อยอดให้รู้ว่า ผมสนใจตามดูการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน มากกว่าการกระทำของคนในตลาดหุ้น สำหรับภรรยาผม  นับได้ว่าเป็นผู้หญิงพิเศษสุด ที่คงจะหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ เธอไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องหุ้นและทรัพย์สินเงินทอง จะจบแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในที่สุด คนอื่นเขาจะตัดสินเรา   จากการกระทำของตัวเราเอง แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 11:29:18 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 11:20:08 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 10:45:17 จากคุณ : endophine - [ 14 ส.ค. 51 10:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แห่ะ ๆ ตามพี่เอ็นโดฯมา มิน่าหายไปไหนกัน จากคุณ : ม่ายสาว-พราวเสน่ห์ - [ 14 ส.ค. 51 11:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ จากคุณ : d.hunt - [ 14 ส.ค. 51 11:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จบแล้ว เพอร์เฟค ขอบคุณครับเฮีย _/|\_ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 14 ส.ค. 51 11:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr.Zack - [ 14 ส.ค. 51 11:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ พี่ ... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ การลงทุนไม่กดดันเราเท่าไหร่ แต่ที่อยากถามคุณ คือ ตอนเริ่มเข้าตลาดใหม่ๆ ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ คุณมีความกดดันกับคนรอบตัวมั๊ยค่ะ เช่น พ่อ แม่ เพื่อนฝูง (ไม่ถามคู่ชีวิตเพราะคุณบอกมาแล้ว) เพราะการที่เราเอาแต่นั่งหน้าจอ ...ดูกระดาน.. คนไม่เข้าใจก็มองว่า นี่เป็นการพนัน เป็นเรื่องของคนขี้เกียจ แม้ว่าจะไม่สนใจและเข้าใจ แต่บางทีมันก็สั่นคลอนความเชื่อในความคิดของตนเอง ที่ผ่านการกรองมาแล้ว เคยรับเงินเดือนเกือบ 3หมื่นมาลงทุนเต็มตัว บางทีจิตมันก็ตก +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ การทำกำไรจากตลาดมีหลายวิธีครับ ผมได้ลองมาทุกวิธีที่มีคนพูดถึงในสินธร เป็นเวลา 6-7 ปี ทุกวิธีสามารถทำกำไรได้ แต่ท้ายที่สุด ผมเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุด มีเวลาเหลือให้ครอบครัว ให้งาน ให้พักผ่อน ไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเวลา มีกำไรมากกว่า50%ต่อปี (รวมปันผลและกำไร) มีการบริหารความเสี่ยงที่ผมเองยอมรับได้ (แม้ว่าหุ้นที่ซื้อมูลค่าจะเหลือ 0.01บาท) บทสรุปคือ กลยุทธครับ การกำหนดกลยุทธ ซื้อขาย เงินสำรอง หุ้นที่ซื้อ-ขาย เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เราได้เงินจากตลาดหุ้นอย่างยั่งยืน จากคุณ : GABLIEL - [ 14 ส.ค. 51 11:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับเฮีย ผมก็โชคดีที่ได้ข้อคิดดีดี  จากเฮียมาโดยตลอด ด้วยความนับถือ+จริงใจ  เสมอ จากคุณ : P_ปรัชญา - [ 14 ส.ค. 51 11:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับ เรื่องนี้ ผมขอแสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "ความสันโดษ" โดยแท้จริง คนเรา ชอบเดินตามๆ กันไป เพราะจะรู้สึกปลอดภัยกว่าเดินคนเดียว เช่น เรียนเหมือนๆ กัน ทำงานเหมือนๆ กัน ใช้ชีวิตแบบเดียวกัน หรือ ที่สังคมรอบข้างกำหนดให้ โดยมองว่า มันคือ "ความมั่นคง ความปลอดภัย" จะมีน้อยคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดแบบใหน และ กล้าทำแบบนั้นจริงๆ เช่น เลือกเป็นนักลงทุน แทนที่จะทำงานประจำ ตัวผมเอง ผมมักจะคุยกับเพื่อนๆ ว่า ผมทำงานประจำ ได้เงินดีกว่าผมเล่นหุ้นอีกว่ะ แสดงว่า เล่นหุ้นไม่ไช่ทางของผม ขายหมูติดดอยตลอด ... แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า คุณดูตลาดแล้วไม่เครียด สนุกกับมัน ชอบดูตลาดและ มีกำไรมากกว่าขาดทุน แสดงว่า นี่คือสนามของคุณ มุมมองของผมสนามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การทำธุรกิจ ขายของให้คนอื่น คนอื่นซื้อของไปกิน ไปใช้ เข้าไม่ได้ซื้อของเพื่อมาขายคุณกลับแพงกว่า ดังนั้น ทำธุรกิจ จะเปรียบกับหุ้นไม่ได้ ตลาดหุ้น เป็นแหล่งเงินทุนของนักธุรกิจ ที่เอา บ. ตัวเองเข้าตลาด หากคุณอยากรวย คุณต้องเอา บ. เข้าตลาดแล้วทำงานของคุณต่อให้ได้เพื่อผู้ถือหุ้น แบ่งกันรวย ผู้ถือหุ้น คือ คนที่ทำให้นักธุรกิจ มีเงินทุน หากซื้อหุ้น IPO แล้วไม่ได้กำไร นักธุรกิจที่ไหนจะเอาเงินมาลงทุน ... คนหมู่มาก ต้องเข้าใจ กลไก พื้นฐานเหล่านี้ก่อน ไม่ไช่ มองผิวเผิน ซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ขายได้เงิน 40,000 ... นี่มันการพนันชัดๆ มองอย่างนี้ ไม่ถูกต้อง .... .... เดี๋ยวมาต่อครับ ^_^ จากคุณ : KENG76 - [ 14 ส.ค. 51 11:24:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ มากๆค่ะ จากคุณ : NANG20 - [ 14 ส.ค. 51 11:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับเฮียเอ็นโดฯ...   จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 14 ส.ค. 51 11:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับ เฮียเอ็นโด เฮียปรัชญา และ ทุกท่านครับ ขอบพระคุณเฮียเอ็นโดมากครับ... ได้อ่านข้อคิด แนวทางที่ดีๆอีกแล้ว จากคุณ : ธราธิป - [ 14 ส.ค. 51 12:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านมามีแต่รายชื่อคนคุ้นเคย.. เลยขออนุญาต มาลงชื่อด้วยคน แต่หิวข้าวแล้วเดี๋ยวจะแว๊บมาอ่าน.. จากคุณ : foren161 - [ 14 ส.ค. 51 12:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ พี่เสี่ย ค จากคุณ : ปะป๋าน้องมุก - [ 14 ส.ค. 51 12:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกท่าน ทุกความเห็น จากคุณ : sc2007 - [ 14 ส.ค. 51 12:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณทุกๆท่าน ที่แวะเข้ามาอ่าน และออกความคิดเห็นดีๆไว้ครับ นักลงทุนเจนเรชั่นวาย  ก็คงจะเข้ามาอ่านบ้าง แต่ไม่ยอมแสดงความคิดเห็น จากคุณ : endophine - [ 14 ส.ค. 51 12:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แว่บมาอ่าน อ่านแล้วได้ข้อคิดว่า สาโม อพอโต ภริโย ปรมัง สุขัง จากคุณ : แพธารา - [ 14 ส.ค. 51 12:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความน่ารักอีกรูปแบบหนึ่งในสินธร ขอบคุณมากๆ สำหรับน้ำใจของทุกท่านจ้า... จากคุณ : แมวเหนือ - [ 14 ส.ค. 51 12:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมขอทบทวนสาระของกระทู้หน่อยครับ ... คือเป็นนักลงทุน จะกดดันเพราะไม่มีใครเข้าใจ ไช่ไหมครับ จาก ความเห็นของผมข้างบน ... ผมเน้นว่า คุณต้อง "สันโดษ" ทางจิตใจ เช่น การคุณโดนคนรอบข้างแนะนำ หรือ ถามเกี่ยวกับ การลงทุน ผลงาน กำไร คุณจะเครียด โดยเฉพาะภาวะหุ้นตก ... นักลงทุน ต้องมั่นใจในตัวเอง ว่าคุณมีความสุขในการลงทุน มีความสุขกับการดูข้อมูลต่างๆ มีความสุขจริงๆ นี่คืองานที่ทำจริงๆ .... ไม่ไช่ ... รวยๆๆๆๆ ไม่ตอกบัตร ไม่แต่ตัว ................. มีนิทานเรื่องนึง พ่อมีลูกสามคน พอลูกโต ก็ให้เงินไปคนละก้อนแล้วให้ไปทำมาหากินอะไรก็ได้ สามปีค่อยมาเจอกันใหม่ สามปีให้หลัง ลูกคนแรก กลับมาพร้อมความสำเร็จ มีธุรกิจที่กำลังไปได้ดี จากเงินของพ่อ พ่อ บอกว่า "ดี" ลูกคนที่สอง กลับมาพร้อมความล้มเหลว เงินที่พ่อให้หมดไปกับการลงทุน ทำธุรกิจ พ่อบอกว่า "ดี" ลูกคนที่สาม กลับมาพร้อมเงินก้อนเดิม (มีดอกเบี้ยนิดหน่อย) เงินที่พ่อให้ เอาไปไว้ในธนาคาร ไม่ทำอะไรเลย พ่อบอกว่า "แกทนอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรกับเงินเลยตั้งสามปีได้ยังไง แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ" .......... ไม่รู้จะตอบคนที่ถามเฮียมาได้หรือเปล่านะครับ จากคุณ : KENG76 - [ 14 ส.ค. 51 12:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมออกไปนั่งเล่นห้องค้าเอา เลยไม่มีใครว่าว่าเอาแต่นั่งหน้าจอ จากคุณ : รอบทิศ - [ 14 ส.ค. 51 13:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไอ้เสือ   บุก สุดยอดกระทู้  โหวตเรียบร้อยแล้วครับ รู้สึกว่ากระทู้เช่นนี้มีประโยชน์ มากกว่ากระทู้ที่พูดเกี่ยวกับหุ้นซะอีก มาบ่อยๆ นะครับเฮีย ไอ้เสือ  ถอย จากคุณ : กองโจร (นักเก็งกำไร) - [ 14 ส.ค. 51 14:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แวะมาอ่าน ขอบคุณค่ะ   ไม่มีปัญหาเรื่องคนรอบข้างค่ะ แถวบ้านมุกวาริน ทุกคนชอบเล่นหุ้น เอ๊ย ชอบซื้อขาย..หลักทรัพย์ค่ะ โหวตค่า จากคุณ : มุกวาริน - [ 14 ส.ค. 51 14:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เฮียครับ ถ้าหุ้นเป็นการพนัน แล้ว TFEX ล่ะครับ AFET อีก นี่จะมีทองล่วงหน้าอีก เราเป็นใคร? นักลงทุน นักเก็งกำไร นักพนัน ผมมักจะถามตัวเองเสมอ ๆ สุดท้าย ผมได้คำตอบว่า สำหรับหุ้น ผมเป็นนักลงทุนครับ เดือนนึงดูพอร์ตเดือนละที บางทีลืมดู บางทีซื้อมาเท่าไรยังจำไม่ได้เลยครับ ส่วน TFEX นั้น ผมบอกว่าผมเป็นนักเก็งกำไร (ขาดทุน?) แต่ถึงจะกำไร หรือ ขาดทุน อยู่ที่การบริหารความเสี่ยงในใจครับ ผมชอบคุณเก้ากระบี่เดียวดายครับ ท่านเคยบอกว่า ต้องรู้ก่อนว่า ความเสี่ยงคืออะไร รู้กันไหมครับ ความเสี่ยงคืออะไร ความเสี่ยงคือความโลภและความกลัวในใจครับ เชื่อมั๊ยครับ? ลองหาคำตอบดูครับ ขอบคุณเสมอครับเฮีย จากคุณ : ไอ้แคท.ราชาแมงเม่า (Catrule) - [ 14 ส.ค. 51 18:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณ  ครับ จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 15 ส.ค. 51 08:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คำถามของคุณแคทรูล  ทำเอาอึ้งไปเลย ในความเห็นส่วนตัวของผม ตลาดอนุพันธ์  เป็นยิ่งกว่าเกมบวกศูนย์อีก เพราะคนที่ได้  จะได้น้อยกว่าคนที่เสีย ส่วนหนึ่งถูกหักออกไปเป็นค่าต๋ง เอาเป็นว่า   ถ้าเก็งกำไรตลาดสารอนุพันธ์   แล้วได้กำไรอย่างยั่งยืนมากกว่าห้าปีขึ้นไป ผมคิดว่า  น่าจะยึดเป็นอาชีพได้ แต่ทัศนคติของคนรอบข้าง  คงจะเปลี่ยนได้ยากกว่าคนลงทุนในตลาดหุ้น ก็คงต้องทำอย่างที่บอกไว้ว่า "ต้องทำตัวดีๆ  กับคนรอบข้าง  อย่างเสมอต้นเสมอปลาย" ผมหมายความว่า  จะกำไรหรือขาดทุน   คนรอบข้างก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเรา ทุกวันนี้  ภรรยาผมจะไม่สามารถเยกแยะออกเลยว่า วันไหนพอร์ตหุ้นของผมเพิ่มหรือลด คือทำตัวได้น่าโมโห  เสมอต้นเสมอปลาย เหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 10:14:39 จากคุณ : endophine - [ 15 ส.ค. 51 09:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณบทความข้อคิดดีๆของเฮียคค.(endophine)และคุณเต่าฯ ค่ะ อ่านทีไร เห็นด้วยทุกประการ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สุเกียง - [ 15 ส.ค. 51 20:16:24 ]