Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ทำไมต้องเป็น DSM

    ก่อนอื่นขอแปะบทความจากคุณพี่ Suzy ก่อน....


    สวัสดีค่ะ

    วันพุธ  ตลาดปรับฐานเล็กน้อย เพราะยังมีกลุ่มธนาคาร อหังสา และคมนาคมค้ำอยู่   pttep ที่ดิฉันขายตัดขาดทุนที่ 149  หลังจากหักปันผลไม่ถึง 3 บาท ซึ่งขอคืน credit ภาษีเงินปันผลไม่ได้  ก็ลงไปลึกสุด 140 บาท  พอ 2 วันนี้  ราคาน้ำมันขึ้นวัน ลงวัน  แต่มีแรงไล่ซื้อคืนถึง 150  โดยการทิ้งตัวอื่นๆหันมาไล่ราคาตัวเรืองแสงสีเขียวแทน  ทำให้ SET ยังคงเขียวขจี  แต่  ptt ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถว 270 ที่ดิฉันบอกไว้แล้ว  

    ส่วนดัชนีเรือเทกองขนาดเล็กยังคงมุดหัวลงเนื่องเป็นวันที่ 26  ซึ่งเป็นการลงติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบหลายๆปีที่ผ่าน   หุ้นเรือ PSL ซึ่งไม่เกี่ยวกับการขึ้นลงของดัชนี  เพราะทำสัญญาเช่าล่วงหน้าไปแล้วกว่า 96% ที่ระดับราคาสูงมาก  กลับลงตามดัชนี 1 บาท  แต่ TTA  กลับขึ้นรวม 3.50  เกือบ 10% เลียนแบบ dryships  จากการที่ดัชนีเรือใหญ่ cape size ขึ้น  แต่รายย่อยไทยรู้จักแต่ดัชนีรวม เช่นเดียวกับที่สนใจแต่ดัชนีรวมตลาดไทย

    TTA  มีรายย่อยถือหุ้นมากกว่า 12000 ราย  (PSL แค่ 3 พันกว่า)  เพียงแค่กระพริบตา  ก็กรูกันเข้ามามะรุมมะตุ้ม  ถ้าบังเอิญว่าถืออยู่  หากขายไม่หมด ก็จะขึ้นต่อทันที เพื่อล่อให้หยุดขายแล้วหันกลับมาซื้อคืน  แล้วมันจะลงในทันใด  หากตัดขาดทุนจะเด้งแรง เป็นยังงี้มา 1 เดือน  เมื่อวันพุธเลยขายไปไม้เดียว  แน่นอนที่สุด  มันขึ้นต่อในบัดดล  อ้าว...ยังไม่ยอมซื้อคืนรึยะ  ตามฟอร์มเดิม  มันก็เคาะล่อซื้อไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งบวก 2.50  บาทจากราคาที่ขายไป

    กลางคืน TTA ประกาศผลประกอบการ ออกมาดีกว่าเดิม  9 เดือน ได้มาแล้ว 10 บาท  PE แค่ 3 เท่ากว่า หุ้น Drys ขึ้นแรงต่อ  แต่TTA ลงไป 75 สต แต่แล้วช่วงบ่ายจู่ๆก็วิ่งขึ้นต่อ  เมื่อวานฝรั่งโชว์ยอดซื้อสุทธิ 52.23 ล้าน  แมคคิวซื้อสุทธิมากเป็นอันดับหนึ่ง 366 ล้าน  จ้าวนี้ชอบหุ้นเรือ  และพลังงาน  ส่วนพวกโบรกอเมริกันบ้าหุ้นการเงิน  (บ้าไม่บ้าก็ดูเอาจากที่พวกเขาคิดสารพัดวิธีในการหมุนเงิน 1 บาท ให้เป็น 1000  สร้างเงินเทียม จนตัวเองขาดทุนยับเยิน)

    แต่เนื่องจากกำไรของ TTA ส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ 30% ของสินทรัพย์  ถ้าจะให้ดี  เราควรหักส่วนนี้ออกจากกำไรที่เห็นเสียก่อน  เพราะต้องเก็บสะสมกำไรเพื่อใช้คืนหนี้  กำไรรอบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นแค่กำไรตัวเลข  ไม่ใช่กำไรจริง  ถ้าไตรมาสที่ 4  ไม่มีกำไรตรงนี้  อาจจะเสมอทุน  ราคา 41 บาท  หักส่วนของเจ้าหนี้  จะมี พีอี เกือบ 6 เท่า  

    ส่วน  PSL ปลดหนี้เก่าไปหมดตั้งแต่ปีที่แล้ว  เริ่มต้นใหม่ด้วยหนี้ 5% ของสินทรัพย์  เพราะทยอยกู้เงินมาจ่ายค่าเรือที่สั่งต่อใหม่  พร้อมกับการเซ็นสัญญาปล่อยเช่าเรือใหม่  เลยไม่ต้องกู้เยอะ  พีอี ที่ดูเหมือนว่าจะสูงกว่า TTA เท่าตัว  กลับกลายเป็นเท่าๆกัน  คือประมาณ 6 เท่า  จ่ายปันผลทุกไตรมาสในอัตราสูง  เพราะเจ้าของถือหุ้นเยอะ

    สังเกตุได้ว่า หุ้นที่เจ้าของถือเยอะๆ มักจะมีปันผลสูงมาก  และส่วนใหญ่  จะไม่ยอมออกหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงไม่ออก warrant  ไม่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ  เพราะมันจะมาแย่งส่วนแบ่งกำไร  

    ส่วนบรรดารัฐวิสาหกิจทุกแห่ง  ล้วนแล้วแต่ก่อหนี้สูงมากๆ  เพราะเครดิตดี  เช่น Thai ตั้ง 60%  แล้วพอกำไรออกมาดูสูง ก็ฮือฮากันใหญ่  ยังกับว่าได้เงินมาหากำไรฟรีๆ  โดยไม่ต้องหักกำไรไปใช้หนี้ในอนาคต

    เรามักจะคิดว่ากำไรสุทธิที่เห็นๆกันนั้น  เป็นของบริษัททั้งหมด   จริงๆตอนกู้  เขาก็มีสัญญาที่จะต้องทยอยคืนเงินกู้ตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้  เราต้องคิดเฉลี่ยหักสะสมเผื่อไว้ด้วย  เพราะถ้าเกิดทำกำไรไม่ได้ตามเป้าหมาย  ถือว่าขาดทุนแล้ว  อย่าว่าแต่ขาดทุนจริงเลย  บริษัทที่มีหนี้ท่วมหัวทั้งหลาย  แสดงแต่กำไรที่รวมส่วนเงินกู้ที่ต้องคืนของเจ้าหนี้ไว้ด้วย  เมื่อถึงกำหนดใช้หนี้  แล้วหาเงินกู้ก้อนใหม่มาโปะหนี้เก่าไม่ทัน  ก็พากันออกตราสารหนี้  เพิ่มทุน hair cut กับเจ้าหนี้ แปลงหนี้เป็นทุน  

    หากยังไม่สามารถคุ้มทุน  สุดท้าย ก็เจ๊งกันระนาวอย่างที่เราเคยเห็นๆกันมาแล้ว

    การขาดทุน และกำไร  เราต้องดูสาเหตุด้วยว่าเกิดจากอะไร เช่น  กำไรและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน  ยังเป็นแค่ตัวเลข  มักจะเกิดกับบริษัทที่มีหนี้สูงๆ  เวลาที่บาทเราแข็งขึ้น  ก็บอกว่ากำไร   รอบนี้ THAI ขาดทุน 5 บาทกว่า เนื่องจากบาทอ่อน  ก็เลยขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนซะสูงเชียว  แต่สรุป ก็คือขาดทุนนั่นแหละ

    อีกอย่าง เราต้องดูเงินเฟ้อ + ดอกเบี้ยด้วย  กำไรต่อหุ้นต้องสูงกว่า 2 ตัวนี้รวมกัน  จึงจะคุ้มกับความเสี่ยง  จีน และเวียตนาม เงินเฟ้อ + ดอกเบี้ย ปาเข้าไปกว่า 35%+  อีกทางหนึ่งคือ  ลดราคาหุ้นลง เพื่อให้กำไรต่อหุ้นดูเพิ่มขึ้น  เช่น หุ้นราคา 100  ต้องกำไรมากกว่า 35  เมื่อเห็นว่าทำไม่ได้  ก็แค่กดราคาหุ้นลงมาเหลือ 50 บาท ทีนี้  กำไรแค่ 18 บาท  ก็เท่ากับ 36% แล้ว    เราจึงเห็นหุ้นจีน และเวียตนามร่วงอย่างแรง

    ในขณะเดียวกัน  ค่าเงินสกุลท้องถิ่นเมื่อไปเทียบกับชาวโลก  ก็มีส่วนอย่างมาก  เราเห็นตลาดอเมริกาลงไม่มาก  แต่ความจริงคือ   มันลงมามากกว่าที่เห็นเยอะ  เช่น กำเงินออสซี่ 100 ไปซื้อหุ้น อเมริกา  เราเห็นราคาหุ้นลงมาแค่ 20%  แต่หากขายหุ้นไป เพื่อแลกเงินออสซี่คืน ก็ไม่ได้ 80  เพราะจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนอีกตั้ง 40% เหลือเงินออสซี่แค่เพียง 48 กลับมา สำหรับผู้ซื้อรายใหม่  กลับเห็นว่า ลงทุนน้อยลงตั้ง 52% และถ้าเห็นว่าค่าเงินสกุลตัวเอง  มีแนวโน้มจะอ่อนลงเมื่อเทียบกับ US$ เขาก็เข้าไปซื้อ  

    commodities ในกลุ่มอาหารร่วงแรง  โดยเฉพาะกลุ่มธัญญพืช   แต่บ้านเรา  มีคนบอกว่าเป็น one way ticket คือขึ้นเป็นทางเดียว   (คลิกที่รูปเล็ก จะพาไปดู  charts ทั้งหมดในอัลบั้ม)  แต่น้ำผลไม้บ้านเราก็ลดราคาลงมาเยอะมากเช่นกัน


    commoditie s

    ปัญหาการเมืองมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลง  และจะยุ่งเหยิงมากขึ้น  กลุ่มก่อสร้างมีพีอีสูง  (ซึ่งมันก็สูงมาตลอด)  กลุ่มธนาคารใหญ่ๆวิ่งขึ้นรุนแรง และเร็วมาก  ขึ้นมาสูงสุด  เทียบเท่ากับดัชนีปีที่แล้วที่ 880 จุด

    เขา (พวกฝรั่งบางคน) บอกว่า ราคาสินค้า commodities ที่ร่วงนั้นไม่เกี่ยวกับ supply and demand  เพราะยังคงมีความต้องการสินค้ามากเท่าเดิม  แต่ดิฉันไม่เชื่อมาหลายเดือนแล้ว ก็ตั้งแต่ posted ใน blog ตอนน้ำมันทำ high แถว 145 ว่า ประเทศใหญ่ๆทุกประเทศ  ใช้น้ำมันลดลง  ทั้งอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย

    Shipping indicators บ่งบอกชัดเจนว่า   น่าจะมีการสั่งซื้อสินค้าต่างๆระหว่างกันลดน้อยลง  อเมริกาบอกว่า  ส่งสินค้าออกมากกว่านำเข้า  น่าจะเป็นกำลังซื้อลดลง  จึงนำเข้าน้อยลง แถมยังลดราคาสินค้าเพื่อจะส่งออกเพิ่มขึ้น พวกเขาพร้อมที่จะกลับไปผลิตสินค้าเอง  และได้ทยอยปิดโรงงานในต่างประเทศแล้ว เช่น  ปิดโรงงานไนกี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อินโดนีเซียไปแล้วเมื่อปีก่อน  หรือลดการผลิตลง  ที่จีนโดนหนักสุด  

    หุ้นไทยอยู่ในลักษณะ side way วอลุ่มแต่ละวันหนาแน่น  แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเล่นรายวันเสียมากกว่า  นักลงทุนหัวหมุนกับการวิ่งเข้าวิ่งออก   การเล่น rebound  ระยะสั้นๆ  ใช้สัญชาติญาณจะแม่นกว่า  ต้องฉับไวมากในการตัดสินใจ  เทคนิคตามไม่ทัน  ดิฉันจึงได้บอกก่อนว่า  ถ้าเล่นขาลงไม่เป็น ก็อย่าเล่น  

    ลืมเล่า  ยังไม่ทันซื้อคืน  จู่ๆ gmmm กระโดดเปิด gap ขึ้นไปตั้ง 20% ใน 2 วัน  ทำไม๊ ทำไม ทีตอนที่ถืออยู่  ตั้ง 4 เดือน ถึงไม่รู้จักขึ้น หา???  

    การตีมูลค่าหุ้น  จึงดูแค่ตัวมันเองทั้งหมดไม่ได้  มันมีปัจจัยแวดล้อมมากมาย  เรียนรู้ยาก ใช้เวลานาน  คนส่วนใหญ่จึงใช้ทางลัดเพื่อแค่ไล่เก็งกำไรจะดีกว่า  หรือเลือกการใช้ความอดทน  เงินทุนสูง สะสมหุ้นถือยาวๆ

    ตลาดต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ   ในการกลับมาหามูลค่าแท้จริงในตัวมัน  ในราคาที่เหมาะสมกับการลงทุนถือยาว  ดิฉันคงจะอายุ 61 ปีแล้วในตอนนั้น  หวังว่ายังคงเหลือเงิน ไม่หมดไปกับการซื้อแล้วต้องตัดขาดทุนไปซะก่อน

    วอลุ่มวันนี้หดลงเกือบครึ่งต่อครึ่ง  ราคาหุ้นวิ่งวนไปวนมา  แบบแมวไล่งับหางตัวเองอีกแล้ว   น่าเบื่อหน่าย ไปเล่นเกม Sudoku  แล้วอ่านหนังสือนิยายดีกว่า

     
     

    จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ส.ค. 51 20:49:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom