ความคิดเห็นที่ 1 กองทุนที่สามารถนำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ จะมีอยู่ 2 ประเภท RMF :: กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนประเภทนี้ จะต้องมีระยะเวลาการลงทุนต่อเนื่องทุกปี ไม่น้อยกว่า 5 ปี และอายุผู้ลงทุนไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ถึงจะสามารถนำเงินลงทุน พร้อมผลตอบแทนออกมาใช้ได้ครับ กองทุนในประเภทนี้ จะมีระดับความเสี่ยง และโอกาสสร้างผลตอบแทน ได้จากน้อยๆ สุด ด้วยประเภทการลงทุนกับตราสารหนี้ ไปจนถึงระดับสูง ที่ลงทุนในหุ้น ทำให้การลงทุนประเภทนี้มีความยืดหยุ่นสูง สำหรับความต้องการของผู้ลงทุนที่หลากหลาย LTF :: กองทุนหุ้นระยะยาว กองทุนประเภทนี้ จะมีระยะเวลาการผูกพันการลงทุนไม่มากนัก คือสามารถ เลือกที่จะลงทุนปีใดก็ได้ เมื่อปีนั้นต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษี เพียงแต่โอกาสที่เปิดให้ลงทุน แล้วนำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้สิทธิ์ลดหย่อน ภาษีได้นั้น จะกระทำได้ถึงเพียงแค่ปี พ.ศ. 2559 เท่านั้นครับ กองทุนประเภทนี้ จะเน้นการลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ทำให้ระดับความเสี่ยง มีสูงมาก จนอาจหมายถึงโอกาสเกิดความสูญเสียได้ในบางโอกาสครับ ด้วยระดับรายได้ที่ 1,600,000 บาท ต่อปี ทำให้ภาษีที่เสียในแต่ละปี ถึงขั้นประมาณ 30% ของรายได้ ซึ่งถือว่าสูงมาก และโอกาสที่จะให้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษีด้วยเงินลงทุนผ่านกองทุน นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่า ปล่อยให้รายจ่ายด้านภาษีเกิดขึ้นโดยไม่ ได้ใช้สิทธิ์ครับ การใช้สิทธิ์ทางภาษี จะต้องเป็นชื่อของผู้เสียภาษีเท่านั้น ที่จะนำไปลงทุนใน กองทุน RMF & LTF เพื่อนำมาใหช้สิทธิ์ได้ จะใช้ชื่อผู้อื่น หรือแม้แต่คู่สมรส นำไปลงทุนก็ไม่สามารถนำมาใช้สิทธิ์ได้ครับ สิทธิ์ที่จะใช้ได้สำหรับแต่ละประเภทคือ ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 5 แสนบาท โดย RMF จะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมคือ เมื่อนับรวมกับ กบข. แล้วไม่เกิน 5 แสนบาท แต่เมื่อ 15% ของรายได้ที่ 1,600,000 คือ 240,000 บาท ดังนั้นยังห่างจากขั้น 5 แสนบาทอยู่มาก ทำให้เงินสะสมที่ กบข. ไม่มีผลใดๆ ครับ ดังนั้นเงินลงทุนสูงสุดที่สามารถใช้สิทธิ์ได้คือ ประเภทละ 240,000 บาท รวมการลงทุนทั้ง 2 ประเภท 480,000 บาท ซึ่งอาจหมายถึงสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีไปถึง = 480,000 x 30% = 144,000 บาท จากคุณ : pjuk - [ 4 ก.ย. 51 13:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อธิบายแล้วเข้าใจขึ้นมากเลยค่ะ  จะนำคำแนะนำไปปรึกษาสามีนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณ pjuk จากคุณ : bolton fanclub - [ 4 ก.ย. 51 15:10:42 ]