ความคิดเห็นที่ 1 แป่ววววว อ่ะล้อเล่งง ภาพด้านบน นับ wave ก็ได้น่ะครับ แต่ไม่รู้ มีกี่เวฟดี เอิ้กกๆๆๆๆ .. . set ช่วงราชาเงินทุน 1978 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 16:52:38 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 16:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 tta ปี 1999 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 16:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หุ้นผีดิบ (เขาเรียกกันง่ะ) IEC จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 16:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 TFI จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 16:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อุ๊ ขี้เกียจทำภาพแล้ว พี่ๆท่านไหน มี หุ้นมาแนะนำกันบ้างครับ จะขอบคุณมาก  จุดประสงค์ผมมีเท่าเนี่ยแหละ 5555555555555555555 หุ้น IEC ด้านบน ช่วงขาลง นับเวฟนั้นอาจจะผิดน่ะครับ อย่าไปสนใจ เพราะผมขี้เกียจแก้ 555 เอาแค่จุดประสงค์หลักคือ  wave1 ก็แล้วกัน แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 17:07:22 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 16:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... จากคุณ : lasanya - [ 13 ก.ย. 51 17:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ ลืม ยังมีอีกตัวที่ทำไว้ อิอิอิอิอิอิ จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 17:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพแรก wave ไรอะพี่ เอา wave ไหนดีเนี่ย เลือกไม่ถูก จากคุณ : hehew - [ 13 ก.ย. 51 18:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาตัวเด็ดๆเลยพี่ หุ้นหรั่งปั่น ป Series กะ Bank จากคุณ : hehew - [ 13 ก.ย. 51 18:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีวันหยุดครับพี่ต้นส้นฯ ใต้ฝนตกชุกมั้ยครับ กทม. ฝนตกทุกวันเลย ตกแบบไม่เลือกเวลาซะด้วยครับ ใช้ เส้น Fibo เทียบกับจุดยอดของ wave ระยะต่างๆ ได้ด้วยใช่มั้ยครับพี่ จะได้ไปลองศึกษาดู อยากนับเวฟเป็นบ้างครับพี่ เข้ามาเก็บความรู้จากประสบการณ์พี่ต้นสนฯด้วยคนครับ ^^ จากคุณ : zylinz - [ 13 ก.ย. 51 19:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอ พี่ต้นสนครับผมว่ามันยังมีประเด็นอีกนะครับ 1. ในเวฟ ๑ นั้นมันจะมีเวฟย่อยประกอบด้วยก็ได้นี่ครับ อาจจะต้องถามว่าเราต้องการหา 1 ใหญ่ หรือ 1 เล็ก ๆ 2. indicator ที่ประกอบในนั้นก็จะมีค่าต่าง ๆอีก เช่น RSI อาจจะประมาณ 70 (จำไม่ค่อยได้ งง ๆ) 3. เทรนตลาด ณ ขณะนั้น เช่น มันลงอยู่ แล้วside way down แต่ผมก็เห็นด้วยนะครับว่าพอมันจบถึงจะพอบอกได้ว่า "น่าจะเป็น wave 1" รบกวนผู้รู้ท่าน อื่น ๆ ด้วยครับ อาจารย์ปลา พี่ kitty พี่ KAI พี่ พอลลี่ พี่ tuxpower และ พี่ ทุกท่าน จากคุณ : เด็กรู้น้อย (kinma) - [ 13 ก.ย. 51 20:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ พี่ zylinz  ใต้ไม่ค่อยตกแล้วครับ (เฉพาะบ้านผมน่ะ อิอิ) ส่วนใหญ่ตกเฉพาะตอนเช้าครับ วันนี้ นอนตื่นสายเลย เส้น Fibonacci ใช้ได้ครับ แต่ ต้องใช้ให้ถูกวิธีน่ะครับ  เพราะ Fibonacci เป็นตัวเลข ที่ใช้เทียบเหมือนคนสูง 180 จะมีขนาดหัวใจ เส้นรอบวง xx ซม ไม่ใช่ เอา ความยาวแขนมาเทียบกับ หัวใจ ดังนั้นจะใช้ต้องทราบครับว่า เราจะใช้มันวัด wave ไหน  เช่น วัดหา wave 2 ก็ใช้ยอดและฐานของ wave1 วัดwave 4 ก็ใช้ยอดและฐาน wave 3 เป็นต้น   อิอิ นับ wave ไม่ยากหรอกครับพี่ zylinz  หากพี่สนใจ ผมสงเอกสารไปให้ทาง อีเมล์ก้ได้ (ภาษาอังกิด)  เวลานำมาใช้ ต้องทำการบ้านเยอะๆหน่อย อยู่ว่างๆก็หาหุ้นมานับอยู่ตลอด และเวลานับต้องละเอียดพอสมควร  หยักนิดหยักหน่อย ต้องสนใจหมด จนแทบจะหัวหมุน อิอิอิ  ถ้าพี่สนใจเอกสาร หลังไมค์มาบอกอีเมล์ก็ได้ครับ เดี่ยวส่งให้ ผมจะได้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์กัน จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 20:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณพี่ kinma ที่เข้ามาคุยด้วย หมัน(แม่น)แล้วครับพี่  เห็นด้วยกับความเห็นของพี่หมดเลยครับ (ยกเว้นเรื่อง ค่าinducatorในแต่ละ wave เพราะผมไม่ทราบเหมือนกัน อิอิ) ที่ผมเอามาพูดคุยนั่น ไมได้สนใจหรอกครับ ว่า อันไหน 1 ใหญ่ 1 ย่อย เพราะไม่ว่าจะ 1 ใหญ่หรือ 1 ย่อย wave ต่อไปนั่น ก็เป็น 2-3-4-5 และ a-b-c ตามๆกันมา   ดังนั้นประเด็นที่นำเข้ามาที่ต้องการคือ เมื่อทราบแล้ว เราจะใช้มันทำอะไรได้นั่นเองครับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 51 20:30:11 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 20:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ คุณ NOVICE จากโฉลกดอดคอม เอื้อเฟื้อมาให้ เป็นการใช้ดู Minor wave โดยใช้ RSI 7 periods  เขาว่าดังนี้  แปลดูเอานะครับ 5 Wave Minor Trend Analysis: (blue 1-2-3-4-5 small numbers) 1) The RSI crosses above 50 in minor wave 1, but stays below 70. 2) Minor wave 2 may cause RSI to momentarily dip back below 50. 3) Minor wave 3 takes RSI higher, often to around 80. In the real world %K will often reach 80 but rarely 90. Study tip: It is important to realize that it is minor wave 3 that takes RSI to its highest high! 4) Minor wave 4 causes RSI to cross below 70 from its lofty high, but remain above 50. This crossing is the FALSE signal that traders fall for all too often. Going short because of a turn at 3 is premature, and your stop just above the top at 3 is taken out by the final thrust to the top at minor wave 5. The psychological tendency is to ignore the signal at 5 because of the loosing short attempted at wave 3. 5) Minor wave 5 causes RSI to rise again, often crossing back above 70, but the market lacks the duration in trend to elevate RSI to a higher high. When RSI turns down and crosses 70 the second time, this is the signal. Study tip: Look for divergence, where the price action put in new highs, but the study does not. Divergence between RSI and price is a very strong indicator of a turning point. 3 Wave Minor Correction Analysis: (blue a-b-c letters) a) Minor wave a returns to the previous support level of minor wave 4. But the drop of RSI is huge, falling from a lofty high below 40. This rapid fall is similar to the rapid rise that occurred in minor wave 1. b) Minor wave b is a Fibonacci retracement from a back towards 5. The example has its price stopping at the top of wave 3. The effect on RSI is to rally back above 50, possibly around 60. c) Minor wave c takes RSI to new lows around 30. The example shows a drop slightly below 30. Study tip: Divergence will not occur this time. Therefore, the signal to go long is the first time RSI crosses above 30.  บางคนชอบใช้ RSI 14 มากกว่า  ผมนิยมใช้ RSI 14 มากกว่าครับ จากคุณ : kitty63 - [ 13 ก.ย. 51 22:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พี่kitty63 ครับ พอเวลาอ่าน คลื่น ควรดู indicator ไหนก่อนบ้างอะครับ เพราะเวลาที่ผมอ่านในหนังสือ เนี่ยมันก็จะมีสัญญาณของแต่ละอย่าง sensitivity กับ specificity มันไม่เหมือนกัน เอาตาม expert opinion แบบพี่แหละครับ บางทีก็ใจร้อนไม่อยากรอ (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง) บางทีเจอหลอกก็เซ็งไปครับ -_-" จากคุณ : เด็กน้อยท่องคลื่น (kinma) - [ 13 ก.ย. 51 23:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แซงกิ้วๆ มากๆเลยครับพี่ kitty63 ที่นำความรู้ ตรงนี้มาให้ จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 13 ก.ย. 51 23:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณพี่ครับ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ 14 ก.ย. 51 01:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 การใช้เทคนิเคิล แต่ละคนมีรูปแบบการใช้แตกต่างกัน ใช้ indicators แตกต่างกัน ใช้โปรแกรมการวิเคราะห์แตกต่างกัน ( Metastock  Amibroker  Advance Get   Tradestation ฯลฯ )  ทำให้ได้มุมมองแตกต่างกัน ดังนั้นที่เราเห็นว่ามีนักวิเคราะห์มากมายออกมาให้ความเห็นก็จะได้ผลแตกต่างกัน ยิ่งหากการมองในระยะเวลาที่ไม่เหมือนกันด้วยแล้ว อาจได้ผลตรงกันข้ามเลยก็ได้   ผมจะลองเสนอมุมมองของผมจากการศึกษามาหลายๆรูปแบบทั้งเรื่อง Candlestick Patterns  / Metastock Indicators  / Chart  Pattern การที่ผมพยายามศึกษาหลายๆรูปแบบเนื่องจากพบว่า แต่ละอย่างไม่สามารถตอบโจทย์ในใจของผมได้ทั้งหมด แต่เมื่อเราศึกษาหลายๆอย่างผสมกัน ก็จะช่วยอธิบายข้อสงสัยได้มากขึ้น  ที่จริงแล้วทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงวิธี หรือ Method ที่เราใช้ในการเลือกซื้อ หรือ ขายหุ้น  ยังมีส่วนอื่นที่สำคัญกว่าเรื่อง method มากมาย คือ เรื่อง Money Management และ Mind  ทั้ง 2 ส่วนหลังนี้สำคัญกว่าส่วนแรกมาก  ผมของเกริ่นคร่าวๆ เรื่องการลงทุนไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะต่อเรื่องวิธีการใช้เทคนิเคิล ในมุมมองของผม จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 09:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อเราเริ่มพิจารณาที่จะลงทุนซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนั้น ( ผมขอตัดหุ้นปั่นที่ไม่มีพื้นฐานออกไป เพราะผมไม่พิจารณาเลยเนื่องจากรายใหญ่ใช้เงินไม่มากก็ทำกราฟได้เองให้ขึ้นลงก็ได้  ซึ่งมันไม่เป็นไปตาม concept ของ wave theory ซึ่งวิเคาะห์มาจากจิตวิทยามวลชน  หากมีคนน้อยผลที่ถูกต้องก็ต่ำ จะเห็นว่ายิ่งหุ้นตัวยิ่งใหญ่มีคนลงทุนมาก ความแม่นยำของการใช้ wave theory ก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้น เพราะเมื่อจำนวนเงินที่ลงทุนมากมีนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากสู้กัน โอกาสจะปั่นก็จะน้อยมากๆ เพราะใช้เงินมากนั่นเอง )  1 . ผมจะหาข้อมูลพื้นฐานของบริษัทดูก่อน ว่ามีกำไรหรือขาดทุน ผลประกอบการเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ ถ้าดีขึ้น หรือทรงตัว ก็หาเหตุผลประกอบว่าจากอะไร มีความเสี่ยงที่บริษัทผลประกอบการจะลดลงในอนาคตหรือไม่ 2. หากผ่านข้อที่ 1 แล้วก็มาดูในทางเทคนิค ซึ่งโดยทั่วไปเขาเชื่อว่าบริษัทจะดีหรือแย่ ทุกอย่างจะสะท้อนอยู่ในราคาทั้งหมดแล้ว  แต่ราคามันไม่ได้อยู่นิ่งๆตลอดไตรมาสนี่ มันมี gap ให้หากำไรได้ ดังนั้นการใช้เทคนิคก็น่าจะเป็นประโยชน์ตรงนี้ได้  เปิดกราฟดูว่า แนวโน้มราคาหุ้นเป็นอย่างไร  ขาขึ้น ขาลง หรือ sideway พยายามหาหุ้นที่น่าจะจบขาลงหรือใกล้จบ หรือ กำลังเพิ่งทำขาขึ้นอยู่ ตรงนี้หลายคนบอกว่าพูดง่ายทำยาก  นั่นซิ เขาถึงต้องมีวิธีดูไง คนที่ไม่รู้ก็เสียเปรียบหน่อย ดังนั้นต้องรีบศึกษาให้มากๆ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนเราเสียเปรียบคนอื่นอยู่   โดยทั่วไปแล้วเขาใช้การลากเส้น SEC ( Standard Error Correction) ที่เป็นเส้นขนาน 3 เส้นลากจากราคาสูงสุด ไปยังราคาปัจจุบัน ดูว่าราคาได้ break ทะลุเส้นขึ้นไป หรือไม่ ( เดี๋ยวหารูปให้ดู )   รูปนี้ขออนุญาตคุณ Nancy จาก chaloke.com นะครับ ดูรูปแล้วสวยมาก ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อน เพื่อเป็นวิทยาทานหวังว่าคงให้อภัยนะครับ จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 09:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หากผ่านข้อ 2 แล้วต่อไปก็จะมาวิเคระห์กันต่อว่า เมื่อ break out ขึ้นไปแล้วนั้น มันควรต้องมี volume support ด้วยไม่ใช่ขึ้นไปด้วย volume ปกติ หาก volume ไม่มาด้วยก็อาจเป็น False signal ได้มาก ตามไปอาจโดยสวนลงมาได้  แต่หาก break out พร้อม volume ก็มักจะเป็นไม้แรกๆ ของการเข้าซื้อของนักลงทุนแนวเทคนิเคิลซึ่งเขาก็พร้อมจะ stoploss ทันทีหากราคาหลุดกลับเข้ามาใน SEC เดิม หรือหลุด previous Low โดยไม่สนใจอะไร เพราะการซื้อไม้แรกๆ ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ แต่ผลตอบแทนก็สูงด้วยเช่นกัน  ปกติแล้วเซียนเขาบอกว่า เมื่อ Break out แล้วราคามักจะลงมาเคลียคลอแถวๆเส้น SEC สักพักหนึ่งเนื่องจากมีคนที่ติดหุ้นราคาข้างบนยังเห็นว่าเป็นขาลงอยู่ก็ขายสวนลงมาทำให้หุ้นปรับลงไป แต่มักจะไม่หลุดเข้าไปใน SEC หรือทำ new low เพราะนักลงทุนกลุ่มใหม่จะเข้าไปรับหุ้นต่อ  เมื่อราคาไม่ลงต่อแล้ว จะเกิดแรงซื้อต่อไปดันราคาให้วิ่งขึ้นต่อไปเนื่องจากความมั่นใจว่าราคาจะสูงต่อเนื่อง โดยเมื่อราคาผ่านจุดสูงสุดแรกที่ผ่านมาตอน break out ก็จะเกิด Higher high เป็นสัญญาณซื้อใหม่ทันที ซึ่งตอนนี้จะเป็น wave-3 แล้วนั่นเอง นักลงทุนก็จะแห่กันเข้าไปเพราะ เริ่มเชื่อว่าราคาจะวิ่งไปได้อีกมากมาย ปริมาณซื้อขายจะสูง Indicators ต่างๆ จะเกิดสัญญาณ bullish มาก เช่นค่า RSI-14 จะวิ่งไปเกิน 80 ได้ อาจถึง 90 ก็มี   หลังจากนั้นเมื่อถึงเป้าหมายทางเทคนิค ก็จะเริ่มมีการขายออกมาจากนักลงทุนที่ซื้อไปไม้แรกๆ ส่วนใหญ่เขาดูเทคนิคออก ค่อยๆขายออกมาเรื่อยๆ จนราคาหุ้นเริ่มปรับตัวลงมา แรงซื้อ หรือสัญญาณจากค่า RSI ก็จะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว หลังจากปรับตัวลงมาระยะหนึ่ง ก็จะมีนักลงทุนกลุ่มที่คิดช้า หรือตกรถ เข้าไปซื้อที่ wave 4 และค่อยๆซื้อเพราะยังเชื่อว่าหุ้นจะยังวิ่งได้อีก จนถึง wave 5 ซึ่งจะเป็นจุดสิ้นสุด ขาขึ้น  ก็จะเกิดการเทขายอย่างมากมายโดยรายย่อยตั้งตัวไม่ทัน หรือทำให้ cut loss ไม่ได้ เพราะยังคิดว่าเดี๋ยวคงวิ่งกลับมาใหม่ แต่หุ้นก็มีรีบาวร์นริงๆ ( เป็น wave-B) แต่ไม่ถึงราคาเดิม ก็ลงต่อไปทำ wave-C อยู่นานจนรายย่อยถอดใจ ขายทิ้งไป  เป็นอันจบรอบขาขึ้นและขาลง 1 รอบ  ลองพิจารณากันดูว่าจริงไหม   ส่วนวิธีพิจารณาแนวรับ แนวต้านว่าราคา ของแต่ละ wave นั้น ทางเทคนิคนั้น เขาดูกันอย่างไร   แต่ขอเป็นช่วงหลังนะครับ  ขอออกไปพักผ่อนก่อน จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 09:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รออ่านต่อครับ อยากคุยกับพี่มากๆ   แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 12:32:22 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 14 ก.ย. 51 12:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาต่อครับ การหาราคาเป้าหมาย ทั้งในขาขึ้นและขาลง และ sideway นั้น มันมีหลายเทคนิคมากเขียนได้เป็นเล่มๆ  เพราะมีจุดสังเกตมากมาย เป็นเคล็ดวิชา ผมเองก้เป็นประเภทครูพักลักจำ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) และชอบค้นคว้า คือมันขี้สงสัยแล้วนอนไม่หลับต้องหาคำตอบให้ได้  ก็เลยได้จุดสังเกตมาบ้าง ยังไงก็จะพยายามยัดเยียดให้แล้วกันนะครับ ผมขอแบ่งการหาราคาเป้าหมายโดยทางเทคนิคออกตาม ลักษณะของ wave  แล้วกันนะครับ โดยแบ่งเป็น Impulsive wave  และ Corrective wave   ซึ่ง Impulsive wave จะมีวิธีการหาเป้าหมายราคาไม่ยุ่งยากมากนัก แต่เจ้า Corrective wave นี่สิ โครตยากเลย และยังเสี่ยงมากด้วย เพราะมีหลาย patterns เป็น Flat   ZigZag   Triangle  นอกจากนี้ยังอาจเป็นรูปแบบ Complex คือเป็น corrective หลายๆอันมาต่อรวมกันอีก  ดังนั้นคนที่ไม่เชี่ยวชาญจริงๆ เขาให้หยุดลงทุนก่อน ไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า เพราะโอกาสเสียมากกว่านั่นเอง     Impulsion Pattern  - จะประกอบด้วย 5 คลื่นหลัก คือ 1-2-3-4-5 ( ผมขอใช้ขาขึ้นเป็น model นะครับ   ส่วนขาลงก็จะเหมือนกันแต่มีทิศทางลง) โดยคลื่นที่ 1 จะเริ่มวิ่งขึ้นไปหลังจากจบ wave-C ของ รอบก่อนแล้ว มักจะวิ่งขึ้นเร็ว แต่ volume ยังไม่มากนัก ค่า RSI-14 มักจะวิ่งขึ้นมาจากแถว 30 ขึ้นไปแถว 65-70 ซึ่งผมมักจะใช้ค่า RSI และนับจำนวนคลื่นย่อยว่าเป็น 5 คลื่นย่อยใช่หรือไม่ หากครบทั้ง 2 กรณี ก็อาจจะเป็น wvae-1 ได้  แต่หากค่า RSI-14 สูงสุดได้แค่ 50-60 ก็อย่าหวังว่าจะเป็น wave-1 เลยน่าจะเป็น wave-X แล้วจะลงไปทำ wave-a ต่อไปแทน   อันนี้แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน ผมไม่ยืนยันว่าถูกหรือผิด ขอเป็นความเห็นส่วนตัวแล้วกันนะครับ หลังจากที่เราทราบจุดสูงสุดของ wave-1 แล้ว ( ปกติ RSI-14 ของ  wave-1 มักไม่สูงเกิน 75 หรอกครับ หากมีก็น้อยมากแล้วจะปรับลงอย่างรวดเร็ว แม้ราคาจะลงไม่เร็วก็ได้  ) ผมจะเริ่มมองหาเป้าหมายของ wave-2 โดยใช้ ค่า Fibonacci Retracement ที่ 38.2%-61.8% เป็นจุดกำหนด โดยดูแต่ละระดับ ควบคู่กับค่า RSI หรือ STO รวมทั้งนับจำนวนคลื่นด้วยว่าเป็น a-b-c หากได้ครบทั้ง หมดแล้ว เช่นราคาลงมาที่ 61.8% และค่า RSI-14 ของ wave-2 มักจะลงมาแถวๆ ต่ำกว่า 40 และมีคลื่นย่อยครบตามลักษณะ a-b-c แล้ว ก็รอดูเมื่อไหร่มันจะเด้งครับ  จุดนี้ล่ะครับเป็นจุดที่สำคัญเพราะจะเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบนี้แล้ว จะไม่มีราคา Sale นี้อีกในรอบนี้ หากเป็นขาขึ้นจริง  จากนั้นก็รอถือไปเรื่อยๆ ครับ แต่  อย่าลืม stop loss ทีราคา Previous low นะครับ  ป้องกันตัวเองไว้ก่อนทุกครั้งที่ซื้อ จะได้ไม่เจ็บตัว หากผิดทาง  สมมติเราซื้อได้ที่ wave-2 แล้ว แนะนำให้ถือไปเรื่อยๆ  หากเรามองถูกต้องค่า RSI นับวันก็จะค่อยๆวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าค่า RSI จะเริ่มวิ่งเข้าสู่ 65-70 ก็จะมีแรงกระชากราคาให้วิ่งเร็วยิ่งขึ้น เหมือนม้ากำลังจะเข้าทางตรง วิ่งไม่คิดชีวิต ช่วงนี้แหละครับ ไม่ว่ารายย่อยรายใหญ่เข้าตะลุมบอนกัน Volume เลยโป่งออกมา ตามรูปแบบ wave-3 เป๊ะเลย  ยังครับ ยังไม่ต้องขาย ให้รอต่อไปจนค่า RSI > 85-90 ช่วงนี้ต้องสังเกตใกล้ชิดแล้วครับเพราะแกว่งตัวแรงมาก volume ก็มากมีแต่ไม้ใหญ่ๆ  indicators ที่เราต้องสังเกตให้ดีคือ RSI เริ่มหักหัวลง  ค่า STO  %K ตัด %D ลงมาในเขต Overbought area ราคาเริ่มติดลบ ตรงนี้ หากพอใจในกำไรก็น่าจะออกมาก่อนนะครับ ได้มักไม่คุ้มเสีย เก็บกำไรใส่ตุ่มไว้ก่อนนะครับ แล้วมารอซื้อใหม่ข้างล่างดีกว่าครับ   ลืมบอกอีกอย่าง ที่จริงแล้วผมต้องหาราคาเป็าหมายของ wave-3 โดยใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับการดูค่า RSI ประกอบว่ามันจะไป peak ที่ไหน  โดยทั่วไป จุดสูงสุดของ wave-3 จะอยู่ประมาณ 1.618 เท่าของความยาว wave-1 โดยนับต่อยอดขึ้นไปจาก wave-1  (ในกรณีที่มองว่า wave-3 เป็น wave ที่ยาวที่สุด ) จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 14:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นั่งอ่านด้วยคนค่ะ     จากคุณ : spaceship - [ 14 ก.ย. 51 14:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เฮ้อ เหนื่อยครับ พิมพ์ไม่ค่อยเก่งต้องจิ้มทีละตัวไปเรื่อยๆ   มาต่อกันครับ   ขอทำความเข้าใจอีกทีนะครับว่า ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นความเห็นกว้างๆ เท่านั้น เช่นที่บอกว่าเป้าหมาย wave-3 จะเป็น 1.618 เท่าของ wave-1 ค่านี้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแน่นอน  เดี๋ยวจะไปรอขายกันตรงนั้น ไม่ถึงไม่ขาย เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมด กรุณาอ่านทำความเข้าใจทุกคำพูดนะครับ หากบอกว่าโดยทั่วไป..... ก็อาจหมายความว่า มันก็มีผิดตกยกเว้นด้วย   ดังนั้นถึงต้องให้ดูองค์ประกอบตัวอื่นๆ ประกอบด้วยไง  ( กลัวโดนด่าครับ กลัวจริงๆครับ )   สมมติอีกทีว่า เราขายตรง wave-3 แล้ว  แหมช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ราคาล่วงทันตาเห็น  ก็แอบอมยิ้มที่เพิ่งได้กำไรครั้งแรกในชีวิต  คราวนี้รู้สึกติดใจ แล้วเราจะรับกลับที่ราคาตรงไหนดีล่ะ ?  แหมมันก็อยากได้อีกนี่   นาย ELLIOTT  เขาบอกว่า (หรือใครบอกก็จำไม่ได้แล้วแต่ช่างมันเถอะ) wave-4 มันมักจะปรับตัวลงมาอย่างน้อยต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 0.382 เท่าของความยาว wave-3 ที่เพิ่งจบลง  คำว่า '' อย่างน้อย '' แสดงว่า อาจมากกว่า โดยเป็น 0.50   0.618  หรือ 0.786 ก็ได้สิ ?  คำตอบคือ ใช่ครับ แต่ผมบอกแล้วไงครับว่า เราต้องดู indicators อื่นๆ ประกอบด้วยดูแต่ราคาอย่างเดียวไม่ได้ เดี๋ยวหลงทาง  ปกติแล้วค่า RSI ของ wave-4 มักจะลงมาค่อนข้างต่ำจนเข้าเขต oversold area เลย คือต่ำกว่า 30 นั่นเอง  ตัวเลขอย่าไปยึดมั่นว่าต้องเป๊ะๆ นะครับ ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย  และกฎอีกอย่างคือ จุดต่ำสุดของ wave-4 จะลงมาต่ำกว่าจุดสูงสุดของ wave-1 ไม่ได้นะครับ มันเป็นกฎ  ( ที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นได้ ในการ overlap ระหว่างจุด ต่ำสุดของ wave-4 และจุดสูงสุดของ wave-1 แต่จะทำให้เกิดรูปแบบที่เรียกว่า Terminal Impulse pattern ซึ่งจะคุยให้ฟังภายหลัง ตัวนี้น่าสนใจมาก ขอบอก )  ดังนั้นเวลาเราหาเป้าหมายราคาโดยใช้ Fibo Retracement ก็ต้องดูด้วยว่าราคามันลงไปต่ำกว่ายอด wave-1 หรือเปล่า ถ้าต่ำกว่าก็ใช้ค่านั้นไม่ได้    หลังจากรอจนได้ราคาลงมาพอสมควรแล้ว  ดูค่า RSI ได้ 25-30 แล้ว ได้ค่าตัวเลข Fibo Ret ที่เป็นแนวรับแล้วเช่นลงมา 61.8% คราวนี้ก็รอครับ ให้มีการกระตุกราคา หรือดูว่าค่า RSI เริ่มวิ่งขึ้นจาก oversold area และค่า STO %K ตัด %D ขึ้นไป ก็เริ่มเข้าทะยอยเก็บคืนครับ อย่าลืมนับคลื่นด้วนนะครับ wave-4 ก็ต้องมี a-b-c นะครับ เมื่อครบทุกอย่างก็ลงมือครับ    สำหรับเป้าหมายของ wave-5 นั้นแยกออกเป็นหลายรูปแบบอีกซึ่งต้องระวังแล้วเพราะเป็นคลื่นขาขึ้นสุดท้าย ซึ่งแรงซื้อจะน้อยกว่า wave-3 ค่า RSI สูงสุดก็มักอยู่แถว ๆ 70-80 เท่านั้น จะต่ำกว่าตอน wave-3 แน่นอนยืนยันนอนยันได้  ดังนั้นหากค่า RSI ที่วิ่งขึ้นจาก 30 ตอน wave-4 ขึ้นไปถึงแถวๆ ตัวเลขนี้แล้วก็ต้องระวังตัวกันแล้ว และกรุณาช่วยนับคลื่นดูด้วยว่า ครบ 5 คลื่นย่อยแล้วหรือยัง หากครบทุกอย่างแล้ว เวลาจะจบ wave-5 มักจะจบไม่ค่อยสวย คือเล่นโยนลงมาแบบ Grand sale ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้จะมีข่าวดีไม่ดีก็ไม่รู้ กว่ารายย่อยจะรู้มักจะทำ WAVE-A ไปแล้ว ติดดอยกันเป็นแถวๆ  ดังนั้นจึงขอเตือนแล้วเตือนอีก ว่า ศึกษาให้มาก มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิดเสมอ แล้วเงินในกระเป๋าเราก็จะยังอยู่ครบครับ   ขอให้โชคดีมีเงินใช้ครับ   หากท่านใดจะเพิ่มเติมความเห็นทางเทคนิค ก็จักขอบพระคุณอย่างสูงครับ    แต่การเมืองไม่เอานะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 19:04:18 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 15:16:50 จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 15:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : spaceship - [ 14 ก.ย. 51 15:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ จากคุณ : หนูนุ้ย - [ 14 ก.ย. 51 16:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ จากคุณ : hehew - [ 14 ก.ย. 51 17:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความรู้เพียบเลยครับ สำหรับเอกสารที่พี่ต้นสนฯ พูดถึงนั้น ผมต้องการมากๆ ครับพี่ ส่งมาได้เลยครับ ขอบคุณครับ ต้องแบ่งเวลามาอ่านบ้างซะแล้วหละครับ ที่ผ่านมาใช้จิตใจช่วยเล่น แต่ยังไม่มีเครื่องมือที่ใช้คล่องๆ ช่วยเลยครับ จากคุณ : zylinz - [ 14 ก.ย. 51 17:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่ะพี่ จากคุณ : น้องกล่องเปล่า - [ 14 ก.ย. 51 18:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับคนที่อยากศึกษาเรื่อง ELLIOTT WAVE จริงๆจังๆ ผมแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 20:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ลืมใส่รูปเลย มือไวไปหน่อย จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 20:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณพี่ kitty63 มากครับ โดยส่วนใหญ่ เวลาผมเทรดนั้น จะใช้ วิธีอยู่ 2-3อย่างด้วยกันเป็นตัว ตัดสินใจ ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันน้อยนิดกับพี่ด้วยก็แล้วกัน ขอเปรียบการเลือกหุ้น การลงทุน เหมือนกับเวลาเราขับรถไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง  เวลาเราวางแผนสิ่งที่เราควรรู้ก็คือ เส้นทางที่เราจะไป ลักษณะถนนหนทาง สภาพรถ ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้เหมือนกันเลยครับ ตามความคิดผมในเวลาศึกษาเรื่องหุ้น สิ่งที่ผมใช้ มี ดังนี้ 1. Elliot wave สำหรับบอกทิศทางของหุ้นที่เราสนใจ ว่าหุ้นตัวนี้มันอยู่ในจังหวะไหน สมควรติดตามหรือไม่ ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ Elliot wave นี้ ไม่ว่าจะเป็นหลัการใช้ RSI ผสมของพี่ ผมถือว่า เป็น เหมือนลักษณะของถนนหนทาง ที่เรากำลังศึกษา  ส่วนตัว ผมเชื่อว่า การนับเวฟนี้สำคัญมากสำหรับผม เพราะเหมือนกับเรากำลังไป เชียงใหม่ เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า มันอยู่ทางทิศไหน มีถนนกี่สายมุ่งหน้าไปบ้าง อะไรอย่างไร 2. สัญญาณซื้อ  ใช้สำหรับเปรียบเหมือนสัญญาณไฟเขียว-แดง เวลาเรากำลังไปสู่จุดหมาย ช่วยในการตัดสินใจ อย่างเช่น บางครั้งบางครั้ง เราผ่าไฟแดง ถึงแม้จะอยู่ถูกที่ถูกถนน ก็อาจโดนรถบรรทุกที่สวนมาทับเอาได้ เรื่องนี้จึงสำคัญ ส่วนใหญ่ที่ผมชอบใช้ มักจะเป็น Bolliger Band  หรือ สัญญาณซื้อจากเว็บ ลุงโฉลกที่ใช้ได้ดีเหมือนกัน ที่ส่วนใหญ่ผมจะใช้จึงมีสั้นๆเพียงแค่เท่านี้แหละครับ  แต่ แต่ละครั้งกว่าจะเทรดนี้ ต้องทำการบ้านก่อนล่วงหน้าเยอะพอสมควร อย่างเช่น หุ้นตัวนึง ต้องเริ่มศึกษาตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาดเลย ว่าจุดเริ่มต้นมันเป็นมาอย่างไร แล้วมันดำเนินเรื่องราวต่อเนื่องมาอย่างไร จนตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของเนื่อเรื่อง สมควรรอสัญญาณและเชื่อดีหรือไม่ ฯลฯ จิปาถะ   มุมมองของผม ระหว่าง Elliot wave กับหุ้นปั่นนั้น แตกต่างจากพี่ครับ สำหรับผมถือว่า หุ้นแต่ละตัว ที่มีคนทำราคานั้น ยังถือว่า คนทำราคานั้นเขาเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆคนนึง ดังนั้น พฤติกรรมทั้งหลายของเขา จึงสะท้อนออกมาได้ไม่แตกต่างกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ๆเลยครับ ผมเห็นด้วยกับ เรื่องจิตวิทยามวลชนนั้น แต่ไม่ทั้งหมด ... Elliot wave เป็น วิชา ศาสตร์ความรู้ ที่ศึกษา “ธรรมชาติ” ของมนุษย์ที่สะท้อนออกมาในรูปราคาหุ้นครับ ดังนั้น เมื่อเป็น “ธรรมชาติ” แล้วมันจึงไม่แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็น ใครๆก็ล้วน สะท้อน พฤติกรรมต่อหุ้นนั้นออกมาในลักษณะ 1-2-3-4-5 และ a-b-c เช่นกัน เพราะทุกคนในโลกและจักรวาลนี้ล้วนอยู่ใน ธรรม อันเดียวกัน (เฮ้ออ)  แล้วยิ่งโดยส่วนใหญ่คนทำราคามักจะไม่ได้ทำคนเดียวแต่ทำเป็นหมู่คณะแล้ว ก็ไม่แตกต่างกันเลยครับ พูดถึงเรื่องธรรมชาติ กับ Elliot wave นี้ ผมนับถือ และศรัทธา เจ้าของทฤษฎีความรู้นี้เหลือเกินครับ  เชื่อได้ว่านี่เทียบได้กับภูมิปัญญาในสมัยก่อนของคนไทยได้เลย  ( โหราศาสตร์ก็ดี )   หากเราลองมองถอยออกมาด้านนอกสักหน่อย  พี่จะรู้สึกได้เลย ว่า Elliot wave นี่ไม่ใช่ใช้ได้แค่กับ หุ้นเท่านั้น บางที ยังนำมาใช้กับคนได้เสียด้วย  อย่างเช่น วิถีชีวิตมนุษย์ ที่มี เกิดแก่เจ็บตาย ก็เหมือนกันกับ ความรู้ 1-2-3-4-5ในขาขึ้น และ a-b-c ในขาลง  แปลกดีแท้ ส่วนด้านความรู้เพิ่มเติมทางด้าน เทคนิคนั้น ผมคงรู้น้อยกว่าพี่เสียด้วยซ้ำ แต่ขอเสนอ กลยุทธ์เทรดหุ้นง่ายๆนี้ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนสำหรับความรู้แก่พี่ก็แล้วกัน  ขอบคุณครับพี่ kitty63 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 51 21:31:28 จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 14 ก.ย. 51 21:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเสนอเพิ่มเติมให้อีกหน่อยแล้วกันนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณต้นสนฯ ชอบ ทฤษฎีคลื่นมาก แต่เชื่อเถอะครับว่า คุณไม่มีทางใช้ Eliottwave ได้เดี่ยวๆ โดยไม่ใช้ indicators อื่นๆ ช่วยอ่านคลื่น เพราะมันจะทำให้เราหลงทางได้ง่ายมาก นอกจากนี้เรายังบอกได้ยากว่าเมื่อไหร่จะ peak หรือ trough   การที่ผมเสนอเรื่องการใช้ RSI เข้ามาช่วยเสริมในการระบุ wave นั้นเป็นเพียงเทคนิคหนึ่ง เราควรใช้ indicator อื่นๆ มาช่วยยืนยันด้วยก็จะทำให้หลง wave ได้น้อยลง ส่วนการใช้ system trade เช่น BoonC Peak& Trough v 1.1 จาก chaloke.com ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ในการหาจุดเข้าซื้อขาย แต่ระบบนี้เป็น Trend Following system คือ ต้องอยู่ในระยะที่มี trend ก่อนสัญญาณจึงจะน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ซื้อขายตามสัญญาณโดยไม่พิจารณา Trend ตาม concept ที่ผู้เขียนโปรแกรมเขาตั้งไว้  อาจทำให้เกิด False signal ได้มาก หากคุณต้นสนเป็นสมาชิกของเวปคุณลุงโฉลกอยู่ ก็คงได้ทราบถึงวิธีใช้เป็นอย่างดี  แตละ system เหมาะสมในการใช้แตกต่างกัน ต้องเลือกและนำมาปรับปรุงให้เหมาะกับนิสัยการ trade ของเราด้วย  ส่วนเรื่องหุ้นปั่นนั้น ที่ผมไม่แนะนำ เพราะมีความเสี่ยงสูง และหุ้นอยู่ในมือรายใหญ่ไม่กี่ราย เขาสามารถกำหนดราคาขึ้นลงได้ โดยรายย่อยไม่มีทางต้านทานได้เลย ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่จิตวิทยามวลชน หากมีผู้เล่นน้อยราย  หากคุณต้นสนสนใจ Elliott wave มากขนาดนั้นจริงๆ  ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มข้างบนที่ผมแนะนำไว้ แล้วจะได้รู้ถึงอะไรอีกมากมายจริงๆ หากไม่รู้จะหาจากไหน ก็ลองเข้าไปโหลดที่นี่ได้ครับ http://www.4shared.com/dir/3211368/bf264e2d/STOCKS.html  ยินดีครับที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้กันครับ จากคุณ : kitty63 - [ 14 ก.ย. 51 22:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณครับ พี่ๆ ทั้งหลาย เรื่องหุ้นปั่นกับกราฟนี่ผมเห็นด้วยกับพี่ kitty63  ว่าไม่ควรเอาทฤษฎีไปจับ มันก็คงเหมือนกับเรื่องสถิติยิ่ง มีจำนวน N มาก ความน่าเชื่อถือของงานชิ้นนั้นก็ยิ่งตรงกับภาพรวมทั้งหมดมากยิ้งขึ้น ภาพของหุ้นนั้นก็จะเป็นดังที่กราฟส่วนใหญ่เป็นกัน จากคุณ : kinma - [ 14 ก.ย. 51 22:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บังเอิญผมยังไม่นอนและยังป้วนเปียนอยู่แถวนี้ เห็นพี่ kitty63 เข้ามาร่วมคุยต่อ  จึงขอคุยต่อด้วยครับ สำหรับตัวผม  ผมนั้นไม่ได้ "ชอบ" Elliot wave มากหรอกครับ ที่ผม นำเรื่อง นี้มาคุยเพราะผมเชื่อว่า Elliot wave คือธรรมชาติของตลาดหุ้น ดังที่บอกไปด้านบนแล้ว ดังนั้นหากผมนำเรื่องอะไรมาคุยก็ตาม จึงไม่ได้เกี่ยวกับว่า ชอบหรือไม่ชอบ เพียงแค่เห็นว่ามันเป็น "ความจริง" เท่านั้นจริงนำมาแลกเปลี่ยนครับ  ส่วนที่เป็นความเห็นส่วนตัวเฉพาะๆหุ้นนั้น อาจจะผิดหรือจะถูกนั่นสุดแท้แล้วแต่ความรู้และความสามารถของตัวผมเอง ไมได้เกี่ยวกับตัว วิชา เลย  ดังนั้นขอออกตัวตรงนี้ว่า ไม่ได้ "ชอบ" ดังที่พี่คอมเม้น มา ส่วน ที่พี่แนะนำว่า การใช้ Elliot wave เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นไปได้ยาก ผมนั้นเห็นด้วยครับว่ามันเป็นไปได้ยาก แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นี่ครับ ตรงนี้เป็นคนล่ะความหมายกัน   หากที่เป็นไปได้ยากนั้น ไม่ใช่อยู่ที่ตัว Elliot waves หรอกครับ แต่อยู่ที่ตัวผู้ใช้ความรู้นั้นๆ  ผมเองเป็นเพียงผู้ศึกษาดังที่เคยออกตัวไปแล้ว  การจะศึกษาหรือกระทำอะไรสักอย่างตลอดเวลานั้นผมได้ตั้งธง ของตัวเองไว้ตลอด ว่าเราจะศึกษาหรือทำอย่างไร มีทิศทางไปอย่างไร เอาเรื่องอะไร  หากแม้ในวันและเวลานี้เรายังผิดพลาดอยู่ แต่หากยังไม่หยุดศึกษาและทำอย่างต่อเนื่องสักวันเราก็เข้าใจได้เราก็สำเร็จได้   ดังนั้น สิ่งที่พี่แนะนำมาเรื่องการใช้ Elliot wave อย่างเดียวในการศึกษาว่าเป็นไปได้ยากนั้น ผมจึงเห็นว่าเป็นเพียงภาพนิ่งของช่วงเวลานึงสำหรับผู้ศึกษาเท่านั้น  (แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ผมไม่เห็นด้วยเลยน่ะครับ อย่าเข้าใจผมผิดน่ะ ผมยัง base on ความคิดที่ว่า เห็นด้วยกับพี่ kitty63 แต่ไม่ทั้งหมด)   ผมขอบคุณสำหรับหนังสือ และลิงค์ที่แนะนำให้ครับ ผมได้โหลดแล้วครับ เพียงแต่ยังไม่ได้อ่าน และอาจจะไม่ได้อ่าน เพราะเป็นไฟล์ภาพ ผมอ่านยาก ใช้ Dict ไม่ได้เสียด้วย ภาษาไม่แข็งแรงมากครับ ยังต้องใช้ Dict ด้วยเวลาอ่าน  แต่ก็ขอบคุณมากๆสำหรับน้ำใจของพี่ kitty63 ครับ จากคุณ : ต้นสนใบเดี่ยว - [ 14 ก.ย. 51 23:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หุ้นปั่น ผมก้อนับเวฟเหมือนกัน  แต่ถ้าให้ดีมากขึ้น ผมว่าน่าจะให้ใช้  เครื่องมือบางอย่างมาช่วย ด้วย  เช่นการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย  macd  ส่วนsto ผมไม่ค่อยได้ใช้  ผมใช้ sar แทน ลองหาอ่านในรีเสริช  ของคุณหมากเขียวแล้วนำมาประยุกค์  น่าจะเกิดประโยชน์แก่ทุกท่าน ส่วนเรื่องยากของ เวฟผม  เป็นเรื่องดีกรี ของเวฟ   แต่บางที เป้าหมายทางราคา fibo อาจจะลำบากหน่อยๆ   ถ้าเราใช้มิติทางด้านเวลาด้วย  จะเกิดประโยชน์ มากขึ้น  ช่วยลดการนับเวฟผิดไปได้อีกนิด จากคุณ : Augustinus - [ 17 ก.ย. 51 12:04:52 ]