ความคิดเห็นที่ 1 คิดว่าไม่ดีครับ จากคุณ : yai-cho - [ 28 ก.ย. 51 07:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามพี่โชว์มาบอกว่า.... ดร.กลัวอะไรมากเกินไปอ๊ะเป่า  หุหุ รู้นะ  รู้นะ จะบอกให้ จากคุณ : เอื้อย ค่ะ (ThePhenix) - [ 28 ก.ย. 51 07:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอข่าวเนื้อๆทีสิครับ ผมพึ่งจารู้เนี่ยแหละ จากคุณ : มอสคุงอะครับ - [ 28 ก.ย. 51 08:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผู้รู้ทั้งหลายทำอะไรกันอยู่จ๊ะ จากคุณ : paradon123 - [ 28 ก.ย. 51 08:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หัวไปทาง ตัวไปทาง หางไปทาง แล้วจะปกครองอย่างไร ทำงานอย่างไร ถ้าหัวเห็นว่า ควรไปซ้าย แต่ตัวบอกว่าต้องขวาสิ หัวอย่ามาล้วงลูกฉันนะ งานมันจะเดินเหรอ น่าแปลก เราต้องการให้คนทำงานเป็นทีม จะถูกผิด ดีเลว ก็วัดกันที่ผลงานออกมา หากไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ต้องเลือกเขาและทีมงานเขาอีก มันก็เท่านั้น แต่ปัจจุบัน ปากบอกให้สามัคคี เวลากระทำกลับพยายามส่งเสริมจะให้เกิดระบบ ที่สร้างความแตกแยกหนักกกว่าเดิม(ที่เค้าพยายามจะอ้างว่าถ่วงดุลหรือเปล่า) แล้วงานมันจะเดินได้อย่างไร คนแต่ละคนแต่ละกลุ่ม ย่อมมีแนวคิดปฏิบัติของตัวเอง  เอาผลงานสิวัดกัน ไม่ใช่สู้ไม่ได้ เลยจะหาทางทำลายระบบ ให้ระบบเอื้อประโยชน์แก่ฝ่่ายตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องสร้างผลงานอะไร ส่วนเรื่องผลงาน ท่านผู้มีสติปัญญาทั้งหลายคงจะพอแยกแยะออกได้ ว่าอะไร คือผลงานที่มีตัวตนจับต้องได้ ส่งผลกับคุณภาพชีวิตโดยตรง เกิดความเจริญกับชาติโดยตรง ซึ่งอีกฝ่ายพยายามทำให้เชื่อว่านั้นคือการสร้างภาพ แต่คำว่าผลงานของอีกฝ่าย ที่เค้าพยายามทำให้เราเชื่อว่าที่เค้าทำนั้นคือผลงาน ถามจริงๆเถอะว่า นั้นคือ นั้นเขาเรียกว่าผลงานจริงๆเหรอ จับต้องได้เหรอ ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือ(หรือดีแค่พวกเขาเอง) ประเทศชาติได้ประโยชน์จริงหรือ ผมไม่รู้จริงๆหรอกว่า พวกที่มีความรู้สูงๆกับ...... (ดารา)  เค้าคิดอะไรกันผมไม่รู้หรอก แต่ที่จะพอรู้สึกได้ คือ เค้าไม่เห็นประชาชนทั่วไป เป็นประชาชนที่ควรมีสิทธิ์มีเสียงในอำนาจอธิปไตย เยี่ยงอย่างเค้าแน่นอน ทั้งที่เค้าเองก็คือประชาชนเช่นเดียวกัน ดังนั้นระบบ ที่ทำให้ อำนาจอธิปไตยของคนแต่คนละคนในประเทศเสมอภาค พวกเค้าเองย่อมจะไม่พอใจเป็นแน่ ฉะนั้นจึงมีการผลักดันไปสู่ระบบที่เค้าพอใจ วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปกินยานอนก่อนละครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 51 08:37:41 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 51 08:36:53 จากคุณ : ช้างทมิฬ - [ 28 ก.ย. 51 08:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 . จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 08:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 .. จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ... จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .... จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ..... จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบ คห. 3 ตามนี้ครับ http://www.posttoday.com/politics.php?id=9261 จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับคุณเอื้อย (คห.2) จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 09:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่เห็นด้วยกับคุณวษณ จขกท แต่เห็นด้วยกับคุณช้างทมิฬ คห ๕ ร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าคิดจะเลือกผู้บริหาร น่าจะเลือกเฉพาะนายก ส่วนทีมงานและรัฐมนตรี  ให้นายกไปเลือกเอง จากคุณ : bleed - [ 28 ก.ย. 51 09:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เลือกรัฐมนตรีโดยตรงจากประชาชนน่าจะเป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี้ยงข้อครหาว่ากลับไปใช้การปกครองแบบอมาตยาธิปไตยมากกว่าครับ ก็ว่ากันไป ถ้าจะทำแบบนั้นผมไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่อาจจะก่อปัญหาใหม่ๆมาแทนซะมากกว่า ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกส.ส.แบบเดิมน่ะดีแล้ว แต่พรรคควรวางตัวรัฐมนตรีแต่ละตำแหน่งก่อนการเลือกตั้ง ให้เป็นกฎกติกาเลยก็ดีครับ เพราะปัจจุบันหรือที่ผ่านๆมา พอเลือกตั้งเสร็จ สรรหารัฐมนตรีเสร็จไม่มีครั้งไหนไม่ยี้เลย ฮ่าๆๆ ประชาธิปไตยเกิดจากประชาชนอยากมีส่วนร่วมในการบ้านการเมือง ก็ต้องให้ประชาชนชาวไทยมีสำนึกที่แท้จริงครับ อย่าไปกะเกณฑ์อะไรให้มันวุ่นวายหนักขึ้นเลย จากคุณ : rider XXX - [ 28 ก.ย. 51 10:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันแปลกๆขึ้นทุกวันอ่ะค่ะ ถ้าจะทำทุกทางเพื่อยุติการซื้อเสียง หรือการสืบทายาททางการเมือง ก็ต้องเปลี่ยนระบบการปกครอง เป็นเผด็จการอะไรทำนองนั้น เพราะเรื่องทายาท ไม่ใช่จะเป็นเฉพาะในไทยนะคะ เป็นทั้งเอเชีย ทุกประเทศที่ใช้การปกครองระบบประชาธิปไตยเป็นหมด ส่วนการซื้อเสียงจะแก้ได้ เมื่อรัฐบาลทำให้ประเทศเจริญจริงๆ ทำให้ประชาชนเห็นว่า การเลือกตั้งให้ผลลัพธ์ต่อชีวิตมากกว่าเงิน ไม่กี่ร้อยบาท  แต่อันนี้ก็ทำไม่ได้อีกนั่นล่ะ เพราะรัฐบาลที่เก่งอย่างนั้น ก็ต้องมีคนไม่พอใจและเสียผลประโยชน์เยอะ ตัวอย่างก็เห็นๆอยู่ ส่วนแนวคิดว่า จะมีคนมีความรู้ความสามารถมาช่วยบริหารประเทศ อันนี้คนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่มีใครมาหรอกค่ะ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่า ห้ามมีญาติโกโหติกาทำธุรกิจ แถมออกจากตำแหน่งยังห้ามทำธุรกิจต่างๆอีก 2 ปี คนที่มีหัวคิดจริงๆ ใครจะมาเหรอคะ มาแล้วตัวเองเดือดร้อน ญาติเดือดร้อน เคยมีคำกล่าวที่ว่า "นักการเมืองจะแสดงตัวตนของคนในประเทศนั้น" นะคะ จากคุณ : กันดัมจัง - [ 28 ก.ย. 51 10:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราคนไทย เกิดแพนิคเกี่ยวกับความไม่น่าเชื่อถือของพวกนักการเมือง พวก สส.แต่ละคน  ถ้าคุณไปค้นหาประวัติชีวิตของพวกเค้าแล้ว คุณจะแปลกใจว่า  พวกนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งในด้านการศึกษา หรือการทำมาหากิน แต่จะประสบความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องความก้าวร้าว ข่มขู่ เรียกร้อง และกลายเป็นประเพณี คือ สันดาน อันเป็นเรื่องประจำวันของนักการเมืองไทยไปแล้ว พรรคการเมืองไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่บอก กล่าวคือ พรรคเลือกคนที่คอยหิ้วกระเป๋าตามนักการเมืองรุ่นพี่  พรรคเลือกคนที่หาเงินสนับสนุน พรรคเลือกคนที่มีอิทธิพล สรุปรวมความก็คือ พรรคการเมืองเลือกคนดีของพรรค แต่ไม่เลือกคนดีเพื่อประชาชน วิธีแก้ไขเรื่องนี้  ในระยะสั้นเราดูว่าน่าจะยาก  เพราะคนดีไม่อยากเปลืองตัวมาเล่นการเมือง  ดังนั้นการเมืองจึงเหมือนเลี้ยงเสือ  เลี้ยงจระเข้ เมื่อมันโตขึ้นมา มันก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ยิ่งธรรมนูญปี 50 แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น กลับเป็นการส่งเสริมให้เลวร้ายมากขึ้น  ส่งผลเสียต่อประเทศและประชาชนอย่างที่เห็น ดังนั้นในขั้นตอนนี้  พรรคการเมืองควร เสนอแผนที่เป็นนโยบายพรรค และเสนอบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี ก่อนการเลือกตั้ง หมายความว่า  ให้พรรคหาข้อยุติในเรื่องตัวบุคคลซะให้เรียบร้อยก่อนที่ประชาชนจะใช้ดุลพินิจ พร้อมกับกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด เหมือนใช้ ม.17 สมัยจอมพลสฤษ  ทุกอย่างต้องเข้าสู่ระบบทั้งหมดเพื่อการตรวจสอบได้ ในระยะยาวก็คือ ให้ความรู้เพื่อให้ประชาชนรู้จักการใช้สิทธิและรักษาสิทธิของตนเอง และเสียสละเพื่อส่วนรวม  และที่อยากให้ลดลงไปเรื่อย ๆ ก็คือการแต่งตั้งยศ ตำแหน่ง รวมไปถึงคุณหญิง ท่านผู้หญิง ต่าง ๆ เพราะสังคมเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า มีการแอบอ้างทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตนอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการหมิ่นฯ  อย่างตั้งใจ.... ไม่อยากให้คนโง่และคนดีมาเป็นผู้ปกครอง ไม่อยากมอบอำนาจให้ใครมาอ้างว่าว่าได้รับมอบฉันทะมาแล้ว คนที่ได้รับการเลือกหรือรับมอบฉันทะ ควรต้องหน้าบาง ๆ พร้อมที่จะลาออกเมื่อมีความขัดแย้ง หรือเมื่อผิดพลาด เลือกตั้งบ่อย ๆ ไม่ได้สิ้นเปลืองแต่อย่างใด กลับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจซะซ้ำไป ฯลฯ จากคุณ : jonathan w. - [ 28 ก.ย. 51 10:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่า มันจะผิดฝาผิดตัว!!! ถ้ากระทรวงนี้ ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ละ..... หรือกระทรวงบางกระทรวงที่มีนโยบาย ที่ต่างกับรัฐบาล..... ที่สำคัญ...มันเป็นประชาธิปไตย...จริงหรือ!!! ตามนั้น... จากคุณ : ตี๋น้อยMBA - [ 28 ก.ย. 51 10:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบความคิดเห็นนี้ครับ (จาก คห.14) พรรคควรวางตัวรัฐมนตรีแต่ละตำแหน่งก่อนการเลือกตั้ง ให้เป็นกฎกติกาเลยก็ดีครับ เพราะปัจจุบันหรือที่ผ่านๆมา พอเลือกตั้งเสร็จ สรรหารัฐมนตรีเสร็จไม่มีครั้งไหนไม่ยี้เลย จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 10:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เดี๋ยวนักการเมืองเค้าก็ตัดสินใจกันเอง.....เมื่อผลประโยชน์ลงตัว แล้วเราก็ค่อยไปทำตามที่เค้าบอก....... หรือว่า เดี๋ยวประชาชนคนไทยร่วมแสดงความคิดเห็น  เพื่อให้นักการเมืองไปศึกษาข้อดี ที่ประชาชนจะได้รับจริงๆ แล้วมาปฎิบัติ อย่างไหนดีหว่า จากคุณ : เบื่อคนรวยทะเลาะกัน (kittiphob) - [ 28 ก.ย. 51 10:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปัญหามากมายปัจจุบันนี้เราจัดการจบไปตั้งแต่รธน.40 แล้วนี่ครับ รธน.ที่พวกเราประชาชนร่วมกันเขียนขึ้นมา เอากลับมาสิครับ บ้านเมืองจะได้ก้าวหน้า อย่าปล่อยให้นักการเมืองเค้าแก้กันเอง เพราะยังไงเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่ารธน.50 เนี่ยมันสร้างแต่ปัญหาครับ จากคุณ : Bomb308 - [ 28 ก.ย. 51 10:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับผมไม่ทราบรายละเอียดปลีกย่อยของกรณีตามกระทู้ แต่หากผมมีสิทธิเลือกรัฐมนตรีได้บ้างก็คงดีสำหรับผม... หากกลัวว่าคนล่ะพรรคกัน...เอางี้ดีไหมครับ... ให้พรรคการเมืองระบุชื่อผู้ที่ตนจะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีและสำรอง 2 ชื่อ (หากคนนอกก็ไม่ต้องระบุ  บอกเพียงว่าคนนอก) บอกให้ประชาชนรู้เลยว่าหากพรรคฉันเป็นรัฐบาล ฉันจะเอาคนนี้เป็นรัฐมนตรี แล้วห้ามเปลี่ยนแปลง(อาจเปลี่ยนได้ถ้ามีเหตุสุดวิสัย) อย่าบอกว่า...เป็นการบังคับ...แต่เพราะพรรคมีนโยบายบอกประชาชนไว้แล้วว่าพรรคตนมีแนวนโยบายอย่างไร....แล้วทำไมจะระบุชื่อคนที่จะมาเป็นผู้บริหารนโยบายในด้านต่างๆไม่ได้....รึจะรอดูก่อนว่าแต่ละกลุ่มมี สส.กี่คน แล้วให้เป็นรัฐมนตรีตามสัดส่วน...ใครก้ได้....แล้วบอกว่าแค่งานบริหารใครก็เป็นได้....เอากับพ่อสิ... จากคุณ : ข้างบูรพา - [ 28 ก.ย. 51 10:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เลือกนายกโดยตรงไปเลยยังดีกว่าที่จะเลือกรัฐมนตรีโดยตรง ไม่งั้นจะมีนายกไว้ทำไม หรือไม่ก็กำหนดไปเลยว่าไม่ให้ สส เป็นรัฐมนตรีแบบรัฐธรรมนูญปี 40 ก็ได้ มีอะไรรับประกันได้ว่าการเลือกรัฐมนตรีโดยตรงจะไม่เข้ามาโกงกินและมีความสามารถในการบริหารจริง ไม่มีการเอื้อให้พวกพ้องขึ้นมาเป็นจากการเลือกกันเองจากกลุ่มคนจำกัดที่ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง ถึงเวลาไม่ได้คนที่ตัวเองพอใจก็คงมีการบุกยึดกระทรวงแต่ละกระทรวงกันเป็นที่วุ่นวาย แล้วการทำงานกันเป็นทีมจะมีได้อย่างไร ไม่แย่งผลงานหรือผลประโยชน์กันอีกหรือ ประชาธิปไตยไม่มีทางลัด ต้องให้เวลาในการพัฒนา โลกในความเป็นจริงกับโลกในอุดมคติต่างกันมากมาย แต่ก็แปลกใจมากที่เวลาที่ทหารออกมาปฏิวัติ ทำไมบรรดานักวิชาการเหล่านี้ไม่ออกมาต่อต้านแต่กลับเห็นด้วยโดยการรับตำแหน่งที่ได้จากคณะปฏิวัติ หรือว่าจะเห็นด้วยในกรณีที่ตัวเองได้รับประโยชน์ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 51 10:54:16 จากคุณ : เล่นรอบ - [ 28 ก.ย. 51 10:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 22 รธน. ฉบับ ปี 40 ดีมากๆ เพราะมีการแยก สส. กับ สส.สัดส่วนชัดเจน โดย สส.ไม่สามารถจะเป็นรัฐมนตรีได้  ประชาชน เลือก ครม. จาก สส. สัดส่วน จะทำให้ได้คนมีความสามารถมาทำงาน  ทุกอย่างตัดสินด้วยพื้นฐานจากการเลือกตั้งดีที่สุด พวกนักวิชาการ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนกัน คนพวกพวกนี้ ไม่ใช่ขาประจำ พูดคนเดียว ไม่ดังพอ เลยต้องรวมกลุ่มกันเพื่อ ยกระดับคุณค่าของข่าวที่พวกตนกระจายออกสู่สาธารณะ  เพราะ ถ้าเค้าพูดคนเดียว จขกท. ก้อจะไม่เอามาโพสต์เป็นกระทู้อยู่เหมือนตอนนี้หรอก จริงมะ.. จากคุณ : muangsombut - [ 28 ก.ย. 51 11:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตมาตอบก่อนนะครับ ก่อนจะไปอ่านความเห็นอื่นๆ (เพื่อให้ความเห็นไม่เอนเอียงตามความคิดเห็นอื่นๆ) ต้องบอกว่า เพิ่งจะรู้ข่าวนี้เดี๋ยวนี้เองนะครับ อ่านเฉพาะหัวกระทู้แล้วแสดงความเห็นก่อนนะครับ.. " สืบเนื่องจากกรณีนี้ 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน ยื่นข้อเรียกร้อง ตั้งคณะกรรมการเพื่อปฎิรูปการเมืองการปกครอง ถ้าให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงโดยตรง ทำนองเดียวกันกับการที่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ชาวห้องสินธรคิดว่าดีหรือไม่ หรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ " 1. เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะครับ แต่คงต้องทำการบ้านกันอีกเยอะ 2. ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เบื่อการเมืองปัจจุบัน แต่ก็ไม่ขอเรียกการเมืองใหม่อะไร เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ข้างพันมิด ผมขอเรียกแบบที่นักวิชาการบางท่านเรียก "การปฎิรูปการเมืองรอบใหม่" 3. ไอเดียที่ว่านี้ ถือเป็นการเลือกทางทางตรงครับ ซึ่งจริงๆ ผมเห็นว่าน่าจะดีกว่า สำหรับการเลือกตั้งแบบตัวแทนในปัจจุบัน 4. ยังควรมีการเลือกตั้ง สส. อยู่ ..แต่แยกหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติชัดเจน 5. ผมคิดว่า ไม่ควรเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีรายกระทรวงครับ เพราะ ถ้าต่างคนต่างมา ก็จะทำงานไม่ได้ ..ผมคิดต่อนะครับ เสนอว่า ควรเลือกตั้งแบบเป็นแพ็กเก็จไปเลย คือใครที่จะเสนอตัวมาเป็นนายกฯ หรือฝ่ายบริหาร ค ว ร จ ะ จั ด ที ม รั ฐ ม น ต รี  ออกมาให้เห็นกันเก่อนเลย ว่าให้ใครเป็นนายก ให้ใครอยู่กระทรวงไหน.. คือให้ประชาชนเลือกผู้บริหารทางตรง เพื่อมาทำหน้าที่บริหาร แยกหน้าที่บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ ..แยกออกจากกันให้ชัดเจนไปเลย แล้วก็สร้างรูปแบบการถ่วงดุลอำนาจใหม่ ..ถ้าฝ่าบริหารทำไม่ถูกต้อง นิติบัญญติ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านร่างกฎหมาย ตามที่ ฝ่ายบริหารเสนอ คนอยากเป็น สส. ต้องรู้หน้าที่ ขอบเขตของตัวเอง พรรคการเมืองยังคงมีอยู่ คนเสนอตัวมาบริหาร ต้องเปิดเผยออกมาก่อนเลย ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จแล้ว แบ่งโควต้ากัน ..คนไม่มีความรู้ความสามารถ แต่จับกลุ่มใหญ่ได้ ก็มาเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องมีความรู้ ไม่ต้องคิดอะไรมาล่วงหน้า กดดันโควต้าได้กระทรวงไหน ค่อยมาฝึกงานกัน (แล้วส่วนใหญ่ก็มาเพื่อถอนทุนด้วย) กรณีที่ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงข้างมาก สมมติว่า 2 พรรค จับมือกันตั้งรัฐบาลได้ ก็ให้เอารัฐมนตรีที่เสนอตัวจาก 2 พรรคนี้นี่แหละมาจัดตั้งรัฐบาล ..แบบนี้ผมว่าไม่เสียหายนะ เราต้องมองว่า ของใหม่ของที่ไม่เคยมี มันต้องสังเคราะห์กันใหม่ แต่อย่ากลัวของใหม่ สิ่งใหม่ ให้เรายืนยันในหลักการประชาธิปไตยไว้ ไม่เสียหาย เป็นการเลือกตั้งแบบตัวแทน(สส.) ผสมกับ การเลือกตั้งทางตรง (เลือกนายกฯ ,เลือก ครม. , เลือกนโยบาย-โดยตรง) ขอแสดงความเห็นแค่นี้ครับ.. จากคุณ : บุญทับ - [ 28 ก.ย. 51 11:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขออนุญาตมาตอบก่อนนะครับ ก่อนจะไปอ่านความเห็นอื่นๆ (เพื่อให้ความเห็นไม่เอนเอียงตามความคิดเห็นอื่นๆ) ต้องบอกว่า เพิ่งจะรู้ข่าวนี้เดี๋ยวนี้เองนะครับ อ่านเฉพาะหัวกระทู้แล้วแสดงความเห็นก่อนนะครับ.. " สืบเนื่องจากกรณีนี้ 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน ยื่นข้อเรียกร้อง ตั้งคณะกรรมการเพื่อปฎิรูปการเมืองการปกครอง ถ้าให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงโดยตรง ทำนองเดียวกันกับการที่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ชาวห้องสินธรคิดว่าดีหรือไม่ หรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ " 1. เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะครับ แต่คงต้องทำการบ้านกันอีกเยอะ 2. ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เบื่อการเมืองปัจจุบัน แต่ก็ไม่ขอเรียกการเมืองใหม่อะไร เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ข้างพันมิด ผมขอเรียกแบบที่นักวิชาการบางท่านเรียก "การปฎิรูปการเมืองรอบใหม่" 3. ไอเดียที่ว่านี้ ถือเป็นการเลือกทางทางตรงครับ ซึ่งจริงๆ ผมเห็นว่าน่าจะดีกว่า สำหรับการเลือกตั้งแบบตัวแทนในปัจจุบัน 4. ยังควรมีการเลือกตั้ง สส. อยู่ ..แต่แยกหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติชัดเจน 5. ผมคิดว่า ไม่ควรเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีรายกระทรวงครับ เพราะ ถ้าต่างคนต่างมา ก็จะทำงานไม่ได้ ..ผมคิดต่อนะครับ เสนอว่า ควรเลือกตั้งแบบเป็นแพ็กเก็จไปเลย คือใครที่จะเสนอตัวมาเป็นนายกฯ หรือฝ่ายบริหาร ค ว ร จ ะ จั ด ที ม รั ฐ ม น ต รี  ออกมาให้เห็นกันเก่อนเลย ว่าให้ใครเป็นนายก ให้ใครอยู่กระทรวงไหน.. คือให้ประชาชนเลือกผู้บริหารทางตรง เพื่อมาทำหน้าที่บริหาร แยกหน้าที่บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ ..แยกออกจากกันให้ชัดเจนไปเลย แล้วก็สร้างรูปแบบการถ่วงดุลอำนาจใหม่ ..ถ้าฝ่าบริหารทำไม่ถูกต้อง นิติบัญญติ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านร่างกฎหมาย ตามที่ ฝ่ายบริหารเสนอ คนอยากเป็น สส. ต้องรู้หน้าที่ ขอบเขตของตัวเอง พรรคการเมืองยังคงมีอยู่ คนเสนอตัวมาบริหาร ต้องเปิดเผยออกมาก่อนเลย ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จแล้ว แบ่งโควต้ากัน ..คนไม่มีความรู้ความสามารถ แต่จับกลุ่มใหญ่ได้ ก็มาเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องมีความรู้ ไม่ต้องคิดอะไรมาล่วงหน้า กดดันโควต้าได้กระทรวงไหน ค่อยมาฝึกงานกัน (แล้วส่วนใหญ่ก็มาเพื่อถอนทุนด้วย) กรณีที่ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงข้างมาก สมมติว่า 2 พรรค จับมือกันตั้งรัฐบาลได้ ก็ให้เอารัฐมนตรีที่เสนอตัวจาก 2 พรรคนี้นี่แหละมาจัดตั้งรัฐบาล ..แบบนี้ผมว่าไม่เสียหายนะ เราต้องมองว่า ของใหม่ของที่ไม่เคยมี มันต้องสังเคราะห์กันใหม่ แต่อย่ากลัวของใหม่ สิ่งใหม่ ให้เรายืนยันในหลักการประชาธิปไตยไว้ ไม่เสียหาย เป็นการเลือกตั้งแบบตัวแทน(สส.) ผสมกับ การเลือกตั้งทางตรง (เลือกนายกฯ ,เลือก ครม. , เลือกนโยบาย-โดยตรง) ขอแสดงความเห็นแค่ก่อนนี้ครับ.. จากคุณ : บุญทับ - [ 28 ก.ย. 51 11:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หากเป็นการเลือกนายกโดยตรง... ก็จะถือว่าเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่สำหรับเรา... คือเป็นแนวทาง ปชต.ใหม่ของโลกเลยแหละครับ... คือเป็นทั้งแบบอเมริกาและอังกฤษผสมกัน... เราปกครองในแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัริย์เป็นประมุข มีนายกที่เลือกจากรัฐสภาเป็นผู้บริหาร แบบอังกฤษเค้า ส่วนเมกามีการเลือกประธานาธิบดีเลือกตั้งโดยตรง และประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ... หากเราจะเลือกนายกโดยตรง....ก็คงต้องทำความเข้าใจกับ ปชช. อย่างมากมาย...และอาจเป็นประเทศผู้นำหลักการปกครองแบบใหม่... ที่อาจมีอยู่บ้างในโลก...แต่ผมไม่เคยเห็น... จากคุณ : ข้างบูรพา - [ 28 ก.ย. 51 11:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความเห้นผมนะครับ จะว่ามันคล้ายๆ สส. สัดส่วนแบบเดิมก็ไม่เชิง เดิมที่เรามี สส. สัดส่วน แต่เราไม่รู้ใครอยู่กระทรวงไหน แต่ต่อไป ในความคิดเห็นคือ ต้ อ ง จั ด    ค ณ ะ รั ฐ ม น  ต รี ก่ อ น . . จัดมาให้ครบทุกกระทรวงเลย (กระทรวงหนึ่งอาจจะมี 2 รายชื่อก็ได้ เป็นว่าการ หรือเป็นช่วย -หรือกรณีที่รัฐบาลมีมากกว่า 1 พรรค -หรืออกกลางคัน) แล้วคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีได้ ต้องอยู่ในรายชื่อเท่านั้น.. ควรมีการแยกการเลือกตั้ง ฝ่ายบริหาร- กับฝ่ายนิติบัญญติแยกออกจากกัน อาจจะมาจากพรรคเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ควรมีการเลือกตั้งพร้อมๆ กัน สส. อาจจะมีวาระ 4 ปี เหมือนเดิม ฝ่ายบริหาร อาจจะมีวาระแค่ 2 ปี ถ้าฝ่ายบริหารยังดี เลือกใหม่ก็กลับมาใหม่ (พรรคการเมืองยังจับขั้วเดิมกันได้) ถ้าฝ่ายบริหารเดิมไม่ดี มีการเลือกเปลี่ยนเข้ามา ฝ่ายนิติบัญญติ จะจับชั้วเดิม หรือเปลี่ยนขั้วใหม่ก็ได้ คืออยากให้เลือกแยกฝ่ายบริหาร กับฝ่ายนิติบัญญติ อาจจะมีการจัดตั้งพรรค มาเพื่อเสนอตัวเป็นฝ่ายบริหารอย่างเดียวก็ได้(ถ้าคิดว่าทำงานได้) และก็อาจจะมีการจัดตั้งพรรคมาเสนอตัวเป็นฝ่ายนิติบัญญติอย่างเดียวก็ได้ (เรียกว่า มาทำหน้าที่ตรวจสอบ หรือนิติบัญญติอย่างเดียวไปเลยก็ได้) มาช่วยๆ คิดนะครับ ลองๆ ช่วยกันคิดต่อ.. การเมืองปัจจุบัน แบบแบ่งโควต้า เป็นอะไรที่มองไม่เห็นอนาคตจริงๆ ช่วยกันคนละความคิดเห็น อย่าพึ่งโจมตี ..แต่เสนอไอเดียกันดีกว่า จากคุณ : บุญทับ - [ 28 ก.ย. 51 11:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จัดครม.ก่อนไม่ได้หรอกครับ เพราะรธน.นี้เลือกมาจะได้รัฐบาลผสม แต่ถ้าเราใช้รธน.40 ไปอีกซัก 10 ปี ผมรับรองว่าต่อไปจะเหลือ 2 พรรคครับ ถึงเวลานั้น ก๊กต่างๆในพรรคก็จะหมดไป คนอยากเป็นสส.ต้องให้สมาชิกพรรคในจังหวัดนั้นๆเลือกมาเป็นผู้สมัครก่อน แล้วก็มีโอกาสมากที่เค้าจะจัดโผครม.มาให้เราดูก่อนได้ครับ จากคุณ : Bomb308 - [ 28 ก.ย. 51 11:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ คห. 26 ประเทศไทยเป็นผู้นำแนวทางของโลกบ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ บางสิ่ง เราคิดว่าน่าจะเป็นอย่างไร แต่ความเป็นไปอาจไม่เป็นอย่างที่คิด บางอย่างได้แต่ทดลองดู จึงจะเห็นผลว่าดีจริงหรือไม่ดีจริง จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 11:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ คุณบุญทับครับ จาก คห. 27 "มาช่วยๆ คิดนะครับ ลองๆ ช่วยกันคิดต่อ.. การเมืองปัจจุบัน แบบแบ่งโควต้า เป็นอะไรที่มองไม่เห็นอนาคตจริงๆ ช่วยกันคนละความคิดเห็น อย่าพึ่งโจมตี ..แต่เสนอไอเดียกันดีกว่า" จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 12:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไปธุระก่อนครับ ค่ำๆถึงจะกลับมา จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 12:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รัฐมนตรีทั้งหมดต้องเป็นกลุ่มเดียวกันครับ ไม่งั้นตีกันตาย ทำงานไม่ได้แน่ๆ และรัฐมนตรีควรเป็นผู้มีความสามารถ ที่แต่ละพรรคเป็นผู้หามา ส่วน สส.อื่นๆก็เป็นตัวแทนของชาวบ้าน คล้ายๆรัฐธรรมนูญปี40 แต่ถ้าหากเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นแค่เค้ก เพื่อแบ่งให้แก่พรรคร่วมและกลุ่มต่างๆแบบปัจจุบัน แบบนี้แย่แน่ๆ เพราะไม่ได้มีความรู้ความสามารถที่จะมาบริหารประเทศจริงๆ จากคุณ : maxijojo123 - [ 28 ก.ย. 51 12:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 33 การเป็นผู้นำแนวคิดก็ดีครับ...ผมก็เห็นด้วยกีบพี่เจ้าของกระทู้... แต่สิ่งใหม่ๆตามรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นเรื่องที่เป็นปัญหา พูดง่ายๆคือไม่ว่าเราจะบัญญัติไว้อย่างไรมันก็เป็นปัญหา อย่างกรรมการบริหารพรรคทำผิดแล้วยุบพรรค... จริงๆแล้วหากดูเจตนารมณ์  นี่คือเป็นบทบัญญัติเพื่อให้พรรคการเมือง มั่นคงมีอุดมการณ์  แบบพรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค พรรคต้องรับผิดชอบในสิ่งที่สมาชิกที่เป็นผู้บริหารกระทำการ แต่มี สส.รวมทั้งประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งเข้าใจว่าเป็นส่วนใหญ่ เห็นว่าไม่เป็นธรรม...ต่างประเทศเขาไม่ทำกัน..คืดสมาชิกพรรคทำอะไรผิด ไม่เกี่ยวกับพรรค...สส. เป็นสมาชิกพรรคจึงไม่มีประโยชน์อะไรในมิตินี้ แล้วก็คิดจะแก้ รธน.กัน แล้วเป็นไงครับ...วุ่นอยู่ไม่เลิก... การเลือกนายกโดยตรง...อย่าว่าแต่บัญญัติเลย... คิดว่าแค่คิดจะบัญญัติก็เกิดปัญหาแล้วครับ... สส.สังกัดพรรคหรือไม่สังกัดพรรค....เราก็มีมาแล้วทั้งสองอย่าง... มันก็เหมือนๆกันไม่เห็นจะส่งผลอะไรให้เกิดการปฎิรูปการเมือง ที่เห็นผลชัดเจนสักอย่าง...เพราะจริงๆแล้วอยู่ที่สำนึกของ สส.มากกว่า รับสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส...จะมีสักกี่คนที่คิดจะมาทำงานด้านนิติบัญญัติ ประชาชนก็เช่นกันจะมีสักกี่ที่เลือก สส.เพื่อให้ทำงานด้านนิติบัญญัติ ส่วนใหญ่งานนิติบัญญัติเป็นงานรองของ สส.  ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 51 12:47:10 จากคุณ : ข้างบูรพา - [ 28 ก.ย. 51 12:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องเลือกตั้งฝ่ายบริหาร ผมก็เพิ่งคิดตอนนี้นี่แหละ คืออยากเน้นคำว่า "เลือกแยกฝ่ายบริหาร กับนิติบัญญติออกจากกัน" อธิบายไม่ค่อยถูเหมือนกัน เพราะก็เพิ่งคิด.. . . แต่ลองมองแยกกันนะครับ 1. ฝ่ายนิติบัญญติมีการจับกลุ่ม จับขั้วกัน 2. ฝ่ายบริหาร ก็จับกลุ่มจับขั้วกัน ซึ่ง กลุ่มและขั้วนี้อาจจะไม่ตรงกันก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่ตรงกัน การบริหารงานจะลำบาก ..เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติมันจึงจะต้องใกล้เคียงกันครับ โดยฝ่ายนิติบัญญติ เลือกตั้งไปตามปกติครับ.. ฝ่ายบริหาร อาจจะมีคนเสนอตัวมา 8 พรรค (นิติบัญญติอาจจะเสนอตัวมาแค่ 5 พรรค ก็ได้) การเลือกตั้งฝ่ายบริหาร อาจจะไม่ใช่เลือกรอบเดียวจบ (อาจจะเลือกถึง 2-3 รอบ , ดังนั้นควรใช้การเลือกตั้งแบบออนไลน์) แต่ใช้การตัดเสียงส่วนน้อยทิ้ง.. พรรคที่ได้ เสียงไม่ถึง 20% ตัดออกไป จาก 8 พรรค อาจจะเหลือแค่ 4 พรรค แล้วค่อยให้เลือกจาก 4 พรรค กันใหม่ ถ้าพรรคไหนได้เสียงเกินกว่า 70% หรือจับขั้วฝ่ายบริหารรวมไม่เกิน 2 พรรค , ได้เสียเกินกว่า 70% ก็จึงค่อยให้มาเป็นฝ่ายบริหาร.. (หรือจำกำหนดพรรคเดียวก็ได้ แล้วแต่) แบบนี้ เมื่อได้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญติก็ต้องมีการปรับตัวจับขั้วให้สอดคล้องกัน (หรือฝ่ายบริหารก็ต้องมีการหาเสียงสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญติ-เป็นลักษณะล็อบบี้แบบเมืองนอก จะล็อบบี้กันแบบถาวร หรือล็อบบี้กันเป็นการเฉพาะตัวกฎหมายแต่ละฉบับก็ได้) เพราะประชาชนเลือกผู้บริหารแล้ว.. ฝ่ายนิติบัญญติ ก็ต้องมีการจับขั้นสนับสนุน อาจจะไม่ต้องเป็นไปในสัดส่วนเดียวกันก็ได้ ..แต่ประชาชน ต้องการผู้บริหารกลุ่มนี้  ฝ่ายนิติบัญญติจึงควรให้การสนับสนุน ในทางกลับกัน มันก็จะเกิดการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารด้วย ถ้าฝ่ายบริหาร ได้อำนาจบริหารมา ..แต่ฝ่ายนิติบัญญติ เห็นว่ามีการกระทำบางอย่าง หรือออกกฎหมายบางอย่าง ที่เป็นผลเสียต่อประเทศ ฝ่ายนิติบัญญติ ก็สามารถล้มกฎหมายได้ แต่ถ้ากฎหมายนั้นๆ ดี เสียงแตก ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็อาจจะมีการปรับขั้วไปได้เช่นกัน พรรคไหนสนับสนุนกฎหมายไหน ฝ่ายบริหารไหนสนับสนุนกฎหมายไหน บันทึกไว้ให้เห็นเลย ..เพื่อให้ประชาชนเอาไว้เป็นข้อมูลในการเลือกตั้ง ฝ่ายนิติบัญญติ และฝ่ายบริหารในครั้งต่อๆ ไป พิมพ์มาถึงตรงนี้ ผมนึกได้อีกเรื่องหนึ่ง "พรรคนิติบัญญติ" กับ "พรรคฝ่ายบริหาร" ควรใช้ชื่อพรรคแตกต่างกันด้วย แต่แสดงออกให้รู้ได้ ว่าพรรคบริหารไหน กับพรรคนิติบัญญติไหน เป็นกลุ่มก้วนเดียวกัน ..แต่ให้แยกกันชัดเจน และการกำหนดสมัยดำรงต่ำแหน่งที่แยกจากกันนั้น (เช่น 4 ปี กับ 2 ปี) มันจะเป็นการถ่วงดุล และปรับตัว และได้เห็นเสียงประชามติบ่อยยิ่งขึ้น.. วันนี้ขอเสอนเท่านี้ก่อนครับ ขอไปเที่ยวบ้างเหมือนกัน.. ฟี้วววววว .............วว แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 51 13:03:24 จากคุณ : บุญทับ - [ 28 ก.ย. 51 12:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องแก้ รธน. ผมว่า ไม่ยาก ก็ต้อง สสร. ชุดใหม่ครับ.. ปัญหาการพยายามแก้รัฐธรรมนูญที่ผ่านมา เพราะเป็นการแก้โดยตั้งเป้าเพื่อพวกพ้อง ไม่ได้ตั้งเป้าแก้ปัญหาประเทศชาติ ผมว่าร่าง รธน. ใหม่ก็ดีครับ (ตอนนี้ ช่วยกันระดมแนวคิดกันนะ) จากคุณ : บุญทับ - [ 28 ก.ย. 51 12:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ร่างใหม่อีกทำไมอ่ะคับ เอา รธน.40 กลับมาใช้เสียก็หมดเรื่อง ตั้งสสร.ใหม่ เดี๋ยวก็โดนหาว่าไม่เป็นกลางอีก จากคุณ : Bomb308 - [ 28 ก.ย. 51 13:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ระบบไหนก็ดีหมดแหละ ถ้า"คนดี"เข้ามา แต่"คนดี" เนี่ย ไปหามาจากไหนล่ะ ใครที่เป็น "คนดี" แล้ว "คนดี" เนี่ยจะอยู่ได้ไม๊ ในสังคมของบ้านเราในปัจจุบัน รากฐานของเมืองไทยมันเหลวเป๋วไปหมดแล้ว ไปดูต่างจังหวัด ตั้งแต่ อบต อบจ กำนัน(ยังมีอยู่) แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะ เลิกด่าชาวบ้าน ตจว.ซะที ก็ไอ้ "คนดี" ที่นักวิชาการท่านให้เลือกน่ะ มันคนไหนล่ะ ไอ้ที่สมัครน่ะ มันก็ "ดี" พอๆกันทุกคน เรื่องซื้อเสียงก็เลิกพูดเถอะ มีมาตั้งแต่ดิฉันเป็นเด็กๆ  มีปัญหาแทนที่จะช่วยกันแก้ปัญหา หาแต่คนรับผิด ถ้าผิดมันก็ผิดกันหมด นี่โยนความผิดให้คนหนึ่งไป ที่เหลือก็ไปทำผิดๆใหม่ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น ใครคิดมาเปลี่ยนแปลง จุดจบก็อย่างที่เห็นๆ จากคุณ : กาหยี่ (กาหยี่) - [ 28 ก.ย. 51 14:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เลือกนายกโดยตรง ให้นายก เสนอมาว่าจะเอาใครเป็น รมต ด้านไหน โดยนายกไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ยิ่งมีคนเก่งๆ เสนอตัวมาเป็นนายกเยอะ ทีมงานเจ๋งๆ น่าจะมีทางเลือกมากกว่าเดิม เพราะถ้าให้เลือก รมต คงกาไม่ไหวหรอก มันหลายคนเกินไป จากคุณ : หนุมานมาเอง - [ 28 ก.ย. 51 16:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยกับคห 37 ยอมรับความจริงกันเถอะ ไม่มีใครดี 100% หรือเลว 100% หรอก เอาแต่ชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลว แต่ลืมหันมาดูตัวเองกันทั้งนั้น ใครช่วยยกตัวอย่างคนดีมาให้ผมซักคนเหอะ เดี๋ยวจะไปหาข้อไม่ดีของคนๆนั้นมาให้ จากคุณ : Livestock - [ 28 ก.ย. 51 16:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องเลือกนายกโดยตรงนะ ยอมรับความจริงกันเถอะ ว่ามีคนไม่ปลื้ม ไม่งั้นคุณทักษิณ จะเป็นอย่างทุกวันนี้เหรอ บ้านเรา เบื้องหลังมันแรงกว่าเบื้องหน้า จากคุณ : Livestock - [ 28 ก.ย. 51 17:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มันต้องดูที่ฐานความคิดครับว่า คนเสนอมีจุดประสงค์อะไร ในทีนี้ชัดเจนว่าตอ้งการให้เกิดความวุ่นวาย ไม่เป็นเอกภาพ เพิ่อให้ดุว่าประชาธิปไตยมันแย่จะได้ยัดเยียดระบอบอื่นเข้ามาโดยไม่ถูกแอนตี้ ไล่มาจาก70/30 คนด่ากันเยอะ ทานกระแสไม่ไหว เปลียนเป้นระบบตัวแทน ทุกสาขาอาชีพ  เพือให้รัฐบาลกลางอ่อนแอ จะได้ดูแย่ แต่ระบบตัวแทนจะตีกัน ก้คงใช้เวลานานช้าไปอีกนิด เลยคิดใหม่รายวัน  เอาแบบรัฐมนตรีเลย ทีนี้แหละ ขัดแย้งตีกันได้อย่างรวดเร็วบริหารไม่ได้ ไปไม่รอดแน่ๆ มองจุดประสงค์คนคิด คือตอ้งการให้ระบบการเมืองอ่อนแอ ตอ้งการเปลี่ยน ระบอบไปหาระบอบที่ตัวเอง แอบซ่อนเอาไว้ข้างหลัง ประชาธิปไตยคือระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่ เมือลงคะแนนเสียงเลือกใครแล้ว คนนั้น ก้มีอำนาจสังการเต็มที่ ถ้าทำไม่ได้ก้จะถูกปลด เร็วสุดก้ในการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ  แต่ถ้าพวกส.ส. ด้วยกันไม่ปลด จะด้วยสาเหตุใดก้ตาม  พอครบสี่ปี ประชาชนจะป็นคนปลดเอง แต่ระบอบที่พยายามจะยัดเยี่ยดให้นี่ ไม่ตอ้งการให้อำนาจอยู่ในมือประชาชน ต้องการให้อำนาจอยู่ในกลุมของตน เลือกตั้งใคร ย้าย ใคร สั้นใคร ซ้ายหัน ขวาหันได้ จู่ๆจะเอามาใฃ้ จะในรูปแบบไหน ประชาชนเจ้าของอำนาจก้ไม่ยอม จึงต้อง สร้างม๊อบ สร้าง เรือง   คิดเปลี่ยนแปลงอะไร ต่ออะไรให้วุ่นวาย แนวทางไหม่ออกมาเป็นระยะ เจอต้าน ก้ไปหาทางใหม่ เจอต้านก้ไปหาทางไหม่มาอีก   แค่นี้บ้านเมืองก้วุ่นวายจะแย่แล้ว จะอยากได้ใคร่ดี กันอะไรนักหนากับอำนาจ  ถ้าประเทศชาติล่มจม ก้จะเดือดรอ้น กันหมด ผมจึงไม่เห็นด้วยกับแนวคิด 70/30(แต่งตั้ง) แนวคิด เลือกจากสาขาอาชีพ(คอมมูน) แนวคิดรัฐบาลแห่งชาต (เผด็จการ) และแนวคิดล่าสุดเลือกตั้งรัฐมนตรีโดยตรง ผมเชือว่าถ้าแนวคิดนี่โดนต้านเยอะๆ คนข้างหลังจะออกแนวคิดมาใหม่ ธงของเค้าคิอต้องการบ่อนทำลาย ระบอบ และระบบพรรคการเมือง ตอ้งการสร้างคีวามวุนวายให้บริหารประเทศไปไมได้ ต้องการให้ประชาธิปไตย ดูแย่ แนวทางทั้งหมด ที่ทะยอย ออกมา จนถึงแนวทางใหม่ๆที่จะตามออกมาอีก ถ้ายังยึดความคิดหลักที่ว่าตอ้งการทำลายความเข็มแข็ง ของการบริหาร ตอ้งการให้เกิดความวุ่นวาย แนวทางไหน จากค่ายอำนาจนี้ ผมก้ไม่ยอมรับครับ บอกไว้ก่อนเลย^_^ จากคุณ : khonthai.tk. - [ 28 ก.ย. 51 17:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยกับคุณหนุมานครับ  เลือกนายก โดยตรง ไม่ตอ้งสังกัดพรรค ไม่จำเป็นตอ้งมีฐาน ส.ส.  จะได้ทีมงานที่ดีมาเยอะ แต่การปลด ตอ้งเขียนไว้ให้ปลดได้ ง่ายหนอ่ย เพราะมีอำนาจเต็ม ถ้านายกมี่อำนาจเต็ม ไม่ตอ้งกลัวส.ส. ไม่ยกมือให้ งานน่าจะเดินไปได้ดีครับ และล๊อกไว้อีกนิดห้ามเป็นเกินสองสมัย  ประเทศไทยเจริญแน่ จากคุณ : khonthai.tk. - [ 28 ก.ย. 51 17:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 43 การเลือกรัฐมนตรีโดยตรง แบบให้ประชาชนกากบาท ผมว่าในทางปฏิบัติคงทำได้ยาก... แต่ผมว่าไว้ใน คห.ข้างบนหมายถึง ก่อนเลือกตั้งพรรคการเมืองต้องบอกก่อนว่าหากตนเข้าเป็นรัฐบาล หรือเข้าร่วมรัฐบาล ใครจะเป็นนายก ใครจะเป็น รมต. แล้วให้ประชาชนสามัญอย่างผมเป็นคนไปกากบาทเลือกผู้แทน ผมบอกตรงๆครับ...วันที่ผมเลือก สส. ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่า สส.ของผมจะไปสนับสนุนใครเป็นนายก เป็น รมต.  แล้วทุกครั้ง สส.ที่ผมเลือก...มานไม่เคยคิดอย่างผมสักครั้ง มานกลับไปเข้ากลุ่มเข้าก๊วนแล้วต่อรอง เอา รมต.กัน ทุกที (ไม่ใช่เฉพาะ ครม.ชุดนี้นะครับ  มันทุกชุดที่ผ่านมาแหละ) เลือกพวกมานเสร็จปั๊ปมานก็เอาเสียงของผม 1 เสียงไปปู้ยี้ปู้ยำ ไม่เคยแคร์คนที่เคยเลือกมานสักที...เวลาพลาดท่าพลาดพลั้ง มานก็อ้างว่ามานมีเสียงของผมสนับสนุนมานทุกทีเช่นกัน... ก็เลยอยากเลือก รมต.ทางอ้อมบ้าง...ลดการเอาเสียงของผมไปปู้ยี้ปู้ยำ... ก็แค่นั้นแหละ...ขอแค่นี้...อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที... จากคุณ : ข้างบูรพา - [ 28 ก.ย. 51 17:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คิดว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหา ซื้อเสียงได้หรือครับ แน่ใจจริง ๆ เหรอครับ กลัวว่าจะกลายเป็นซื้อเสียงหนักขึ้น แล้วกลับมาโกยหนักขึ้นมากกว่า ปัญหาตอนนี้เป็นที่บุคคลครับ ไม่ใช่ที่ระบบ โดยเฉพาะข้าราชการ ควรแก้ไขก่อนครับ และเหมือนหลาย ๆความเห็นครับ ถ้าเลือกตั้ง รมต. เข้ามานโยบายไม่สอดคล้องกันก็ไปด้วยกันไม่ได้ ต่างคนต่างอ้างเสียงปชช. น่าจะเลือกนายกฯ โดยตรง ให้ไปเลือกทีมงานดีกว่าครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 28 ก.ย. 51 17:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบ คห.41 รู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้นครับ เมื่อเช้านี้ (28 กย. 2551) ผมตั้งกระทู้นี้ที่ห้องสินธร เมื่อเวลา 05.45 น. และไปตั้งไว้ที่ห้องราชดำเนินด้วย เมื่อเวลา 06.54 น. ต่อจากกระทู้ที่ผมตั้งไว้ที่ห้องราชดำเนินอีก 22 กระทู้ มีผู้ตั้งกระทู้เมื่อเวลา 10.15 น. กล่าวถึงการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตร เป็นการสัมนาเมื่อวันก่อนหน้าคือวันที่ 27 กย. 2551 เวลา 18.30 น. นานกว่า 4 ชั่วโมง (คิดว่าแล้วเสร็จประมาณหลังจาก 22.30 น. ไปแล้ว) ซึ่งโฆษกพันธมิตรได้นำผลการสัมมนามาแถลงข่าว (ผมคิดว่าน่าจะแถลงข่าวในเช้าวันถัดไปคือวันที่ 28 นะครับ เพราะว่าคงต้องใช้เวลาเรียบเรียง และตรวจสอบจากผู้ทีเกี่ยวข้องก่อนที่จะแถลงข่าวเช่นนี้ได้) เมื่อตาม link ที่ระบุแหล่งข่าวในกระทู้ไป เป็นแหล่งข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ ระบุวันที่ 28 กย. 2551 ระบุเวลา 07.15 น. จากเวลาต่างๆดังกล่าว อยากบอกว่าความเห็นของกระทู้ของผมนี้ เสนอความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าจะไปพ้องกับพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีแยกอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติออกจากกัน ........................... จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กระทู้ตั้งที่ห้องสินธร วันที่ 28 กย. 2551 เวลา 05.45 น. จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กระทู้ตั้งที่ห้องราชดำเนิน วันที่ 28 กย. 2551 เวลา 06.54 น. จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ระบุวันที่ 28 กย. 2551 เวลา 07.15 น. จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 49 รู้สึกแปลกใจมาก แต่ก็ยินดีครับที่มีผู้เห็นพ้องกัน แม้ผมจะไม่นิยมการกระทำส่วนมากของ พธม. เป็นอย่างยิ่งก็ตาม จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ลองมาคิดดู ที่ระบุเวลา 07.15 น. อาจจะไม่จริง จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:55:25 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างไรก็ยินดีครับ ที่แนวคิดลักษณะนี้ได้มีการเผยแพร่สู่สังคมเพื่อพิจารณา จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 20:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตอบ คห. 44 ครับ การซื้อเสียงน่าจะทำได้ยากมากครับ เพราะต้องซื้อหมดทั้งประเทศ จากคุณ : วษณ - [ 28 ก.ย. 51 21:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สุดท้าย สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความวุ่นวาย  รัฐบาลจะเป็นง่อย บริหารงานไม่ได้ จะวางทุ่นให้เกิดความวุ่นวาย แบบรํฐธรรมนูญปี50    แต่จะวางดักให้หลายแง่หลายมุมขึ้น เอาให้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ทำงานไม่ได้ สุดท้ายก้นำการเมืองแบบแต่งคั้ง เข้ามาครอบงำ  ดึงอำนาจในการเลือกตั้งจากประชาชนไป ผมว่าจะไม่พูดการเมืองแล้ว เห็นกระทู้ อดไม่ได้ ถ้าไม่มีกลุมแก๊งค์คนกลุ่มนี้ออกมาวุ่นวาย  เราใช้รัฐธรรมนูญ ปี40 บ้านเมืองรุ่งเรืองไปได้ดีอยู่แล้ว   สองสามปีนี้ที่ทำให้วุ่นวายไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นอำนาจนอกระบบ ที่ไม่เลิกราวี ตอแย แย่งอำนาจจากประชาชน เสียที ว่าจะไม่พูดมาก ก้พูดมากทุกทีสิน่า   ขอเซ็นเซอร์ข้อความออกไปบ้างผมว่าผมพูดมากเกินไปแล้ว เค้าว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงมักจะตายก่อนครับ จากคุณ : khonthai.tk. - [ 28 ก.ย. 51 23:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขยายความ คห. ที่ 50 รู้สึกแปลกใจมากที่ความเห็นมาพ้องกันในเวลาไล่เลี่ยกัน ถ้ารู้เวลาแถลงข่าวของพันธมิตร ก็เป็นทางหนึ่งที่จะแก้ข้อข้องใจได้ ผมคิดว่าน่าจะแถลงข่าวในวันที่ 28 กย 2551 หลังจากเวลา 8.20 น. ไปแล้ว นั่นคือที่ผู้จัดการออนไลน์ ระบุเวลาของหัวข้อข่าวนี้ 7.15 น. ไม่เป็นความจริง หรืออีกทางหนึ่ง ถ้าได้รู้จากผู้เข้าร่วมสัมนา ว่าได้มีการพูดถึงแนวทางนี้จริงหรือไม่ หรือเอามาใส่ในบทสรุปเพื่อการแถลงข่าวในภายหลัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ยืนยันตาม คห. 51 ครับ ว่า อย่างไรก็ยินดี ที่แนวคิดลักษณะนี้ได้มีการเผยแพร่สู่สังคมเพื่อพิจารณา แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 51 05:29:38 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 51 05:28:06 จากคุณ : วษณ - [ 29 ก.ย. 51 05:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 รัฐมนตรีมีกี่คน จะเอาสมองที่ไหนไปจดจำเบอร์ผู้สมัครได้ถูก ขนาดตอนอดีตนายกสมัครจะกากบาทเลือกตั้งแค่เบอร์เดียว ยังจำไม่ได้ ต้องออกมาดูเบอร์แล้วค่อยเข้าไปกาบัตรเลย จากคุณ : apivus - [ 29 ก.ย. 51 11:02:51 ]