ความคิดเห็นที่ 1 Q: Subprime Loan คืออะไร A: คิดว่าหลายๆ ท่านคงทราบอยู่แล้ว Subprime Loan แปลตรงตัวคือ สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ชั้นรองลงมา (sub  prime) แปลไทยเป็นไทย คือ สินเชื่อที่ปล่อยให้คนที่มี credit ไม่ค่อยดีนัก สินเชื่อพวกนี้งัดโปรโมชั่นยั่วใจคนอยากมีหนี้สุดฤทธิ์ เช่น จ่ายดอกอย่างเดียว ต้นไม่ต้อง, ไม่ต้องมีเงินดาวน์, ไม่มีการเชคประวัติเครดิต ยังๆ ถ้าคุณโทรมาภายใน 10 นาทีนี้ เราจะอนุมัติภายใน 3 นาที (แปลว่าไม่ต้องตรวจสอบ ขอมา จัดไป) โอ้วพระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก ;) ซึ่ง Subprime ที่โด่งดังในตอนนี้คือ subprime ที่ปล่อยกู้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะฉะนั้น บางครั้ง เราจึงเรียกมันว่า subprime mortgage ครับ จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาดูตัวอย่างกันดีกว่า ขอแนะนำให้ท่านรู้จัก คุณ m_ple (นามสมมติ) ครับ (วี๊ดวิ้ววว \(^o^)/ ) สถานะภาพคุณ m_ple - เพศชาย อายุ 20 กลางๆ (โสด แฮ่มม ^^" ) - มนุษย์เงินเดือน กินเงินเดือนธรรมดาเดือนละ 18,000 บาทถ้วน (ตัวเลขสมมติครับ ของจริง 18,900 ฮา) - ทรัพย์สินมีแค่เงินเก็บในบัญชีออมทรัพย์หลักพันบาท ที่ดงที่ดิน บ้านเบิ้นอะไร ไม่มีกะเค้าหรอก อ้อ มีหุ้น Mida-w1 อยู่ด้วย หุ้นห่านทองคำครับ เก็บมานาน คาดว่าปลายปีนี้ ห่านคงจะตายแล้ว ไม่รู้จะออกไข่ให้อีกสักฟองหรือเปล่า ^^" คุณ m_ple เล็งคอนโดแห่งหนึ่งในโครงการของ QH ไว้ (ขออนุญาตเชียร์หุ้นดี pe ต่ำ ปันผลสูง (แต่ราคาลงทุกวัน ไม่ฮา) สักตัวนะครับ ติดดอยนานแล้วว T-T) มูลค่า 1 ล้าน 5 แสนบาท m_ple อยากได้มาก แต่ไม่มีปัญญาหาเงินสดมาซื้อ อย่าว่าแต่เงินล้านเลยครับ จะหาเงินมาดาวน์สัก 3 แสน ยังหาไม่ได้เลย เงินเก็บยังมีแค่ไม่ถึงหมื่น ว่าแล้ว m_ple เข้าไปคุยกะธนาคาร A  เรื่องสินเชื่อ ธนาคาร A ยื่นข้อเสนอสินเชื่อธรรมดา ผ่อน 30 ปี ดอกเบี้ย MLR+4% สมมติว่า MLR ในปัจจุบันเท่ากับ 6% นะครับ และจะใช้ตัวเลขนี้ไปจนจบกระทู้นะครับ สมมติว่ามันไม่เปลี่ยนแปลงด้วยตลอดระยะเวลาในตัวอย่าง เปิดโปรแกรม excel กันขึ้นมาครับ ใช้ function PMT ใส่ว่า "=pmt(0.1/12,360,1500000)" ออกมาว่าถ้า m_ple กู้กับแบงค์ A m_ple ต้องผ่อนเดือนละ 13,163.57 บาทต่อเดือนครับ (-_-")a จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Q: ตกลงคุณ m_ple ได้กู้ป่ะ? A: เงินเดือนแค่หมื่นแปด ให้ผ่อนบ้านเดือนละหมื่นสามเลยเหรอครับพี่ แบงค์ A พิจารณาแล้ว เห็นว่าคงจะปล่อยเงินกู้ให้ไม่ไหว พี่แกเล่นไม่มีอะไรสักอย่าง เงินเดือนก้อไม่ถึงธนาคาร A เลยปฏิเสธ ในขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น ธนาคาร B ก้อเข้ามาโปรด แบงค์ B ยื่นข้อเสนอที่เราเรียกว่า Subprime ให้เนี่ยละ ผู้ให้กู้ Subprime มักจะเล็งลูกค้าที่ มีเครดิตไม่ค่อยดี, เคยล้มละลายมาก่อน, มีหนี้สินมากเกิน, หรือ/และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการซื้อทรัพย์สินนั้นๆ โดยเสนอสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อธรรมดา (หรือภาษาอเมริกันเรียก prime) เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมา เห็นไหมว่า m_ple เข้าทุกข้อเลย ;) แบงค์ B ยื่นข้อเสนอเป็นสินเชื่อชนิด ARM ให้โดยมี teaser rate 1% ในปีแรก ต่อไปใช้ MLR +6% จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Q: ปาดนิดพี่ ARM นี่ไรอ่ะ? A:  ARM ย่อมาจาก Adjustable Rate Mortgages แปลตรงตัวก้อคือ สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได้ สินเชื่อพวกนี้ จะให้อัตราดอกเบี้ยในปีแรกต่ำกว่าปกติ เพื่อจูงใจ ให้คนกู้ หรือเราเรียกอัตราดอกเบี้ยนี้ว่า teaser rate ครับ บางธนาคารอาจให้ teaser rate มากกว่า 1 ปีก้อได้ เช่น teaser rate 1% ในช่วง 3 ปีแรก หลังพ้นช่วง teaser rate แล้ว ธนาคารจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (แล้วแต่ครับ MLR MRR MOR บลาๆๆ) พร้อมกับ บวกเพิ่ม premium rate ที่แบงค์จะชาร์จลูกค้าแต่ละรายต่างหาก เหมือนในตัวอย่างเลยครับ teaser rate 1% ในปีแรก จากนั้นปีถัดมา ก้อโดน MLR+6% ลองมองไปธนาคารใกล้ๆ ตัว จะพบว่าสินเชื่อพวกนี้ไม่ใช่ ของใหม่ในบ้านเราเลยใช่ไหมครับ ;) แต่พอพูดชื่อ ARM มันดูไฮโซดีจัง ^^" จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Q: แต่สินเชื่อกู้บ้าน มันก้อน่าจะเหมือนๆ กันป่ะ ไม่แตกต่างกันมั้ง? A: แบงค์ B บอกว่า ผ่อนกะแบงค์ B 30 ปีเท่ากัน เดือนละแค่ 4 พันกว่าบาทเอง o_O" อะไรว้า จากหมื่นสามเหลือสี่พันเลยเรอะ เพราะในปีแรก คุณเสียดอกแค่ร้อยละ 1 ต่อปี เท่านั้น แต่ๆ โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดายหรอกครับ แต่สิ่งที่เค้าบอกคุณไม่หมดคือ พอหมดช่วงโปรแล้ว m_ple ต้องเสียดอกตั้ง 12% (MLR + 6) ทำให้ต้องผ่อนเดือนละหมื่นห้าหน่ะ เมื่อคิดจากเงื่อนไขข้างต้น ในปีแรก m_ple จะผ่อนเดือนละ 4,824.59 บาท แต่ปีที่ 2 ถึงปีที่ 30 ยอดเงินผ่อนจะกลายเป็น 15,077.76 บาท คิดดูสิครับ m_ple มีรายได้เพียงเดือนละ 18,900 บาท ถ้ากู้กะแบงค์ B นี้ สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt per Income Ratio) จะสูงถึง 0.80 หลังเข้าสู่ปีที่สองเลยนะครับ แค่นี้ก้อแทบจะการันตี NPL ได้อีกก้อนแล้วอ่ะ อย่างไรก้อตามแต่ครับ m_ple ก้อกู้ซื้อบ้านโครงการ QH (แฮ่มม) กับแบงค์ B ในที่สุดครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 00:49:23 จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Q: เออ เนอะ m_ple มันคิดมั่งป่ะเนี่ย ก่อนกู้อ่ะ ว่ามันจะไม่มีปัญญาจ่าย? A: คิดสิครับ แต่ m_ple ก้อหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วเช่นกัน จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ถ้าหมดช่วง teaser rate เมื่อไร m_ple คงตาย เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นปีที่ 2 m_ple (ควร)ทำอย่างไร รู้ไหมครับ? ง่ายๆ เลย ก้อไป re-finance กับแบงค์อื่นๆ ต่อ ^^ ยอมเสียค่าดำเนินการนิดๆ หน่อยๆ แต่กลับมาเสีย teaser rate เหมือนเดิม สบายจะตาย จริงไหมครับ นอกจากนี้ ในกรณีที่ช๊อตเงิน หรือเงินขาดมือ แบงค์ยังยื่นสินเชื่อประเภท Home Equity Loan ให้อีกด้วยนะครับ โอ้โห ครบวงจร จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Q: Home Equity Loan (HEL) คืออะไรเหรอ? A:  HEL นี้ ดูดีดี มันเป็นการ securitization ชนิดหนึ่งเหมือนกันครับ คือ คุณเอาบ้านของคุณไปค้ำประกัน เพื่อกู้เงินสดออกมา (ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกแล้ว บ้านเราทำกันเกร่อ) สถาบันการเงินมักจะมองหาลูกค้าที่กำลังมีปัญหาผ่อนชำระบ้าน เสนอบริการ HEL ให้ ดูตัวอย่างกันดีกว่า กลับมาที่ m_ple ครับ หลังจากทู่ซี้ผ่อนบ้านไปได้สองปี m_ple ก้อเริ่มรู้สึกว่า ผ่อนต่อไปไม่ไหวแล้ว หันไปดูเงินต้นยังเหลือตั้ง 1,453,988 บาทหน่ะ (ไรว้า ผ่อนไปตั้ง 2 ปี เงินต้นลดไปแค่ 5 หมื่นเองเรอะ) m_ple เลยไปคุยกับธนาคาร บอกว่าผมจะไม่ไหวแล้วนาา ธนาคารบอกว่า สนใจ HEL ไหม ธนาคารบอกว่า ผ่านมาสองปี ตอนนี้ราคาประเมินบ้านคุณขึ้นเป็น 1,800,000 แล้ว คุณเหลือหนี้อยู่ล้านสี่กว่าๆ คุณก้อมาทำเรื่อง HEL มากำหนดการผ่อนชำระกันใหม่ (หรือจะกำหนดผ่อนแบบเดิมก้อได้ แต่คิดเงินต้นใหม่) ถ้าธนาคารอนุมัติ m_ple ก้อเอาเงินไปใช้เล่นๆ สี่แสน ตอนนี้ดอกเป็น 12% (MLR+6) ใช่ไหม ผมให้ดอกคุณปีแรกกลับไปที่สัก 5% แล้วกัน โอเค โอเค้?  :) สังเกตไหมครับ แม้คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินกู้ แต่ถ้าต้องการใช้เงินมาแต่งบ้าน ซื้อ Home Theater หรือแม้กระทั่งซื้อรถ ก้อไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดครับ :) จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Q: โหห โอกาสโดนเบี้ยวเห็นๆ แบงค์ปล่อยกู้ได้ไงเนี่ย? A: แบงค์เชื่อว่า โอกาสที่แบงค์จะขาดทุนจากเงินกู้พวกนี้น้อยมากๆๆๆๆๆๆ ด้วยเหตุผลใหญ่ๆ 2 ข้อครับ ข้อ1 เพราะแบงค์เชื่อว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ และข้อ 2 เพราะปัจจุบันแบงค์มีเครื่องมือในการถ่ายโอนความเสี่ยงครับ มาดูกันทีละข้อครับ ข้อแรก เพราะแบงค์เชื่อว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหนี้ที่กู้มา แบงค์ก้อสามารถนำบ้านหลังนั้นไปขายทอดตลาด และได้กำไรอยู่ดี เนื่องจากราคาบ้านที่ขายได้ จะแพงกว่าราคาบ้านตอนที่ลูกหนี้กู้มา จากตัวอย่างก้อจะเห็นว่า สมมติ m_ple ไม่ทำ HEL แล้วเจ๊ง บ้านโดนธนาคารยึดไป ธนาคารก้อจะนำบ้านไปขายทอดตลาดได้เงินตั้ง 1.8 ล้านหน่ะ ทั้งที่ให้ m_ple กู้เพียง 1.4 ล้านเท่านั้น ได้กำไรตั้งสี่แสน ซึ่งมันก้อจริงนะครับ เพราะโดยปกติแล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามเงินเฟ้อครับ (ข้าวของแพงขึ้น วัสดุก่อสร้างก้อแพงตาม เช่นเดียวกันกับค่าแรงคนงานก้อแพงขึ้น ทุกปีๆ เช่นกัน จริงไหมครับ) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนข้อ 2 นี่คือพระเอกของเรื่องครับ ปัจจุบันแบงค์มีเครื่องมือในการถ่ายโอนความเสี่ยงให้กับคนอื่นๆ ได้มากขึ้น ก้อพวกที่คุณๆ ได้ยินกันทุกวันเนี่ยล่ะ CDO, CDS อะไรเทือกนี้ มาดูกันทีละตัวครับ เริ่มจาก Mortgage Backed Security (MBS) MBS คือการนำหนี้ Subprime หลายๆ ก้อนมารวมกันแล้วนำมาทำเป็นพันธบัตรออกขาย (เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์หรือ Securitization ครับ) จากตัวอย่างนะครับ ธนาคาร B ปล่ยอกู้ subprime ให้รายย่อยๆ ทั้งหมด 100 ราย (รวม m_ple)  รวมขนาดหนี้ทั้งหมด 200 ล้านบาท ดอกเบี้ยโดยเฉลี่ย 10% ต่อปี จากนั้น ธนาคาร B กลัวว่าหนี้ subprime นี้จะสูญ ด้วยความที่เอาชัว ก้เลยอออกพันธบัตรมูลค่า 200 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 9% ต่อปี ขายให้นักลงทุนทั่วๆ ไป โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าหนี้ 200 ล้านเกิดมีบางส่วน(หรือทุกส่วน) กลายเป็นหนี้สูญ  ธนาคาร B ก้อจะจ่ายเงินต้นพันธบัตรคืนเท่าที่ได้มานะครับ อาทิ หนี้ก้อนนี้กลายเป็นหนี้สูญ 50 ล้านบาท คนที่ซื้อพันธบัตรก้อนนี้ 200 บาท ก้อจะได้เงินต้นคืนเพียง 150 บาทเท่านั้น พอจะเข้าใจ concept ไหมครับ ผมได้ดอกเบี้ยกินเปล่า 1% ฟรีๆ แถมไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านการเบี้ยวหนี้ (Credit Risk) ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนกองทุนต่างๆ ได้สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด และอาจมีความเสี่ยง Risk ที่ไม่ไปกับตลาดเท่าไรนัก สามารถนำไปลดความเสี่ยงที่ถ่ายโอนได้ (Diversifliable risk) ในพอร์ทของตัวเองด้วย จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Q: MBS มีดีอะไร บางกองทุนเห็นลงทุนในหุ้นแท้ๆ ยังมาแจมซื้อด้วยเลย? A: มันเป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงของกองทุนครับ Risk (ความเสี่ยง) แปลอย่างง่ายและหยาบๆ คือ โอกาสที่ผลตอบแทนที่คุณคาดหวังไว้ อาจไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง เช่นคุณซื้อ IEC ไว้ก่อนข่าวแตกพาร์และ คุณคาดว่าหลังแตกพาร์มันจะวิ่งกระจุยกระจาย แต่สุดท้ายมันไม่ไป แถมไหลรูดมาเหลือแค่แถวๆ หนึ่งบาทเท่านั้น โอกาส (Probability) ที่ IEC จะไหลลงมากกว่าวิ่งขึ้น อย่างที่คุณหวังไว้ เราเรียกโอกาสนั้นว่าความเสี่ยงครับ (เพิ่มเติมว่า: โอกาสที่อยู่ๆ เค้าจะเปลี่ยนใจไม่แตกพาร์มันแล้ว เราก้อเรียกว่าความเสี่ยงเช่นกันครับ ฮา) ความเสี่ยงมีสองชนิดใหญ่ๆ คือ 1) ความเสี่ยงที่กระจายไม่ได้ (ภาษาปะกิตว่า Systematic Risk) หมายความว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่ว่าคุณจะถือสินทรัพย์อะไร คุณจะโดนเหมือนกันหมด (เช่น ปัญหาการเมือง ไม่ว่าคุณจะถือหุ้นตัวเดียว สองตัว ถ้าคนไทยตีกันเอง หุ้นก้อลงหมดทุกตัวเหมือนๆ กัน ^^") และ 2) Diversifliable Risk (หนังสือบางเล่มอาจเรียก unsystemtic risk) คือ ความเสี่ยงที่สามารถถ่ายโอนได้ เมื่อคุณถือหลักทรัพย์มากกว่า 1 ตัวในปอดครับ เช่น สมมติว่า คุณถือหุ้นตัวเดียวในปอด คุณได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี และมีความเสี่ยง 10 หน่วย แต่ถ้าคุณเลือกหุ้นดีดี ถือมันสัก 10 ตัวในปอด คุณอาจได้ผลตอบแทน 5% ต่อปีเท่าเดิม แต่ความเสี่ยงของปอดคุณเหลือเพียง 2 หน่วยเท่านั้น ความเสี่ยง 8 หน่วยที่หายไปเนี่ยละ เราเรียก Diversifiable Risk ครับ เรื่องนี้มาจาก ทฤษฎีที่ชื่อว่า Capital Asset Pricing Model (CAPM) ครับ ถ้าใครสนใจหาอ่านเพิ่มเติม เพื่อจัดพอร์ทคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (สำหรับนักลงทุนนะครับ ไม่ใช่นักเก็งขาดทุน แบบผม ฮา) แนะนำหาหนังสือพื้นฐานการเงินต่างๆ มาอ่านครับ เป็นทฤษฎีเบสิกเลยที่นักเรียนการเงินทุกคนรู้จัก แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 00:51:23 จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ด้วยเหตุนี้ MBS จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนสังเกตเห็นว่า หนี้ Subprime ที่มาทำ MBS นั้น มันมีทั้งหนี้ดีดี และหนี้ไม่ดี เอามาขายรวมกันราคาอาจไม่ดีเท่าไร อารมณ์ประมาณขายผลไม้ ถ้าคุณเอาส้มลูกใหญ่ๆ มาขายคละกับลูกเล็กๆ คุณอาจจะขายได้โลละ 10 บาท แต่ถ้าคุณคัดลูกใหญ่ๆ ออกจากลูกเล็กๆ คุณอาจจะขายลูกใหญ่ๆ ได้โลละ 30 บาท ส่วนลูกเล็กๆ อาจจะได้ราคาสัก 7 บาท ซึ่งโดยรวมมันอาจจะทำกำไรให้คุณมากกว่า จริงไหมครับ :) MBS ก้อเหมือนกัน จึงมีคนคิดริเริ่มที่จะแยกหนี้ MBS ดีดี ออกจาก MBS เสียๆ  ครับ จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Q: อ้อ นั่นคือที่มาของ CDOs ใช่ป่ะ? A: ถูกต้องแล้วครับ Collateralized Debt Obligation หรือที่เรารู้จักกันว่า CDO คือ  MBS ที่คัดแยกเกรดมาขายตามความเสี่ยงของ MBS โดยเกรดยิ่งดี ก้อยิ่งขายแพง (คือได้ดอกต่ำ) สมมติว่าธนาคาร B ออก MBS มา 10 รุ่น แต่ละรุ่นก้อจะได้เกรดแตกต่างกันออกไป สมมติว่า 4 รุ่นได้เกรด AAA*  3 รุ่นได้เกรด A อีก 3 รุ่นที่เหลือได้เกรด BBB ธนาคาร B ก้อจะจับ MBS ที่ได้เกรด AAA เหมือนๆ กัน มามัดเป็นกองๆ (tranche) แล้วขายรวมกัน ซึ่งเราเรียกพวกนี้ว่า CDO ครับ :) CDO ที่ได้เกรด AAA อาจจะจ่ายดอกเบี้ยเพียง 4% CDO ที่เสี่ยงมากขึ้น จะได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เช่น CDO ที่เกรด BBB อาจจะได้สัก 16% * คุณคงเคยได้ยินชื่อเหล่านี้ใช่ไหมครับ Standard & Poor (S&P), Moody, Fitch Rating บริษัทเหล่านี้จะคอยจัดอันดับความเสี่ยงของสินทรัพย์หรือบริษัทต่างๆ ว่ามันเสี่ยงมากน้อยขนาดไหนผ่าน Rating ที่เค้าให้ Rating ที่เค้าให้เราจะสามารถจำแนกได้เป็นสองแบบใหญ่ๆ คือ แบบของ S&P และ Moody ดังนี้ครับ                                                 S&P                  Moody เสี่ยงน้อยที่สุด                             AAA                  Aaa VVV                                          AA                    Aa VVV                                          A                      A VVV                                          BBB                   Baa VVV                                          BB                     Ba VVV                                          B                       B VVV                                          CCC                   Caa VVV                                          CC                     Ca VVV                                          C                       C เสี่ยงมากที่สุด                              Not Rated       Not Rated นอกจากนี้ ของ S&P อาจจะมีประจุ + และ - สำหรับเกรดเดียวกันด้วย ซึ่งจะแปลว่า A+ ดีกว่า A และ A ดีกว่า A- ครับ ของ Moody จะมีเลขทำหน้าที่คล้ายประจุของ S&P ครับ กล่าวคือ A1 ดีกว่า A2 และ A2 ดีกว่า A3 ครับ อาจจะมีเรตแปลกๆ มาบ้าง บางครั้ง เช่น R, SD บลาๆๆ ลองหาอ่านในเวปไซต์ของเค้าหรือ Wiki ดูนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ :) อนึ่ง สำหรับ CDO ที่ได้เกรด AAA เรามักเรียกว่า Senior Tranches (บางเจ้าอาจจะมี AAA เกรดรองลงมาเรียก Junior Tranches ครับ) CDO ที่ได้เกรด AA ถึง BB เรามักเรียกว่า Mezzanine Tranches ส่วน CDO ที่เสี่ยงมากๆ จนบริษัท Rating ไม่ออกเกรดให้ (Unrated CDO) เราจะเรียกมันว่า Equity CDO ครับ จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Q: อ้าว แล้ว CDO เกรดต่ำๆ ใครจะซื้อล่ะ? A: อาจจะมีบางคนที่ต้องการผลตอบแทนสูงๆ ยอมเสี่ยงซื้อก้อได้ครับ (ไม่งั้นคนก้อไปซื้อ PTT BBL SCC กันหมดสิครับ ใครจะยอมซื้อ LIVE ล่ะ ) อย่างไรก้อดี บางคนที่อยากได้ CDO หรือ MBS เกรดต่ำๆ ให้ผลตอบแทนสูงๆ แต่ไม่อยากจะรับความเสี่ยงของมันทั้งหมดไว้คนเดียว จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดหนึ่งขึ้นมา เพื่อที่จะถ่ายโอนความเสี่ยงนั้นๆ ให้กับคนอื่นๆ ขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับ Credit Default Swap หรือ CDS ครับ ^^ CDS โดย concept ของมัน เหมือนกับการซื้อประกันชนิดหนึ่งครับ เช่น กองทุน X  ซื้อ CDO เกรด BBB ของธนาคาร B โดยได้ผลตอบแทน 10% ด้วยความที่เอาชัว เลยไปทำ CDS กับกองทุน Y โดยจ่ายค่า premium ให้กองทุน Y ปีละ 8% โดยมีข้อตกลงว่า ถ้า CDO ของธนาคาร B ก้อนนี้เบี้ยว (default นั่นแปลว่ากองทุน X จะได้ไม่เงินต้นคืน) กองทุน Y จะจ่ายเงินต้นแทนธนาคาร B เอง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กองทุน Y ก้อได้ 8% ไปกินฟรีๆ ส่วนกองทุน X ก้อสบายแฮ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตัวเองได้ 2% ฟรีๆ :) วันนี้คืนดี ถ้ากองทุน Y เริ่มไม่อยากเสี่ยง อาจจะขาย CDS ก้อนนี้ให้กับกองทุนอื่นๆ แทนก้อได้นะครับ หรืออาจจะไปทำ CDS กับกองทุนอื่นๆ อีกที (เพื่อในกรณีที่ธนาคาร B เบี้ยว แทนที่กองทุน Y จะต้องจ่ายเงินต้นเอง กองทุนอื่นๆ จะเป็นคนจ่ายให้แทน) จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Q: โอย ชักเริ่มปวดหัว มีใครเอา CDS ไปทำอะไรต่อไหมเนี่ย? A: มีสิครับ แฮะๆ มีคนจับเอา CDS หลายๆ ก้อนมามัดรวมกันขายอีกรอบ เราเรียกว่า Synthetic CDO ครับ ซึ่งคุณจะเห็นว่า CDS เนี่ย มันไม่มีอะไรหนุนหลังมันเลย (พวก MBS มีหนี้ Subprime หนุนหลัง ส่วน CDO มี พันธบัตร MBS หนุนหลัง) ทำให้ Synthetic CDO กลายเป็น paper trade แทบจะสมบูรณ์แบบ กล่าวคือ เหมือนกับการเทรดกระดาษ (บางคนเรียกว่าเป็นการพนันไปโน้นเลย) โดยจ่ายเงินตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ มายุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น และเพื่อให้ง่ายต่อการอ้างอิง จึงมีคนคิดค้นเอา CDS ที่ดังๆ หลายๆ สถาบันการเงิน (หรือจะดูอีกนัยหนึ่งมันก้อคือ Synthetic CDO นั่นเอง) มาผูกกันเป็นดัชนี ซึ่งดัชนีที่ว่านี้ก้อมีดังๆ หลายเจ้า อาทิ CDX, ABX, และ Itraxx ครับ พอมันกลายเป็นดัชนีอ้างอิงแบบนี้แล้ว คราวนี้สนุกเลยครับ ^^" คุณลองนึกดูว่า คุณเอา SET50 ไปทำอะไรได้บ้าง เช่นกันครับ เราสามารถนำดัชนีพวกนี้ไปใช้ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นซื้อขายล่วงหน้า (Futures) หรือจะขายเป็น options บลาๆๆ ไม่จำกัดเลยครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเอาไปทำอะไรเท่านั้นเอง จะจับเอาดัชนีนี้ไปทำ ETF หรือผูกกับดัชนีโน้น หรือทำ swap กับสินทรัพย์ตัวนั้น ก้อเอาเลยครับ ตามสบายครับพี่ ตามสบาย (-_-")a เห็นไหมครับ ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา กะอีแค่ m_ple ซื้อบ้านเนี่ย สุดท้ายกลายเป็น Credit Default Swap Index Futures Option ได้ด้วยประการฉะนี้แล จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีประโยชน์ เดี๋ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : PICCANINNY'S DAD - [ 21 ต.ค. 51 08:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องที่ควรจะไปได้สวย ทุกคนมีเงินใช้ถ้วนหน้า แล้วอยู่ๆ มันเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้สหรัฐและโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ติดตามต่อกระทู้หน้าครับ คาดว่าอาทิตย์หน้า น่าจะเสร็จ ^^" ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ พบกันใหม่กระทู้หน้าครับ  สวัสดีครับ ^^ จากคุณ : m_ple - [ 21 ต.ค. 51 08:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ได้ความรู้มากครับ จากคุณ : eping - [ 21 ต.ค. 51 08:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องเดียวกันเอามาแถมให้ครับ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=35651&sid=95fdfff685f27f00303ad0f7fbcef5d8 จากคุณ : อภิมหาชาตบุตร - [ 21 ต.ค. 51 08:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โอ ได้ความรู้มากมายเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Fast_Dev - [ 21 ต.ค. 51 09:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอ้ ความรู้ แน่นปึ๊กครับ ขอบคุณมาก คำถาม ตรง CDS น่ะครับ ตอนที่คนลงทุนใน CDO เกรดต่ำๆ เลยทำ CDS เพื่อกินส่วนต่างอย่างที่ยกตัวอย่าง กินฟรีๆ 2% ในทางกลับกัน ทำไมเค้าถึงไม่ลงทุนใน CDO เกรดสูงๆไปเลยล่ะครับ ซึ่งในที่นี้ผมเข้าใจว่า CDO เกรดสูงๆก็น่าจะมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 2% แล้วก็ขออีกเรื่องนะครับ การทำ CDS กับ F.I. ดังๆหลายๆที่ เค้าต้องคิดค่าความเสี่ยง จนไม่น่าจะทำกำไรได้โดยปราศจากความเสี่ยง (Arbitrage) ไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นอย่างไรหรอครับ ผมก็รู้แต่ในหนังสือ ในแนวทางปฎิบัติจริงๆ ผมไม่ทราบเลยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : G_cyber - [ 21 ต.ค. 51 09:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ m_ple อธิบายได้แจ่มแจ้งมากเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : happy dog - [ 21 ต.ค. 51 09:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 #20 ก็เพราะว่า CDO เกรดต่ำจะเสนอให้โดยมีผลตอบแทนมากกว่า CDO เกรดสูงๆ ครับ ส่วน CDS ก็มีค่า Insurance ครับ แต่ว่าก็รวมค่าใช้จ่ายไปใน Cost แล้ว ตอนนี้ CDS ที่ซื้อขายกันเนี่ยมีมูลค่ามากกว่า GDP โลกอีกนะครับคือราวๆ 54 ล้าน ล้าน เหรียญ จากคุณ : Chaotic System - [ 21 ต.ค. 51 09:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับ ทำงานแป่บและเดี๋ยวจะแว๊บกลับมาอ่าน จากคุณ : ก้อนหินขยับ - [ 21 ต.ค. 51 09:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมาก จากคุณ : jpong - [ 21 ต.ค. 51 09:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ จากคุณ : จุย - [ 21 ต.ค. 51 10:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เยี่ยม จากคุณ : sandee.kung - [ 21 ต.ค. 51 10:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 บร๊ะเจ้า เมพขิงๆ เยี่ยมยอดเปิดกะลาผมดีแท้ จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 21 ต.ค. 51 10:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากค่ะ กำลังรอพี่ m_ple พหูสูตประจำสินธรอยู่ทีเดียว นึกว่าไม่มาซะแล้ว จากคุณ : กะติ๊ด - [ 21 ต.ค. 51 11:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านเข้าใจง่าย ได้ความรู้ ขอบคุณมากครับ รออ่านกระทู้ต่อไปครับ จากคุณ : Kashira - [ 21 ต.ค. 51 11:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เจ๊งเป้ง จากคุณ : Thanomklom - [ 21 ต.ค. 51 11:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับ รออ่านต่อกระทู้หน้า.^^ จากคุณ : nepgaru - [ 21 ต.ค. 51 11:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากค่ะ เขียนเข้าใจง่ายมากเลย รอติดตามตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : YellowTiburon - [ 21 ต.ค. 51 12:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอ  COPY  และ ส่งต่อให้ หลายๆ คนที่ไม่รู้ ชอบถามผมเรือง  Subprime    ว่า คือ อิหยัง จากคุณ : boy2000 - [ 21 ต.ค. 51 12:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ... ขอบคุณครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 21 ต.ค. 51 12:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณฮะ ได้ประโยชน์มากมาย จะคอยติดตามภาคต่อ ๆ ไป นะครับ ปล. มีสาระกว่านิยายผมเยอะเลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 51 15:33:07 จากคุณ : kennyG - [ 21 ต.ค. 51 13:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เยี่ยมครับ จะรออ่านต่อครับ จากคุณ : dangerous - [ 21 ต.ค. 51 13:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นน้องใหม่เพิ่งเข้ามา ได้ความรู้มากค่ะ  ขอบคุณค่ะ จะติดตามอ่านตอนต่อไปนะค่ะ จากคุณ : piggy woman (piggy woman) - [ 21 ต.ค. 51 14:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สุดยอดครับ เห็นชื่อคุณ m_ple ปั๊บผมก็รีบเข้ามาเลย ชื่อนี้การันตีคุณภาพครับ ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ครับ คุณ m_ple จงเจริญ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : LTI Systems - [ 21 ต.ค. 51 16:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วได้ความรู้ มากมายครับ ^^ จากคุณ : vn, man - [ 21 ต.ค. 51 17:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณค่ะ ที่ให้ความรู้เป็นวิทยาทาน จากคุณ : ต้องให้เปลี่ยนสักกี่ที - [ 21 ต.ค. 51 17:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มารอตอนต่อไป ^^ จากคุณ : chops - [ 21 ต.ค. 51 17:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เขียนเก่งครับ จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 21 ต.ค. 51 19:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ความรู้มากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ไว้จะมาอ่านต่อตอน 2 จากคุณ : เราพบกันที่เกาะเสม็ด - [ 21 ต.ค. 51 19:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความรู้มากมาย จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น - [ 21 ต.ค. 51 20:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 thank จากคุณ : champsb - [ 21 ต.ค. 51 21:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ภาคต่อมาหรือยังครับ ๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : kennyG - [ 22 ต.ค. 51 11:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ แล้วจะรออ่านนะครับ จากคุณ : poobas - [ 22 ต.ค. 51 13:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ความคิดเห็นที่ 20 โอ้ ความรู้ แน่นปึ๊กครับ ขอบคุณมาก คำถาม ตรง CDS น่ะครับ ตอนที่คนลงทุนใน CDO เกรดต่ำๆ เลยทำ CDS เพื่อกินส่วนต่างอย่างที่ยกตัวอย่าง กินฟรีๆ 2% ในทางกลับกัน ทำไมเค้าถึงไม่ลงทุนใน CDO เกรดสูงๆไปเลยล่ะครับ ซึ่งในที่นี้ผมเข้าใจว่า CDO เกรดสูงๆก็น่าจะมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 2% แล้วก็ขออีกเรื่องนะครับ การทำ CDS กับ F.I. ดังๆหลายๆที่ เค้าต้องคิดค่าความเสี่ยง จนไม่น่าจะทำกำไรได้โดยปราศจากความเสี่ยง (Arbitrage) ไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นอย่างไรหรอครับ ผมก็รู้แต่ในหนังสือ ในแนวทางปฎิบัติจริงๆ ผมไม่ทราบเลยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : G_cyber - [ 21 ต.ค. 51 09:04:05 ] ที่เป็นเช่นนั้น คือนักลงทุนจะถูกภาพลวงตาหลอกครับ คือการที่ซื้อ CDOs ที่ได้ผลตอบแทนดีๆ แล้วไปซื้อ CDS จะทำให้คิดได้ว่า ส่วนต่างผลตอบที่ได้นั้นเป็นแบบ ไร้ความเสี่ยงครับ แต่การซื้อ CDOs เกรดดีๆนั้นยังมีความเสี่ยง ความคิดเห็นที่ 22 #20 ก็เพราะว่า CDO เกรดต่ำจะเสนอให้โดยมีผลตอบแทนมากกว่า CDO เกรดสูงๆ ครับ ส่วน CDS ก็มีค่า Insurance ครับ แต่ว่าก็รวมค่าใช้จ่ายไปใน Cost แล้ว ตอนนี้ CDS ที่ซื้อขายกันเนี่ยมีมูลค่ามากกว่า GDP โลกอีกนะครับคือราวๆ 54 ล้าน ล้าน เหรียญ จากคุณ : Chaotic System - [ 21 ต.ค. 51 09:20:46 ] จริงๆแล้วมันผิดตั้งแต่การให้ผู้กู้ระดับ Subprime สามารถกู้เงินได้แล้วครับ จากความโลภของ ผู้กู้และผู้ให้กู้ คือ CDOs เกรดดีๆ ก็ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ดีครับ เพราะถ้าหาก MBS เบี้ยวทั้งก้อนเลย CDO เกรดสูงยังมีสิทธิถูกชักดาบครับ เป็นบทความที่ดีครับ ผมติดตามมาหลายหัวข้อแล้ว จะรออ่านต่อนะครับ จากคุณ : Endless_ Luck - [ 22 ต.ค. 51 15:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ m_ple ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เจ๋งมั่กๆ เรื่องทำไมซื้อ CDO เกรดต่ำพอจะเข้าใจได้ แต่ขอถามนืดนึง ตรง rep 13 ทำไมกองทุน Y ไม่ซื้อ CDO อันนั้นไปเลยล่ะครับ ทำไมต้องมาซื้อ CDSต่อจากกองทุน X  อีกที เพราะเท่าที่อ่านดู ความเสี่ยง CDO กับ CDS มันเท่ากัน แถมถ้าซื้อ CDO ได้ผลตอบแทนเต็มๆ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 51 17:18:40 จากคุณ : Fresh Extra - [ 22 ต.ค. 51 17:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดี จากคุณ : นท (นท พฤกษาชาติ) - [ 22 ต.ค. 51 17:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คห. 49 อืม เป็นคำถามที่ดีมากครับ (เหมือนกำลังบรรยายหน้าหอ้งเรียนเลย) จริงๆอยากรอให้คุณ M_Ple เข้ามาชี้แจงรายละเอียดนะครับ แต่ผมขอตอบตามความคิดผมเองก่อนแล้วกัน (ไม่ได้เชี่ยวนะครับ อ่านๆมาจากข่าวและพวกเอกสารบรรยายต่างๆ) จุดที่แตกต่างกันอย่างมากของ CDO และ CDS คือ CDOs เป็นตราสารหนี้ชนิดหนึ่ง ประมาณหุ้นกู้น่ะครับ แต่ CDS เป็นสัญญาอนุพันธ์ครับ ดังนั้นถ้าหากอยากซื้อ CDO นั้นหมายถึงว่าเราต้องใช้เงินก้อนซื้อมาเพื่อแลกกับผู้ตอบแทนที่กำหนด (คล้ายๆการซื้อหุุ้นกู้ของ PTT) ในระยะเวลาที่กำหนด แต่ CDS นั้นไม่ใช่ ยกตัวอย่างเดิมของคุณ M_Ple CDS โดย concept ของมัน เหมือนกับการซื้อประกันชนิดหนึ่งครับ เช่น กองทุน X  ซื้อ CDO เกรด BBB ของธนาคาร B โดยได้ผลตอบแทน 10% ด้วย ความที่เอาชัว เลยไปทำ CDS กับกองทุน Y โดยจ่ายค่า premium ให้กองทุน Y ปีละ 8% โดยมีข้อตกลงว่า ถ้า CDO ของธนาคาร B ก้อนนี้เบี้ยว (default นั่นแปลว่ากองทุน X จะได้ไม่เงินต้นคืน) กองทุน Y จะจ่ายเงินต้นแทนธนาคาร B เอง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กองทุน Y ก้อได้ 8% ไปกินฟรีๆ ส่วนกองทุน X ก้อสบายแฮ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตัวเองได้ 2% ฟรีๆ :) กองทุน Y ที่ขาย CDS (ขายความคุ้มครอง โดยได้ค่าตอบแทน Premium) การที่เป็นสัญญาอนุพันธ์ Y อาจใช้เงินแค่ 10% ของมูลค่าสินทรัพย์ตอนทำสัญญาเป็นหลักประกัน ยกตัวอย่างสินทรัพย์ CDO มูลค่า 1,000,000 b กองทุน Y ไม่จำเป็นต้องมีเงิน 1,000,000 ในการลงทุนครั้งนี้ แต่ใช้เงินเพียง 100,000 b เท่านั้น แต่กลับได้เงินมาถึง 80,000 b ต่อปี คิดเป็น 80% ต่อปี !!!!!  แต่ถ้าเป็น CDO ก็จะได้ผลตอบแทนเพียง 10% ต่อปีเท่าัน้นเอง ป.ล. ผิดถูก  ชี้แนะได้นะครับ และขอไม่กล่าวไปมากกว่านี้เดี๋ยวคุณ M_Ple จะเล่าต่อไม่สนุก แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 51 19:18:31 จากคุณ : Endless_ Luck - [ 22 ต.ค. 51 19:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ้อๆๆ  พอจะเข้าใจแล้ว แต่ขอถามเพิ่มอีกนิดครับ ถ้าเกิดมันเกิดวิกฤตจริงๆ แล้วCDOพัง  ทางกองทุน Y ก็ต้องโดนเรียกเงินเพิ่มอีก 900,000  ในทำนองเดียวกับ Margin Call ใช่มั้ยครับ จากคุณ : Fresh Extra - [ วันปิยมหาราช 08:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คห. 52 ถูกต้องแล้วครับ และประมาณ 1ใน3 ของผู้ที่ขายธุรกรรมนี้ไม่มีปัญญาหา 900,000 ที่เหลือมาจ่ายครับ เลยต้องล้มละลายไป จากคุณ : Endless_ Luck - [ วันปิยมหาราช 09:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ไขว้กันนัวเนียแบบนี้นี่เอง น่ากลัวมากๆ จากคุณ : Mr.Beery - [ วันปิยมหาราช 11:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เยี่ยมมากครับ เดี๋ยวจะไปอ่านกระทู้ต่อครับ จากคุณ : Freedom and Justice - [ วันปิยมหาราช 14:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาอ่น ซับซ้อนเหลือเกิน ขอบคุณครับ จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 - [ วันปิยมหาราช 20:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณมากค่ะ   เห็นภาพชัดขึ้นเยอะเลย จากคุณ : spaceship - [ วันปิยมหาราช 22:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ของเค้าดีจริง ๆ จากคุณ : นักมายากลเงา - [ 24 ต.ค. 51 05:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เยี่ยม จากคุณ : LAPD21 - [ 24 ต.ค. 51 11:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ จากคุณ : jewheng - [ 24 ต.ค. 51 11:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาจากชานเรือน .... เข้ามาแบบอยากรู้ .. และออกไปอย่างเมามึน .อิ อิ ... ไว้หายมึนแล้วจะเข้ามาอ่านอีกที.... ขอบคุณสำหรับข้อมูลคะ จากคุณ : ปณยา - [ 24 ต.ค. 51 13:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอถามเพิ่มจาก คห.8 นะครับ ตามที่คุณ m_ple บอกว่าเมื่อลูกค้าเบี้ยวธนาคารก็นำบ้านไปขายทอดตลาดได้ในราคาที่สูงขึ้น และราคาอสังหาฯ ในอเมริกาก็สูงขึ้นจิงๆ เรื่องมันน่าจะจบที่ตรงนี้รึป่าวครับ เมื่อลูกค้าเบี้ยวธนาคารก็นำอสังหาไปขายแล้วได้กำไร จบ หรือแม้กระทั้งจะทำMBSไปแล้ว เมื่อนำเงินที่ได้จากการขายบ้านไป ก็ควรจะมีเงินไปจ่ายผู้ซื้อ MBS ได้อยู่ดี จบ หรือกระทั่งจะทำ CDO ไปแล้ว ตราบใดที่ธนาคารนำบ้านไปขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ธนาคารก็ควรจะมีเงินมาจ่ายคนที่ซื้อตราสารนั้นๆไป ฉะนั้นพวกที่ซื้อซื้อ CDS ก็จะไม่ถูกdefault จนต้องหาเงินมาชดเชย เรื่องก็ไม่ควรจะมีอะไร อย่างนี้แสดงว่าในทางปฏิบัติธนาคารที่ปล่อยกู้ไปขายบ้านไม่ได้ในราคาที่สูงตามที่คาดไว้อย่างนั้นรึป่าวครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจิง เหตุผลอะไรทำให้ไม่สามารถขายบ้านทอดตลาดในราคาที่สูงกว่าเดิมตามที่คาดไว้ครับ จากคุณ : CityBoy - [ 24 ต.ค. 51 13:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สุดยอดครับ จากคุณ : Denon - [ 24 ต.ค. 51 16:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คห.62 เพราะว่ามันยังมีภาคต่อน่ะครับ จากคุณ : Endless_ Luck - [ 24 ต.ค. 51 18:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ได้ความรู้ดีจริงๆค่ะ ขอนำไปบอกต่อนะคะ จากคุณ : Lilac - [ 25 ต.ค. 51 15:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แจ๋วเลยครับ   อธิบายให้เข้าใจได้แจ่มแจ้งดีมากๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : อ้ายบ่าวเจียงใหม่ - [ 25 ต.ค. 51 20:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 25 ต.ค. 51 21:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาขอบคุณค่ะ กระทู้ดี มีประโยชน์ จากคุณ : เจ้าติน_ติน - [ 25 ต.ค. 51 22:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สุดยอดครับ อ่านเข้าใจง่ายดี ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : micross - [ 26 ต.ค. 51 01:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 70 รอภาคต่อ อย่างตั้งใจ ... จากคุณ : ยูนิคอร์น - [ 26 ต.ค. 51 22:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณทุกๆ Give (ชอบลูกเล่นใหม่อันนี้จังเลย ^^" ) ด้วยนะครับ ประทับใจมากมายครับ ^o^ และที่สำคัญ ขอบคุณทุกๆ เสียงโหวตครับ คนจะได้อ่านกันเยอะๆ มีอะไรจะได้ถกเถียงกันด้วยเหตุผลยิ่งขึ้น :) คงยังจะไม่ตอบกระทู้อะไรมากนะครับ เพราะเรื่องที่ถามบางคำถามก้อมีคำตอบรออยู่ในกระทู้ถัดไปอยู่แล้ว อย่างไรก้อตาม ขอตอบบาง คห หน่อยนะครับ :) ขอบคุณพี่ Chaotic System (เห็นชื่อพี่ทีไร นึกถึง Systematic Chaos ทุกทีสิน่า ^^" ) กับพี่ Endless_Luck ที่ช่วยตอบคำถามพี่ๆ คนอื่นๆ ในนี้นะครับ ซึ่งผมเห็นด้วยกับคำตอบของพี่ทุกอย่างครับ อยากจะขอเพิ่มเติมคำตอบของพี่ Endless_Luck ใน คห.ที่ 51 นิดเดียวตรงที่ว่า เหตุผลที่กองทุนลงทุนใน CDS มีใหญ่ๆ สามข้อครับ คือ 1) ด้วยเหตุผลทางด้าน Leverage อย่างที่พี่ได้ตอบไว้ใน คห 51 (ลงทุนน้อย ได้มาก) 2) CDO มีจำกัดครับ ทำมารุ่นหนึ่งก้ออาจจะขายได้หมด บางทีคนที่อยากได้อาจจะไม่มีโอกาสได้ซื้อครับ ในมุมมองของผม ข้อสำคัญที่สุดคือ 3) ตามเกณฑ์ของ IAS CDS ถือเป็นอนุพันธ์ (Derivatives) ครับ ทำให้แบงค์ไม่จำเป็นต้องลงบัญชีเพราะเป็นสินทรัพย์นอก งบดุล แต่สามารถลงรายได้ได้เลยเพราะถือว่าเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งไม่ต้อง Mark-to-market ด้วยครับ ต่างกับ CDO ที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ลงทุนครับ รายละเอียดรออ่านในกระทู้ถัดไปนะครับ :) ตอนแรกกะว่าจะพยายามให้เสร็จภายในเสาร์ อาทิตย์นี้ แต่เผอิญติดธุระด่วนทำไม่ทันอ่ะครับ ขอเลื่อนไปอีกสองสามวันนะครับ แต่รับประกันครับ ว่าก่อนวันศุกร์จะมาโพสภาคสองให้ได้อ่านกันครับ :) โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลันครับ (ฮา) ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ :) แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 01:29:00 จากคุณ : m_ple - [ 27 ต.ค. 51 01:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณค่ะ .. ติดตามรอภาคต่อด้วยค่ะ ... จากคุณ : Archimandrite - [ 27 ต.ค. 51 14:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ว้าวววว  เข้าใจแจ่มแจ้ง น่าจะลงเร็วกว่านี้สัก1เดือน สอบfinal ถามเรื่องนี้ด้วย จากคุณ : นิราศดานัง - [ 27 ต.ค. 51 14:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอเพิ่มอีกนิดนึงแล้วกันครับ เป็นเหตุผลข้อที่ 4 ครับต่อเนื่องจากข้อที่ 3 CDS นั้นสามารถที่จะคิดมูลค่าผลตอบแทน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดอายุสัญญา มาไว้เป็นปัจจุบัน เพราะว่าเสมือนได้ถ่ายโอนความเสี่ยงไปให้คนอื่นหมดแล้ว   ฟังดูก็สุดยอดแล้วใช่มั้ยครับ ถ้าไม่......ซะก่อน แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 19:14:40 จากคุณ : Endless_ Luck - [ 27 ต.ค. 51 19:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณทุกคนค่าาาา ทั้งเจ้าของกระทู่้และผู้ที่มารร่วมตอบร่วมถามทุกคนค่ะ เพิ่งสะสางธุรกิจได้แล้วมานั่งอ่าน ได้ความรู้มากมายเลย จากคุณ : sk_tceu - [ 28 ต.ค. 51 13:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รอตอน สองอยู่ครับผม จากคุณ : BoBa Mania - [ 28 ต.ค. 51 22:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 น้องที่ทำงานเก่า เงินเดือนหมื่นกว่าบาท(กู้ร่วมกับแฟน) ซื้อบ้านสองล้านห้า แล้วบ้านน้องก็แบบว่าธรรมดามาก ดูยังไงก็แพงเกิน แต่น้องก็ยืนยันว่า พอซื้อปุ๊บ บ้านก็ขึ้นราคาปั๊บวันนั้นเลย แล้วก็ดอกเบี้ยเงินกู้ปีแรก 1.5% เหมือนกระทู้นี้นี่แหละค่ะ ตอนนี้ก็ผ่อนบ้านพร้อมรถ พอถูไถ ปีหน้าเขาบอกว่าคนจะตกงานเยอะมาก น้องเขาผ่อนบ้านเกิน 50% รายได้ ภาวนาให้รอด และไม่ตกงาน อย่าว่าแต่คนอื่นเขาเลย ตัวเราเองขนาดผ่านปี 40 มารอบนึงแล้ว ยังหวั่นๆ อยู่เลยค่ะ จากคุณ : อนิลฑิตาแห่งอำมฤตาลัย (เด็กเกาะสมุย) - [ 29 ต.ค. 51 11:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมากครับ  จะรออ่านต่อ จากคุณ : เชิญถลุง (Akira-deang) - [ 29 ต.ค. 51 13:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณมากค่ะ ถึงจะงงตอนหลังๆบ้าง จากคุณ : St.Kyo - [ 29 ต.ค. 51 21:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมากครับคุณ m_ple  ผมรออ่านภาคต่อด้วยความระทึกอยู่ครับ จากคุณ : MAD MAN_TO - [ 30 ต.ค. 51 11:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณมากฮับ ..... สำหรับความรู้ดี ๆ จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... - [ 30 ต.ค. 51 23:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เห่อ อ่านแล้วเข้าใจดีขึ้นค่ะ แต่หลังๆ ยังงงกับตัวย่อทั้งหลาย เพราะว่าไม่ได้เรียน แล้วก็คลุกคลีเกี่ยวกับการเงินมาก่อนเลย แต่ก็พอเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะค่ะ จากคุณ : Vesp@ - [ 31 ต.ค. 51 02:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เรียนเชิญทุกท่านที่สนใจที่กระทู้ภาคสองนะครับ :) ตาม link เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7157137/I7157137.html จากคุณ : m_ple - [ 31 ต.ค. 51 12:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 84 Yayyyyy รออยู่เลย ภาค 2 จากคุณ : No Regret - [ 31 ต.ค. 51 16:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 85 โอ้ ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังครับ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยทีเดียว ตอนแรกได้ข่าวก็ยังงงอยู่ว่ามันเกี่ยวอะไรกะตูฟร้า จากคุณ : Desolation Angel - [ 5 พ.ย. 51 13:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณมากนะคะ สำหรับสาระความรู้ กระจ่างมากขึ้นเลยค่ะ จากคุณ : Let's go to the beach - [ 7 พ.ย. 51 11:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ลืมบอกอีกอย่าง ค่ะ เอาไปเลย3แต้ม... ถูกใจ ๆ อิอิ จากคุณ : Let's go to the beach - [ 7 พ.ย. 51 11:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : khun_fah _ja - [ 17 พ.ย. 51 13:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เจอกระทู้นี้ต้องขอบคุณพระเจ้าเลยคับ ทำรายงานเรื่องนี้อยู่พอดี จากคุณ : lockroom - [ 18 พ.ย. 51 01:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอขคุณมากครับ จากคุณ : Old Guy - [ 18 พ.ย. 51 12:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณด้วยคนครับ จากคุณ : smallfox - [ 19 พ.ย. 51 17:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณมากๆๆๆนะครับ จากคุณ : thrill - [ 22 พ.ย. 51 12:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ได้ความรู้มากเลยครับ ถึงผมไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการเงินมาก่อน ก็สามารถเข้าใจได้คร่าว ๆ เลยทีเดียว ขอบคุณ คุณ m_ple มากเลยครับ จากคุณ : แม่กิมไล้ (แม่กิมไล้) - [ 23 พ.ย. 51 12:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อ่านแล้วได้ทั้งความรู้ แล้วก็มีรอยยิ้มด้วยค่ะ สำนวนฮาดี อิอิ จากคุณ : jeen_cute - [ 24 พ.ย. 51 19:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบพระคุณมากเลยค่ะ เอาเรื่องนี้ไปทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ จะรอ ภาคต่อไปนะค่ะ จากคุณ : kwangjang - [ 26 พ.ย. 51 20:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เห้ย สุดยอดเลย... ปกติเล่นห้องอื่น วันนี้ลองแวะมาดู อิอิ ใช้ได้ๆๆๆๆ จากคุณ : bemylove - [ 27 พ.ย. 51 23:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เจ๋งครับ ชอบ จากคุณ : Bierhoff - [ 29 พ.ย. 51 20:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอฝากด้วยนะคะ 200 เครือข่ายชวนเดินรณรงค์ต้านสงครามกลางเมือง เครือข่ายประชาชนต้านสงครามกลางเมืองไม่น้อยกว่า 200 องค์กร ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเดินรณรงค์ "หยุดสงครามกลางเมือง และความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย" เพื่อแสดงความปราถนาที่จะหยุดสงครามกลางเมืองและความรุนแรง โดยขอให้มารวมตัวกันบริเวณ ถนนหน้าอาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย วันที่ 30 พ.ย. 2551 เวลา 10.30 น. จากคุณ : รักไทยเชื่อไทย - [ 29 พ.ย. 51 23:57:01 ]