ความคิดเห็นที่ 1 "เมื่อไรเราจะรวย" คนส่วนใหญ่จะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างก็เมื่อตอนเราเจอเคราะห์ร้ายแบบเต็มๆ เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้นหรือครับ ก็เพราะว่าการอยู่อย่างเดิมโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ทำได้ง่ายกว่า เรามักทำสิ่งต่างๆแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเราทำอย่างนั้นไม่ได้อีกต่อไป ลองดูเรื่องสุขภาพ เราจะเปลี่ยนตัวเองมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจังเมื่อเราเริ่มเป็นโรคร้ายอะไรสักอย่าง เพราะเราถูกฝึกมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก คือหากไม่ใกล้สอบก็จะไม่ขวนขวายอ่านหนังสือ , หากเงินไม่ใกล้จะหมด ก็จะไม่เริ่มประหยัด, พอโตขึ้นมา แม้งานที่ทำจะไม่ก้าวหน้า แต่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะเปลี่ยน จนกระทั่งเจ้านายเริ่มเขม่นที่จะไล่เราออก จึงเริ่มหางานใหม่ ในด้านการเงิน คนส่วนใหญ่ก็ทำงานและพยายามใช้จ่ายให้ดี แค่นั้นพอ ไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่านั้น เพราะรู้สึกว่ามันยุ่งยาก และเป็นเรื่องไกลตัว จนกระทั่งเศรษฐกิจเริ่มแย่ , เงินเริ่มไม่พอใช้, หรือ เมื่อเราต้องการเงินก้อนแต่ไม่มี เราจึงเริ่มคิดการออมอย่างจริงจัง, หรือบางคน ไม่เป็นหนี้ ไม่เริ่มคิดเรื่องเงิน! ในขณะคนที่จะรวย มักจะคิดอะไรเป็นเรื่องของเงินเกือบตลอดเวลา จนบางครั้งเรามักบ่นเพื่อนรวยว่า คิดอะไรเป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด หรือ อาจเรียกว่า “งก” บ้างก็มี แต่สุดท้ายเพื่อนเหล่านี้จะประสบความสำเร็จทางการเงิน ในขณะที่เรายังวนเวียนอยู่ในเขาวงกตแห่งความจน ดังนั้น จงอย่าถามว่า เมื่อไรจะรวย จงเริ่มลงมือทำตั้งแต่บัดนี้ เริ่มที่จะเรียนรู้ ศึกษา ปรับความคิดตั้งแต่บัดนี้เพราะมันต้องใช้เวลา จากหนังสือ เข็มทิศการเงิน จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 22 ต.ค. 51 19:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตั๋วเดินทางสู่อิสรภาพทางการเงิน มีพร้อมสำหรับทุกคน อนาคตเป็นสิ่งที่สดใสเสมอ สำหรับผู้ที่เตรียมพร้อมในวันนี้ ผมเคยสัมภาษณ์คนที่ปัจจุบันประสบความสำเร็จในชีวิตหลายๆคน เช่นคุณน้าผม ซึ่งมาจากต่างจังหวัดและมาทำขายข้าวแกงให้นักศึกษาอยู่หลายปี และมาเปิดหอพักเล็กๆอีกหลายปี และต่อมาก็เป็นเจ้าของ อพาทเม้นท์ หลังหนึ่ง และหลังที่สองและสามก็ตามมาในเวลาอันสั้น คนอื่นๆที่รวยแล้วก็มีลักษณะคล้ายๆกันคือ เริ่มต้นค่อยๆมีเงินขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ยังไม่เรียกว่ารวย จนมาถึงจุดหนึ่งที่เขาเริ่มคิดแบบคนรวยได้ และประสบการณ์ในความสำเร็จที่มากขึ้น มันต่อยอดความรวยเพิ่มอย่างรวดเร็ว เงินต่อเงิน ยิ่งทำให้รวยเร็วขึ้น และเมื่อรวยถึงระดับหนึ่ง สิ่งที่สำคัญกว่าการต่อยอดความรวยคือ การรักษาสถานะให้มั่นคงหรือ รวยอย่างมั่นคง ไม่วูบล้มไปอีก การมีอิสรภาพทางการเงินเป็นไปได้สำหรับทุกคน เพียงแต่เมื่อไรเท่านั้นเอง ตามหลักการของพ่อรวยสอนลูกนั้น ยิ่งนาน เงินออมยิ่งสร้างกระแสเงินมากขึ้น ในตอนแรกๆ จะเห็นผลช้า เหมือนการต้มน้ำเย็น ที่ตอนแรก คุณก็นั่งมองว่ามันไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร น้ำดูเหมือนอุณหภูมิไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่พอน้ำเริ่มมีฟองอากาศ มันก็เริ่มเดือดอย่างรวดเร็ว ในตอนท้าย ดังนั้นแม้คุณตอนนี้จะเริ่มจากการออมเพียงไม่เยอะ แต่เมื่อมากถึงจุดหนึ่งมันจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่อ่านหนังสือผมมักจะถามว่า ทำอย่างไรให้รวยในทันที ซึ่งผมบอกไปว่า “ไม่มี” แต่สิ่งที่มีแน่ๆคือค่อยๆรวย จนวันหนึ่งเราก็มีอิสรภาพทางการเงิน อาจเป็นจุดที่เราเกษียณพอดี หรือ ก่อนหน้านั้นถ้าเราเก่งพอ (เดี๋ยวจะสอนให้บทต่อๆไป) จากหนังสือ  เข็มทิศการเงิน จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 22 ต.ค. 51 19:54:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คนที่คิดว่า ตัวเองจะไม่รวย ก็จะไม่รวย ความรวยเป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการ แต่ถ้าลองไปถามคนที่ยังไม่รวย 100 คน พบว่า 80 คนจะบอกว่า “ชาตินี้คงไม่สามารถรวยขึ้นมาได้”  ทำไมจึงเป็นแบบนี้ แต่ถ้าลองไปถามคนที่เริ่มมีฐานะดีขึ้นมา หรือเริ่มจะรวยแล้ว เขาจะตอบว่า “ใครๆก็สามารถรวยขึ้นมาได้ การมีเงินล้านไม่ใช่เรื่องยากเลย” แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนี้ นั่นเพราะมุมมองเรื่องการจะรวยได้มันต่างกัน เมื่อคนเราคิดว่าตัวเองมีโอกาสน้อยที่จะมีรวยขึ้นมาได้ แรงบันดาลใจ หรือความมุ่งมั่นที่อยากรวยมันก็ไม่มี และคนเราถ้าขาดความมุ่งมั่น ก็ยากที่จะทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ อย่างที่ สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ที่เขามีวันนี้ได้เพราะ “ความมุ่งมั่นที่จะเอาเหรียญโอลิมปิกมาให้ได้ และเขาก็พยายามอย่างไม่ยอมแพ้มากว่า 12 ปีเต็ม และวันนี้ เขาก็ทำความฝันนั้นสำเร็จได้” เห็นมั้ยครับว่า ถ้าเรามุ่งมั่นในสิ่งใด พยายามทำแล้วทำอีก ทำแล้วทำอีก อย่างไม่ยอมแพ้ สักวันเราก็จะทำสิ่งนั้นสำเร็จ แต่ใครกันที่จะทำสิ่งหนึ่ง แบบทำแล้วทำอีก แม้จะล้มเหลว ก็ยังทำแล้วทำอีก? ตอบง่ายๆว่า ก็คือคนทุกๆคนที่มีแรงบันดาลใจ หรือพลังใจที่เต็มเปี่ยม เพราะมันคือแรงผลักดันให้เราสู้ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่อาจจะมีเข้ามา ดังนั้น ข้อแรกที่อยากแนะนำคือ คุณเชื่อผมเถอะว่า ใครๆก็มีโอกาสที่จะรวยขึ้นมาได้ ขอให้เริ่มจากความศรัทธาว่าคุณเองก็รวยได้ ส่วนความคิดบางอย่างที่เคยมีเช่น “ในโลกนี้มีเงินไม่มากพอให้ทุกคนรวยหรอก” , “คนทำผิดเป็นคนโง่” , “คนไม่มีปริญญาอย่างเรา ไปไหนได้ไม่ไกล” , “ฉันไม่มีวันรวยแบบเขาแน่” ฯลฯ ความคิดพวกนี้ ก็เหมือนที่เขาเชื่อว่า “โลกแบน” หรือ “มนุษย์ไม่มีทางไปดวงจันทร์ได้” นั่นแหละ มันเป็นเพียงความเชื่อที่ผิดๆ   จากหนังสือ เข็มทิศการเงิน จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 22 ต.ค. 51 19:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผลตอบแทน คือคำตอบความรวย มหัศจรรย์แห่งดอกเบี้ย ความลับของความรวย ที่สำคัญอีกอย่างที่คนรวยมักจะรู้ แต่คนทั่วไปอาจไม่รู้คือ พลังของดอกเบี้ย ซึ่งท่านอาจไม่คิดว่าดอกเบี้ยเพียงปีละ 10% คือการฝากเงินไว้ 100 บาทแล้วได้ดอกเบี้ยปีละ 10 บาทนี่แหละ จะมีความมหัศจรรย์เพียงนี้ ขอยกตัวอย่าง การออมเงินของ ฝาแฝด กอ และ ขอ ตัวอย่าง นาย ก. เริ่มเก็บเงินเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อายุ 25 ปี และเลิกเก็บเมื่ออายุ 35 ปี (ใช้เวลาเก็บ 10 ปี) หลังจากนั้น นาย ก. ก็ปล่อยให้เงินเก็บก้อนนั้นโตไปเรื่อยๆ จนอายุ 65 ปี ตัวอย่าง นาย ข. ช่วงแรกๆ ชอบเที่ยวจึงไม่ได้เก็บเงิน และมาเริ่มเก็บเมื่ออายุ 30 ปี ( เริ่มช้ากว่านาย ก. 5 ปี) แต่นาย ข. มุ่งมั่นที่จะเก็บเงินอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อายุ 30 จนกระทั่ง อายุ 65 ปี ( ใช้เวลาเก็บ 35 ปี) หากการเก็บเงินของคนทั้งคู่ เป็นการเก็บโดยการใส่กระปุก แล้วฝังดินเอาไว้ คือไม่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยหรือ การลงทุนใดๆ นาย ก. จะมีเงินเก็บเมื่ออายุ 65 ปี = 2,000 x 12 x 10 = 240,000 บาท นาย ข. จะมีเงินเก็บเมื่ออายุ 65 ปี = 2,000 x 12 x 35 = 840,000 บาท แต่หากทั้งคู่นำเงิน ไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสัก 10% ต่อปี พลังของดอกเบี้ยจะทำให้ นาย ก. จะมีเงินเก็บเมื่ออายุ 65 ปี = 7,340,000 บาท นาย ข. จะมีเงินเก็บเมื่ออายุ 65 ปี = 7,150,000 บาท ข้อสังเกต - ด้วยความสามารถพิเศษของดอกเบี้ย ทำให้เงินของทั้งคู่เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าตัว จากการ นำเงินไปฝังดิน(ไม่ลงทุนเลย) - พลังของดอกเบี้ยนี้เอง ทำให้นาย ก. ซึ่งเก็บเงินน้อยกว่านาย ข. แต่มีเงิน เมื่ออายุ 65 มากกว่า นาย ข. - **  นี่คือ หลักการ “ให้เงินทำงานแทนเรา”  เพราะนาย ก. เลิกเก็บเงินตั้งแต่ อายุ 35 แต่นาย ข. ขยันเก็บมาเรื่อยๆ - ผลตอบแทนที่ ทบต้น จะทำให้เราได้เงินเพิ่มแบบ “ทวีคูณ” เช่น ในปีที่ 66 กับดอกเบี้ย 10% ทั้งคู่จะได้อีก ปีละ 700,000 กว่าบาท ( นี่แหละ ทำไมคนรวย ถึงยิ่งรวย เพราะใช้เพียงแค่ ดอกเบี้ย ก็พอกินแล้ว) นี่หากท่านคิดว่า พลังของดอกเบี้ย ยังไม่มหัศจรรย์อีก ลอง ยกตัวอย่างใหม่ ดังนี้ ตัวอย่าง (ตามชีวิตจริง)  หาก นาย ก. รู้จักวิธีการลงทุน และ ทำผลตอบแทนได้ปีละ 20%  ในขณะที่ นาย ข. ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการลงทุน จึงนำเงินไปฝากประจำ ได้ดอกเบี้ยปีละ 3% ด้วยวิธีเก็บเงินแบบเดิม กับผลตอบแทน 20% เมื่ออายุ 65 นาย ก. จะมีเงิน 177 ล้านบาท กับผลตอบแทน 3% เมื่ออายุ 65 นาย ข. จะมีเงิน 1 ล้าน 5 แสน บาท แทบไม่น่าเชื่อ กับคำตอบที่คำนวณได้ ผมเองยังทึ่งใน ความสามารถของ ดอกเบี้ยจริงๆ ดังนั้น เคล็ดลับความรวย อยู่ที่ การบริหารเงิน ไม่ใช่การหาเงิน จากหนังสือ   เข็มทิศการเงิน จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 22 ต.ค. 51 19:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่าน เพิ่ม ได้ ที่ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B7054232/B7054232.html และ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B7061722/B7061722.html จากคุณ : หนูอยากรวย - [ 22 ต.ค. 51 19:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความจน ความรวยไม่ใช่สิ่งสำคัญ ความสุขต่างหาก ที่ควรแสวงหา บางคนรวยล้นฟ้า แต่กลับไม่มีความสุข แล้วท่านจะแสวงหาความรวยไปทำไม จากคุณ : สาระขัน - [ 22 ต.ค. 51 21:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อานแล้วก็รู้สึกดีครับ...ขอบคุณครับ... ปัญหา...(อีกแล้ว)  คนรวย....มีนิยามว่าไง....แค่ไหนจึงถือว่ารวย... ถ้ามีปัจจัยสี่ครบ...ถือว่า...ผมก็รวยแล้วนาครับ... จากคุณ : ข้างบูรพา - [ 22 ต.ค. 51 21:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จะรวยหรือจน อยู่ที่ความพอดี ความพึงพอใจของแต่ละคน คนมีเงินหมื่นล้าน ก็จนได้ หากยังต้องการไขว่คว้าให้ได้มาอีกเรื่อยๆ คนมีเงินไม่มาก ก็รวยได้ หากเขามีครอบครัวอบอุ่น ไม่มีหนี้สิน ดังนั้น ก็อยู่แค่มุมมองของแต่ละคนว่า ความรวยหรือจนวัดกันที่ไหน จากคุณ : jingjoeja - [ 22 ต.ค. 51 21:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความรวยไม่ได้สำคัญที่สุด  แต่ความจนก่อให้เกิดความทุกข์และปัญหาหลายอย่าง เพราะฉะนั้นถ้า มีความสุขด้วย แล้วรวยด้วย ก็จะตัดปัญหาและความทุกข์ไปได้หลายอย่าง จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ 22 ต.ค. 51 21:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรา "รวย" ออกจะบ่อยไปค่ะ จำได้สมัยเด็กๆ พอ ป๊ะป๋า มาม๊า ให้ตังค่าขนมประจำสัปดาห์ ตอนนี้นั้นร้องใหญ่เลย ว่ารวยแล้วๆๆ เย่ๆๆ  (ค่าขนมสัปดาห์ละ 50 บาท แต่ก็รู้สึกว่ารวยจริงๆ เพราะน้ำอัดลมแก้วละ 5 บาท กินไปตั้งหลายแก้ว+เราเอากล่องข้าวไปทานที่โรงเรียนเอง)   พอครบสัปดาห์มีเงินเก็บอีกนะ 555+  ให้ข้าวกระปุกหมูออมสินจนอ้วน ^^ จากคุณ : กันดัมจัง - [ 22 ต.ค. 51 22:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกคนมีมาตรฐานความสุขไม่เหมือนกัน บางคนมีความสุขกับการไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ บางคนมีความสุขกับการอยู่กับครอบครัวไปเที่ยวบ้างนิดๆหน่อยๆ บางคนมีความสุขกับการเลี้ยงสัตว์เช่นแมว หมาฯลฯ บางคนมีความสุขกับการลุ้นหุ้น จะได้จะเสียบ้างนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไร ฯลฯ ดังนั้นเมื่อรู้แล้วว่าความสุขคนเราแตกต่างกันไปจะไปเที่ยวบอกคนนั้นคนนี้ว่าเขาต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ซิ ทำไมมัวแต่จมปลักกับหน้ากระดานหุ้นแล้วไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย? ทำไมไม่ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง? ทำไม.....? ถ้าเจอคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงก็อาจจะได้ยินคำตอบสวนกลับไปว่า "...เออ มันเรื่องของเราจะทำอะไรก็ได้ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขพอแล้วโว๊ย" ใครที่พอใจในความสุขที่ตนเองได้รับจากหน้าที่การงานหรือการดำรงชีวิตประจำวัน ผมว่านั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดในชีวิตแล้วครับ มีค่ามากกว่าการมีเงินทองมากมายแต่กลับอยากทำอะไรก็ไม่อาจทำได้ดังที่ใจตนเองต้องการเท่าที่ควร แล้วอย่างนี้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายไปทำไมกันครับ? มีเท่าที่พอมีใช้จ่ายได้ไม่เป็นหนี้เป็นสินกับใครก็ถือว่ามีความสุขดีแล้วครับ ชีวิตคนเราจะเอาอะไรมากมาย ตายไปก็ใช่ว่าจะเอาไปได้หมด ขอให้อยากทำอะไร(ในขอบเขต)ก็ได้ทำไปก็พอแล้วครับ จากคุณ : kaisin - [ 22 ต.ค. 51 22:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมมีบ้างไม่เยอะ แต่คนอื่นมีเยอะกว่าแต่บอกว่ายังไม่รวย ผมมีเวลาพักผ่อนแต่คนอื่นบอกต้องรีบทำงานหาเงินเยอะๆ ผมว่าอยู่ที่ความพอใจของตัวเองอย่านำไปเปรียบเทียบกับ คนอื่นเลยครับ จากคุณ : maka - [ 22 ต.ค. 51 22:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 งั้น เล่านิทานให้ฟังอย่างย่อ วันหนึ่ง มีขอทานไปขอตัง กะ เศรษฐี บังเอิญ เศรษฐีกำลังจะสวดมนต์ จึงขอให้ ขอทาน รอ ระหว่างรอ  เศรษฐีสวดมนต์กำลังจะเสร็จ คำหลังๆ ขอทานได้ยินว่า ขอให้ข้าพเจ้ารวย หมื่นล้าน พอขอทาน ได้ยินดังนั้น ก็รีบเดิน ออกจากบ้านเศรษฐี ขณะเดียวกัน เศรษฐี เห็นดังนั้น ก็เรียก ขอทาน ว่า จะรีบไปไหน ยังไม่ได้ให้ ตัง ขอทาน รีบตอบ กลับ ไปว่า ท่านจนกว่า ผม อีก ผมต้องการเงินแค่ 20 บาท สำหรับ อาหาร 1 มื้อ แต่ ท่าน ยังขาดอีกเยอะ ผมไม่กล้าขอจากท่าน กล่าว จบ ขอทาน ก็เดินจากไป แบบย่อๆ เอาใจความ จากคุณ : phon77 - [ วันปิยมหาราช 01:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รวยอะไรไม่ว่า...แต่ขอให้ชีวิตนี้รวยความสุขอย่างเดียวก็พอแล้ว... เพราะความสุขไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน..... เพราะความสุขสามารถหาได้ง่ายจากสิ่งรอบข้าง... เพราะความสุขคือเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีความหวังและแรงบันดาลใจ..... เพราะความสุขคือสิ่งที่เราแบ่งให้คนอื่นแล้วมันไม่วันหมดแล้วก็ทำให้คนที่อยูใกล้ๆรู้สึกดีไปด้วย.... แล้วอะไรล่ะคือความสุขของเรา...ขอให้เจ้าของกระทู้มีความสุขครับ... (โดยการให้Giveคนละ1คะแนน)แคนี้ก็มีความสุขแล้วใช่ม้า จากคุณ : ขอให้ทุกคนมัความสุข (phintira072) - [ วันปิยมหาราช 06:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก แค่ซื้อได้เกือบทุกอย่าง จากคุณ : นท (นท พฤกษาชาติ) - [ วันปิยมหาราช 08:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ได้ จะโต้แย้ง นะคะ เรื่อง ความรวย  หนู เอง อยากมีเงิน จริงๆ   ขอ แค่  ไม่ขาดแคลน คะ เดี๋ยว จะพิมพ์ บทสุดท้าย ของหนังสือ  เข็มทิศการเงิน มาให้อ่าน  เรื่อง ความรวย และ ความสุข จากคุณ : หนูอยากรวย - [ วันปิยมหาราช 09:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีเงิน กับ มีความสุข เป็นคนละเรื่องกัน ก่อนจะจบหนังสือเล่มนี้ ซึ่งท่านคงได้เห็นทิศทาง ในปรับความคิด และบริหารเงินออม เพื่อให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นแล้ว และถ้าท่านปฏิบัติ ตามนี้อย่างจริงจัง ในระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเริ่มเห็นผลที่ดีขึ้นมา จนเมื่อท่านเริ่มมีอายุที่มากขึ้นท่านก็คงจะมีเงินก้อนหนึ่ง ที่มากพอที่จะปล่อยตัวท่านเองสู่อิสรภาพทางการเงิน ไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานเพื่อเราแทน แต่ถ้าถึงในวันนั้นแล้วท่านพบว่า แม้ท่านจะมีเงินทองมากมาย แต่ความสุขกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเลย แสดงว่าท่านคงคิดอะไรผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะการมีเงินจำนวนมากหรือ จำนวนน้อยมันไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความสุขสักเท่าไร ในชีวิตคนเราใช้เงินจริงๆ วันหนึ่งไม่เกิน 1,000 ก็มีความสุขมากแล้ว ถึงใช้ได้วันละ 10,000 ก็ไม่ได้มีความสุขมากขึ้นไปกว่าเดิม 10 เท่าตามจำนวนเงิน เพียงแต่หากเรามีเงินก้อนจำนวนหนึ่งออมไว้ เราจะมีความ “อุ่นใจ” , “ความมั่นคง” ที่รู้สึกได้ว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น ชีวิตเราก็ไม่ลำบากมาก หรือหากเราต้องการใช้จ่ายอะไรพิเศษ เช่น ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ตามที่ลูกฝัน, ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย,  และอื่นๆอีกมากมาย ที่การมีเงินมากกว่า ก็จะเติมเต็มความสุขพิเศษเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม คนรวยไม่ใช่ว่าจะมีจะมีความสุขเสมอไป หลายคนอยากรวย เพราะคิดว่ารวยแล้วจะมีความสุข เพราะได้เห็นคนรวยที่เวลาเดินห้าง อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ แต่นั่นเป็นเพียงภายนอกที่เรารับรู้ เปรียบเหมือนที่เราบอกว่า “คนนี้กล้ามใหญ่จัง น่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงนะ” หรือ “พี่คนนี้น่าตาหล่อจัง น่าจะมีแฟนเยอะนะ” มันอาจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะเราไม่ได้รับรู้เรื่องราวอื่นของเขาเลย ว่าเวลากลับจากห้างแล้ว ที่บ้านเขาวุ่นวายหรือเปล่า แต่เท่าที่ผมสัมผัส หากรวยแล้วไม่รู้จักใช้ชีวิต ครอบครัวอาจมีปัญหาได้ ดูอย่าง ตระกูลธรรมวัฒนะ ที่พี่น้องจะต้องมีปัญหากันเพราะเงิน หรือหลายครอบครัว ที่พ่อแม่เอาแต่ทำงานหาเงิน และละเลยชีวิตลูก เช่น CEO ของบริษัทไนกี้ ประกาศลาออก เพื่อให้เวลากับลูกคนเล็ก หลังจากที่ลูกคนโตเสียชีวิตไป และเขาก็บอกว่า “เขาละเลยสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตไป” นี่อาจเป็นตัวอย่างในด้านลบ ด้านหนึ่งของคนรวย แต่ผมก็เห็น ครอบครัวที่มีฐานะหลายครอบครัวที่มีชีวิตที่อบอุ่นและมีความสุข ดังนั้น แม้หลายคนอาจกังวลว่า เมื่อรวยแล้วจะไม่มีความสุข มันก็ไม่จริง เพราะคุณสามารถที่จะมีทั้งความสุข และมีเงินทอง พร้อมๆกัน และก็ทำได้ง่ายกว่า การมีเงินไม่พอใช้ แต่จะมีความสุข เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะรวยเลย เพียงแต่อย่าได้ละเลยที่จะหาความสุข กับสิ่งดีๆรอบข้าง ทั้งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่มา เข็มทิศการเงิน แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 51 09:49:49 จากคุณ : หนูอยากรวย - [ วันปิยมหาราช 09:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณรวยหรือไม่ ขึ้นกับว่าคุณใช้เงินทำอะไร หากสังเกตว่า ในหนังสือเล่มนี้ผมไม่เคย ให้เป้าหมายเลยว่า มีเงินเท่าไรเรียกว่ารวย ผมจะแนะนำเพียงแนวทาง และแนวคิดที่ถูกต้องเท่านั้น เพราะเรื่องความรวย แต่ละคนจะให้คำจำกัดความต่างกันออกไป บางคนบอกว่าต้องมีถึง 100 ล้านถึงจะเรียกว่ารวย และในช่วงที่มีเงิน 80 ล้านเขาก็ยังคงกินอยู่อย่างประหยัด และรู้สึกว่าตัวเองยังรวยไม่พอ แต่บางคนบอกว่ามีสัก 10 ล้าน ก็คงเรียกว่ารวยแล้ว เพราะเขาใช้เงินประมาณเดือนละ 30,000 ก็มีความสุขมากมายแล้ว และลูกๆก็ทำงานเองได้หมดแล้ว ดังนั้นบางคนบอกว่า คุณรวยหรือไม่ อยู่ที่คุณจะใช้เงินอย่างไร เหมือนน้ำที่มีอยู่ในแก้ว หากคุณไม่ได้กระหายน้ำ การมีน้ำครึ่งแก้วก็พอแล้ว แต่ถ้าคุณกินน้ำเก่ง ก็ต้องมีอย่างน้อย 1 แก้วเต็มๆจึงเรียกว่า “มีน้ำพอกิน” ดังนั้น เคล็ดลับหนึ่ง ที่เมื่อรวยแล้ว จะมีความสุขกับความรวย ก็คือความพอใจ ในสิ่งที่ตนมี มีความสุขกับเงินที่คุณมี และยังคงใช้จ่ายอย่างฉลาด เมื่อวันก่อนผมไปเห็น ภาพผู้หญิงที่เป็นขอทาน ในประเทศจีน เดินมาบริจาคเงินช่วยเหลือ คนที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ทำให้น้ำตามันซึมๆ ออกมาและก็เป็นแรงบันดาลใจที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ การได้เห็นภาพแบบนี้ บางครั้งมันอธิบาย คำว่า “ค่าของเงิน” ได้มากกว่าคำพูดใดๆ แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 51 09:47:26 จากคุณ : หนูอยากรวย - [ วันปิยมหาราช 09:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การได้ทำสิ่งที่คุณรัก คุณจะต้องการเงินน้อยลง อย่างที่บอกไปว่า บางคนเริ่มมีเงินหลายสิบล้านแล้ว ยังหาวิธีมีความสุขไม่เจอ และคิดว่าเขาไม่มีความสุขเพราะเขายังมีเงินไม่มากพอ เลยมุ่งมั่นจะหาเพิ่มขึ้นไปอีก แต่บางคนที่พอรวยถึงระดับหนึ่งแล้ว คิดได้ มีการเกษียณก่อนกำหนดแล้ว ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายกับครอบครัว โดยอาสาจะเป็น คุณปู่ที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน มากกว่าจะเป็นประธานบริษัท รุ่นพี่ผม เขาเป็นคนชอบขี่ม้า และเป็นสมาชิกโปโลคลับ ในวันหยุดหลายๆครั้งที่เขาจะตระเวนไปพักตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมพวกนี้ เช่น ดุสิตรีสอร์ท หัวหิน , ที่ฟาร์มโชคชัย, ที่นครนายก, ซึ่งเขาเชื่อว่า การที่เขาจะมีความสุขแบบนี้ได้ เพราะเขาต้องทนทำงานที่เขาไม่ชอบ เพื่อจะได้มีรายได้ มาใช้จ่ายในสิ่งที่เขาชอบ นั่นคือการขี่ม้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเขาได้ไปฟาร์มโชคชัย และได้พูดคุยกับ คุณ โชค บูลกุล ผู้ซึ่งมีความคิดบวก และความคิดดีๆอยู่ในตัวเยอะ ทำให้เขาตัดสินใจ เกษียณตัวเองก่อนกำหนด แล้วออกมา เลี้ยงม้าเป็นอาชีพหลัก (แต่รายได้เสริม) และบริหารเงินออม ด้วยอินเตอร์เน็ต ทั้งหุ้น และกองทุนต่างๆ เป็นอาชีพรอง (แต่รายได้หลัก) และเขาก็พบว่า เมื่อเขาได้ใช้ชีวิตกับสิ่งที่เขารัก เขาก็พบว่า เขาต้องการใช้เงินน้อยลง รถบีเอ็มคันงาม ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่กะบะคันเดียวก็พอแล้ว ที่มาเข็มทิศการเงิน แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 51 09:50:20 จากคุณ : หนูอยากรวย - [ วันปิยมหาราช 09:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบประโยคนี้ค่ะ "ดังนั้น แม้หลายคนอาจกังวลว่า เมื่อรวยแล้วจะไม่มีความสุข มันก็ไม่จริง เพราะคุณสามารถที่จะมีทั้งความสุข และมีเงินทอง พร้อมๆกัน และก็ทำได้ง่ายกว่า การมีเงินไม่พอใช้ แต่จะมีความสุข เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะรวยเลย เพียงแต่อย่าได้ละเลยที่จะหาความสุข กับสิ่งดีๆรอบข้าง ทั้งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ" จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ วันปิยมหาราช 12:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก็อย่างที่คุยๆกัน เราจะวัดความรวยของคนที่จุดไหนอ่ะ แค่ไหนที่เรียกว่ารวย คงไม่มีอะไรสำคัญเท่าความสุข ทุกวันนี้ความสุขหายากมากค่ะ เมื่อมี หรือไดรับแล้วก้ควรจะถนอมรักษาไว้ให้ได้นานๆตราบเท่าชีวิตนี้จะหาไม่ คนเราแม้มีไม่มาก แต่ไม่เคยมีหนี้เลย นั่นแหละ ถือว่าคนๆนั้นรวยที่สุดแล้วค่ะ ขอบอก ....คุยสบายๆวันหยุดนะคะท่าน จากคุณ : dawreung51 - [ วันปิยมหาราช 14:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความพอใจแค่ไหนละทั้งจะเรียกว่ารวย รวยแล้วคือพอแล้ว ไม่ต้องการอีกแล้ว นั่นแหละ รวยแล้ว จากคุณ : Kofschip - [ วันปิยมหาราช 17:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 ต.ค. 51 22:14:22 ]