|
S H O R T S E L L
คิดว่าหลายๆคนคงรู้จักการเล่น SHORT กันแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคน ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร ก็เลยเอาบทความที่ผมเคยลงไปแล้วก่อนหน้านี้ มาลงอีกครั้ง เผื่อใครคิดว่ามีประโยชน์ จะได้ประยุกต์ใช้กับพอร์ตลงทุนของตัวเอง เพราะในการออกรบแต่ละครั้ง การที่เรามีอาวุธในกองทัพหลายอย่าง ไม่ได้หมายความว่า เราจะชนะศึกเสมอไป เราจะต้องเรียนรู้จุดอ่อนของศัตรู แล้วมาดูข้อจำกัดของเรา จากนั้นจึงค่อยมาเลือกใช้อาวุธให้ถูกชนิด เพราะอาวุธทุกชนิดไม่เพียงสามารถ ช่วยให้เราชนะศึกได้ ในขณะเดียวกันหากเราใช้ผิดวิธี หรือผิดสถานการณ์ มันก็อาจทำให้เราพ่ายแพ้ได้เช่นกัน ..... รู้เรา รู้เขา ร้อยรบ ร้อยชนะ
การ Short Sell นั้นอยู่บนแนวคิดที่ว่าราคาของหุ้นหรือของสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำลังจะ ตก เราจึงต้องการขายของสิ่งนั้นออกไปก่อนในราคาแพงๆเท่าที่เราจะขายได้ แล้วจึง ค่อยกลับมาซื้อมันคืนในเวลาที่ราคาของมันตกมาแล้วในราคาถูกๆ สรุปง่ายๆก็คือการ ขายแพง ซื้อถูก นั่นเอง ซึ่งจะแตกต่างจากมุมมองที่พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยที่เป็นการ ซื้อถูก ขายแพง อันเป็นสัจธรรมแห่งการทำกำไรมาแต่ช้านาน สำหรับการ Short Sell ในตลาดหุ้น(SET)นั้นผมขอแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ
การยืมหุ้นคนอื่นมาขาย (Short sell stock) เนื่องจากมีกฎของตลาดหุ้นที่ว่า เราไม่สามารถขายหุ้นได้ถ้าไม่มีหุ้นนั้นในมือ ดังนั้นถ้าเราเห็นโอกาสว่าราคาของหุ้น ตัวใดตัวหนึ่งกำลังจะตก เราก็อาจไปยืมหุ้นของคนอื่นมาขายในตลาดก่อน พอราคา ของมันตกลงไปแล้วค่อยไปซื้อมันคืนมาจากตลาดเพื่อนำไปคืนให้กับเจ้าของหุ้นที่เรา ไปยืมเขามา โดยในปัจจุบันก็มีโบรกเกอร์หุ้นบางรายที่มีบริการให้ยืมหุ้นแก่ลูกค้าของ ตัวเอง ซึ่งธุรกรรมประเภทนี้เขาจะเรียกว่าธุรกรรม SBL หรือ Securities Borrowing and Lending โดยหุ้นที่โบรกเกอร์มีให้ยืมมักจะเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET50 Index (เช่น PTT, SCC, KBANK ฯลฯ) ซึ่งผู้ยืมหุ้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยืม (เช่น 6% ต่อ ปี โดยคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันในระหว่างที่ทำการยืม) โดยระยะเวลาในการยืมนั้นอาจ ทำการกำหนดระยะเวลาไว้อย่างแน่นอน(Term) หรือไม่กำหนดระยะเวลา(On Call) ก็ ได้แล้วแต่จะตกลงกันกับผู้ให้ยืมหุ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเราไปยืมหุ้นเขามาเราก็ต้องคืน หุ้นให้กับเขานะครับ จะเบี้ยวว่ายืมแล้วก็อมซะเลย(แบบเวลาที่เรายืมเงินเพื่อน) ไม่ได้นะครับ และเพื่อเป็นการป้องกันว่าผู้ยืมหุ้นจะบิดพลิ้วไม่ยอมคืนหุ้นที่ยืมแก่เจ้า ของหุ้น โบรกเกอร์ก็จะให้ลูกค้าคนนั้นวางหลักประกันกับทางโบรกเกอร์ก่อนที่จะให้ ลูกค้าคนนั้นยืมหุ้นครับ
สำหรับท่านใดที่เป็นนักลงทุนระยะยาวๆและต้องการให้คนอื่นยืมหุ้นของตนก็ สามารถติดต่อโบรกเกอร์ที่มีบริการ SBL ได้เช่นกัน ซึ่งผู้ให้ยืมหุ้นก็จะได้รับค่า ธรรมเนียมการให้ยืมเป็นของตอบแทนครับ ถือเป็นการเพิ่มผลตอบแทนจากการลง ทุนให้กับท่านในระหว่างที่ท่านทำการลงทุนระยะยาวๆครับ การขายหุ้นที่ตนมีอยู่ (Short against port) ในกรณีที่เรามีหุ้นอยู่ในมืออยู่แล้ว และคิดว่าราคาของหุ้นตัวนั้นกำลังจะตก เราก็สามารถทำการขายหุ้นตัวนั้นของเราใน ตลาดก่อน พอราคาของมันตกลงไปแล้วก็ค่อยไปซื้อมันคืนจากตลาดกลับเข้ามาในมือ ใหม่ เช่น เรามีหุ้น PTT อยู่ในมือ 1,000 หุ้นแล้วคิดว่าราคาของมันกำลังจะตก เราจึง ขายหุ้น PTT ออกไป 1,000 หุ้นที่ราคาตลาด 250 บาท ต่อจากนั้นปรากฏว่าราคาของ หุ้น PTT ก็ตกจริงๆไปอยู่ที่ราคา 230 บาท เราจึงไปซื้อคืนจากตลาด ณ ราคาดังกล่าว ซึ่งผลลัพธ์ก็คือเราจะได้กำไร 20 บาท/หุ้น * 1,000 หุ้น = 20,000 บาทโดยที่เรามีหุ้น PTT อยู่ในมือ 1,000 หุ้นครบถ้วนเหมือนเดิม
แน่นอนครับว่าการ Short Sell ก็ต้องมีความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงก็คือถ้าเราทำการขายไป แล้วแต่ราคาของหุ้นตัวนั้นกลับปรับตัวสูงขึ้นทำให้เราต้องกลับไปซื้อมันคืนในราคาที่แพง ขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่าเกิดอาการ ขายหมู นั่นเองครับ ซึ่งกรณีนี้จะทำให้เราขาดทุนได้ เช่น ขาย PTT ออกไป 1,000 หุ้นที่ราคา 250 บาทแต่ต้องไปซื้อคืนที่ราคา 260 บาท ทำให้ เราเสียเงินไป 10 บาท/หุ้น * 1,000 หุ้น = 10,000 บาทฟรีๆกับการมีจำนวนหุ้นในมือเท่าเดิม
สำหรับ SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์(TFEX)นั้นเราก็สามารถทำการ Short Sell ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะถูกขายนั้นจะไม่ใช่ตัวหุ้นแต่จะเป็นการขายดัชนี SET50 Index แทน ซึ่งถ้าเราคิดว่าตลาดหุ้นจะตก(ดัชนี SET50 Index จะตก) ราคาของ SET50 Index Futures ก็จะตกตามดัชนี SET50 Index เราก็สามารถทำกำไรได้โดยการขาย (Short) SET50 Index Futures ณ ราคาของ SET50 Index Futures ที่สูงๆในตอนนั้น แล้ว ค่อยกลับมาซื้อ(Long)SET50 Index Futures คืนเพื่อเป็นการปิดสถานะ ณ ราคา ของ SET50 Index Futures ที่ต่ำๆในเวลาต่อมา ซึ่งการขาย(Short) SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์จะดีกว่าการ Short Sell หุ้นในตลาดหุ้นตรงที่เราสามารถขาย(Short) SET50 Index Futures ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ SET50 Index อยู่ในมือ และเราจะใช้วิธีการชำระส่วนต่างของกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นเงินสด(Cash Settlement) แทนที่เราจะต้องไปหาซื้อหุ้นจากตลาดมาส่งมอบกันจริงๆ ในการคำนวณกำไรขาดทุนของผู้ขาย(Short) SET50 Index Futures นั้นจะ = (ราคา SET50 Index Futures ที่ขายไว้ในตอนแรก ราคา SET50 Index Futures ที่ซื้อคืนเพื่อปิด สถานะ) * ตัวคูณดัชนี * จำนวนสัญญา
ตัวอย่างเช่นถ้าเราขาย(Short) SET50 Index Futures 2 สัญญาที่ราคา 500 จุด แล้วกลับมา ซื้อคืนเพื่อปิดสถานะที่ราคา 490 จุด เราจะได้กำไร = (500 490) * ตัวคูณดัชนี (1,000 บาท) * เรามี 2 สัญญา = 20,000 บาท
แล้วเราควรจะ Short Sell หุ้น หรือ Short SET50 Index Futures ดีล่ะ? คำถามนี้ ตอบง่ายมากเลยครับว่า ถ้าคิดว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะตกแน่ๆ เราก็ควรจะ Short Sell หุ้นตัวนั้น ถ้ามีหุ้นในมือ ก็ให้ Short against port ถ้าไม่มีหุ้นในมือก็ให้ไปยืมหุ้นคนอื่นมาขายผ่านธุรกรรม SBL ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นจะตก เราก็ควรจะขาย(Short) SET50 Index Futures เพื่อทำกำไร ถ้าคิดว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะตกแต่เราไม่มีหุ้นตัวนั้นในมือและไม่มีใครให้เรายืม หุ้นตัวนั้นมาขาย แต่หุ้นตัวนั้นน่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แน่นอนครับว่าคำ ตอบที่ถูกต้องที่จะช่วยท่านทำกำไรได้ก็คือการขาย(Short) SET50 Index Futures นั่นเอง
จากคุณ :
บอย@สาธร
- [
1 พ.ย. 51 10:14:11
]
|
|
|
|
|