ขอความกรุณาแนะนำหน่อยค่ะ เรื่องมันยาวมาก กรุณาให้ความกระจ่างหน่อยนะคะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าร้านเราเป็นร้านค้าขายเครื่องเงิน เครื่องประดับที่รับบัตรเครดิต(ใช้เครื่องของธ.ไทยพาณิชย์) วันนึงมีลูกค้ามาซื้อของที่ร้านแต่วันนั้นบังเอิญเราไม่อยู่ ป๊าอยู่ร้านคนเดียว มีลูกค้ามาซื้อของ12,000บาท ธรรมเนียมของที่บ้านคือ ถ้าบัตรเครดิตวงเงินสูงๆหรือลูกค้าแปลกหน้าจะต้องขอบัตรประชาชนทุกครั้ง ป๊าเราก็ขอบัตรประชาชน เค้าก็ยื่นบัตรให้ ป๊าก็จดชื่อกับเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ตามบัตรประชาชนไว้ที่หลังสลิปลูกค้า(บัตรเครดิตลูกค้าไม่ใช่ของไทยพาณิชย์นะคะ)
ปัญหาคือ บัตรเครดิตที่ลูกค้าคนนั้นรูดเป็นของพ่อตา ชื่อในบัตรเครดิตกับบัตรประชาชนไม่ตรงกัน ป๊าเราตรวจลายเซ็นหลังบัตรเครดิตแล้วก็เซ็นเหมือนกัน แต่ว่า... ป๊าเราเป็นคนจีนโบราณ อายุจะ60แล้ว อ่านภาษาอังกฤษบนบัตรเครดิตไม่ออกค่ะ(ชื่อตัวเองภาษาอังกฤษ แกก็อ่านไม่ออก..สะกด abcได้พอไหวแต่ไม่ครบทุกอักษร) ป๊าเองก็ไม่ได้เอะใจ เห็นลูกค้ายื่นบัตรประชาชนให้ ก็ไม่คิดว่าลูกค้าจะใช้บัตรเครดิตของคนอื่น...
ทางไทยพาณิชย์เลยปฏิเสธการจ่ายเงินให้กับทางร้านค้าของเราเพราะ เจ้าของบัตรเครดิต (พ่อตา) ปฏิเสธการจ่ายเงินให้กับทางแบงค์ของบัตร โดยอ้างว่าตนเองไม่ได้ใช้บัตร และบอกว่าลูกเขยขโมยบัตรของตนเองมารูด
ทางแบงค์บอกว่า ลูกเขยคนนั้นไม่ได้รูดที่ร้านเราร้านเดียวนะ ไปซื้อทองที่ร้านข้างๆบ้านเราอีกตั้ง2รอบ ไปซื้อของที่โลตัส และไปเติมน้ำมันอีก.. ซึ่งแน่นอนว่า ร้านเหล่านั้นที่กล่าวมา น่าจะถูกปฏิเสธการจ่าย(เหมือนร้านเรา)ทั้งหมด.. ใช่มั้ยคะ (เราถามแล้ว พ่อตาคนนั้นไม่มีการแจ้งความบัตรเครดิตหาย)
สรุปก็คือ ร้านเราก็เลยสูญสินค้ามูลค่า 12,000 บาทให้กับลูกเขยคนนั้นไปฟรีๆ และพ่อตากับลูกเขยก็แค่ทะเลาะกัน และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อตาไม่ได้จับลูกเขยเข้าคุกอะไรทั้งสิ้น (อันนี้แอบถามจากทางไทยพาณิชนย์น่ะค่ะ)
เราสงสัยว่า... ถ้าพ่อตากับลูกเขย รวมหัวกันล่ะ.. พ่อตาให้บัตรเครดิตกับลูกเขยไปรูดซื้อของ แห่งไหนที่พลาดรับบัตรจากลูกเขยคนนี้ ก็ซวยไป.. พอลูกเขยซื้อทั้งเงิน ทั้งทอง ทั้งของและเติมน้ำมันครบถ้วนแล้ว พ่อตาค่อยไปโวยวายกับทางบัตรเครดิตว่า ผมโดนขโมยบัตร จะไม่จ่าย..กลายเป็นว่า พ่อ(ตา)ลูก(เขย)คู่นั้นได้ของไปใช้ฟรีๆเยอะแยะเลย
เราไปถามคำถามนี้กับจนท.ไทยพาณิชย์ก็ได้คำตอบว่า คุณก็ต้องดูลายเซ็นหลังบัตรให้ดีๆสิ... ป๊าเรายืนยันว่าลายเซ็นตรงกัน (ก็ไม่ตรงได้ไง ก็ตัวลูกเขยเป็นคนเซ็นหลังบัตรเอง) และก็....
คุณก็อ่านชื่อบนบัตรเครดิตให้ดีๆสิ คุณพ่อคุณไม่ยอมอ่านชื่อบนบัตรเครดิตให้ละเอียดเอง.. ป๊าเราเค้าบอกว่า เค้าอายมาก ที่เค้าอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก แล้วพลาดเพราะเรื่องนี้(ป๊าบอกว่า เพราะป๊าโง่เองแหล่ะ)... คำถามนี้คือ... มีพนง.แบงค์คนไหนบ้าง(ไม่นับผู้บริหารระดับผจก.ขึ้นไป) หรือไม่ก็ แคชเชียร์โลตัส เด็กปั๊มน้ำมัน แม้แต่คนจบปริญญาตรี ปริญญาโทคนไหนบ้าง ที่สามารถอ่านชื่อภาษาอังกฤษบนบัตรเครดิตได้อย่างแตกฉาน (กรุณาอย่าเหมารวมพวกที่เก่งภาษาอังกฤษอย่างร้ายกาจ หรือคนจบเมืองนอกนะคะ)
แล้วจนท.ก็บอกอีกว่า เมื่อบัตรเครดิตหายปุ๊บ ก็ต้องรีบแจ้งความหรืออายัดทันที..เราก็ถามว่า.. มีซักเปอร์เซ็นต์ของคนที่ทำบัตรเครดิตหายจะรู้ทันที หรือโทรอายัดดได้ทันท่วงที.. หรือ.........
ถ้ามันเป็นการแกล้งหายล่ะ.. จงใจให้คนอื่นเอาไปรูด เพื่อจะได้ปฏิเสธการจ่าย แล้วเค้าจะไปแจ้งความหายทำไมล่ะ
คือ ไม่ว่าลูกเขยกับพ่อตาคนนั้นจะรวมหัวกันหรือไม่ก็ตาม.. ร้านค้าที่(เผลอเรอ)รับบัตรเครดิตของคุณลูกเขยคนนั้นไป ต่างก็เสียสินค้าไปหมดเลยคุณพ่อตากับลูกเขย2คนนั้นก็ได้สินค้าไปใช้ฟรีๆ โดยที่ตนเองไม่ต้องมีความผิดใดๆทั้งสิ้น แต่ร้านค้าเสียหาย(หลายแสน)
คำถามคือว่า.. ถ้าเราเอาบัตรเครดิตให้เพื่อนหรือน้องชายเราไปใช้บ้าง โดยให้เซ็นหลังบัตรเอง(แต่หน้าบัตรเป็นชื่อเรา) เชื่อเลยว่าต้องมีร้านค้าหลายแห่งพลาดรับบัตรจากพวกเค้า.. เราก็ให้พวกเค้าไปซื้อของมาเยอะๆ แล้วพอมีบิลมา เราก็อ้างว่า น้องขโมยบัตรไป เราปฏิเสธการจ่ายเงิน บัตรเครดิตเราก็จะไปหักเงินกับแบงค์ต้นทางของร้านค้าเหล่านั้นเองเรากับน้องชายก็ได้ของมาใช้ฟรีๆ และเราก็คงไม่จับน้องชายเราเข้าคุกเพราะขโมยบัตรเครดิตหรอกค่ะ แบงค์ก็ไม่เสียประโยชน์เพราะไปหักเงินจากร้านค้าได้ คนรูดบัตรเครดิต(โดยทุจริต)ก็ไม่เสียประโยชน์ มีแต่ร้านค้าเท่านั้นที่เสียหาย ส่วนร้านค้า..ถ้าอยากได้ของคืน ก็ไปฟ้องร้องเอากับคนรูดบัตรเครดิตเอาเอง ใช่มั้ยคะ.. แต่ร้านค้าขนาดกลางอย่างเราๆ(ไม่นับโลตัส อะไรแบบนี้นะคะ) ก็ไม่กล้าขึ้นศาลให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรอกค่ะ เพราะบางทีอาจเสียค่าดำเนินการมากกว่าค่าสินค้าที่เสียไปก็ได้
ไม่ว่ายังไงเมื่อไหร่ คนที่เสียเปรียบ และเสียหายตลอดเวลาคือร้านค้าวันยังค่ำ แล้วยังงี้เราในฐานะคนค้าคนขาย..ควรจะทำยังไงดีคะ ช่วยตอบทีเถอะค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ ขอบพระคุณจริงๆ
ตอนนี้ป๊าเราเลยไม่กล้ารับบัตรเครดิตอีกแล้ว ถ้าไม่มีเราหรือน้องชายคอยอ่านชื่อบนบัตรให้ (เราเองก็ผวาค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 51 15:32:34
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 51 15:10:55