ปรกติ ผม จะอ่านเฉยๆ และไม่ได้เล่นหุ้นมานาน หลังจาก ที่หุ้นหลุด 700 ไปแล้ว คือผมซื้อเมื่อตอนประมาณ 300 กว่า เก็บเข้าปอดดองยาว เพิ่งจะกลับเข้ามาลองเล่นเกร็งกำไร และขาดทุนไป เรียบร้อย แต่ตอนนี้หันมาเล่นในแนวทางที่ตัวเองถนัด
กระทู้ของผมส่วนใหญ่ จะตั้งเล่นๆ คลายเครียด และมีบอกใบ้ข่าวอินไซด์ บางครั้งก็โดนแซว ว่า ไม่มีเหตุผลประกอบเลย
ผมลงทุน ในสไตล์ จอห์น เนฟ (คล้ายๆ VI) แต่พร้อม Cut loss เมื่อหลุดแนวต้าน สำคัญ เช่น 360 จะไปรอที่ 333 ทันที
เข้าเรื่องดีกว่า จริงๆ แล้วผมชอบทั้ง BBL,KBANK และ SCB (หลังจากตำกว่า Book)
เพราะ
1.ราคาต่ากว่า Book ผมไม่เคยเห็นมานานนนนน มาก คุณคิดว่าราคา book value เขาคิดกันง่ายๆ เหรอ คนที่เข้าใจบัญชีจะรู้ มี Auditor, valuer และ กลต ตรวจต่างๆนาๆ บริษัทใหญ่จะรับไม่ได้ที่หุ้นตํากว่าบุ๊ค เนื่องจากจะถูกมองว่าขาดประสิทธิภาพในการทำงานและจะหาเรื่องซื้อหุ้นคืน แต่ KTB ตำกว่าบุ๊คมานานแล้ว
2.Kbank เป็นธนาคารแกร่งที่สุดของไทยขณะนี้ ในประเทศไทย อ้างอิง จาก หนังสือพิมพ์ กรุงเทพ ธุรกิจ วันศุกรที่ 5 ธค 2551 รายละเอียด ซึ่งอ้างอิงจาก the asian banker
3.คุณลองใช้บริการเที่ยบกันดูดิ แค่เดินเข้าแบงค์ ทำหน้างง ก็มีพนักงานสาวสวย มาหาแล้วถามว่าทำอะไรค่ะ
4.กองทุนชอบ ต่างชาติรัก (ทุกๆกอง ทุน และต่างชาติส่วนใหญ่ผูกพันกับแบงค์ไม่มากก็น้อย)
และผมไม่ชอบ KTB ที่มีกระทรวงการคลังเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้การบริหารงานลำบากมาก จะมีนักมารเมืองส่งใบสั่ง ต่างๆนาให้ทำอะไร นอกเหนือที่เราเราท่าน ทราบมากมาย (ไม่สามารถบอกได้ที่นี่) ราคาผันพวน จากใบสั่งได้ง่าย คือข่าวลือเยอะ และเราไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากเป็น การเงิน มองไม่เห็น ไม่เหมือน ปตท หรือ บินไทย
แต่โดยรวม สถาบันการเงินไทย แข็แกร่ง ผมมีพรรคพวกที่เกี่ยวข้องกับแวดวง ธนาคาร ประเมินราคาทรัพย์สิน มากมาย รวมทั้งผมซึ่งเคยอยู่วงการ ขายทอดตลาดทรัพย์สินและประเมินราคา จะทราบว่าหลักทรัพย์ที่คำประกัน หนี้สูญของธนาคารใด มีหลักเกณ์ฑ ใด คุ้มค่าเมือหนี้สูญหรือไม่ ถ้าหนี้สูญ จะเรียก NPL รองมา NPA ต่างๆ นาอีกเยอะ ธนาคารใดมีแผนสอง แผนสาม บางธนาคารมีแผนสี่ เมื่อเกิด วิกฤษเกิดขึ้นจะทำอย่างไร ปัจจุบัน ยังคงมีทรัพย์สิน NPL ของธนาคารบางธนาคารตกค้าง จากปี 40 อยู่ที่ TAMC IFCT ที่เรียกว่าบางรายการแย่มาก จนไม่มีคนอยากได้ ต้องลด เหลือ 10% ของมูลค่าเต็ม หรือเรียก ว่า force sale ในทาง Valuation
วิกฤตครั้งที่แล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากหนี้เสียในระบบ ที่ไม่มีการเข้มงวด ในเรื่องหลักประกัน คล้ายกับ ซับพรามห์ ที่เกิดขึ้นขณะนี้ที่มองว่ามูลค่าหลักประกันเพิ่มขึ้นทุกปีเนื่องจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น ค่าแรงสูงขึ้น ค่านํามันสูงขึ้น
และคิดว่าปล่อยกู้ไปอย่างไรก็คุ้มเนื่องจากมูลค่าหลักประกันมากขึ้นทุกปี ไม่มีเงินใช้หนี้ก็ยึดแล้วมาขายทอดตลาดยังไงก็คุ้ม แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อการบริโภคลดลง ทุกอย่างเหมือนงูกินหาง สุดท้ายกินหางตัวเอง รายละเอียดหาอ่านได้ จากซับพรามห์ ของผู้รู้ในห้องนี้
ย้อนไปหลังจากปี 43 ธนาคารแห่งประเทศไทยนำโดยท่าน สมคิด จาตุศรีพิพัฒน์ ออกกฏเหล็กของหลักประกัน เข้มงวดมาก และ แบงค์ที่ผมมีหุ้นอยู่นั้น เข้มงวด ดับเบิ้ล สแตนดาร์ด ผมจึงมั่นใจว่าถ้าเกิดวิกฤษลุกลามใหญ่โตผมจะเจ็บน้อยที่สุด
บางท่านว่า Q4 ที่จะถึงนี้ไม่น่าสนแบงค์ เพราะสินเชื่อไม่ขยาย ผมตอบว่าจริงครับ แต่หลังจากนี้สิครับ ลด ดอกแล้ว นำมันลงแล้ว เหล็กลงแล้ว ฝนก็หยุดแล้ว เกี่ยวข้าวแล้ว คนจะใช้เงินก็ช่วงนี้แหละครับ ผมจึงเริ่มเก็บ
อีกอย่างแล้ว Q1 Q2 Q3 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ปัจจุบันปี 51 วิกฤต เกิดที่เมืองนอก แล้วเศรฐกิจไทย แบงค์ไทย โดนด้วยไหม
โดนแน่ๆ ครับ แต่จะให้แรงเหมือนปี 40 ผมว่าไม่นะ แต่เท่าไหร่ ไม่มีใครทราบ แต่ผมว่า set ปรับตัวลงมากกว่า Dow อีก(ปี 40 ดาว์นไม่เห็นลงตาม set เลย อิ อิ) ผมจึงคอย เข้ามา สังเกตุต่างชาติมี ซื้อๆ ขายๆ ไม่แรงเท่าตอนแรกๆ ที่ถล่มหนัก เขาต้องเอาเงินกลับบ้านไปก่อน จึงต้องขายหุ้นลดราคา ตอนนี้คล้ายปี 43-45 คือแรงซื้อขายบางตาถามว่าถ้าตอนมันขึ้นแล้วคุณจะซื้อทันไหมเนี่ย ณ ตอนนั้นคงคล้ายกับปี 45-46 ปีเดียวหุ้นขึ้นชนิดหลับตาซื้อก็ขึ้น ไอ้ที่อยู่ รีแฮบโก้ ยังกลับมาวิ่งเป็นร้อยเปอร์เซนต์ ปริมาณซื้อขาย 60,000 ล้านบาทผมยังเจอมาแล้ว ช่วงนั้นเปิดโดด เปิดโดดไม่มีใครขาย ยิ้มกันทั้งเมือง messenger ที่บริษัทมันยังมาเล่นหุ้นเลย
พี่กองเริ่มแบ่งซื้อคู่ รายย่อย กราฟเทคนิค แกว่งมั่วๆ เดียวหมี เดียวทิง ผมงง คนมีหุ้นบอกทิง คนไม่มีบอกหมี กราฟเทคนิคอยู่ที่คนอ่านแล้วแต่ใครจะขีดเส้นใต้ แต่ละคนบอกแนวรับแนวต้านจากกราฟ มันไม่ง่ายเกินไปเหรอ ขนาดคนคิดวิธีกราฟเทคนิคเขายังบอกว่ากราฟเขาไม่แน่นอนแล้ว (หาอ่านจาก หนังสือคุณโสภณ ด่านสิริกุล) ถ้ากราฟชัดๆ นี่แหละจ้าวเข้า เคยเจอไหมเคาะให้หลุดแนวรับ แล้วกวาดเรียบ ผมเห็นกับตา Banpu 158 เมื่อไม่กี่วันมานี้ วิ่งไป 180 ณปัจจุบัน ตอนนั้นเขาบอกแนวต้าน 165
ผมมั่นใจว่า อเมริกาจะยังลงต่อ จนกว่าจะมี บริษัท รถ และเครื่องบิน บางบริษัท ปิดหรือควบรวมกิจการ และดอกเบี้ยลงอีก ครั้งหนึ่ง และสินเชื่อจะมีแนวโน้มเติบใน Q2 ปีหน้า จึงจะตำสุด และโค้งขึ้น
ต้น Set คงจะลงอีกจน ถึง Q2 เช่นกัน จนกว่า จะมีลดดอกอีก ครั้ง นั้นจะเป็นจุดตําสุดของ Set ที่ผมจะซื้อหมดเงินเก็บที่มี
แต่ถ้าไม่มี จุดตําสุดคือ ตรงนี้ที่คุณผมคุยกันอยู่นี่เหละ เพราะทรมาณใจจริงกว่าจะ 360 จะได้คัทไปรอที่ 333 อีกที่ก็ 300 รอที่ 288 เล่นแบบ regression.
แนวรับ ที่ผมบอกนี่ให้ ซื้อตอนเขียววันแรก นะครับ ไม่ใช่ซื้อวันแดงวันแรก แพงหน่อยแต่คุ้ม
แต่ตอนนี้ น่าจะมี rebound จาก jan or December effect และ ltf rmf effect สังเกตุจากกระทู้ถามแบบนี้จะเยอะหน่อย เพื่อนผมโทรมาถามบ่อยมาก ว่าซื้อได้หรือยัง จะหมดสิทธ์แล้วทุกวัน
นี่คือมุมมองของผม จากใจจริง แก่คุณข้างบูรพา
สุดท้ายนี้เงินของท่าน ได้ท่านก็ได้เสียท่านก็จ่าย
ไม่ขายไม่ขาดทุนก็จริง แต่ต้อง คัทแล้วดักรอที่จุดนัดพบ
ขอร้องว่าให้เป็นเงินเย็น อย่าทำให้เกิดปัญหาครอบครัวจากการเล่นหุ้นนะครับผมไม่อยากเห็น
อืมเห็นบางท่านชอบเล่นเกร็งกำไรวันต่อวัน
ผมแนะให้ไปอ่าน กระทู้ของคุณ wit winแห่งดูหุ้นดอดคอม แม่นมาก
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 51 19:48:29