ความคิดเห็นที่ 1 ในส่วนของผมที่คิดแบบเบสิค ผมคิดว่าแบบคุณ KoKoMan ทำได้ครับ มีจุดเล็ก ๆ ในโมเดลให้เล่นได้หลากหลายตามใจชอบ อีกอย่างนึงคือ ชอบฟังความเห็นของคุณ MudleyGroup เพราะคิดว่าทุก ๆ จุดที่ออกแบบโมเดลมา ล้วนมีแนวคิดรองรับอยู่ ขอบคุณ คุณ KoKoMan สำหรับข้อคิดดี ๆ ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 11:35:34 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใน DSM เอง ก็มีจุดเล็ก ๆ แบบนี้ให้เล่นตามชอบใจเหมือนกัน บางช่วงที่ผ่านมา ผมเน้นไปที่การพยายามหาวิธีที่จะเทรด ให้ได้เงินแฝงเยอะ ๆ ภายใต้ระบบ มาช่วงหลัง ๆ พอเริ่มมองว่าวิธีแบบนี้ทั้ง DSM และ KZM เป็นวิธีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในระยะยาว ตอนนี้ก็หันมาเล่นจุดเล็ก ๆ แบบเอาสนุก ปรับโน่นปรับนี่ตามใจชอบ ขอให้ยังอยู่ในกรอบใหญ่ ที่มีรายได้เรื่อย ๆ เป็นบวก ส่วนตัวก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 12:01:43 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณพี่ดอกไม้ฯ ที่แนะนำครับ สำหรับตอนนี้ผมมอง DSM (รวมทั้ง MGM ของพี่หมอเก่งฯ) และ KZM เป็นเรื่องเดียวกันครับ หลักการเหมือนกันเลย แต่ DSM จะไม่เอาต้นทุนในการเพิ่มหุ้นมาคิด ถ้าลองเพิ่มกฎว่า ต้องขายให้มากกว่าต้นทุนที่ซื้อมาด้วย DSM ก็จะกลายเป็น KZM เอง (ถ้าไม่นับเรื่องการแบ่งโซนนะครับ) ผมว่าการไม่นำต้นทุนมาคิดของ DSM จะเป็นกับดักที่หลายคนเคยเจอหรือเปล่า? เพราะเมื่อเราเอาเงินไปเพิ่มทุน แต่ราคากลับดิ่งลง ถ้าเราทยอยขายแบบไม่คิดอะไร มันก็จะกลายเป็นซื้อแพงขายถูกไป ดังนั้นถ้าเราใช้การแบ่งโซน เพื่อคำนวณการเพิ่มทุน ผมว่าเราสามารถอุดจุดอ่อนตรงนี้ของ DSM ได้ อีกทั้งยังแก้ปัญหาหุ้นหมดมือได้อีกด้วย ผมคิดว่าคนที่ยังใช้ DSM แบบเบสิกอยู่ควรระวังในจุดนี้ให้มากๆ นะครับ จากคุณ : KoKoMan - [ 7 ธ.ค. 51 12:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีวันอาทิตย์ครับ แฮ่ มะได้แนะนำอะไรครับ มาพึมพำเกี่ยวกับตัวเองเจ๋ย ๆ เรื่องซื้อแพง ขายถูก มีการพูดถึงในช่วงหลังอยู่บ่อย ๆ นะครับ เข้าซื้อคืนแล้วหุ้นลง ขายหุ้นออกไปแล้วหุ้นขึ้น ผมเองมะค่อยอยากออกความเห็นในประเด็นนี้ แต่ถ้าให้พูดนิดนึงก็คงจะเป็นว่า เมื่อผมขายหุ้นออกไปที่ราคานึง ผมไม่รู้ว่าต่อจากนั้นมันจะขึ้นหรือลง เมื่อผมซื้อหุ้นที่ราคานึง ผมไม่รู้ว่าต่อจากนั้นมันจะขึ้นหรือลง ก็คงพูดได้แค่นี้ล่ะครับ สำหรับประเด็นนี้ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 12:46:38 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในช่วงหลัง ๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับ DSM ของผมคือ เวลาออกความเห็นแล้วมันค่อนข้างจะวน วนไปวนมา จนบางทีก็เริ่มสงสัยว่า ไอ้ที่ผมทำอยู่ทุกวันมันเป็น DSM ปล่าวนะ ขณะที่ผมเที่ยวไปตอบคำถามกระทู้โน้นกระทู้นี้ จริง ๆ แล้วผมตอบสิ่งที่ถูกต้องตรงกันแนวทางของคุณเด่นศรีหรือปล่าว หรือเพียงแค่ว่าผมตอบตามแนวทางของผมเอง หลายวันก่อนที่รู้สึกเบื่อจัด ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุผลนี้ล่ะครับ ในความรู้สึกบางทีก็กลัวว่าจะไปทำให้คนอื่นเสียหายเหมือนกัน เมื่อตอนต้นเดือนเลยตั้งใจว่าจะไม่คุยเกี่ยวกับตัวแนวคิด DSM สักปีนึง จริง ๆ ไม่อยากออกความเห็น KZM ด้วยครับ เพราะเห็นว่ามีพี่ ๆ เข้ามากันเยอะแล้ว ซึ่งตอบได้ดีกว่าผมแน่ ๆ ในกรณี KZM จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 12:59:35 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนไปตั้งกระทู้ KZM เดือนใหม่ ก็แค่ตั้งเฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไร พอวันที่ 3 เห็นกระทู้ของคุณ Mr.Currency ไปเห็นคำว่า "ขอบคุณจากใจ" ก็เลยอยากจะตอบขึ้นมา เพราะผมคิดว่าตัวเอง ก็เป็นประเภทจากใจเหมือนกัน ถึงจะปากเสียในบางครั้ง ก็อ้างได้เสมอว่ามาจากใจ พอตอบปุ๊บ คุณ Mr. Currency หายไปเลย นึกในใจว่า ไม่น่าเลยตู แหะ แหะ เมื่อวานก็อดไม่ได้ไปตอบคุณ wasansem ในกระทู้ KZM แล้ว แต่มะเป็นไร อาทิตย์หน้าเอาใหม่ หยุดพูดถึง DSM แบบที่คิดไปเองสักพัก อาการป๋มคงดีขึ้นนะครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 13:04:59 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกอย่างนึงในช่วงระยะหลัง ผมคิดว่าตัวนึงที่สะท้อนคำพูดหรือความคิดได้ดีคือ การกระทำ ในแง่ของ DSM หรือแม้แต่ KZM ตัวที่สะท้อนได้ดีตัวนึง ก็คือพอร์ท หรือผลงานที่เกิดขึ้นจริง ผมเคยพูดว่าจะเก็บข้อมูลของการทำ DSM ไว้อ้างอิง เช่นเดียวกับที่ชอบเชียร์เพื่อน ๆ ให้มาส่งการบ้านกัน เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่สนใจได้ดูคร่าว ๆ พอร์ตทดลองที่เป็น DSM เพียว ๆ ของผมเมื่อต้นปี ก็คือ พอร์ตหนอนตัวอ้วน ที่เทรดน้องเอ (ASP) คนเดียว ถ้าหากไม่เกิดกรณีน้องเอ ต้องหยุดนิ่งหรือต้องออกจากตลาดในอนาคตอันใกล้ ผมคิดว่าผลของพอร์ตสะท้อนถึงคำถามหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เราเคยพูดคุยกันได้ดี จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 13:24:40 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราเคยมีประเด็นที่ว่า - ถ้าหุ้นตกลงไปมากถึง 50 % จะเป็นยังไง จำนวนหุ้นที่ว่าเพิ่มขึ้น จะชดเชยได้จริงหรือ - มูลค่าพอร์ตของ DSM ที่เป็นลบอยู่บ่อย ๆ มันจะเป็นบวกได้เมื่อไหร่ หรือเพียงแต่สร้างเงินแฝงที่กินตัวเองไปเรื่อย ๆ - ถ้าเราเพิ่มหุ้นที่ราคาสูง ๆ แล้วต้องขายต่ำลงมาจะเป็นอย่างไร ................................................................................................ ผมเริ่มต้นน้องเอ ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 3.6 - 3.7 บาท วันนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 1 บาท เรื่องราคาลดลง 50 % คงจะน้อยไปแล้ว วันนี้มูลค่าพอร์ตน้องเอของผมอยู่ที่ประมาณ 69 % เป็นมูลค่าติดลบ ผมเพิ่มหุ้นน้องเอไปแล้วสองครั้งที่ ประมาณ 3.8 กับที่ประมาณ 2 บาท ตอนนี้ราคาต่ำลงมาที่บาทนึง ผมมีความเชื่อว่าการทำ DSM พอร์ตมีโอกาสจะติดลบอยู่ระยะนึง จนกว่าจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจะชดเชยมูลค่าพอร์ตที่ลดลงได้ ต่อจากนั้นพอร์ตก็จะเป็นบวกไปเรื่อย ๆ มากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น และจะไม่ลดต่ำกว่าอีก แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนขึ้นกับลักษณะของหุ้นตัวนั้นด้วย เช่นถ้าเคยสูงที่ 7 บาท แล้ววิ่งลงมาอยู่ในโซน 2 - 3 บาท ไม่ขึ้นไปอีก แบบนี้ก็ช้าหน่อย แต่ถ้าวิ่งลง วิ่งขึ้น ปกติ แบบนี้ก็เร็วขึ้น ผมเชื่อว่า DSM มีพลังทวีจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น เมื่อหุ้นมากขึ้น เงินแฝงหรือรายได้จะมากขึ้นตาม ทุก ๆ อย่างที่ผมคิด สะท้อนอยู่ในสิ่งที่ผมทำ และสิ่งที่ผมตอบ แต่การพูดบางครั้ง ก็มองไม่เห็นชัดเจน ผลการเทรดหรือพอร์ต คงเป็นตัวนึงที่จะช่วยให้เห็นภาพได้ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 13:34:39 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในแง่ของ DSM เบสิคที่ผมคิดและทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพียงการเอาเงินก้อนนึงไปลงทุนซื้อทรัพย์สิน ในที่นี้คือหุ้น มาจำนวนนึง โดยมีสมมติฐานพื้นฐานที่ว่า หุ้นตัวนั้นจะเคลื่อนไหวขึ้นลงไปตลอด ไม่หยุดนิ่งหรือต้องออกจากตลาด สมมติว่าหุ้นตัวนึงมีราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 0.01 - 10 บาท ผมซื้อมา 10 หุ้น งานของผมคือแบ่งหุ้นขายไม้ละ 1 หุ้น แบ่งเป็น 10 ไม้ แล้วซื้อคืนให้ถูกกว่า ส่วนต่างที่ได้ ผมสะสมไว้ซื้อหุ้นเพิ่ม หากผมมีเงินแฝงสะสมได้ 10 บาท และหุ้นขณะนั้นราคาอยู่ที่ 10 บาท ผมจะสามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้ 1 หุ้น หรือหากราคาขณะนั้นอยู่ที่ 5 บาท ผมอาจซื้อหุ้นเพิ่มได้ 2 หุ้น แต่ไม่ว่าผมจะซื้อหุ้นได้ที่ราคาไหน ซื้อแล้วราคาจะขึ้นหรือลง งานของผมยังคงเหมือนเดิม คือเอาหุ้นที่เพิ่มขึ้น มาทำการขายแล้วซื้อคืนให้ถูกกว่า สิ่งเดียวที่แตกต่างจากวันแรก ๆ ก็คือ ตอนแรกผมมีหุ้นหมุนเวียนซื้อขาย 10 หุ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมมีหุ้นหมุนเวียนซื้อขายมากขึ้น และเงินแฝงผมในแต่ละรอบก็มากขึ้นตามไปด้วย อันนี้อาจเป็นเพียง DSM ตามแนวคิดของผมคนเดียว อาจเป็นแค่ DSM ของดอกไม้ ก็เป็นได้ DSM จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 13:48:57 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมีโอกาสได้สนทนากับพี่มินิบาร์ ใน M เมื่อหลายวันก่อน ผมแลกเปลี่ยนกับพี่เค้าว่า ผมแบ่งส่วนของ DSM ใหญ่ ๆ เป็นแนวคิด กับเทคนิค ความเห็นผมในกระทู้ข้างบนถือเป็นแนวคิด ขณะที่เรื่องของ - ปัญหาหุ้นหมดมือ - ปัญหากองหลัง - การสร้าง % เงินแฝงให้มากขึ้น - วิธีการขาย - วิธีการซื้อคืน ฯลฯ ส่วนนี้ ผมถือเป็นเทคนิค เป็นเรื่องของรายละเอียดที่เราปรับได้ตามที่เห็นสมควร จุดสำคัญหากเราเลือกจะเทรดโดยวิธี DSM เราต้องตีแนวคิดหลักให้แตก และมั่นคงกับแนวคิดนั้น คำว่าตีแตก คงไม่ได้ตีออกมาเหมือนกันทุกคน ในแง่สาระคงคล้ายกัน แต่มุมที่เข้าไปจับ เข้าไปเข้าใจอาจต่างกัน หากความคิดหลักเรามั่นคง เรื่องของเทคนิค การปรับปรุงต่าง ๆ ก็ตามมา เวลาเรามีปัญหาเรื่องเทคนิค ต้องลองย้อนไปดูก่อนว่ามันขัดกับแนวคิดหรือเปล่า เมื่อไหร่ที่เทคนิครวน หากแนวคิดยังมั่นคง เรายังรักษาสภาพไว้ได้ แต่หากเทคนิครวน แนวคิดเป๋ เราอาจต้องหาแนวทางใหม่ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 14:09:43 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จบแล้วจ้า จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 14:17:31 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมอ่านเรื่อง KZM มาจนจบแล้ว ยังไม่เข้าใจเรื่องการเริ่มต้นทำ ว่าต้องทำยังไง ครั้งแรกให้ซื้อหุ้นเต็มวงเงินก่อน หรือแบ่งเงินมาซื้อ เมื่อราคาถึงโซนที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นแบบหลังเราจะเหลือเงินในพอรต ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร  กว่าจะซื้อได้หมดทุกโซนจะมีกำไรหรอครับ จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 14:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณดอกไม้ dsm มี m ไหมครับ อยากคุยแลกเปลี่ยน ความคิดกันนะครับ จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 14:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เริ่มแรกของ KZM นะครับ เรากำหนดโซนที่จะเล่นก่อน ให้คำนึงถึงการแกว่งตัวของหุ้นช่วงนั้น อย่างเช่นถ้าเราคิดว่า set50 จะเล่นกันอยู่ในช่วง 200-400 จุด เราก้กำหนดโซนที่จะเล่น ของ TDEX ให้อยู่ในช่วงราคา 2-4 บาท แต่ถ้าเกิดราคาตลาดนะตอนที่เริ่มโมเดล ต่ำกว่า4 บาท เราก็สามารถซื้อในราคาตลาด เพื่อคุมโซนจนถึง 4 บาทได้เลย ตรงนี้ก็จะเป็นการลดต้นทุนในโซนที่มีราคาสูงกว่าราคาตลาดด้วยครับ และเราจะไม่เข้าเต็มวงเงิน เพราะถ้าราคาหุ้นตกลงไปกว่านี้ เราก้จะยังมีเงินที่จะซื้อและเล่น ต่อในโซนที่ต่ำกว่า จากคุณ : kfc_m - [ 7 ธ.ค. 51 14:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ kfc_m  รบกวนถามต่ออีกนิดนะครับ พอดีผมโง่ จากตารางนี้ ที่คุณมัดเล่ย์ โพส เวลาเข้าหุ้นครั้งแรก ที่ราคาปัจจุบัน 3.12 บาท ในตารางคือซื้อคลุมโซนตั้งแต่ โซน 5 ถึงโซน 23 ในราคา 3.12 บาทเลย ใช่หรือป่าวครับ?? แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 51 15:15:10 จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 15:07:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเป็นแบบนั้น คือโซนทั้งหมดราคา 3.12 บาท แล้วเราจะขายสูงกว่าราคา 3.12 บาทยังไงครับ ถ้าราคามันตกลงมาเรื่อยๆๆ  แบบนี้ โซน 5-23 ก็จับคู่ขายในราคาสูงกว่า 3.12 ไม่ได้นะสิครับ จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 15:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่ครับ แต่ในความเป็นจริง เราซื้อตั้งแต่โซนที่ 1 ถึงโซนที่เป็นราคา ตลาดนะตอนนั้นอะครับ ในตารางนี้คนที่ใช้โมเดลเข้าใจผิดนิดหน่อย เลยซื้อตั้งแต่โซนที่ 5 ถึง 23 ซึ่งโซน 23 จริงๆต้องซื้อราคาถูกกว่านี้อะครับ แต่ก้ไม่เป็นไร ปรับบัญชีนิดหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว จากคุณ : kfc_m - [ 7 ธ.ค. 51 15:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอกลับไปอ่าน วิธีทำอีกรอบนะครับ ผมเข้าใจภาพรวมๆ ของวิธีนี้ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการใช้ตอนเริ่มต้นเท่าไหร่  ตอนแรกผมเข้าใจว่า เริ่มต้นโดยถือเงินสดไว้ โดยไม่มีหุ้นในมือก่อนเหมือน dsm  โดยการเข้าซื้ออย่างเดียวในโซนที่กำหนดไว้  แต่พอเห็นตาราง ซื้อคลุมโซนตอนเริ่มต้น ของคุณมัดเล่ห์ ทำให้ผมงงเข้าไปอีก   ยังไงก็ขอบคุณ kfc_m ที่กรุณามาให้คำตอบนะครับ  ^^ แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 51 15:31:59 จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 15:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีครับ คุณ kfc_m คุณ Mr.Metropolis พอดีแว่บไปธุระมา เมลล์ของป๋มคือ flowerdsm@hotmail.com ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 15:55:29 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่ดอกไม้ขา หนูเพิ่งมาเล่นหุ้นค่ะ มันเป็นอะไรที่เข้าใจยากจังเลยเนอะ.... จากคุณ : ภูเพียง - [ 7 ธ.ค. 51 18:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้ผมเข้าใจจากการคุยกะพี่ดอกไม้แล้วว่าการแบ่งโซน ตอนเล่นครั้งแรกให้ซื้อคลุมโซนที่แพงกว่าราคาปัจจุับันขึ้นไปเพื่อลดต้นทุน   ส่วนราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุับันยังไม่ต้องซื้อ เช่นนี้เอง คุณภูเพียง ไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจหรอกครับ  ผมเชื่อว่าคนที่เล่นแล้วประสบความสำเร็จ ขึ้นอยุกับ เก่ง 70% เฮง 30% จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 18:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณ Mr.Metropolis นะคะสำหรับกำลังใจ พอดีว่าเพิ่งหัดเล่นน่ะค่ะ ประสบการณ์แทบเป็น 0 ก็ว่าได้ค่ะ จากคุณ : ภูเพียง - [ 7 ธ.ค. 51 19:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทุกอย่างเริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอครับ จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 19:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอาแนวคิดของผมบางละกัน เผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้น (หรือจะงงเข้าไปใหญ่) ผมมองว่าแต่ละโซนเป็นชั้นใส่สินค้า (ในที่นี้คือหุ้น) ในแต่ละชั้นจะมีป้ายบอกช่วงราคาแปะไว้ เราจะซื้อสินค้าใส่ในแต่ละชั้น โดยที่ราคาซื้อจะต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับป้ายราคาที่แปะไว้ในชั้นนั้นๆ หน้าที่ของเราคือการหยิบสินค้าที่แต่ละชั้นออกมาขาย โดยที่ต้องขายให้ได้มากกว่าราคาที่แปะไว้ (ไม่ใช่ราคาที่ซื้อเข้ามา) และพยายามซื้อสินค้ากลับมาเก็บไว้ในชั้นให้ครบถูกชั้น เพื่อเก็บเอาไว้ขายในคราวต่อไป กฎสำคัญก็คือเราต้องมีเงินเพียงพอที่จะซื้อสินค้ามาใส่ในชั้นให้ครบทุกชั้น อย่างน้อยชั้นละหนึ่งชิ้น เพื่อที่จะทำให้เราสามารถขายสินค้าได้ตลอด ถ้าเรามีเงินเพียงพอที่จะซื้อสินค้าใส่ให้ครบทุกชั้นอย่างละชิ้นแล้ว ก็ให้พยายามเพิ่มจำนวนสินค้าในแต่ละชั้นให้มากขึ้น เพื่อที่จะสร้างกำไรจากการขายในแต่ละครั้งให้มากขึ้น ส่วนจังหวะการซื้อของเก็บเข้าชั้นวางสินค้าหรือจังหวะการขายสินค้าเป็นเรื่องปลีกย่อยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสไตล์ของแต่ละคน แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 51 20:55:04 จากคุณ : KoKoMan - [ 7 ธ.ค. 51 20:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นวันนี้เพื่อนๆทุกคนพูดถึง C D กัน เพื่อจะได้เห็นภาพได้ดีขึ้น ผมอยากให้ทุกท่านลองจินตนาการว่าเราทุกคนเปรียบเสมือนแม่ทัพและกุนซือในกองทัพเล็กๆของเรา แน่นอนว่า A และ B นั้นเป็นการรบโดยใช้กองกำลังทหารตามแบบแผนซึ่งมีวินัยเป็นหลัก แต่ไม่ว่าสงครามใดๆหัวใจสำคัญย่อมอยุ่ที่แม่ทัพและกุนซือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าการรบจัดกำลังแบบ A และ B ก็เพียงพอสำหรับหลายท่านที่อยากจะอยุ่รอดในสนามรบแห่งนี้  แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่อยากจะก้าวต่อไปอีกจากจุดตรงนั้น เพราะภายใต้หัวใจของนักรบที่มีอยู่ในตัวนั่นเอง นี่เลยเป็นจุดกำเนิดของ C  D ภายในหมู่บ้านเล็กๆของเรา (คลับ DSM) ผมไม่อยากให้เพื่อนๆหลายคนต้องเข้าไปเสี่ยงโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่ยังไม่ได้ฝึกฝนการรบที่ดีพอ เราจะเห็นตัวอย่างมากมายจากแม่ทัพที่เพียงแค่อ่านตำราพิชัยสงครามมาอย่างเดียว (ตำราการเล่นหุ้นต่างๆ) หรือแม้แต่จบมาจากสำนักดาบที่มีชื่อเสียง (U top 10 ในอเมริกา) มีความมั่นอกมั่นใจที่ตัวเองจะสามารถจัดการคนอื่นๆในสนามรบแห่งนี้ได้โดยง่ายตามหลักการที่ตนเรียนรู้มาอย่างดี แล้วสุดท้ายผลลัพท์ก็อย่างที่เรารุ้กันโดยเฉพาะปีนี้ยิ่งเห็นได้ชัด กองทัพใหญ่ๆซึ่งรับแต่นักรบที่จบมาจากสำนักดาบเหล่านี้มาประจำการล้วนแต่แตกสลาย ล้มตายอย่างมากมาย ผมชอบคำของซามูญี่ปุ่นคำหนึ่งที่บอก จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร  “ นักรบที่ไม่เคยจับดาบฟาดฟันศัตรูย่อมไม่เข้าใจถึงวิถีแห่งดาบ ” C D จึงเป็นการฝึกทักษะการรบของตัวเราเองล้วนๆ ดังนั้นที่มีหลายชุดก็เพียงเพื่อให้เราทำอย่างไรก็ได้สามารถฝึกฝนได้บ่อยที่สุดจนกว่าแต่ล่ะคนจะค้นพบวิถีแห่งดาบของตัวเองนั่นเอง เช่นตัวผมเองนั้นซื้อขายมาในตลาดไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นรายการ นี่คือประสบการณ์ในสงครามของผม ดังนั้นหากหลายๆท่านจะไปลุยในสนามรบ S&p 500 ก็ต้องเจอคนที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่าผมอย่างมากมายในนั้นเป็นแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมหลายคนถึง งง ว่า ทำไมดาวโจนส์ถึงคาดการณ์ยากนัก หรือแม้แต่สวิงมากมายนัก เพราะที่นั่นทุกคนต่างมาพร้อมกับกลยุทธ์และประสบการร์ต่างๆอันมากมาย กลับมาที่ตลาดหุ้นบ้านเราบ้าง การเปิดตลาดอนุพันธ์ ทำให้เราต้องต่อสู้เผชิญหน้ากันระหว่างแม่ทัพแต่ล่ะคนมากขึ้นนั่นเองเพราะมันคือ Zero sum game นี่คือความจริงซึ่งต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ ดังนั้นผมถึงอย่างให้เพื่อนๆซ้อมรบให้ชำนาญอย่างแท้จริงก่อนที่จะเข้าไปในสนามรบแห่งนั้นนั่นเองนี่คือที่มา ดังนั้นเพื่อนอาจจะเริ่มมองเห็นการวางกลยุทธ์ของผมซึ่งอย่างให้เพื่อนๆสร้างอาณาจักรของตัวเองให้ได้ก่อนจากการครอบครองโซนนั่นเอง ระหว่างนั้นก็ฝึกฝนวิถีการรบของตัวเองไปด้วย ซึ่ง พอทุกคนมีอาณาจักรของตัวเอง ทุกคนก็จะสร้างกองกำลังทหารออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้บางท่านอยากต่อยอดไปรบในสนามแห่งนั้นจริงๆพวกเราก็ไม่ตายจนต้องออกจากตลาดไปแน่ๆ เพราะพวกเราสร้างกองทัพขึ้นมาได้อย่างสม่ำเสมอเรื่อยๆ ซึ่งนับวันจะทำให้เรามีแต่ชำนาญศึกมากขึ้น ท้ายนี้ผมไม่อยากให้เพื่อนๆยึดอยู่กับเพียงแค่การทำกำไรสูงๆในตลาดหุ้นดังเช่นคนอื่นๆ  ในขณะที่เราสามารถอยุ่รอดในสนามรบแห่งนี้ได้แล้ว ผมอยากให้เพื่อนๆค้นพบวิถีทางของตัวเองแล้วมีความสุขไปกับมัน ขอบคุณมากครับ โม้มาเสียยาวเลย อิอิ  :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 7 ธ.ค. 51 21:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับ คุณ MudleyGroup จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 21:49:17 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับผม กำลังศึกษาวิธี kzm อยุครับ จากคุณ : Mr.Metropolis - [ 7 ธ.ค. 51 21:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมชอบแนวคิดชั้นใส่สินค้าของคุณ kokoman ครับ เห็นด้วยมากเลย จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 21:53:05 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมหวังอย่างนึงว่าผมจะไม่สลบไปเสียก่อนเพราะอายุเยอะ ไม่งั้นผมจะติดตามคุณ MudleyGroup ไปร่วมรบด้วยแน่นอนครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 7 ธ.ค. 51 21:55:10 A:125.27.164.150 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ แว๊บมาอ่านรอบดึก อีกรอบก่อนนอนค่า... จากคุณ : ภูเพียง - [ 8 ธ.ค. 51 01:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แสดงว่า ถ้าจะเล่น พวก ออฟชั่น ฟิวเจอร์ ต้องชำนาญเทคนิคเหรอครับ จากคุณ : ลำชี - [ 8 ธ.ค. 51 08:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีครับ ผมขอออกความเห็นนะครับ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาการเทรด และ Model จากประสบการณ์ของผมเอง ผมใช้เทคนิคเล่นครับ ปัญหาการเทรดของเราคือ 1. พยายามทำเงินให้มากที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด จึงพยายามหาอินดิเคเตอร์ หรือ ความคล้ายกันจากอดีต เพื่อหาอนาคต เช่น โวลุ่มเข้ามากๆ ราคาทำนิวไฮ ... แต่ไม่มีวิธีการจัดการเงินที่ดี เช่น ลงเงินไปแล้ว หากผิด คือ คัทลอส ขาดทุน ... พอเข็ด ลงเงินใหม่แต่น้อยๆ สัก 10% พอทายถูก ก็กำไรไม่คุ้ม .. ลงเงินเพิ่มเข้าไปอีก พอลง 40% ก็เกิดสัญญาณขาย ขาดทุนไปไม่คุ้มกับกำไรที่ได้มาเลย ... เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ เงินก็หร่อยหรอ 2. หาหุ้นดี ถือกินปันผล (อันนี้ไม่เคยทำ เพราะเจอสัญญาณขายเลยไม่กล้า ฮ่าๆๆๆ ... เช่น PSL SCC ) ปัญหาที่ผมคิดไม่ตกคือ การทำ Money Management นี่แหละครับ ทำยังไง หุ้นลงเราจะมีเงินซื้อ หุ้นขึ้นเราจะมีหุ้นขาย พอมาเจอ KZM เลยคิดว่านี่แหละ คือแนวทางที่เราต้องการ ... จุดของ KZM ไม่ไช่การซื้อมั่ว เจอหุ้นแบบ JAS, N-PARK ก็ซื้อดะไปหมด มันหุ้นมีเจ้าของ หุ้นฟรีเจ้าของจะทำยังไงก็ได้ แต่ TDEX เป็นหุ้นที่ถ่วงดุลด้วย bluechip หากตัวไหนไม่ดี เขาก็ถอดออก เอาตัวใหม่เข้ามาแทน เป็นหุ้นที่เจ้ามือควบคุมไม่ได้ ผลตอบแทนที่น้อย ทำให้ทุกคนมองข้าม ... แต่ผมมองว่า หากเราสะสมหุ้นและเงินสดที่เกิดจากการแกว่งตัวเอามาสะสมเป็นหุ้นต่อ ... เราก็สามารถเลี้ยงตัวเองยามเกษียณได้แน่นอนครับ ... ... เรื่อง วิธีการ ผมก็พยายามทำให้ตัวเองเทรดแล้วสบายใจและตัวผมเข้าใจมากที่สุดก่อนนะครับ ผมใช้สัญญาณทางเทคนิคหลายๆอย่างที่ใช้กับกอง C D หรือ อาจจะแบ่งย่อยเป็นกอง E F ก็ได้เพื่อใช้กับสัญญาณทางเทคนิคชุดที่สองก็ได้ครับ เนื่องจากเราแบ่งเงินออกเป็นย่อยๆๆ หลายๆ ส่วนแล้ว เราจะทดลองแบบไหนก็ได้ ตามสบายเรา จะได้ไม่เครียดครับ จากคุณ : KENG76 - [ 8 ธ.ค. 51 09:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีครับคุณลำชี ลูกชายตีกอล์ฟเก่งมากเลยครับ :)  ถ้าจะมาเล่นพวกนี้เราควรชำนาญในการที่ต้องเล่นกับคนด้วยกันเองน่ะครับ เทคนิคเราอาจะไม่ต้องเชี่ยวชาญแบบคนอื่นเค้า เพียงแต่ต้องรุ้ว่าจะชิงความได้เปรียบในเกมส์ที่ต้องเล่นกับคนด้วยกันอย่างไ ร  เราก็ฝึกไปเรื่อยๆครับบางทีลองอ่านจากเว็ปกระทุ้คนที่เค้าเล่นกันดูว่าเค้าคิดยังไง เค้าใช้กระบวนการอะไรในการตัดสินใจ C D ก็เลยไว้ฝึกตัวเราในการมองตลาด วิเคราะห์ผู้คนนั่นเองครับ ในตลาดพวกอนุพันธ์รูปแบบกลยุทธ์ต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพราะตลาดที่กินเงินกันโดยตรงแบบนั้นจะเป็นไปตาม Game Theory คือพัฒนาตัวเองได้ กล่าวคือถ้าระบบเราชนะอยุ่สม่ำเสมอสักวันหนึ่งก็จะมีคนรู้ทันและเข้าใจกระบวนการคิดของเราครับ :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 8 ธ.ค. 51 09:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีคุณ Keng ครับ  " เรื่อง วิธีการ ผมก็พยายามทำให้ตัวเองเทรดแล้วสบายใจและตัวผมเข้าใจมากที่สุดก่อนนะครับ  " เห็นด้วยครับ :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 8 ธ.ค. 51 10:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณ คุณMudleyGroup ที่แนะนำมากฯครับ kzm นี่แหละที่ตั้งใจเอาไว้สอนลูกต่อครับ แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 51 10:24:49 จากคุณ : ลำชี - [ 8 ธ.ค. 51 10:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ MudleyGroup ครับ อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องเทคนิคครับ เกี่ยวกับกรอบของการศึกษา คืออย่างน้อยน่าจะพอรู้แค่ไหนครับ แล้วก็อยากขอถามทัศนะของคุณ MudleyGroup เกี่ยวกับ Turtle Trading ด้วยครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 8 ธ.ค. 51 10:34:56 A:125.27.163.131 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 8 ธ.ค. 51 10:35:29 A:125.27.163.131 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จริงๆแล้วเทคนิคนั้นผมว่าดูแค่  ราคา  ค่าเฉลี่ย  แล้วก็วอลุ่ม ก็เพียงพอแล้วครับ เพราะไม่ว่าเราจะเห็นคนอื่นใช้ indicator แปลกประหลาดแค่ไหน จุดกำเนิดรากฐานมันก็มาจากพวกนี้อยุ่ดี เพราะมันเป็น Math ครับ เราต้องเน้นที่จุดกำเนิดของมัน ยกตัวอย่างให้ดูหนึ่งตัวก็ได้คือ RSI จริงๆแล้วถ้าเราถอดสูตรมันมาดูมันก้คือ indicator ที่มานั่งนับว่าเหรียญออกหัว ออกก้อยมากี่ครั้งในรอบหนึ่งๆ เช่นถ้าในรอบ 10 วัน มันออกหัว มา 7 ครั้ง ออกก้อยมา 3 ครั้ง เราก็อาจบอกโห Rsi มันสูงแล้วนะ ตั้ง 70% ทั้งๆที่จริงๆแล้วครั้งที่ 11 มันอาจจะออกหัวอีกก็ได้ นี่หล่ะครับ Rsi ที่หลายคนภูมิใจนักภูมิใจหนา อิอิ ส่วน Turtle Trading ต้องยอมรับว่าคนคิดมองขาดเรื่องของเทคนิคจริงๆ เพราะเค้าไม่สนใจใน indicator ต่างๆเลย เพราะเค้าเข้าใจเหมือนกันว่าจุดกำเนิดมันมาจากราคานี่เอง เค้าจึงมุ่งไปสนใจที่ New High , New Low แทน เพราะตรรกะของหุ้นเนี่ยจะขึ้นได้ราคามันต้องสูงกว่าเดิมมันถึงเรียกว่าขึ้น ดังนั้นถ้าหุ้นทำ new high เค้าถึงซื้อเป็นต้น เพียงต่ระบบนี้มันยากตรงการกำหนด Time Frame ให้ดีว่าเราจะเลือกสนใจราคาสักกี่ช่วงดี หากเราเลือก Time frame ที่กว้่างมากเราอาจต้องซื้อแพงมากๆ  ส่วนถ้าเราเลือกแคบไปอาจทำให้เราต้องซื้อขายบ่อยเกินควรเป็นต้นครับ :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 8 ธ.ค. 51 10:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยกตัวอย่างจอเทรดส่วนตัวของผมที่ Fund แล้วกันครับ ผมใช้แค่ Moving เท่านั้น อิอิ จากคุณ : MudleyGroup - [ 8 ธ.ค. 51 11:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 8 ธ.ค. 51 11:25:01 A:125.27.163.131 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ ^_^ จากคุณ : KENG76 - [ 8 ธ.ค. 51 14:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ จากคุณ : ชายชุดดำ (ID_Number_070) - [ 8 ธ.ค. 51 23:09:03 ]