Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    TICON วิกฤติ หรือ โอกาส{แตกประเด็นจาก I7352592}

    ผมลองนั่งวิเคราะห์หุ้น ticon เลยเอามาแบ่งเพื่อนๆครับ ... น้อมรับทุกคำชี้แนะ

    การเปลี่ยน model ทางธุรกิจของ ticon ในช่วงไม่นานนี้ ทำให้รูปแบบการทำธุรกิจของ ticon นั้นแตกต่างจากหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่น คือ

    Ticon  
    - สร้างโรงงาน แล้วปล่อยให้ลูกค้าเช่า รายได้จึงมาจากค่าเช่า
    - ขายโรงงานให้เช่าเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ TFUND
    - ค่าบริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TFUND

    หุ้นนิคมตัวอื่น
    - รายได้หลักมาจากการขายที่ดิน/โรงงานให้แก่ผู้ผลิต
    - รายได้จากค่าสาธารณูปโภคในนิคม
    ซึ่งโมเดลทางธุรกิจที่แตกต่างกันนี้ทำให้รายได้ของ ticon อาจไม่ได้รับผลกระทบมากมายในช่วงเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ลงมาตามกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่น ดังนี้

    ข้อมูล ณ วันที่ 24/12/51
    ticon ลงมาจาก 22 บาท เหลือ 5.4 บาท (-75.45%) จำตัวเลขนี้ไว้นะครับ
    amata ลงมาจาก 18 บาท เหลือ  4.06บาท (-77.44%)
    rojana ลงมาจาก 19.3 บาท เหลือ 3.62 บาท (-81.2%)

    ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ สมมุติว่าเราเป็นเจ้าของโรงงานหนึ่งซึ่งกำลังมีปัญหาทางการเงิน หรือยอดขายสินค้าไม่ได้ตามเป้า.. ดังนั้นเรื่องการซื้อโรงงานเพิ่ม เลิกคิดไปได้เลย เนื่องจากราคาต้นทุนค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ดังนั้นหุ้นที่เน้นการขายโรงงาน และที่ดิน จังได้รับผลกระทบไปเต็มๆ … หลังจากนั้นเจ้าของโรงงานจะเริ่มลดค่าใช้จ่ายลง เช่น ลดอัตรากำลังการผลิต โดยการปรับลดจำนวนคนงานลง และสุดท้ายถ้าธุรกิจไปไม่ไหวจริงๆถึงจะปิดโรงงาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แค่ยอดขายสินค้าของโรงงานใดๆลดลง การขยายกำลังการผลิตจะไม่เกิด ซึ่งหุ้นนิคมรับผลไปเต็มๆ

    เมื่อมาดูโมเดลทางธุรกิจของ ticon พบว่าถึงแม้ผู้เช่า ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้องปรับลดคนงานลง แต่ถ้ายัง ทำกิจการอยู่ ก็ยังต้องเช่าโรงงานอยู่ ticon จึงยังมีรายได้เท่าเดิม (แต่ ticon คงไม่สามารถปรับเพิ่มค่าเช่าต่อปีได้มากมาย) สุดท้ายถ้ากิจการไปต่อไม่ไหวจริงๆ ต้องปิดโรงงาน .. ticon จะได้เงินค่ามัดจำล่วงหน้า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการปิดโรงงาน (การเลิกเช่า) นั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆของผู้ผลิต .. รายได้ของ ticon จึงจัดอยู่ว่าค่อนข้าง defensive มาก ดังนั้นอนาคตของ ticon ดูไม่ได้เลวร้ายเหมือนหุ้นนิคมตัวอื่นๆ

    เมื่อกลับมาดูโครงสร้างของรายได้ ticon เรามาประมาณรายได้ของปีหน้ากัน อ้างอิงจากข้อมูลดังนี้
    1. Slide roadshow (Nov) http://www.listedcompany.com/ir/ticon/misc/TICONPresentationonNovember2008.pdf
    2. รายงานประชุมประจำปีล่าสุด 2007
    http://www.listedcompany.com/ir/ticon/misc/ar2007_th.pdf
    3. การเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานมากกว่า 20% http://www.settrade.com/simsImg/news/2008/08039240.t08
    4. การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ ticon
    http://www.settrade.com/simsImg/news/2008/08043835.t08


    ปี 50 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3521 ล้านบาท กำไร 1063 ล้านบาท

    ปี 51 ถึง Q3
    มีรายได้ทั้งสิ้น 720.25 ล้าน (ไม่มีรายการขายโรงงานเข้ากองทุน tfund)ปรับประมาณเป็นทั้งปี = 960 ล้านบาท
    การขายโรงงานเข้ากองทุน TFUND =  2157.78 ล้านบาท
    รวมทั้งสิ้น 3117.78 ล้านบาท .. ลดลง 11% yoy

    ถ้ามองถึงกำไร 9 เดือนทำได้ 210 ล้านบาท ปรับประมาณเป็นทั้งปี = 280 ล้านบาท
    กำไรจากการขายโรงงานเข้า tfund  = 2157.78 – 1253.66 (อ้างอิง 4) = 904.12 ล้านบาท หักภาษีนิติบุคคล 30% เหลือ 632 ล้านบาท รวมเป็น 912 ล้านบาท (-14% yoy)

    การคาดการรายได้ในปี 52 (worse case)
    - Ticon ถือ tfund (หลังเพิ่มทุนแล้ว) 230.745 ล้านหน่วย ถ้าคิดว่าปันผลเท่าปีนี้ที่ 0.2+0.2+0.2+0.2+0.15=0.95บาทต่อหน่วย คิดเป็น 220 ล้านบาท
    - รายได้จากการบริหารกองทุน 0.9% ของขนาดกองทุน = 8350 ล้านบาท x 0.9%  = 75 ล้านบาท
    - รายได้จากค่าเช่า ถ้าคิดว่าธุรกิจไม่มีการขยายตัวเลย (worse case) (เข้า เท่ากับ ออก) (อ้างอิง 3 ปรับเป็นเต็มปี)= 584.29 *4/3 = 780ล้านบาท

    รวมรายได้ที่ไม่รวมการขายกองทุนในปีหน้า ในกรณีที่ธุรกิจไม่มีการขยายตัว = 1075 ล้านบาท

    ดังนั้นถ้าปีหน้า ticon ขายโรงงานให้ tfund ได้ 80% ของปีนี้ = 1726 ล้านบาท (จริงๆผมเชื่อว่าน่าจะขายได้อย่างน้อยเท่ากับปีนี้ เพราะดอกเบี้ยธนาคารนั้นต่ำมาก และช่วงปลายปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นแล้ว)
    รวมคาดการรายได้ = 2801 ล้านบาท (-10% yoy) ซึ่งผลกำไรน่าจะไปในทิศทางเดียวกัน

    ลองเทียบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ลงมา -75% จากปี 50 แล้วนับว่าลงมามากเกินไปครับ

    เมื่อมองถึงทางด้านตัวหุ้น
    Market cap 24/12/51 = 3553 ล้านบาท , book value 4332 ล้านบาท
    P/B = 0.82 , จำนวนหุ้น 658,068,853 หุ้น
    Ticon ถือ TFUND = 230.745 ล้านหน่วย , โดยราคาตลาด tfund = 10.1 บาทต่อหน่วย คิดเป็น 2330 ล้านบาท
    เงินปันผลที่คาดว่าจะปันผลงวดผลประกอบการ 51 ที่  1 บาท (worse case) (งวดปี 50 ปันที่ 1.2บาท) คิดเป็นเงิน = 658 ล้านบาท
    รวมมูลค่าลงทุนใน tfund กับเงินปันผลที่คาดว่าจะได้ = 2330 + 658 = 2988 ล้านบาท

    ดังนั้นสรุปได้ว่า
    - ถ้าซื้อหุ้นที่ราคานี้ (5.4 บาทต่อหุ้น) เป็นเงินปันผล 1 บาท เป็นมูลค่า tfund (2330 หาร 3553 x 5.4) 3.54 บาท รวมเป็น = 4.54 บาท
    มูลค่ากิจการที่เหลือของ ticon = 0.86 บาทต่อหุ้น!!!
    มาถึงจุดนี้ขอให้ย้อนไปดูเอกสารอ้างอิง 1 ใน slide ที่ 16 นะครับ ลองดูว่า tfund มีพื้นที่ให้เช่าเท่าไหร่ และ ตัว ticon เองมีพื้นที่ให้เช่าเท่าไหร่ ก็จะเห็นคำตอบ ... ดูเอาเองนะครับ

    นอกจากนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูอดีตที่ผ่านมา ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ผู้ประกอบการอยากจะขยายโรงงาน เขาจะเลือกแบบเช่าโรงงานแทนครับ ซึ่ง ticon น่าจะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ สัญญาเช่าของ ticon เป็นแบบให้สามารถใช้สิทธิซื้อโรงงานได้ในอนาคตด้วยครับ

    แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 51 21:01:48

    จากคุณ : Polysaccharide - [ 24 ธ.ค. 51 20:53:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com