ผมลองนั่งวิเคราะห์หุ้น ticon เลยเอามาแบ่งเพื่อนๆครับ ... น้อมรับทุกคำชี้แนะ
การเปลี่ยน model ทางธุรกิจของ ticon ในช่วงไม่นานนี้ ทำให้รูปแบบการทำธุรกิจของ ticon นั้นแตกต่างจากหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่น คือ
Ticon
- สร้างโรงงาน แล้วปล่อยให้ลูกค้าเช่า รายได้จึงมาจากค่าเช่า
- ขายโรงงานให้เช่าเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ TFUND
- ค่าบริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TFUND
หุ้นนิคมตัวอื่น
- รายได้หลักมาจากการขายที่ดิน/โรงงานให้แก่ผู้ผลิต
- รายได้จากค่าสาธารณูปโภคในนิคม
ซึ่งโมเดลทางธุรกิจที่แตกต่างกันนี้ทำให้รายได้ของ ticon อาจไม่ได้รับผลกระทบมากมายในช่วงเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ลงมาตามกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมตัวอื่น ดังนี้
ข้อมูล ณ วันที่ 24/12/51
ticon ลงมาจาก 22 บาท เหลือ 5.4 บาท (-75.45%) จำตัวเลขนี้ไว้นะครับ
amata ลงมาจาก 18 บาท เหลือ 4.06บาท (-77.44%)
rojana ลงมาจาก 19.3 บาท เหลือ 3.62 บาท (-81.2%)
ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ สมมุติว่าเราเป็นเจ้าของโรงงานหนึ่งซึ่งกำลังมีปัญหาทางการเงิน หรือยอดขายสินค้าไม่ได้ตามเป้า.. ดังนั้นเรื่องการซื้อโรงงานเพิ่ม เลิกคิดไปได้เลย เนื่องจากราคาต้นทุนค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ดังนั้นหุ้นที่เน้นการขายโรงงาน และที่ดิน จังได้รับผลกระทบไปเต็มๆ
หลังจากนั้นเจ้าของโรงงานจะเริ่มลดค่าใช้จ่ายลง เช่น ลดอัตรากำลังการผลิต โดยการปรับลดจำนวนคนงานลง และสุดท้ายถ้าธุรกิจไปไม่ไหวจริงๆถึงจะปิดโรงงาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แค่ยอดขายสินค้าของโรงงานใดๆลดลง การขยายกำลังการผลิตจะไม่เกิด ซึ่งหุ้นนิคมรับผลไปเต็มๆ
เมื่อมาดูโมเดลทางธุรกิจของ ticon พบว่าถึงแม้ผู้เช่า ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้องปรับลดคนงานลง แต่ถ้ายัง ทำกิจการอยู่ ก็ยังต้องเช่าโรงงานอยู่ ticon จึงยังมีรายได้เท่าเดิม (แต่ ticon คงไม่สามารถปรับเพิ่มค่าเช่าต่อปีได้มากมาย) สุดท้ายถ้ากิจการไปต่อไม่ไหวจริงๆ ต้องปิดโรงงาน .. ticon จะได้เงินค่ามัดจำล่วงหน้า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการปิดโรงงาน (การเลิกเช่า) นั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆของผู้ผลิต .. รายได้ของ ticon จึงจัดอยู่ว่าค่อนข้าง defensive มาก ดังนั้นอนาคตของ ticon ดูไม่ได้เลวร้ายเหมือนหุ้นนิคมตัวอื่นๆ
เมื่อกลับมาดูโครงสร้างของรายได้ ticon เรามาประมาณรายได้ของปีหน้ากัน อ้างอิงจากข้อมูลดังนี้
1. Slide roadshow (Nov) http://www.listedcompany.com/ir/ticon/misc/TICONPresentationonNovember2008.pdf
2. รายงานประชุมประจำปีล่าสุด 2007
http://www.listedcompany.com/ir/ticon/misc/ar2007_th.pdf
3. การเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานมากกว่า 20% http://www.settrade.com/simsImg/news/2008/08039240.t08
4. การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ ticon
http://www.settrade.com/simsImg/news/2008/08043835.t08
ปี 50 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3521 ล้านบาท กำไร 1063 ล้านบาท
ปี 51 ถึง Q3
มีรายได้ทั้งสิ้น 720.25 ล้าน (ไม่มีรายการขายโรงงานเข้ากองทุน tfund)ปรับประมาณเป็นทั้งปี = 960 ล้านบาท
การขายโรงงานเข้ากองทุน TFUND = 2157.78 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 3117.78 ล้านบาท .. ลดลง 11% yoy
ถ้ามองถึงกำไร 9 เดือนทำได้ 210 ล้านบาท ปรับประมาณเป็นทั้งปี = 280 ล้านบาท
กำไรจากการขายโรงงานเข้า tfund = 2157.78 1253.66 (อ้างอิง 4) = 904.12 ล้านบาท หักภาษีนิติบุคคล 30% เหลือ 632 ล้านบาท รวมเป็น 912 ล้านบาท (-14% yoy)
การคาดการรายได้ในปี 52 (worse case)
- Ticon ถือ tfund (หลังเพิ่มทุนแล้ว) 230.745 ล้านหน่วย ถ้าคิดว่าปันผลเท่าปีนี้ที่ 0.2+0.2+0.2+0.2+0.15=0.95บาทต่อหน่วย คิดเป็น 220 ล้านบาท
- รายได้จากการบริหารกองทุน 0.9% ของขนาดกองทุน = 8350 ล้านบาท x 0.9% = 75 ล้านบาท
- รายได้จากค่าเช่า ถ้าคิดว่าธุรกิจไม่มีการขยายตัวเลย (worse case) (เข้า เท่ากับ ออก) (อ้างอิง 3 ปรับเป็นเต็มปี)= 584.29 *4/3 = 780ล้านบาท
รวมรายได้ที่ไม่รวมการขายกองทุนในปีหน้า ในกรณีที่ธุรกิจไม่มีการขยายตัว = 1075 ล้านบาท
ดังนั้นถ้าปีหน้า ticon ขายโรงงานให้ tfund ได้ 80% ของปีนี้ = 1726 ล้านบาท (จริงๆผมเชื่อว่าน่าจะขายได้อย่างน้อยเท่ากับปีนี้ เพราะดอกเบี้ยธนาคารนั้นต่ำมาก และช่วงปลายปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นแล้ว)
รวมคาดการรายได้ = 2801 ล้านบาท (-10% yoy) ซึ่งผลกำไรน่าจะไปในทิศทางเดียวกัน
ลองเทียบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ลงมา -75% จากปี 50 แล้วนับว่าลงมามากเกินไปครับ
เมื่อมองถึงทางด้านตัวหุ้น
Market cap 24/12/51 = 3553 ล้านบาท , book value 4332 ล้านบาท
P/B = 0.82 , จำนวนหุ้น 658,068,853 หุ้น
Ticon ถือ TFUND = 230.745 ล้านหน่วย , โดยราคาตลาด tfund = 10.1 บาทต่อหน่วย คิดเป็น 2330 ล้านบาท
เงินปันผลที่คาดว่าจะปันผลงวดผลประกอบการ 51 ที่ 1 บาท (worse case) (งวดปี 50 ปันที่ 1.2บาท) คิดเป็นเงิน = 658 ล้านบาท
รวมมูลค่าลงทุนใน tfund กับเงินปันผลที่คาดว่าจะได้ = 2330 + 658 = 2988 ล้านบาท
ดังนั้นสรุปได้ว่า
- ถ้าซื้อหุ้นที่ราคานี้ (5.4 บาทต่อหุ้น) เป็นเงินปันผล 1 บาท เป็นมูลค่า tfund (2330 หาร 3553 x 5.4) 3.54 บาท รวมเป็น = 4.54 บาท
มูลค่ากิจการที่เหลือของ ticon = 0.86 บาทต่อหุ้น!!!
มาถึงจุดนี้ขอให้ย้อนไปดูเอกสารอ้างอิง 1 ใน slide ที่ 16 นะครับ ลองดูว่า tfund มีพื้นที่ให้เช่าเท่าไหร่ และ ตัว ticon เองมีพื้นที่ให้เช่าเท่าไหร่ ก็จะเห็นคำตอบ ... ดูเอาเองนะครับ
นอกจากนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูอดีตที่ผ่านมา ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ผู้ประกอบการอยากจะขยายโรงงาน เขาจะเลือกแบบเช่าโรงงานแทนครับ ซึ่ง ticon น่าจะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ สัญญาเช่าของ ticon เป็นแบบให้สามารถใช้สิทธิซื้อโรงงานได้ในอนาคตด้วยครับ
แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 51 21:01:48