ทิสโก้แนะ5หุ้นรับปีใหม่ม.ค.สถาบันเริ่มไล่ซื้อ

http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/first_page_detail.aspx?cid=22263

ทิสโก้  แนะซื้อหุ้นบลูชิพที่ถูกชอร์ตเซลหนัก มั่นใจต้นเดือนม.ค. สถาบันต้องเข้ามาไล่ซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบ(  Recovery short)แน่ พร้อมเชียร์หุ้น BAY TOP SCC PTT และ BANPU มีโอกาสดีดกลับแรง"วิศิษฐ์"เชื่อทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้าจะเป็นลักษณะดับบิวเชฟ(W)สลับฟันปลา  หากเข้าถูกจังหวะมีสิทธิฟันกำไรได้ 18-30% พร้อมเปิดชื่อ 12 หุ้นใหญ่ที่ถูกขายหนัก


นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า

สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลังปีใหม่  ให้จับตาหุ้นขนาดใหญ่ ที่ถูกชอร์ตเซลมากให้ดี เพราะมีโอกาสที่หุ้นเหล่านี้จะดีดกลับมาได้ เนื่องจากกลุ่มที่ชอร์ตเซลหุ้นออกมา จะต้องกลับมาซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบคืน(Recovery  short) ภายหลังจากที่ได้มีการยืมออกมาขายนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา

"หุ้นกลุ่มพลังงานถูกชอร์ตเซลมากที่สุด โดยเริ่มในเดือน พ.ค. แต่ยังมีปริมาณไม่มาก เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อที่ระดับ 180-200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้  แต่ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้วิ่งไปแตะที่ระดับ 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  ก็ได้ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว  จนถึงระดับต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ธุรกรรมการยืมหุ้นมาขายมีมากขึ้น"นายวิศิษฐ์กล่าว

นอกจากนี้ปัญหาทางการเมืองในประเทศก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีธุรกรรมการชอร์ตเซลมากขึ้น โดยในปีหน้าหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เพราะแรงซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบคืนให้ทันตามกำหนด ทำให้ดัชนีมีสิทธิปรับตัวขึ้นได้อีก 20-30 % ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นการปรับตัวขึ้นลงของหุ้นที่ถูกชอร์ตเซลหนักปรับตัวขึ้นมาได้ อาทิ SCC และ TOP

"นักลงทุนต่างชาติ  ต้องกลับมารีคัฟเวอร์ ชอร์ต หุ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมานับหลังจากวันที่ 24 ธันวาคม ต่างชาติเริ่มหยุดทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นกันแล้ว ทำให้ยังมีออร์เดอร์ที่ยังต้องส่งมอบคืนหุ้นค้างอยู่ จึงทำให้เชื่อว่าจะมีแรงซื้อของต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้งหลังปีหน้า"นายวิศิษฐ์กล่าว

นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า การรีคัฟเวอร์ ชอร์ตหุ้น เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถหากำไรจากการลงทุนตรงนี้ได้    แต่ต้องไม่ลืมว่าโอกาสดังกล่าวจะมีแค่ช่วงระยะสั้นเท่านั้น เพราะลักษณะของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะเป็นรูปแบบของดับบิวเชฟ(W) กล่าวคือ จะเป็นลักษณะที่มีการปรับลงแรง และขึ้นแรง เหมือนสลับฟันปลาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ การเลือกหุ้นตัวหลักๆ ของตลาดมีโอกาสที่จะหากำไรได้ในช่วงที่ตลาดผันผวน

"ถ้าหากเลือกจังหวะของการเข้าลงทุนถูกเวลา  จะทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องเสียโอกาส หรือขาดทุนกำไรที่อาจจะมีถึง  18-30 % เพราะการเลือกซื้อหุ้นในช่วงที่ปรับตัวลงแรง มีโอกาสที่จะสร้างกำไร และเทขายหุ้นทิ้งในช่วงที่ปรับตัวขึ้น ก่อนที่จะมารับในช่วงที่หุ้นอ่อนตัวอีกครั้ง"นายวิศิษฐ์กล่าว

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยสนใจหุ้นที่ถูกชอร์ตเซลมาก  อาทิ หุ้นBAY , TOP , SCC, PTT และBANPU  ซึ่งหุ้นที่น่าจะมีแรงดีดกลับ  คือหุ้น TOP จากที่ราคาเกือบ 100 บาท ลงมาต่ำสุดที่ 18 บาท และสามารถดีดกลับไปได้ที่ 25 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวยังถือว่ายังปรับตัวขึ้นไม่สูงนัก รวมถึง หุ้น SCC เช่นกัน ที่ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 100 บาท

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ระบุถึง ตัวเลขการยืมหลักทรัพย์มาขายก่อน(ชอร์ตเซล)ระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน -25 ธันวาคม 2551 พบว่าหุ้น PTT

มีมูลค่าการชอร์ตสูงที่สุด คือ หุ้นPTT จำนวน 12,804,200 หุ้น มูลค่า2,370,016,300 บาท มีปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับปริมาณการซื้อขายบนกระดานหลัก 1.54%

อันดับ 2 หุ้นPTTEP จำนวน83,493,800 หุ้น มูลค่า1,812,413,050 บาท หรือ 1.18 % อันดับ 3 หุ้น BANPU จำนวน 5,940,100 หุ้น มูลค่า 1,317,430,100 บาท หรือ

1.36%  อันดับ  4 หุ้น BBL จำนวน 16,093,000 หุ้น มูลค่า 1,316,033,750 บาท อันดับ 5 หุ้น PTTAR จำนวน 83,493,800 หุ้น มูลค่า 1,133,155,270 บาท หรือ 3.49%

อันดับ 6 หุ้น KBANK จำนวน 17,236,000 หุ้น มูลค่า 990,709,225 บาท หรือ 1.23% อันดับ 7 นSCB จำนวน 16,323,500 หุ้น มูลค่า 962,371,750 บาท หรือ 1.35%

อันดับ 8 หุ้น ADVANC จำนวน 10,482,500 หุ้น มูลค่า 838,643,200 บาท หรือ 1.71 % อันดับ 9 หุ้น TTA จำนวน 51,576,000 หุ้น มูลค่า 799,733,365 บาท หรือ 1.86 % อันดับ 10 หุ้น TOP จำนวน 27,631,600 หุ้น มูลค่า 732,837,065 บาท หรือ 2.28 %

นอกจากนี้ยังมี หุ้นBAY ถูกชอร์ตเซลไป จำนวน 62,613,200 หุ้น มูลค่า 753,868,385   บาท   มีปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับปริมาณการซื้อขายบนกระดานหลัก  2.10% ส่วนหุ้นSCC ถูกชอร์เซลไป จำนวน 4,596,300 หุ้น มูลค่า 555,305,050 บาท หรือ 2.49%

...เครดิต คุณvichit ThaiVI...

จากคุณ : Trillionaire - [ 30 ธ.ค. 51 15:28:44 ]