|
แจกกระจาย 9 หมื่นล.โดยซานต้ามาร์คเพื่อนๆคิดอย่างไรกันบ้างครับ
แจกกระจาย9หมื่นล.
ลืมไปเลยประชานิยมยุคทักษิณ ซานตามาร์คคลอด 16 โครงการ ใช้แสนล้านแก้วิกฤต แจกสะบัด เทตรงเข้ากระเป๋า 9 หมื่นล้าน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ มีมติเห็นชอบให้จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 จำนวน 1.15 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นเงินคงคลังคือ ใช้หนี้ที่รัฐบาลก่อนใช้ล่วงหน้าไปแล้ว 1.9 หมื่นล้านบาท อีก 9.5 หมื่นล้านบาท จะใช้ตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในส่วนหลังนี้จะประกอบด้วย 16 โครงการ ซึ่งหากรวมยอดเงินที่รัฐบาลจะใช้จ่ายผ่านโครงการซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินให้ประชาชน กลุ่มต่างๆ โดยตรงแล้ว พบว่ามี ทั้งสิ้น 10 โครงการ รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 85,979.6 ล้านบาท
ขณะที่มีโครงการที่เป็นการลงทุน 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,489.6 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือเป็นงบสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินอีก 2,000 กว่าล้านบาท
สำหรับการอัดฉีดเงินให้ประชาชนนั้น เป็นการช่วยเหลือกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ไม่ถึง 1.4 หมื่นบาทต่อเดือน ประมาณ 8 ล้านคน รวมทั้งกลุ่มคนตกงานและที่ยังมีงานทำอยู่ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อราย (ครั้งเดียว) 1.6 หมื่นล้านบาท
อัดฉีดกลุ่มข้าราชการ พนักงานราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาทต่อเดือน จำนวนกว่า 1.23 ล้านราย ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อคนเช่นกัน เป็นเงิน 2,328 ล้านบาท
ให้เบี้ยยังชีพคนชรา จำนวน 3 ล้านคน คนละ 500 บาทต่อเดือนนาน 6 เดือน รวมเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน จำนวน 2.6 แสนคน วงเงิน 6,900 ล้านบาท ฯลฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงว่า การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ใช้หลักคิดคือ การฟื้นเศรษฐกิจได้เร็ว ได้ตรง และได้ผลที่สุด จึงใช้มาตรการที่จะเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการดีที่สุดที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ
ผมเชื่อว่าโครงการเหล่านี้จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ ไม่ได้เป็นการผลาญงบประมาณ เพราะเบี้ยเลี้ยงยังชีพจะไปเข้ากระเป๋าผู้สูงอายุชัดเจน เรียนฟรีก็มีรายการที่จะตรวจสอบได้ และได้มีการดำเนินการมาแล้ว นายกฯ ระบุ
นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ในการประชุมครม. ครั้งหน้า จะมีการเสนอในรายละเอียดแต่ละโครงการที่ชัดเจนเพื่อจัดทำเป็นร่างพ.ร.บ. เตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวันที่ 28 ม.ค. โดยจะเริ่มเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพและอื่นๆ ได้ประมาณเดือนเม.ย.นี้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ถ้าแยกตามรายกระทรวงจะพบว่าศึกษาธิการได้มากสุดคือ 1.82 หมื่นล้านบาท ได้น้อยสุดคือวัฒนธรรม 21.1 ล้านบาท และครม. คาดการณ์ว่าผลจากมาตรการทั้งหมดจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ 2.5%
------------------------------------------------------------------ ผมไม่ค่อยจะมีความรู้ทางเศรษฐกิจเท่าไหร่ครับแต่อยากตั้งข้อสังเกตนิดนึงว่านโยบายประชานิยมสมัยทักษิณกับสมัยมาร์คไม่น่าจะเหมือนกัน คือทักษิณแจกเงินจริงแต่เป็นการแจกที่มีการเล็งเห็นแล้วว่าจะสร้างประโยชน์หรือรายได้เพิ่มขึ้น เช่น ให้ประชาชนกู้กองทุนหมู่บ้าน กู้ธนาคารประชาชนในอัตราดอกเบี้ยต่ำเอาไปประกอบอาชีพ ผลสุดท้ายประชาชนก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ส่งลูกเรียน ซื้อบ้านซื้อรถได้ รัฐเก็บภาษีได้จากเงินที่งอกเงยขึ้น เรียกว่าเงินที่ให้กู้มีประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว แต่ของมาร์ค การให้เงินคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 14000 บาท การแจกเงินให้แรงงานที่มาอบรมเดือนละ(ไม่แน่ใจ) ทั้งสองมาตรการผมยังไม่เห็นว่ารัฐบาลกำหนดให้มีการใช้คืนแต่อย่างใด อย่างนี้ไม่น่าจะเกิดการลงทุนและสร้างงานที่เป็นรูปธรรมเลย ผมกลัวว่าเงินที่ลงทุนไปจะสูญเปล่าหรือไม่คุ้นมค่ากับผลตอบรับ
นอกจากนี้ไม่รู้ผมกังวลเกินไปเองหรือเปล่าและอาจเป็นตรรกะที่งี่เง่าไปหน่อย คือ ผมมองว่า ถ้าการแจกเงินกันกระจายอย่างตอนนี้มันจะดีกับเศรษฐกิจประเทศจริงๆ ทำไมตอนนั้นทักษิณไม่ทำ หรือเขารู้ว่าการแจกเงินมันต้องมีหลักเกณฑ์
และจนถึงปัจจุบันผมยังไม่เห็นรัฐบาลเร่งดำเนินโครงการเมกกะโปรเจกท์ซึ่งผมมองว่าน่าจะเป็นนโยบายที่มีความสำคัญมากในระยะยาว เพราะจะช่วยลดต้นทุน พัฒนาระบบขนส่ง สาธารณูปโภครองรับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยซึ่งต่อไปจะต้องมีการเติบโตขึ้น
ผมยังไม่เห็นนโยบายหาเงินของรัฐบาลนี้นอกจากกู้ กู้แล้วก็กู้ ต่อไปคนไทยไม่ต้องเป็นหนี้กันบานเลยหรือครับ เรื่องวินัยการคลังอะไรคงไม่ต้องพูดถึงแล้วเพราะตอนนี้ดูเหมือนนักวิชาการ สื่อเงียบกันไปหมด
จึงอยากถามเพื่อนๆทุกคนในห้องนี้ว่า เห็นด้วยไหมกับการแจกเงินครั้งนี้ครับ ขอเศรษฐกิจล้วนๆไม่อิงการเมืองนะครับ
จากคุณ :
โรงงานช็อคโกแล็ต
- [
14 ม.ค. 52 14:07:26
]
|
|
|
|
|