ความคิดเห็นที่ 1 (แก้ไข) แอบเข้ามาแก้ไขเหตุผลในการซื้อบ้าน เป็นเหตุผลส่วนตัวนะคะ ^^ พี่น้องสามคนนี้เค้ามีแผนจะแต่งงาน เร็วๆนี้น่ะค่ะ(รวมทั้งเราด้วย) ขอให้คนที่เข้ามาตอบ ถ้ายังไม่มีแฟน..ขอให้เจอเนื้อคู่เร็วๆนี้ ถ้ามีแฟนแล้ว.. ขอให้ได้แต่งงานในเร็ววัน และถ้าแต่งงานแล้ว.. ขอให้ครอบครัวสุขสันต์นะคะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 22:56:53 จากคุณ : จขกท. (เสียงดัง ฟังชัด) - [ 19 ม.ค. 52 22:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลองคำนวณวงเงินที่กู้ได้ดูคร่าวๆ ครับ http://www.lh.co.th/LHWeb/calculator/calculator_one.jsp# จากคุณ : TheWorldOfArt - [ 19 ม.ค. 52 22:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 งงครับ คุณกับแฟนคุณยังไม่แต่งงาน ไม่จดทะเบียน ไม่น่าจะกู้ร่วมกันได้นะครับ ลองปรึกษาแบงค์ดูครับ แบงค์ได้ก้อได้ ผมเลยลองแล้ว ทางแบงค์ไม่ยอมครับ จากคุณ : golfUIH_166 - [ 19 ม.ค. 52 22:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไมเป็นข้าราชการใหม่  เงินเดือนมากจัง เจ็ดล้าน  แฟนและพี่น้องกู้ผ่านครับ  แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเจอหนี้รถ (เป็นหนี้รถกันทุกคนนี่นะ) จากคุณ : สีหราช - [ 19 ม.ค. 52 22:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิดว่าที่น่าจะกระทบก็คือ ตอนซื้อบ้านของตัวเอง เราจะมีเงินกู้บ้านหลังนี้ติดอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะทำให้กู้แบงค์ยากขึ้นครับ ที่เหลือก็ไม่ทราบเช่นกัน ขอนอกเรื่องนิดนึงครับ เอ่อ รับราชการอย่างไรถึงทำงานแค่ 1 ปี มีเงินเดือน 50,000 บาทครับ จะได้ไปสมัครรับราชการบ้างครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 22:45:17 จากคุณ : @power - [ 19 ม.ค. 52 22:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เท่าที่อ่านดู ขอเสือก นะครับ    ข้อ 1  คุณทำงานได้เดือนละ 50000   อายุงาน 1 ปี  ย่อม มีความสามารถมีปัญญา มีวิจารนญาน   มีดุลพินิจ  เรื่องแค่นี้  อย่าถามใคร ข้อ 2  จะคบกันกี่ปี ไม่สำคัญ  เลิกกันได้ทั้งนั้น   ไม่ใช่หลักประกันอะไรทั้งนั้น  แต่งงานออกทีวีทั่วประเทศ  สินสอดท่วมหัวคนมางานแต่ง ยังบอกลา หนีตามกันไปบางคู่ อยู่จนวันตาย มีไม่น้อย บางคู่สินสอด แค่ไก่ตัวเดียว เหล้า หนึ่งขวด อยู่นิจนิรันดร์ ข้อ 3 จงระวัง ลิง ตัวผู้ จากคุณ : สันทัด - [ 19 ม.ค. 52 22:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะเราเคยปวดหัวกับเรื่องนี้มาแล้ว เครียดนอนไม่หลับเลย เรากับแฟนยังไม่ได้แต่งงานกันนะ จะปฏิเสธก็ไม่กล้า ของเราปัญหาคือแม่แฟนเค้าต้องการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน จึงไม่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ และเค้าให้เราเป็นคนกู้เองคนเดียว ราคาบ้าน 2.5 ล้าน วงเงินกู้ 1.3 ล้าน ที่เหลือเค้าดาวน์ เราเลยกล้าที่จะกู้ให้ ถ้าเกิดเลิกกันยึดบ้านซะเลย พึ่งทำสัญญาไปเมื่อ พ.ย ปีที่แล้วเอง พึ่งผ่อนได้งวดเดียวเอง เราว่ายังไงปรึกษาคนที่เค้ามีความรู้ทางด้านกฎหมายก็ดี ยังไงก็โชคดีนะค่ะ จากคุณ : น้ำแข็งสีขาว - [ 19 ม.ค. 52 22:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้า 3 คนพี่น้องโปะหนี้รถยนต์หมด น่าจะกู้ผ่าน (เงินกู้ 7 ล้านผ่อนอยู่ราวๆ 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน ต้องการรายได้อยู่ราวๆ 1 แสนเศษ) ถ้ายังมีหนี้ค้างอยู่ คงกู้ไม่ผ่านครับ อีกประเด็นนึงคือ น้องคนเล็กเป็น Freelance ซึ่งรายได้ อาจไม่สม่ำเสมอ ตรงนี้คงต้องแล้วแต่ธนาคารพิจารณากระมัง มีโอกาสที่จะประเมินรายได้ไม่เต็มที่อ้างนะครับ เอาชัดๆ รอคุณ PJuk มาช่วยตอบละกันครับ ^_^ จากคุณ : นักลงพุง - [ 19 ม.ค. 52 22:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชื่อคุณ แต่เงินเขา... ก็ดีนะ... เหมือนว่าคุณได้เป็นเจ้าของโดยไม่จ่ายเงิน แต่ถ้าว่า.... การชำระหนี้มีปัญหา... คุณจะกลายเป็นลูกหนี้ ทั้งๆ ที่คุณไม่เคยได้เอาเงินเขามาใช้เลยสักบาท  คิดให้ดี นะครับ อีกอย่าง น้องชายเขาทำงานฟรีแลนซ์  แบงก์จะพิจารณาความมั่นคงของรายได้ คาดว่า  รายได้ของน้องชาย คงไม่นำมาคิด หลักการกู้ผ่านหรือไม่ผ่าน คือ  ผ่อนส่ง ไม่เกินสามสิบเปอร์เซ็นต์  ผ่อนได้ถึงอายุ หกสิบห้า(ตรงนี้ผมไม่แน่ใจ)  หรือเฉลี่ยคร่าวๆ คือ รายได้สองหมื่นต่อเดือนสำหรบเงินกู้ หนึ่งล้าน.. โอเค้.. จากคุณ : oxidation - [ 19 ม.ค. 52 22:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 งงด้วยคนค่ะ ข้าราชการอายุงาน 1ปี รายได้ประมาณ 5 หมื่น เยอะมั่กๆ ตำแหน่งไรน้า อยากรู้จัง... โดยส่วนตัว เนื่องจากยังไม่แต่งงานกัน อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่สามารถบอกได้ เราจะบอกแฟนตรงๆเรื่องที่เรากังวลใจ เวลาแปดปีที่คบกัน แฟนน่าจะเข้าใจเรานะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : คาปูชิโน่เย็น - [ 19 ม.ค. 52 22:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบยากจัง.. เหมือนซื้อใจยังไงไม่รู้ จริงๆ คิดว่าพอเข้าใจอ่ะนะ บางที แฟนคุณ ก็คิดง่ายๆ หาคนสนิท แฟนกัน "มาช่วยกู้ร่วม" ..ความสัมพันธคงจะดีอยู่แล้ว และเค้าก็คงไม่มีเจตนาร้ายอะไร รวมการเงิน 3 พี่น้องแล้ว ผมว่า ไม่น่ามีปัญหา ถ้าไม่ตกงาน แต่การ"กู้ร่วม" ไปจนถึงเป็นคนออกหน้าค้ำประกันต่างๆ เป็นอะไรที่ผม มีอคติ และไม่เห็นด้วย เนื่องจากว่า เคยมีประสบการณ์ทางอ้อมแต่ใกล้ชิดให้เห็น งานนี้ต้องบอกว่า "เืนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระดูกมาแขวนคอ" แฟนคุณใจกว้างพอมั้ย บอกเค้าตรงๆ ได้หรือเปล่า? ว่ามันทำให้คุณหนักใจมาก.. ลองยกตัวอย่างในทางกลับกัน ที่บ้านคุณ จะกู้เงินซื้อบ้าน แต่มาให้คุณช่วยกู้ร่วม ถ้ามันเป็นเรื่องพูดลอยๆ บางทีมันตอบรับง่ายๆ อ่ะนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงจังนี่ซีเรียสเลยนะครับ .. ถ้าชื่อเราไปติดกู้บ้านไว้หลังหนึ่งแล้ว การเอาวงเงินเดิมไปขอกู้บ้านของตัวเองที่ต้องทำทีหลังน่าจะยากขึ้นครับ ผมไม่เห็นด้วย ที่จะไป "ร่วมกู้ด้วย " แต่ถ้าเรื่องนี้อาจกระเทือนความสัมพันธ์ มันก็จะยากมากๆ ไม่ใช่เราไม่เชื่อใจเค้า แต่เราก็ตั้งตัวอยู่ ไปมีหนี้สิ้นผูกมันแบบนี้ อนาคตอะไรมันก็ไม่แน่นอน.. ถ้าเป็นเพื่อนจะตอบง่าย แต่เป็นแฟนตอบยากจริงๆ ลองพูดกับเค้าดูตรงๆ เค้าน่าจะเข้าใจ ..บอกไปก็ได้ ว่าหากต่อไปแต่งงาน จะได้ใช้ชื่อคุณกู้ซื้อบ้านง่ายกว่า เรื่องนี้ตอบยากจริงๆ เป็นผม ต่อให้จำเป็นขนาดไหน รักพ่อ-แม่ขนาดไหน ก็จะไม่ทำให้แฟนต้องรับภาระในส่วนที่ไม่ใช่ของเธอเด็ดขาด จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ม.ค. 52 23:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 น่าจะเป็นอัยการ หรือไม่ก็ผู้พิพากษา เลยคิดมากเรื่องการเป็นหนี้ จากคุณ : กองทุนเหาฉลาม - [ 19 ม.ค. 52 23:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อเสนอแนะ : ห้ามกู้ร่วม เหตุผล : อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แม้ว่าจะรักกันแค่ไหนก็ตาม ตัวอย่าง : เจอมาหลายคู่แล้ว รักกัน 5-8 ปี บางคู่ผู้ชายซวย บางคู่ผู้หญิงซวย ฟ้องศาลกันยืดยาวไม่จบสิ้น เสียดายความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน ข้ออ้าง : ถ้าเกรงใจแฟนกลัวว่าจะหาว่าไม่รักกันจริง ก็อ้างไปว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาตให้ กู้ร่วม ผลตามมา : ก็ยังสามารถ รักกันเหมือนเดิมได้ ช่วยเหลือเผื่อแผ่กันในเรื่องอื่นๆได้ เป็นห่วงเป็นใยกัน ก็ทำให้ความรักไม่น้อยลง     คติประจำใจ : เกิดได้ชาติเดียว เสี่ยงแล้วซวยไปทั้งชาติ เพิ่มเติม : เราเป็นหญิงนะ ล้มแล้วลุกลำบาก ฟันธง : ห้ามกู้ร่วม ! หมายเหตุ : เหตุผลจริงๆมีเยอะมาก ลึกซึ้งมาก แต่ขี้เกียจพิมพ์ เอาแบบ ฟันธง ไปแล้วกันนะ   แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 23:20:37 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 23:18:25 จากคุณ : ฟันธง : ห้ามกู้ร่วม ! (p_phet) - [ 19 ม.ค. 52 23:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ต้องปวดหัวเลยครับ พี่น้องสามคนจะซื้อบ้านราคา 7 ล้าน แต่เกรงว่าจะกู้ไม่ผ่าน ความเห็นผมคือให้พี่น้อง 3 คน หาบ้านที่ราคาถูกลง จะได้กู้ผ่าน และคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะมันไม่ใช่บ้านคุณ (ฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่ความจริงแล้วหวังดีครับ ไม่งั้น คนในบ้านแฟนคุณ และแฟนคุณ จะบ่มนิสัยแย่ๆ เรื่องการเงินไปเปล่าๆ ครับ) ปล. บ้าน 7 ล้าน หรือว่าบ้าน 7 แสน ถ้าคนไม่มีความสุข บ้านราคา 700 ล้าน มันก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : ส.สลึง - [ 19 ม.ค. 52 23:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ติดใจเรื่องข้าราชการ ทำงานมาปีกว่า แต่ เงินเดือน 50,000 บาท <--- ไม่ทราบว่าข้าราชการอะไรครับ ส่วนเรื่องกู้ร่วม ไม่ได้แต่งงานกัน กู้ร่วมได้อยู่แล้ว แต่.....ดูกระทู้นี้เป็นตัวอย่างนะครับ เดี๋ยวจะมาเสียใจภายหลัง http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R7419769/R7419769.html จากคุณ : Athlons - [ 19 ม.ค. 52 23:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ "รายได้" นะคะที่ ห้าหมื่น.. v v v v แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 00:03:48 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 23:59:43 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 23:56:13 จากคุณ : เสียงดัง ฟังชัด - [ 19 ม.ค. 52 23:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆ ผมว่า ตามมารยาท แฟนไม่ควรรบกวนคุณครับ แต่ถ้าดูจากภาพรวมทั้งหมด การเพิ่มคนเข้าไปอาจจะทำให้ การกู้ง่ายขึ้น แต่เท่ากับเราร่วมรับภาระหนี้ด้วย แต่ก้มีสินทรัพย์เป้นหลักประกัน บวกกับถ้ารักกันมาก จนจะแต่งงานแล้ว ก็ลดความเสี่ยงได้ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่า บ้านหลังหนึ่งผ่อนกัน 20-30 ปี แล้วคุณไม่คิดจะมีบ้านของตัวเองหรือครับ หรือว่ากะอยู่รวมกันทั้งหมด  ใครจะได้อยู่บ้าง (อันนี้ก็ต้องคิด) (บ้าน 7 ล้าน ถ้า พ่อกะแม่ อยู่ 2 คน นี่หากันเจอยากนะ) แต่รู้สึกใครๆก็สงสัย เรื่อง ทำราชการได้ 50000 ผมว่าเฉยๆนะ เพราะจริงๆ อาจจะได้เงินจากราชการ 10000 40000 ได้จากอาชีพเสริม อื่นๆ เช่น ขายประกัน แอมเวย์ กิฟฟารีน ประมาณนี้ มีคนนึง เป็นหมอ ทำงานรับราชการ ได้ ประมาณ 1 หมื่นกว่า (ไม่รับเงินวิชาชีพ) แต่ไปทำเอกชนได้อีกเป้นแสน ประมาณนี้ครับ ผมว่า จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 19 ม.ค. 52 23:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อุ๊บ มาตอบก่อนผมเฉลย 2 นาที เองงงงงง จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 19 ม.ค. 52 23:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาอ่านกระทู้อีกที ได้อ่านทุกความเห็น ทำให้มีแนวทางมากขึ้นว่า จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ต้องขอบคุณทุกความเห็นมากๆค่ะ จากคุณ : เสียงดัง ฟังชัด - [ 19 ม.ค. 52 23:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 - แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 00:00:30 จากคุณ : ่่ (jamp kk) - [ 19 ม.ค. 52 23:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่แนะนำให้กู้ร่วมครับ มันอาจจะทำให้คุณมีปัญหาได้ รักกัน 1 นาทีหรือ 10 ปีก็เลิกกันได้ครับ ใช้ข้อความจาก ค.ห. 13 เป็นทางแก้ปัญหาก็ได้ครับ เรื่องยื่นกู้นั้นให้ธนาคารเขาดูให้เราคร่าวๆไ้ด้ครับว่าถ้ากู้กัน 3 คนพี่น้องนั้นกู้ผ่านไหม ธนาคารดูให้ได้ครับ ถ้าไม่ผ่านก็ให้เขามองหาบ้านที่ราคาต่ำกว่านี้หน่อย ครับ ตราบใดที่คุณยังไม่แต่งงานกันไม่แนะนำให้กู้ร่วมนะครับ จากคุณ : ่่ (jamp kk) - [ 19 ม.ค. 52 23:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่แนะนำให้กู้ร่วมด้วยคนค่ะ   ถึงคุณจะไว้ใจแฟนขนาดไหน แต่อนาคตคุณอาจจะมีความจำเป็นต้องการกู้เงินเพื่อทำอย่างอื่น เช่น ซื้อบ้านตัวเอง ซื้อรถ  ซื้อบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ และความจำเป็นอื่นๆ อีกมากมายที่อาจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเขาไม่เข้าใจหรือไม่พอใจ คิมว่าคุณก็ต้องลองพิจารณาดูค่ะ   ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พิสูจน์ใจเขาค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 20 ม.ค. 52 00:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าจะกู้ร่วมไม่ได้นะครับ ดังนั้น ถ้าแฟนคุณจะขอชื่อไปใช้กู้ร่วมก็ยินดีให้เขาไป แล้วพอตอนกู้ทางธนาคารก็จะแจ้งเองครับว่าไม่ได้ แต่ระวังอย่าไปค้ำประกันนะครับ หรือไปทำบัญชีกู้ประเภทอื่นเพื่อเอาเงินมาดาวน์บ้านเพิ่ม (ในกรณีที่วงเงินกู้ไม่ผ่าน) ถ้าวางแผนดีๆ รายได้ของน้องคนที่เป็นฟรีแลนซ์สามารถจัดเข้าระบบก็น่าจะกู้ผ่านได้ไม่ยากครับ ยิ่งถ้าที่ต้องผ่อนรถหมดแล้วจะยิ่งกู้ง่ายครับ จากคุณ : egg - [ 20 ม.ค. 52 00:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความรักกับเรื่องเงินทองอย่าเอามาปนกันเลยครับ เพราะมันจะทำให้คุณเหมือนมีเงื่อนไข(ที่ไม่จำเป็นต้องมี)เพิ่มขึ้นมาในชีวิต อนาคตยากที่จะคาดเดาครับ ผมเข้าใจว่าคุณคงกลัวแฟนคุณเสียใจ แต่อยากให้คิดกลับกัน ผมว่าแฟนคุณก็ควรจะเกรงใจคุณไม่รบกวนคุณเหมือนกันครับ มันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ถือว่าบ้านเป็นของฝ่ายชาย แต่ถ้าเป็นกรณีจะซื้อบ้านสร้างเรือนหออันนี้ถึงจะสมควรครับ ในความเห็นของผมลองลดราคาบ้านลงมาสักหน่อย น่าจะดีกว่าครับ... จากคุณ : Pogio - [ 20 ม.ค. 52 00:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 บ้านนะ ไม่ใช่รถที่ผ่อน 2-3ปีหมด 1.ไม่ควรให้ยืมชื่่อ  อนาคตไม่แน่นอน คุณก็อาจบอกแฟนว่าเดี๋ยวคุณจะกู้ซื้อบ้านเหมือนกัน คิดว่าเค้าคงเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ จบข่าววว (หรือคุณมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว) 2. 5หมื่น ก็หมอไง เยอะแยะ อิอิ เจอบ่อยนะกับคนที่งงกับข้าราชการเงินเดือนเยอะ 3. แฟนควรจะรู้ฐานะตัวเอง ไม่น่าจะต้องซื้อบ้านราคาแพงขนาดนั้น เกินความจำเป็น รึป่าว? เป็นผมคงไม่ทำให้แฟนตัวเองลำบากใจนะ เพราะไม่ใช่ซื้อเพื่อเป็นของคุณสองคน 4.ไม่รู้จะพิมพ์ไรแล้ว จบ ^__^ จากคุณ : งามหน้า - [ 20 ม.ค. 52 00:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อยากเข้ามาตอบเพราะ                          ขอให้คนที่เข้ามาตอบ                           ถ้ายังไม่มีแฟน..ขอให้เจอเนื้อคู่เร็วๆนี้ แต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไร555 จากคุณ : ##NeVeR GiVe Up## - [ 20 ม.ค. 52 00:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเจอมา 3 คู่แล้ว - คู่แรก กู้ร่วม สุดท้าย ฝ่ายชายมีหญิงใหม่ แถมพากันมาอยู่ไอ้บ้านหลังที่ซื้อนี่แหละ แถมไม่ผ่อน (ตกงาน) ฝ่ายหญิงก็โง่ผ่อนอยู่คนเดียว - คู่ต่อมา ทะเลาะกัน เลิกกัน ฝ่ายชายหายจ้อย ฝ่ายหญิงเลยต้องผ่อนคนเดียว เพราะกลัว blacklist ผ่านไป 5 ปี ฝ่ายชายโผล่มาทวงสิทธิในบ้าน เพราะมีชื่อด้วย (แต่ไม่เคยผ่อนเลย) - คู่สุดท้าย ฝ่ายหญิง มีชายใหม่ แถมไม่ช่วยผ่อน ปัจจุบัน กำลังฟ้องร้องกันอยู่ จากคุณ : QDora - [ 20 ม.ค. 52 00:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 20 ม.ค. 52 01:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตามความเห็นที่ 27. ผมเคยเป็น 1 ใน 3 คู่นั้นซะด้วยสิครับ เหอ ๆ คนที่ถามว่ากู้ได้ไหม ได้ครับ แค่บอกธนาคารว่าจะแต่งงานกัน ลงสถานะภาพเป็นคู่หมั้นได้เลยครับผม ิbank ก็ได้กู้แล้วหละครับ ถ้าถามว่า จะให้กู้ไหม ผมว่าแต่งงานก่อนเถิดครับ ไม่งั้นก็ถามเค้าหน่อยว่าเรามีส่วนอะไรในบ้านนั้นไหม บ้าน ราคา 7 ล้าน ซื้อแล้วเป็นชื่อใครครับ ? ชื่อ 3 คนพี่น้อง หรือว่าชื่อพ่อแม่ แล้วคุณมีกรรมสิทธิ์ในบ้านไหมครับ ถ้าไม่มี แล้วตอนมีปัญหาหนี้นั้นจะหารตาม คนกู้นะครับ เงินกู้ร่วมวันนี้ได้รับไปเลยครับหนี้แน่ ๆ 1.75 ล้าน ต่อคน สำหรับบ้าน 7 ล้าน ถ้าเป็นไปได้ คิดดูดี ๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าครับ ขนาดคนที่เคยเป็นอะไรกันแล้ว ตอนหย่ากันยังเป็นคนอื่นเลยครับ คิดดี ๆ นะครับ ไม่ใช่เรื่องของการไม่ไว้ใจกันหรอกครับ มันเป็นเรื่องของการคิดให้รอบคอบ เหลือทางถอยให้ตัวเองด้วยนะครับ เวลาเปลี่ยนอะไร ๆ ก็เปลี่ยนได้ครับ ต้องคิดถึงว่าตอนที่แย่ที่สุดแล้วเราเหลืออะไรตัวเองบ้างครับ แค่คุณไม่ต้องเข้าไปร่วม ถ้า 3 คนพี่น้องเค้าเดือดร้อน เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ยังนึกไม่ออกเลยครับว่าบ้านหลังนี้จะแบ่งกันอย่างไร สภาวะการณ์บ้านเราตอนนี้ ก็มีส่วนด้วยนะครับ ส่วนประเด็นที่ถามว่ากู้ผ่านไหม ลองยื่น bank ให้ประเมินคร่าว ๆ ได้นี่ครับ ไม่งั้นก็ Down ไปเยอะ ๆ หน่อยครับ เข้าใจว่าอยู่ในอารมณ์อยากได้บ้านครับ แนะนำว่าให้ใจเย็น ๆ ครับค่อย ๆ ดูไปค่อย ๆ ซื้อ อีก 1 ปี ก็ผ่อนรถกันหมดแล้วนี่ครับ ตอนนั้นอะไร ๆ ก็อาจจะง่ายขึ้นแล้วมั้งครับ เผลอเศรษฐกิจอาจจะดีแล้วก็ได้ครับ อาจมองในแง่ร้ายหน่อยนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ มีอะไรถามได้หลังไมค์นะครับ สู้ ๆครับ จากคุณ : ผมปล่าวนา - [ 20 ม.ค. 52 01:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเป็นบ้านเพื่ออยู่อาศัย ไม่แนะนำครับ ถ้าทำมาแล้วค้าขายได้ โอเชเลย 7 ล้านนี่ต้องอยู่ในหมู่บ้านอย่างหรูแน่ๆเลย จากคุณ : Ken - [ 20 ม.ค. 52 02:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 งะ มีแต่หมอรายได้ดีๆนะคะ หมอเพื่อนเราไหงแต่ละคน แสนจะจน แนะนำว่าไม่ควรกู้ร่วม  จะคบกันกี่ปีก็ช่าง บทเวลาจะเลิกก็เลิกได้ง่ายๆนะคะ แถมถ้าเกิดบ้านหลังนี้มีปัญหากับธนาคารภายหลัง ชื่อเราก็เข้า blacklist ของเครดิตบูโรไปด้วยเช่นกันนะคะ  อันนี้เราเคยถามธนาคารมาค่ะ ตอบเหมือนกันหมดทุกธนาคารเลย จากคุณ : กันดัมจัง - [ 20 ม.ค. 52 04:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นกน้อยทำรังแต่พอตัว... จากคุณ : wutipon_c - [ 20 ม.ค. 52 04:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมคงไม่ฟันธงอะไร แต่ความเห็นส่วนตัว อย่าดีกว่าครับ เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมา พวกพี่น้องเค้าเกิดโดนปลดออกจากงาน ที่นี้ก็แย่ละครับ จะหาเงินไปผ่อนบ้านจากไหน ถ้าตกงานขึ้นมา ผมเองก็กู้ซื้อบ้านระดับราคาเดียวกัน ผ่อนคนเดียว เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว เกิดวิกฤตกับกิจการขึ้นมา เกือบเอาตัวไม่รอด อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ งานบริษัท ใช่จะมั่นคง ถ้าเป็นข้าราชการก็ว่าไปอย่าง ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นจากมุมมองของคนหาเงินจากการทำธุรกิจครับ ว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมือ จากคุณ : นายประทีป - [ 20 ม.ค. 52 04:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 บ้านตั้งเจ็ดล้าน อีกอย่างรายได้แบบ freelance ส่วนใหญ่ธนาคารเค้าไม่นับ เค้านับเฉพาะรายได้มั่นคง ส่วนตัวคุณรายได้เยอะ แต่ที่เค้านับจะนับเฉพาะรายได้มั่นคงเหมือนกัน แล้วทุกคนก็ผ่อนรถอยู่ ตามความเห็นเรา ไม่น่าจะผ่านนะ และอีกอย่าง หากคุณกู้ร่วมและผ่าน ตอนที่คุณเองจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เมื่อคุณกะจะกู้เพื่อซื้อบ้านของคุณเอง จะเหลืออะไรให้เค้าพิจารณา เพราะตอนบ้านคุณเอง เจ้าหน้าที่ก็จะดูว่าคุณมีภาระหนักอยู่แล้วเพราะบ้านโน้นตั้ง 7 ล้าน คุณคิดว่าบ้านคุณเอง จะกู้ได้เท่าไหร่ ในกรณีนี้ หากไม่จดทะเบียนสมรส คุณเป็นใครก็ไม่รู้ เค้าจะยอมให้กู้ร่วมหรือ แล้ว คุณแกร่งพอที่จะยืนหยัดรับหนี้ 7 ล้านป่ะ ถึงจะไม่ใช่คนเดียวก็เหอะ คิดดีๆ ค่ะ เราไม่แนะนำให้กู้ร่วม จากคุณ : คุณน้องหนู - [ 20 ม.ค. 52 08:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ให้แฟนมาอ่านกระทู้นี้ จากคุณ : Pu121 - [ 20 ม.ค. 52 09:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ เห็นด้วยกับทู้ข้างบนนี้ค่ะ เคยเจอมา 2 คู่แบบเห็น คู่แรก เป็นหญิง-หญิง กู้ร่วมกันได้นะ แต่พี่เราผ่อนอยู่คนเดียว (ประมาณขอใช้ชื่อเพื่อเพิ่มวงเงินกู้เฉยๆ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นเร่องเป็นราว) ผ่อนมา 3 ปี แต่ตอนนี้มีปัญหา เขาเลิกกัน แล้วพี่เราก็ให้อีกคนมาอยู่ด้วยแบบเป้นเรื่องเป็นราวค่ะ ฝ่ายที่ลงแต่ชื่อ(ไม่เคยลงเงิน) ออกแนวแค้น เลยมาทวงสิทธิว่า เขาก็มีสิทธิในบ้านหลังนี้ แล้วก็ฟ้องร้องกัน พี่เรายอมจ่ายไป 4 แสน ทั้งๆ ที่ไม่ควรต้องจ่ายเลย บอกว่า ซื้อความรู้สึกเพราะเขาไม่เคยคิดว่า คนนี้จะทำได้ขนาดนี้จริงๆ ตอนนี้ก็เป็นชื่อของพี่เราคนเดียวค่ะ อีกคู่ หญิง-ชาย เป็นแฟนกันมา 5 ปี มีแพลนว่าจะแต่งงานกันก็เลยกู้ซื้อบ้านร่วมกันให้ครอบครัวฝ่ายชายอยู่ ฝ่ายหญิงฐานะค่อนข้างดีน่ะคะ ก็กู้ได้ค่ะไม่มีปัญหา ฝ่ายชายก็อยู่+ผ่อนไป แต่ไม่ถึง 2 ปี ก็เลิกกัน บ้านก็เป็นปัญหาเลย โชคดีที่ขายบ้านได้ ผู้หญิงก็เลยโล่งใจไป ไม่ต้องแบกภาระอะไร อันนี้ก็ happy ending กันไป จริงๆ แล้ว เรื่องอย่างนี้ sensitive แล้วก็อาจจะไม่น่ากังวลอะไร เป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ ค่ะ แต่ทุกอย่างก็มีทางออกเสมอค่ะ ...ขอให้เจอทางออกที่ดีนะคะ :) จากคุณ : spymeaw - [ 20 ม.ค. 52 09:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เงินรายได้ที่ธนาคารพิจารณาแน่ๆ คือ 5 หมื่น + 3 หมื่น รายได้ 80,000 บาท ผ่อน 30 ปี น่าจะได้แค่ 4 ล้านเศษมั้ง ปัญหากู้ไม่ผ่านเลยตกมาถึงคุณ 1. ประเมินดูว่า เสียแฟน กับ เสียเงิน แบบไหนทำให้คุณเสียใจมากกว่ากัน 2. ทำไม แฟนของพี่ชายของแฟนคุณ กับ แฟนของน้องชายของแฟนคุณ ไม่มาช่วยร่วมกู้ล่ะ จะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ หาตัวหารเพิ่มดีกว่า จากคุณ : เกียร์ห้า - [ 20 ม.ค. 52 10:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ประเด็นแรก ... เรื่องกู้เงิน ผมลองรวมๆ ดูรายได้ของบ้านแฟนคุณ ประมาณ 200,000 กว่าๆ ต่อเดือน ... ลองปรึกษาธนาคารดูครับ ว่ากู้ได้ไหม เพราะ ยังไง ชื่อบ้านก็ต้องเป็นของพ่อแม่คุณอยู่แล้ว หากกู้ไม่ได้ ให้ไปปรึกษากันเรื่องจดทะเบียนก่อน จากนั้นค่อยกู้ร่วมเพราะว่าเวลาแบ่งสินสมรสเวลามีปัญหา จะได้มีส่วนแบ่งได้ หากหาทางออกไม่ได้จริงๆ ให้แฟนไปถามพ่อแม่ ว่าอยากได้บ้านใหม่ไหม พวกเด็ก ชอบคิดเอง ว่าพ่อแม่อยู่บ้านใหม่จะได้สบาย แต่พ่อกับแม่ ชอบอยู่ในสังคมเดิมๆ ของเขา บ้านเก่าของเขาที่เขามีความหลังกันมา เพื่อนบ้านที่คอยพูดคุยด้วย ... และหากลูกจะมีปัญหากับแฟน เพราะเรื่องซื้อบ้านใหม่ ... พ่อแม่เองก็ไม่ยินดีนักหรอก ลองคิดดีๆครับ จริงๆ เงินเดือน 50,000 ก็ไม่เยอะไม่น้อย แต่ผมว่าไม่เยอะพอที่จะกู้ร่วมกันถึง 4 คนเพื่อซื้อบ้านหลังเดียวแน่นอน ... หากน้องๆ แฟนคุณแต่งงาน มาอยู่บ้านหลังนี้ คุณจะคิดยังไง ผ่อนคนเดียว โดนแบ่งโดยน้องสะใภ้อีกสองคน จากคุณ : KENG76 - [ 20 ม.ค. 52 10:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เราว่าเอารายได้ของทั้ง 3 คนไปให้ธนาคารประเมินก่อนก็ได้นะคะว่าจะกู้ผ่านไหม  ธนาคารประเมินได้อยู่แล้ว   ถ้าผ่านก็สบายคุณไป  ไม่ต้องคิด  แต่ถ้าไม่ผ่าน  ก็ต้องมาคิดแล้วว่าจะกู้ร่วมเขาไหม  แต่เราว่าไม่น่าจะกู้ร่วมกะเขานะ เพราะมันก็ไม่ใช่บ้านที่จะเป็นเรือนหอเรา  ก็อาจจะหาข้อแก้ตัวว่าพ่อแม่ไม่ให้กู้  หรือไม่ได้จดทะเบียนกันกู้ไม่ได้  อะไรทำนองนี้ค่ะ จากคุณ : Kibby - [ 20 ม.ค. 52 10:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มีคำถามนิดหน่อยครับ 1. ทำไมต้องซื้อบ้านราคาตั้ง 7 ล้านถ้าให้พ่อกับแม่อยู่ 2 คน 2. ร่วมกันกู้ 3 คนพี่น้อง ยังไม่มีครอบครัวทั้งหมด อนาคตมั่นใจได้แค่ไหนว่าจะยังร่วมกันผ่อนต่อไปจนจบ 3. เมื่อทั้ง 3 คนพี่น้องแต่งงานแล้วคู่สมรสจะว่าไง เคลียร์กันด้วยนะ น่าจะซื้อสัก 4-5 ล้านผ่อนราว ๆ 3 หมื่นบาท แบ่งกันผ่อน 3 คนพี่น้องคนละหมื่นไม่กระทบกับครอบครัวในอนาคตด้วย อีกอย่างนึงเข้าใจนะว่าเป็นความกตัญญูที่จะซื้อบ้านให้พ่อกับแม่แต่ควรจะร่วมกันในพี่น้อง เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ไม่ว่าเขยหรือสะใภ้ก็เป็นคนนอก แต่งแล้วก็หย่าได้เหมือน คห ข้างบนบอก นี่ของคุณยิ่งแล้วใหญ่ยังไม่ได้แต่งงานกันอีก ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาไม่ว่ากรณีใด ๆ จะทำอย่างไรละ สรุป 3 คนพี่น้องน่าจะซื้อบ้านในราคาที่สามารถกู้ร่วมกันและผ่อนได้อย่างสบาย ไม่กระทบกับตนเองและครอบครัวในอนาคต ผมว่าพ่อกับแม่ขอมีบ้านที่อยู่อย่างมีความสุขไม่จำเป็นต้องแพงมากให้ลูกหลานมาหาบ่อย ๆ  ท่านก็มีความสุขแล้วละครับ จากคุณ : kiatte - [ 20 ม.ค. 52 10:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถามแบบนี้ แปลว่า ไม่อยากให้ใช้ชื่อร่วม ถามแบบนี้ แปลว่า ไม่อยากเป็นหนี้ ถามแบบนี้ แปลว่า ไม่มั่นใจในศักยภาพของอีกฝ่าย ถามแบบนี้ แปลว่า ไม่ค่อยมั่นใจความรักต่อกันในอนาคต ถามแบบนี้ แปลว่า เป็นห่วงอนาคตในวันข้างหน้า     อย่างนี้มันมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว อย่าไปเกรงใจผู้ที่อาจจะทำเราเดือดร้อน จากคุณ : ฝันไป (ฝันไป) - [ 20 ม.ค. 52 10:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คิดว่าหาบ้านราคาต่ำกว่านี้จะดีที่สุดครับ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 10:35:08 จากคุณ : chejorkery - [ 20 ม.ค. 52 10:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 พอเข้าใจในสถานการณ์ลำบากที่กำลังประสบ ทำก็กลัวจะเป็นภาระในอนาคต ไม่ทำก็อาจถูกมองว่าใจแคบ เรื่องบอกว่ากู้ร่วมไปก่อน แล้วอีกหน่อยค่อยไปเอาชื่อออกนี่ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ ผมอยากบอกให้ลืมไปได้เลย ยากครับที่จะเกิดขึ้น ผมอยากทราบครับว่ากรรมสิทธิ์เป็นของใคร ถ้าคุณคิดจะลงชื่อกู้ร่วม ผมว่าคุณก็ควรมีสิทธิในตัวบ้านด้วยด้วยความที่คุณได้แปรสภาพตัวเองเป็นลูกหนี้ด้วย เวลาแบงค์มาตาม เขาไม่ตามแค่สามคนพี่น้อง เขาตามกันทั้งหมดที่ลงชื่อในสัญญานั่นละครับ แต่แน่นอนว่าถ้ามีชื่อมีสิทธิคุณก็ต้องหารด้วยส่วนหนึ่ง เรื่องแบบนี่คงต้องคุยกับแฟนคุณในเรื่องความไม่สบายใจตรงนี้จะดีกว่าครับ จากคุณ : Naicollo - [ 20 ม.ค. 52 11:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ให้จำไว้เสมอว่า "เงินไม่เข้าใครออกใคร" ครับ จากคุณ : LekStudio - [ 20 ม.ค. 52 11:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 บ้านหลังนี้  หลังแต่งงาน คุณอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่  ก็ไม่ควรค่ะ เผื่ออนาคตต้องการซื้อบ้านของตัวเอง มันจะกู้ไม่ผ่านค่ะ เพราะติดภาระบ้านหลังนี้อยู่  ธนาคารไม่ฟังหรอกค่ะว่ากู้แต่ชื่อ ทางบ้านแฟนผ่อน เค้าจะเอาหนี้ที่อยู่ในระบบทั้งหมดของคุณมาคำนวน แต่ถ้าหลังแต่งต้องอยู่บ้านหลังนี้ด้วย  จะกู้ร่วมไปเถอะ  เพราะถ้าปฏิเสธไป แต่ท้ายสุดต้องมาอยู่ชายคาเดียวกัน  มันกระอักกระอ่วน จากคุณ : มังกรเผือก - [ 20 ม.ค. 52 11:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นหลายรายแล้วครับที่เอาเงินมายุ่งกับชีวิตคู่ สุดท้ายเลิกกันไปหลายรายเพราะเรื่องผิดใจกัน แนะนำว่าถ้ายังไม่ได้แต่งงานกัน อย่าไปสร้างหนี้สินด้วยกันเลยครับ สมมุตว่าอนาคตเกิดมีปัญหาบางประการ บุคคลในรายชื่อไม่สามารถส่งเงินได้ คุณเองต้องมารับผิดชอบด้วย ทั้งๆที่อาจจะเป็นปัญหาของครอบครัวแฟนคุณ ไม่ใช่ปัญหาของคุณ ซึ่ง ครอบครัวคุณเองก็คงไม่ happy กับเรื่องนี้ แต่แฟนคุณอาจจะน้อยใจใช่ไหมครับ ผมคิดทางแก้ไว้ให้ คุณอาจจะอ้างกับแฟนคุณว่า "พ่อไม่เห็นด้วยให้เอาชื่อคุณมายื่นขอกู้ร่วมด้วย เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าอนาคตมีปัญหาจะลำบาก" แฟนคุณคงเกรงใจว่าที่พ่อตาพอสมควรถ้าคุณอ้างแบบนี้ใช่ไหมครับ แต่ถ้าแฟนคุณยังดื้อดึง อันนี้ต้องมาคิดแล้วละครับว่าจริงๆมันเป็นปัญหาของใคร จากคุณ : kennyG - [ 20 ม.ค. 52 11:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 . แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 52 16:02:55 จากคุณ : ink/smart_girl_club@settrade (อิ๋ง ณ มอ.) - [ 20 ม.ค. 52 11:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 48 1.สามคนยื่นกู้ ลองให้แบงค์คำนวนให้ค่ะ....หรือจะเข้าไปที่ http://www.bangkokbank.com/Bangkok+Bank+Thai/Personal+Banking/Loans/Home+Loans/Loan+Calculator.htm 2.ถ้ากู้ไม่ผ่าน เราจะช่วยให้ยืมชื่อด้วยดีไหม ข้อนี้ เคยมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่า เป็นข้าราชการ อย่าไปค้ำประกัน หรือกู้ร่วมกับใคร (แม้แต่คนในครอบครัว) เค้าบอกว่า ถ้าพอมีเงินช่วย ก็ช่วยเป็นตัวเงินเลยดีกว่า ถ้าสูญเงิน อย่างน้อยก็แค่ก้อนที่เสียไป แต่ถ้าค้ำให้...เป็นหนี้หัวโตนะค่ะ.... ข้อสาม no comment ค่ะ จากคุณ : Genie Neung - [ 20 ม.ค. 52 11:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แค่คำว่า  ราชการ 1 ปี รายได้ 50000 บาท/เดือน นี่ฟังดูไม่ชอบมาพากลด้วยประการทั้งปวงแล้ว   ควรจะเคลียร์ให้คนอ่านทราบด้วยนะ จากคุณ : Duo-Core - [ 20 ม.ค. 52 12:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ถามไปว่า "แล้วเราจะอยู่กันที่ไหน??? ขอให้เราปลอดเครดิตเถอะนะ จะได้มีตังค์ซื้อบ้านของเรา" จากคุณ : Lastminute Girl - [ 20 ม.ค. 52 12:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอตอบข้อ2. ค่ะ เพื่อนเรามีแฟนรักกันมาก คิดว่าไม่สามารถแยกกันได้ เลยมาซื้อบ้านด้วยกัน(ประมาณ3-4ล้าน) เพื่อนหญิงก้อขอเงินพ่อแม่มาดาวน์บ้าน..ไม่สนใจคำเตือนจากใคร จนอยู่ด้วยกัน(ยังไม่แต่งงาน) 2 ปี แล้วมีปัญหาเรื่องเงิน..สุดท้ายก้อเลิกกัน..แต่บ้านนั้น..ตอนนีั้ยังขายไม่ได้ แล้วต่างคนต่างต้องผ่อน และไม่มีทางไป...ตอนนี้เลิกกัน ไม่คุยกัน แต่ต้องทนอยู่บ้านเดียวกัน..ซ้ำใจจนถึงวันนี้..จนวันนี้ก้อ2ปีกว่าหลังจากเลิกกัน รอวันที่บ้านขายได้อย่างเดียว..ตัวเพื่อนหญิงเองก้ออยากหนี..แต่ผู้ชายไม่ยอม..บอกว่าต้องเป็นหนี้ร่วมกันก่อน..ถ้าอยากไปก้อขายรถ..หรือหาเงินมาปิดบ้านก่อน เพราะเค้าเองก้อผ่อนคนเดียวไม่ไหว... ขนาดมีชื่อร่วมอยู่ด้วย..ยังแก้ปัญหายาก..แม้ว่าจะได้อยู่ในบ้านหลังนั้น.. ความสุขไม่มี..ต้องทนทุกข์อยู่ทุกวัน.. มีคำถาม... 1.ทำไม3พี่น้องไม่รู้จักประมาณตัวเอง...บ้านที่ต่ำกว่า7ล้านตั้งเยอะตั้งแยะ 2.แฟนคุณเองไม่คิดเรื่องอนาคตของตัวเองบ้างเลยหรือ หรือกะว่าซื้อบ้านแล้วแต่งมาอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่..เราว่าบ้าน 7 ล้านจะมีห้องซักกี่ห้อง..3คน 3ครอบครัว พ่อแม่อีก1  แล้วลูกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก..แค่คิดก้อปวดหัว ..ครอบครัวใหญ่มีเรื่องมากมาย..วันที่จะแยกตัวไป จะเอาเงิน เอาเครดิตซื้อบ้านจากไหน... 3.การดึงภาระครอบครัว..มาให้ฝ่ายหญิง..ไม่แมนเลย...แถมยังไม่แต่งด้วยซ้ำ.. คิดว่าอ้างว่าพ่อแม่ไม่เห็นด้วยดีกว่า.. 4.ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องการซื้อบ้าน..หากเรามีเงินดาวน์เยอะก็จริง..แต่ภาระการผ่อนบ้าน..ราคา7ล้าน (5หมื่นup) แล้วรายได้ ความไม่แน่นอนในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้..แม้จะกู้บ้านผ่าน..แต่ก็น่ากังวลไม่น้อย..บ้านหลังเดิมอยู่แล้วไม่มีความสุขหรือค่ะ..ถึงต้องซื้อบ้านใหม่และหลังใหญ่..อยากให้พ่อแม่สบาย..ก้ออยู่หลังเล็กได้..ถ้าจะซื้อหลังใหญ่เพื่อยกน้ำชา..หรือจัดงานหมั้น..ขอแนะนำค่ะ..โรงแรมสมัยนี้เค้าก็รับจัด..ได้สวยงามแถมไม่เหนื่อยอีก.. เหตุผลในการซื้อบ้านราคา 7 ล้าน..ฟังไม่ขึ้นเลย.. จากคุณ : เป็นห่วง (Hideako1) - [ 20 ม.ค. 52 12:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 .....ของแบบนี้ระวังนะครับ.....ชื่อ เค้าเราจ่าย  เวลาเลิกกันบ้านเค้าเราใคร?...ทะเบียนไม่จด .....รับแต่หนี้ไม่รับบ้านเหรอครับดีจัง.....ตอนนี้ดีกันคบกันใหม่ๆมองโลกเป็นสีชมพู เวลามีปัญหา แคสนี้คุณอ่วมนะครับ....มองไกลๆอย่าลุ้นแค่ช่วยให้เค้าผ่านไม่ผ่าน .....เค้านะผ่านตั้งแต่คุณยอมเป็นหนี้แทนแล้วครับ แต่คุณนะติด......ถ้าทำใจเรื่องที่จะตามมาได้ก็  ได้เลยครับ..... จากคุณ : thebeatle - [ 20 ม.ค. 52 12:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่รู้จะตอบยังไง เอาใจช่วย เพราะมันเป็นเรื่องของครอบครัว ได้อย่างจะเสียอย่าง ยากที่จะได้ ทั้งคู่ ^_^ จากคุณ : apiwatt - [ 20 ม.ค. 52 12:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่แนะนำให้ยอมกู้ร่วมโดยไม่มีกรรมสิทธิร่วมในทรัพย์สิน หรือโดยที่ยังไม่ได้ตกลงใจแต่งงานและจดทะเบียนเป็นทางการ ยิ่งบอกว่าคบมาแปดปีแล้ว ถ้าจริงใจต่อกัน น่าจะคุยกันได้ และคำว่าแปดปี ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่า อนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง(อาจจะคบกันยืดหรือไม่ยืด มันตอบอะไรไม่ได้ค่ะ) ถ้าจะกังวลว่า ถ้าเราไม่ยอมช่วยเหลือเขา เขาจะโกรธ ก็ให้มองในมุมกลับกัน ว่าทำไมเขาคิดประหลาดๆไม่ยอมเข้าใจ ถ้าเขารักและหวังดีโดยบริสุทธิใจ ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธ เอาง่ายๆ ถ้าเพื่อนมายืมเงินเรา เราไม่ให้ แล้วเพื่อนโกรธเลิกคบเรา ....เพื่อนคนนั้นประหลาด ....ไม่ควรคบเป็นเพื่อนค่ะ อย่าว่าแต่เพื่อนหรือแฟนกันเลย เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าคิดแต่มุมได้ของฝ่ายตัวเองฝ่ายเดียว โดยไม่มองมุมเสียของอีกฝ่าย คนแบบนี้ เราก็ควรต้องระงับยับยั้งชั่งใจให้ดีๆเวลาจะคบหาด้วยค่ะ เบื้องต้นที่บอกปฏิเสธ เขาอาจจะมีอารมณ์โกรธด้วยความสับสนพาไปชั่วขณะได้ เบื้องต้น คนมักชอบมองแต่มุมได้ของฝ่ายตัวก่อน เป็นเรื่องปกติ ค่อยๆอธิบายเหตุผล บอกไปตรงๆ ไม่ต้องบิดเบือนมากนักว่ารู้สึกอย่างไร คนคบกันมาขนาดแปดปี ถ้าเขาไม่พยายามเห็นใจเราบ้าง จะเอาแต่ให้เราเห็นใจเขาฝ่ายเดียว ก็...อันตรายมากทีเดียวค่ะ -..- จากคุณ : 007-s - [ 20 ม.ค. 52 12:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ฟันธง  ไม่ควร  เหตุผลมากมาย จากคุณ : klangdad - [ 20 ม.ค. 52 13:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 1. ควรดูบ้านซักประมาณไม่เกิน 5 ล้าน แค่นี้ก็หืดขึ้นคอแล้วครับกับการกู้ 2. พี่ชายกับน้องชายควรรอจนผ่อนรถหมดก่อนค่อยซื้อ 3. คุณช่วยได้มากที่สุดคือการช่วยเอาเงินไปปิดค่าผ่อนรถของแฟนคุณ จะทำให้เค้ามีวงเงินในการกู้มากขึ้น แล้วให้เค้ามาผ่อนคืนคุณ 4. อีกวิธีนึงก็คือขายสินทรัพย์บางส่วนของที่บ้านแฟน เอามาเป็นเงินดาว์น แล้วกู้ให้ไม่เกิน 5 ล้านบาท 5. อีกวิธีนึงก็คือการรื้อบ้านเก่า แล้วสร้างบ้านใหม่ครับ ครอบครัวผมก็ใช้วิธีนี้ 4-5 ล้าน ได้หลังค่อนข้างใหญ่เลยครับ ของครอบครัวแฟนคุณอาจจะสร้าง 4 ชั้น ให้ลูกๆคนละชั้นไปเลย ส่วนพ่อแม่อีกหน่อยพอเดินไม่ไหวก็ต้องลงมานอนข้างล่าง 6. หนึ่งเสียงกับการไม่ลงชื่อกู้ร่วมครับ ควรเก็บวงเงินของคุณเองไปซื้อเรือนหอดีกว่า การต้องกู้เงินซื้อเรือนหอเองคนเดียว โดยไม่สามารถใช้วงเงินกู้ของแฟนเลย นับว่าคุณให้เค้ามากแล้วนะครับ การซื้อบ้าน 7 ล้านมันไม่ได้ซื้อแล้วจบอยู่แค่นั้น ไหนจะค่าตกแต่ง ต่อเติม build in เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มุ้งลวด เหล็กดัด สัญญาณกันขโมย แทงค์น้ำ ปั้มน้ำ ชุดครัว และอื่นๆอีกสารพัด อีกประมาณ 1 ล้านบาทครับ จากคุณ : s7014249 - [ 20 ม.ค. 52 13:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นกระทู้ที่ผมให้ give เยอะมาก กับผู้ตอบหลายๆ คน ... ประสบการณ์บางอย่าง เป็นความลับ แต่ยอมนำมาเปิดเผยเพื่อเตือน จขกท. ... ผมเชื่อว่าหลายๆ คนไม่อยากให้ จขกท. มีความทุกข์นะครับ ขออนุญาตตอบเป็นครั้งที่สอง เรื่องกตัญญู ทำได้ในขอบเขตที่กำลังมี (ซื้อบ้านโดยเงินเดือนขนาดนี้ ถือว่ากำลังไม่พอครับ ฟันธง!!!) ... เรื่องบ้านให้พ่อแม่อยู่ ผมย้ำจริงๆ เพราะผมมีกำลังที่จะซื้อบ้านราคา 6-7 ล้าน ในกทม. ให้พ่อแม่มาอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ท่านยังไม่มาเลย ... ท่านอยากอยู่บ้าน ตจว. ราคาประเมินที่ 3 แสนบาท ให้ปิดทิ้งไว้ก็ไม่ยอม สมบัติก็ไม่มีอะไรมาก แล้วแฟนคุณอยากได้อะไร ถึงเอากตัญญูแบบเกินกำลังมาอ้าง (ขออภัยที่คอมเม้นแรงนะครับ) ..... ..... ต้องลองคุยกันแล้วครับ เรื่องใหญ่นะ เรื่องทะเลาะกันไม่ต้องกลัว แต่งงานกันทะเลาะกันแรงกว่านี้ มีเรื่องใหญ่กว่านี้รออยู่อีกเยอะ ... หากแค่นี้คุยกันไม่ได้ เรื่องแต่งงานก็ต้องคิดหนักๆ แล้วนะครับ จากคุณ : KENG76 - [ 20 ม.ค. 52 13:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาดูอีกรอบกลายเป็นกระทู้แนะนำซ่ะแล้ว แสดงถึงว่าชาวสินธรเป็นห่วงคุณจากใจจริงครับ.. จากคุณ : Pogio - [ 20 ม.ค. 52 14:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่แนะนำให้ไปกู้ร่วมครับ แฟนคุณอ่านความคิดเห็นคุณแล้วน่าจะเข้าใจ แฟนคงไม่ไปบังคับคุณหรอก... จากคุณ : c-sar-salad - [ 20 ม.ค. 52 14:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ ซื้อบ้านหลังละหลายล้านบาท ติดหนี้อีกสามสิบปี ต้องคิดดีๆ ทำอะไรให้รอบคอบ เอาเหตุผลเป็นหลัก ห้ามเอาอารมณ์มาตัดสิน เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้น แก้ลำบากครับ   ถ้าคุณจะร่วมกู้ด้วย คุณจะต้องมีชื่อร่วมเป็นเจ้าของบ้านด้วย ถึงงั้นก็เถอะ อย่าหาเหาใส่หัวดีกว่า  ถ้าผ่อนกันไม่ไหว ลำบากแน่ครับ จากคุณ : Freedom and Justice - [ 20 ม.ค. 52 14:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อยากให้กลับมาถามคำถามนี้อีกครั้ง...ตอนแต่งงานไปแล้วสัก 2 ปีจังเลย.. จากคุณ : ร่วมแจม (nongaoo) - [ 20 ม.ค. 52 14:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วทำไมต้องเป็นคุณล่ะคะ แฟนของพี่น้องเค้า ไม่เห็นมีใครมากู้ร่วมเลย จากคุณ : i-Sea - [ 20 ม.ค. 52 14:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 1. ถ้าพี่น้อง 3 คนที่มีเงินเดือนสงพอใช้ได้ ไม่สามารถก็ได้ แสดงว่า ธนาคารได้ตรวจดูแล้ว พวกเค้าอาจไม่มีความสามารถในการผ่อนบ้านราคาขนาดนั้น  ถ้าคุณไปกู้ร่วม แล้วจะทำให้เค้ามีความสามารถมากขึ้นหรือเปล่า 2. ถ้าคุณคุยกับแฟนแล้วปฏิเสธ  จนจบลงที่เลิกกัน นั่นน่าจะเป็นโชคดีของคุณแล้ว แสดงว่าแฟนคุณเห็นแก่ตัวมากเลย อายกให้คุณเป็นหนี้ร่วม พอปฏิเสธกลับโกรธ เอาไปนั่งคิดดู 3. กู้ร่วม เดือนที่แล้ว น้องที่รู้จัดทำกู้ร่วมกับแฟน ต้องโกหกว่าเป็นภรรยาแต่ยังไม่จดทะเบียนนะ เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย  ไม่งั้นกู้ร่วมไม่ได้ 4. ถ้าเค้าให้คุณค้ำประกัน ขอร้องอย่าเลยนะ หนักกว่ากู้ร่วมอีก ถ้ามีปัญหา ธนาคารชอบทวงที่ผู้ค้ำก่อน เพราะส่วนใหญ่จะหน้าบางกว่า ขอให้คุณสามารถคุยกับแฟนและเค้าเข้าใจได้  แต่ย้ำ อย่ากู้เลย เราไม่รู้อนาคตจริง ๆ  แต่งงานกันมาก 15 ปี มีลูกแล้ว ยังเลิกได้เลย จากคุณ : จุก (khunnawat) - [ 20 ม.ค. 52 15:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้ากลัวไม่ผ่านก็ลดขนาดบ้านลงหน่อยก็ได้นี่นา อย่าให้มันเวอร์นักก็ได้ แล้วสร้างหนี้ไว้แล้วสามคนถ้าแต่งงานไปจะอยู่ทีนี่หรือที่ไหน ถ้าจะซื้อบ้านใหม่อีกคนละหลังมันจะลำบากนะ จากคุณ : ไม่ได้โม้ - [ 20 ม.ค. 52 16:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ควรหาบ้านประมาณ 3 ล้านกว่าๆ นะครับ เพราะ 7 ล้านแพงไป ควรใจเย็นๆหาครับ   สำหรับตัวผมค่อนข้างหัวเก่า ถ้าไม่พร้อมที่จะซื้อสินทรัพย์ใหญ่ๆขนาดนั้น แต่ก้อไม่ลำบากในการอาศัยอยู่บ้านเก่า(ครอบครัวแฟนคุณก้อมีที่อยู่อาศัยไม่ขาดแคลนนิครับ: ถ้าต้องการสถานที่ยกน้ำชาหรูๆ ไปเช่าห้องตามโรงแรมห้าดาวเลย สะดวกสบายกว่าเยอะ จ่ายตังค์ครั้งเดียวจบ สามสี่หมื่นก้อจบในวันเดียว....ผมว่าเหตุผลที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อเป็นสถานที่ยกน้ำชานั้นฟังไม่ขึ้นครับ) แล้วซื้อให้พ่อแม่อยู่ต่างหากทำไม ในเมื่อพวกลูกๆก้อตั้งใจจะแต่งงานแล้ว แยกย้ายกันไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ฟันธงครับ......ห้ามกู้ร่วม จากคุณ : view2306 - [ 20 ม.ค. 52 16:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เกมส์นี้วัดใจ...มีแต่คนเสีย ไม่มีใครได้เลย จากคุณ : SSERIES001 - [ 20 ม.ค. 52 17:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่เหมาะแน่ๆครับ ไม่ควรกู้ร่วม ส่วนเหตุผลนี่ผมคงมาช้าไป มือโปรหลายๆคนอธิบายหมดไส้หมดพุงไปแล้ว (- -) จากคุณ : @scholly@ - [ 20 ม.ค. 52 17:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบในฐานะคนแต่งงาน (มาจะ ๒๐ แล้ว) ถึงจะแต่งงานแล้ว ก็ "ห้ามกู้ร่วม" ค่ะ เพราะ ไม่เห็นผลดีใดๆ จะตามมาเลย  ปัญหาอยู่ข้างหน้าเห็นๆ มองอย่างดีสุดว่า พี่น้องพ่อแม่แฟนคุณ อาจจะปลื้ม (ที่คุณมีน้ำใจ) และ สักวัน อาจจะมีการพลั้งปาก ว่าคุณน้ำใจดีกว่า สะใภ้คนอื่น น่าน...เป็นการสร้างศัตรูให้คุณแล้ว และ เรื่องนี้ พ่อแม่พี่น้องที่บ้านคุณคิดอย่างไรคะ ถ้าเป็นคุณ  คุณกล้าขอแฟนให้ กู้ร่วม มั้ยคะ (เอาทุกอย่างมาตรฐานเดียว  เดี๋ยวก็ได้คำตอบที่เป็นเหตุผล มากกว่าความรู้สึกออกมาค่ะ) เอาใจช่วยให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ จากคุณ : ต้นจั่น - [ 20 ม.ค. 52 17:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แวะเข้ามาดูอีกที กลายเป็นกระทู้แนะนำไปแล้ว จขกท. คงตัดสินใจได้แล้วมั้งค่ะ มีหลายแนวทางเลย   อ่านแล้วพลอยได้แนวทางเอาไปแนะนำคนอื่นต่ออีก...อิอิ โชคดีนะค่ะ....ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ จากคุณ : Genie Neung - [ 20 ม.ค. 52 18:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นด้วยกับ ความเห็นส่วนใหญ่ด้านบนค่ะ ว่าไม่ควรกู้ร่วม และควรจะซื้อบ้านที่ราคาถูกกว่านี้  เพื่อนเราคบกัน 13 ปี แต่งงานกันได้ 2 ปี เลิกกันไปแล้วค่ะ  แต่โชคดีที่บ้านที่พวกเขาซื้อผู้ชายออกคนเดียว  เพื่อนเราก็แค่ย้ายไปอยู่บ้านเดิม  ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้หรอกค่ะ จากคุณ : Patella - [ 20 ม.ค. 52 18:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 71 7 ล้านอาจจะดูเกินตัวไปหน่อยนะครับ ตามหลายความเห็น ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย แต่ของแบบนี้ไม่เจอเองมันไม่รู้สึกส์ใช่ไหมครับ ^^ จากคุณ : kennyG - [ 20 ม.ค. 52 18:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ต่อให้เค้าเป็นสามีคุณตามกฎหมายแล้วก็เถอะ เค้าควรจะกันคุณออกจากการกู้ครั้งนี้ ซะด้วยซ้ำ ก็เค้ามีกันสามคนพี่น้อง   นอกจากคุณมีโครงการ จะไปอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนั้น จากจุดยืนของคุณ พูดได้คำเดียวค่ะ .... อย่า .... ม่ใช่ หย่า นะคะ เพราะคบกันมาตั้งแปดปี .... คุณย่อมรู้จักเค้าดีกว่า คนในเวบนี้ จากคุณ : nijja - [ 20 ม.ค. 52 19:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รับราชการกะทรวงไหนคะ เงินเดือนดีจัง ทำงานปีเดียว ได้ตั้ง 50000 จะได้เชียร์ลูกไปรับราชการมั่ง..เป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยรัฐ ได้ถึง 50000 มั้ยนะคะ...ลูกจะได้ผ่อนบ้านบ้าง... เข้าเรื่อง..เข้าเรื่อง..ก็เห็นด้วยกับหลายๆคนนะคะ ว่า"ห้ามกู้ร่วม"ค่ะ คนรักกันวันนี้ ก็เลิกรักกันได้ค่ะในพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ตอนรักกันพี่ว่าอะไร น้องยอม น้องเห็นด้วยหมด ไม่มีตา มีสมองคิดหรอกค่ะ แฟนคุณคิดได้ไงคะ มาขอให้คุณกู้ร่วม..ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย เอาใจช่วย..แล้วคุณพ่อคุณแม่คุณ ท่านให้คำแนะนำว่าไงคะ จากคุณ : ทัดชา - [ 20 ม.ค. 52 19:21:15 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าผู้ชายรักคุณจริง ต้องไม่ขอให้คุณทำแบบนี้นะคะ ผู้ชายควรเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องเลี้ยงดูเราได้ อีกอย่างบ้านก็เป็นของครอบครัวเค้า ของพ่อ-แม่ น้องๆ เค้า  ซึ่งตอนนี้คุณยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวด้วยซ้ำ ถือโอกาสนี้พิสูจน์รักกันไปเลย ว่าถ้าคุณไม่ยอมกู้ร่วม เค้าและครอบครัวจะรับคุณหรือเปล่า (อาจจะโหดไปหน่อย แต่ดีกว่าเสียใจภายหลังนะ) ปัญหาการกู้ร่วมมันไม่จบในระยะสั้น แล้วบ้านก็ราคาค่อนข้างสูงมาก ถ้าคิดจะเป็นหนี้ เราควรที่จะยินดีเป็นหนี้ของเราเองนะคะ ถ้าคุณกับแฟน จะซื้อเป็นเรือนหอกันเพื่อสร้างครอบครัวกันใหม่เอง อย่างนี้ถึงควรกู้ร่วม เศรษฐกิจแบบนี้ พยายามอยู่อย่างพอเพียงน่าจะดีกว่า สุดท้าย ที่บ้านพ่อเราเคยเดือดร้อนจากการค้ำประกันมาแล้ว สั่งลูกทุกคน ห้ามไปค้ำเด็ดขาด (อาจจะไม่ตรงกับกู้ร่วม แต่เป็นหนี้เหมือนกัน) ถ้าจะช่วย ก็ให้ช่วยเป็นเงินสดไปเลย อย่าไปทำสัญญาเรื่องค้ำอย่างเด็ดขาด จากคุณ : ยุ้ย (yuisan) - [ 20 ม.ค. 52 20:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รายได้ 50000 อายุงานราชการ 1 ปี อันนี้ไม่แปลกใจ เคยเห็นบางวิชาชีพ แต่ถ้าเพิ่งเรียนจบและเริ่มบรรจุทำงาน อย่าเพิ่งให้แฟนยืมชื่อกู้เลยค่ะ อนาคต และระยะเวลาอีกยาวไกล พ่อ แม่ แฟน พี่น้องแฟน แฟนพี่น้อง สารพันปัญหา คงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความจำเป็นของแฟน กับความสี่ยงที่คุณต้องรับล่ะค่ะ จากคุณ : aomk - [ 20 ม.ค. 52 21:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อย่ากู้ร่วมครับ ผมขนาดพี่น้องแท้ๆ คลานตามกันมา มาผิดใจกันก็เรื่องเงินๆทองๆนี่แหละ นี่แค่แฟน (ถึงแม้จะคบกันมานานแค่ไหน) อีกอย่าง ราคาบ้านแพงไปครับ ถามดูว่ามีเงินดาวท์เท่าไร ถ้าไม่ถึง 30% ก็เลิกคุย 7 ล้านแพงไปครับ ระวังนะครับ นกน้อยควรทำรังแต่พอตัว จากคุณ : superman2007 - [ 20 ม.ค. 52 21:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถามพ่อแม่ท่านหรือยัง ว่าความสุขของท่านคือได้อยู่บ้านใหญ่โตราคา 7 ล้าน จากคุณ : คาปูชิโน่เย็น - [ 20 ม.ค. 52 21:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามาอีกที   ขอแนะนำเพิ่มเติมนะคะ  ถ้า จขกท ตัดสินใจว่าไม่อยากกู้ร่วม  แต่ไม่รู้จะพูดกับแฟนยังไง ก็ลองบอกว่า "เรื่องบ้านเห็นด้วย แต่ว่าลองดูปีนี้ก่อนไหม เห็นว่า บ้านจะลดราคาเยอะมาก ลองหาบ้านหลังที่ทำเลดีๆ ให้พ่อแม่+ปรึกษาท่านด้วยว่าอยู่ตรงไหนดี"  แล้วค่อยๆหาบ้านหลังที่ไม่ต้องพึ่งกำลังเราอ่ะคะ  อีกอย่างจะได้ดู พี่น้อง พ่อแม่ แฟนให้ชัดๆ อีกรอบ ค่อยตัดสินใจ  ไม่ก็อ้าง พ่อแม่เราก็ได้ หาผู้ใหญ่มาคุยแทน แล้วบอกว่าเราเกรงใจผู้ใหญ่ อะไรแบบนี้อ่ะคะ แต่ส่วนตัวว่าไม่ไหวนะคะ.......สร้างบ้านหรูเพื่อเอาไว้รับน้ำชาตอนแต่ง   อะไรจะเอาหน้าตาเกินตัวขนาดนั้น(หมายถึง บ้านแฟนคุณนะคะ)  น่าจะพอเหมาะๆดีกว่า จากคุณ : กันดัมจัง - [ 20 ม.ค. 52 22:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ดีที่สุด ..... คือ  เลิกรักผู้ชายคนนี้   เพราะเขาไม่มีความหวังดีใดๆกับคุณ ดูได้จากความเห็นแก่ตัวในการขอให้คุณช่วยร่วมลงชื่อกู้ซื้อบ้านราคาแพงให้พ่อแม่เค้า ถ้าคุณ  .....  ขอให้แฟนช่วยลงชื่อกู้ซื้อบ้านราคา 7 ล้านให้พ่อแม่คุณ คุณคิดว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร เป็นข้าราชการ มา 1 ปี ..... เงินเดือน   5  หมื่น คุณคงจบระดับปริญญาเอก   ก็ขอให้   ....  มีสติ   รอบคอบ   อย่าให้  ความรัก  ความหลง  มาบังตา ไม่มีผู้ชายคนนี้ ...... ก็ยังมีผู้ชายคนอื่นมากมาย   ที่สนใจผู้หญิงเก่งอย่างคุณจขกท.นะ                                                                                                                                                                                                                       จากคุณ : CROY - [ 20 ม.ค. 52 22:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คิดว่าเจ้าของกระทู้คงพอได้คำตอบแล้วนะคะ ปล. ตำแหน่งผู้พิพากษาก็ได้ห้าหมื่นค่ะ ^ ^ จากคุณ : TulipOnLine - [ 20 ม.ค. 52 22:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เป็นเพียงแค่ะแฟนเท่านั้น นับเป็นการเริ่มต้น จะอยู่หรือไปยังไม่รู้อนาคต ใจคนร้อยเปลี่ยนพันแปลง ถ้าแต่งงานกันแล้วก็ว่าไปอย่าง  จะอย่างไรก็ถือเป็นสินสมรสไม่ว่าเขาจะซื้อบ้านเพื่อให้ให้พ่อแม่เขาก็ตาม เพราะเรามีส่วนกู้หนี้ยืมสินมาผ่อนร่วมกัน จะอย่างไรคุณและแฟนก็ย่อมมีชื่ออยู่ร่วมในโฉนดบ้านเพราะร่วมกันผ่อนกับพี่ๆเขาด้วย แต่นี่อ่านดูแล้วแปลกๆ เหมือนลองใจ ทั้งๆที่ไม่สมควรใช้วิธีนี้ ทุกอย่างที่เล่ามา เป็นเรื่องของพี่น้องครอบครัวเค๊า ไม่เกียวกับคุณเลยสักนิด ถ้าซื้อบ้านของคุณและแฟนเป็นเรือนหอก็ยังโอเคพอฟังขึ้น อย่างนี้เราสามารถแก้ตัวได้ ว่าเป็นเรื่องของครอบครัวเขาระหว่างพี่น้องต้องคุยกันเอง บอกปัดได้ จะได้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ว่าความจริงใจนั้นเป็นของใครกันแน่ที่ออกมาในรูปแบบนี้ อย่าไว้วางใจทาง อย่าวางใจคน(แฟน) แต่งกันแล้วยังนอกใจได้ แค่แฟนน่ะ ยังมีอะไรอีกเยอะที่จะผุดให้เห็น กว่าจะแน่ใจถึงขั้นเข้าวิวาห์กันได้ ทุกคู่ล้วนต้องผ่านอุปสรรค ผ่านการลองใจเป็นปีๆเลยล่ะ อย่ามีพันธะหนี้สินร่วมกันก่อนแต่ง คนอ่อนแอกว่า จะเป็นผู้ชดใช้แทนเมื่ออีกฝ่ายหนี เกิดขึ้นได้ทั้งก่อนแต่งและหลังแต่ง รู้ตอนนี้ ดีกว่า เสียรู้ทีหลังนะคะ ถ้าไม่พอใจก็แปลว่าเขาไม่ได้รักคุณเลยแม้แต่น้อย แค่คิด...ก็..ยังไม่น่าเลยด้วยซ้ำ แต่นี่พูดและเอ่ยมาได้ สุดยอดจริงๆ เป็นดิฉันขอบายดีกว่า แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 22:52:57 จากคุณ : สุเกียง - [ 20 ม.ค. 52 22:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 กลายเป็นกระทู้แนะนำไปแล้ว ...ไม่น่าเชื่อ... อย่างที่มีคนอ่านใจเราไว้ ว่าเรามีจุดยืนของเราอยู่แล้ว..ใช่ค่ะ แต่ที่ตัดสินใจเข้ามาโพสท์ แค่อยากเข้ามาหามุมมองใหม่ๆเท่านั้น อืม... ประทับใจในหลายๆความเห็น ซึ่งทำให้ได้มุมมอง ซึ่งบางทีก็นึกไม่ถึง และทำให้ได้รู้จัก พี่ๆ แต่ละคนมากขึ้น ในหลายแง่มุม.. ตอนจบของเรื่องนี้ขออนุญาตไม่เฉลยนะคะ และขออนุญาตปิดกระทู้ (ปิดยังไงล่ะเนี่ย?) ขอบคุณทุกๆความเห็นอีกครั้งค่ะ ปล. แฟนเรา เค้าเป็นคนน่ารักคนนึงค่ะ ไม่ได้เห็นแก่ตัว หรือนิสัยแย่อย่างที่หลายๆคนคิด สบายใจได้ จากคุณ : เสียงดัง ฟังชัด - [ 20 ม.ค. 52 23:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แหม ปิดกระทู้ซะแล้ว ถ้า จขกท เป็นหมอ ก็ง่ายเลยครับ เพราะเงินเดือนคุณไม่พอครับ ค่าตอบแทนอื่นเค้านับให้น้อยมาก จากคุณ : หนมโมจิ - [ 20 ม.ค. 52 23:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ..เข้ามาอ่าน ก็ดีใจที่ได้อ่าน.. **ปล. แฟนเรา เค้าเป็นคนน่ารักคนนึงค่ะ ไม่ได้เห็นแก่ตัว หรือนิสัยแย่อย่างที่หลายๆคนคิด สบายใจได้ ..** ก็ขอให้เขาเป็นคนดีและรักคุณจริงๆนะคะ อ่านแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้เท่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง อย่าละเลย มองข้ามสิ่งที่เพื่อนๆได้แสดงความคิดมาหลายๆมุมมอง บางครั้ง...การขอคิดดูก่อน จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ก่อนการตัดสินใจช่วยเพราะรักและกลัวเขาจะเสียใจนะคะ ความรัก บางครั้งก็ทำให้เราลืม.. มอง..และ..ข้าม..ใน..สิ่งที่เรามองไม่เห็น.. อีก..หลายๆมุมมองที่เราลืมคิด...เพราะยังใหม่กับการได้รู้จักความทุกข์ที่ได้จากความรักนั้น.. บางครั้งน่ากลัวกว่าภัยรอบตัวซะอีก กาลเวลาเปลี่ยน  คนเปลี่ยน ...กว่าจะเป็นคู่แท้ที่จริงใจต่อกันได้ เวลาเท่านั้นที่พิสูจน์ ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ได้คู่ครองที่ดี รักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ระแวงต่อกัน คิดว่าเขาดี ก็จงสบายใจ เชื่อใจกันและกันก็จะไม่มีปัญหา แต่ที่คุณตั้งกระทู้มา ก็แปลว่าคุณเองนั้นก็ไม่สบายใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เป็นธรรมดาของคนอ่านกระทู้ ทีพลอยเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกะคุณ ถ้าเป็นเรา ๆจะคิดอย่างนี้กะแฟน ว่าทำไม่ถูก ก็เลยได้คำตอบหลายๆมุมมองที่คุณถามมา เป็นคำตอบที่ต่างคนต่างตอบนับว่าเป็นกระทู้ที่ให้ความอบอุ่นในการตอบปัญหาคาใจ สังคมเราอยู่กันได้ทุกวันนี้เพราะ น้ำใจ แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ก็อยากช่วยคลายความทุกข์ให้อีกฝ่าย บทเรียนและประสบการณ์ ทุกๆคนย่อมมี เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา พอประสบย่อมพร้อมใจหยิบยื่นสิ่งดีๆให้ หวังว่าคุณเจ้าของกระทู้จะมีความสบายใจมากขึ้นแล้ว เพราะ.. ตอนนี้คำตอบในใจคลายแล้ว มีความเชื่อมั่นในแฟนของคุณแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ระแวงในตัวเขาอีก ขอให้มีความรักที่มั่นคงสมหวังนะคะ ยินดีด้วยค่ะ จากคุณ : สุเกียง - [ 21 ม.ค. 52 00:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ ขอบคุณค่ะ ^^ จากคุณ : เสียงดัง ฟังชัด - [ 21 ม.ค. 52 00:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ไม่ทราบว่าจะยังเข้ามาอ่านอีกหรือเปล่า ผมว่าครอบครัวแฟนซื้อบ้านราคาสูงไปนิดนะครับ เทียบกับรายได้ของครอบครัว คนเราเดี๋ยวแต่งงาน มีครอบครัวของตัวเอง มีลูก ก็ต้องเก็บเงินไว้เผื่อค่าใช้จ่ายในอนาคต ถ้าไม่มีเงินเก็บ คู่สามีภรรยามักจะเดือดร้อนและมีเรื่องระหองระแหงกันได้ง่าย ยิ่งการผ่อนบ้านครั้งนี้ ต่อไปจะมีคนมาเกี่ยวด้วยถึง 4 คู่หรือ 8 คน ผมมองยังไงก็ไม่เห็นความสงบ ที่ว่ามาคุณคงแก้ไขอะไรไม่ได้ แค่อยากเตือนให้คุณกับแฟนระวังปัญหานี้ครับ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 21 ม.ค. 52 01:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ก็ต้องทำใจไว้บ้างนะครับ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ แล้วเราก็ต้องยินยอม เป็นหนี้ ในสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของแน่นอน อย่างฮา เอาเป็นว่าคุณส่งคนเดียวได้ไหมก็พอ เครดิตบูโร เข้าง่ายออกยาก ล้มละลายก็ทำงานไม่ได้ ปัญหาตามมาอีกมากมาย ผมนิยมชมชอบคนที่ safe ตัวเองไว้ก่อน จะหมดตัวเพื่อคนรัก ก็เฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขเท่านั้นพอ ดูตัวอย่าง ราหุลกุมาร ไปขอสมบัติจาก พระพุทธเจ้า ท่านได้ให้ธรรมอันประเสริฐ โดยการให้บวชจนบรรลุอรหันต์ในที่สุด ดูไปอาจไม่เกี่ยว แต่การแสวงหา ผลประโยชน์จาก คนรู้จัก ทำให้เราดูเห็นแก่ตัว แต่ก็ต้องดูด้วยว่าตนเองไหวไหม เช่น พรุ่งนี้ต้องออกจากงานเพราะป่วยนาน อุบัติเหตุ ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นถ้าจะทำ ก็ทำประกันไว้ให้หมด งานนี้ อีก 30 ปี หนี้หัวโตเลยนะ พ่อ แม่ พี่ น้อง คู่หมั้น เขาไม่ได้ช่วยได้ตลอดนะ แต่ถ้าโอนสมบัติ รับเงินประกัน ละก็รับมาได้แน่นอน จากคุณ : Ken - [ 21 ม.ค. 52 04:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เหมือนทุกๆเหตุผลที่ตอบมาครับ ไม่แนะนำให้กู้ร่วมครับ แรกรักก็ดีอยู่ ถ้าเกิดเหตุต้องเลิกแล้วล่ะก็ ..... เลยนะครับ เอาใจช่วยครับ จากคุณ : komy14 - [ 21 ม.ค. 52 05:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 89 แบบว่า...เข้ามาเห็นใจค่ะ อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี ขอให้ คุณ เสียงดัง ฟังชัด เจอทางออกที่เหมาะสม และดีกับทุกฝ่ายนะคะ จากคุณ : KCPT - [ 21 ม.ค. 52 08:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 90 กลับมาอีกรอบ ผมเองค่อนข้างเข้าใจที่บ้านแฟนคุณนะครับ เพราะพื้นฐานครอบครัวผมน่าจะใกล้ๆกัน บ้านเก่าของครอบครัวผมก็ 33-34 ปีเหมือนกัน ได้เวลาต้องทำอะไรซักที เพราะตัวบ้านมันโทรมเหลือหลาย พ่อแม่ก็แก่ตัวลง อยากให้ท่านได้อยู่สบาย ตอนแรกๆที่บ้านผมคิดกันก็เคยคิดจะดึงภรรยาผมเข้ามาร่วมลงขันด้วย (แต่งแล้วและที่บ้านผมยกพื้นที่ทั้งชั้นให้เป็นเรือนหอ) เพราะมันแค่ขั้นตอนการวางแผน ซึ่งเราต้องคิดทุกๆออปชั่นที่มีอยู่ แต่หลังจากที่ทุกคนมาคิดให้รอบคอบอีกที เราเลือกที่จะลงเงินกันเองในครอบครัวทั้งหมด (ไม่กู้ซักบาท) และจำกัดงบประมาณอย่างเคร่งครัดแทน ทำแค่เท่าที่เรามี โดยภรรยาผมไม่ต้องออกเงินเลย แต่ช่วยในเรื่องของการออกไอเดียต่างๆ และอนุญาตให้ผมดึงเงินจากบัญชีร่วมของเราสองคนไปใช้ก่อนชั่วคราวในบางช่วงที่ผมหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับสะใภ้ที่ดี สำหรับแฟนคุณ ผมก็ไม่ได้มองว่าเค้าแย่นะครับ อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่าบ้านนี้เค้ามีพื้นฐานครอบครัวที่ใช้ได้ ลูกๆอย่างน้อยก็พยายามที่จะทำอะไรเพื่อพ่อแม่ และการลงเงินเพื่อซื้ออสังหา มันก็ไม่ได้สูญเปล่าไปไหนแต่อย่างไร อีกอย่างผมเชื่อว่าเรื่องการชำระหนี้ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวนี้ เพราะถึงแม้จะเกิดอุบัติเหตุทางการเงินขึ้น ครอบครัวนี้ก็ยังมีสินทรัพย์พอที่ขายเพื่อเอามาโปะหนี้อยู่ดี ผมมองว่าเค้าเพียงแค่คิดเกินตัวไปหน่อย หรืออาจจะไม่รอบคอบเพียงพอ ในเรื่องที่จะมาให้คุณลงชื่อกู้ร่วมด้วย ถ้าเค้าเลือกที่จะลดขนาดลงมา หรือขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันออกไปบางส่วนเอามาจ่ายเพื่อจะได้กู้น้อยลง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย จากคุณ : s7014249 - [ 21 ม.ค. 52 09:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 91 The impossible krub, Government officer gain salary THB 50,000 per month for 1 year working. I think this salary must works as a doctor surely. จากคุณ : Marketing Man - [ 21 ม.ค. 52 09:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ท่านจขกท.รับราชการ "รายได้"เดือนละ 50,000 บาท ผมว่าท่านจขกท.น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วครับ แต่บางเวลา อารมณ์มันสามารถอยู่เหนือเหตุผลได้ครับ ขอให้ท่านจขกท.ตัดสินใจในสิ่งที่ท่านจขกท.คิดว่าถูกต้องเหมาะสมนะครับ ส่วนความสงสาร ความเห็นใจ คนที่เรารัก สามารถทำได้หลายหลากวิธีครับ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : กระดาษเช็ดหน้าสีขาว - [ 21 ม.ค. 52 10:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตามอ่านมาตั้งแต่วันแรกที่ จขกท โพสต์   จริงๆ ถ้าไม่ลำบากมาก อยากรบกวนโพสต์เล่าตอนจบด้วยน่ะค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่น จากคุณ : รักครั้งต่อไปคือตัวชั้นเอง (Poranis) - [ 21 ม.ค. 52 11:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ห้ามกู้ร่วมเด็ดขาดครับ ขอร้องด้วยความเป็นห่วง บ้านอยู่ 2 คน 7 ล้าน เอาไปทำไมครับ ซื้อ1-2 ล้านก็ได้แล้ว มันไม่เหมาะตั้งแต่เริ่มแล้ว อย่าเด็ดขาด ถ้าพ่อแม่เรารู้ มีเคืองกันแน่นอน จากคุณ : Hernia - [ 21 ม.ค. 52 11:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 95 พ่อแม่เราพออายุเยอะขอบ้านหลังเล็กๆ ไม่ต้องมีชั้นสอง ตอนนี้มีความสุขมากเลยค่ะ เราแต่งงานแล้วมีลูกแล้ว สามีบอกว่าแม่ให้ช่วยกู้ให้จะเอาเงินให้พี่ชายไปทำกิจการ เหตุผลเดียวกันสามีเป็นข้าราชการกู้ง่าย คำตอบจากเรา จะกู้ให้แม่ก็ได้ แต่ขอจดทะเบียนหย่าก่อนนะคะ  ตอนนี้ชีวิตมีความสุขดีอยู่แล้ว  ไม่อยากจะมาเสียใจภายหลัง ตอนนี้ปลอดหนี้ค่ะ จากคุณ : I Promise - [ 21 ม.ค. 52 13:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 96 บางทีอาจจะมีรายละเอียดอีกมากมายที่ จขกท. ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจ การตัดสินใจและแนะนำจึงเป็นไปตามประสบการณ์และข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งสุดท้ายมันก็อยู่ที่ จขกท. ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะคนที่เข้าใจในทุกรายละเอียดที่สุดก็คือตัว จขกท. เอง สุดท้ายผมหวังว่าการตัดสินใจนั้นคุณจะทำมันไปด้วยความมั่นใจ เพราะถ้าท้ายที่สุด ถ้ามันบังเอิญเป็นทางเลือกที่ผิดจากที่คุณหวังไว้ คุณจะได้ไม่เสียใจที่ตัดสินใจทำไป จากคุณ : kennyG - [ 21 ม.ค. 52 13:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ตอนนี้ คุณอนที่รักของว่าที่พ่อ แม่สามี แต่พอแต่งแล้วต้องไปอยูด้วยกัน อาจไม่ใช่แล้ว เพราะเราเจอมาแล้ว  ชมเราสาระพัด ว่าเราดี(แฟนเราบอก) พี่น้องเค้าก็ชอบเรา  เพราะเราช่วยเหลือเต้าหลายอย่าง แต่พอต้องมาอยู่ร่วมบ้านกันจริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งๆที่เราไม่เคยเบียดเบียน เงินทองเลย   เงินที่เราใช้จ่ายก็เป็นเงินส่วนตัวของเรา   บางครั้งยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านด้วย แต่เค้าไม่รู้หรอกค่ะ เราเป็นพวกไม่ชอบป่าวประกาศ เค้าคงเข้าใจว่าเรามาช่วยใช้จ่ายเงินของลูกชายเค้า เพราะเราไม่ได้ทำงานประจำที่ไหน   แต่เราสามารถหารายจากทางอื่น  ซึ่งพวกเค้าก็ไม่รู้อีกแหละ ทีนี้คนตรงกลาง(สามีคุณ) คงอึดใจไม่น้อย รวมทั้งตัวคุณด้วย สรุปว่า ไม่เห็นด้วย  และคิดว่าคงกู้ไม่ผ่านแน่นอน ก็ให้คุณโชคดี เลือกถูกคน ถูกใจ  มีความสุข จากคุณ : saimai77 - [ 21 ม.ค. 52 13:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ^ ^ ^ เห็นด้วยครับ เข้ามาอ่านตั้งแต่วันแรก และได้แสดงความคิดเห็นแล้ว เชื่อมั่นใจ จขกท. ว่าจะตัดสินใจได้ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเองครับ คำแนะนำหลาย ๆ อันก็มีประโยชน์ไม่เฉพาะแต่ จขกท. แต่กับทุกคนด้วย ยิ่งประสบการณ์ของหลาย ๆ ท่านที่เอามาแบ่งปันกันนี่... หาไม่ได้ที่ไหนแล้วครับ สุดท้าย ขออวยพรให้ จขกท. มีความสุขแบบ happy ending กับปัญหาครั้งนี้ครับ จากคุณ : @power - [ 21 ม.ค. 52 13:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตาม คห 95 เลยครับ นับถือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Joey999 - [ 21 ม.ค. 52 13:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 100 กระทู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยกันแชร์ประสบการณ์ครับผม ใดๆในโลกล้วนอนิจจังแท้ๆ จากคุณ : ettexo[R] - [ 21 ม.ค. 52 14:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 101 คิดตรงกับทุกท่านค่ะว่าไม่ควรร่วมด้วยอย่างยิ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด ไม่พูดถึงรักไม่รัก แต่พิจารณากันตามความเป็นจริงนะคะ -บ้านนั้นพี่น้องสามคน เงินเดือนพอไหว ผู้ชายทั้งนั้น -ถ้าอีกหน่อยแต่งงานทั้งสามคน คงต้องถามกันหน่อยล่ะว่าจะแต่งเข้า หรือมีเรือนหอที่อื่นแล้ว เรื่องกตัญญูต้องกระทำ แต่การสร้างครอบครัวของตนก็ใช่จะไม่สำคัญ -ถ้าแต่งเข้าทั้งสามคนล่ะก็ แค่คิดก็มันแล้วค่ะ ไหนจะอีกหน่อยมีลูกมีหลานกันอีก อันนี้คือเราคิดแบบง่าย ๆ นะคะ ยังมิพักต้องพูดถึงเรื่องความไม่แน่นอนในอนาคตที่หลาย ๆ คห.เป็นห่วงมา สรุปว่าเก็บเครดิตคุณจขกท.ไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อตอนแต่งงานกันจะซื้อบ้าน ซื้อรถเป็นของตัวเองยังไงจะได้ง่ายเข้า หากคิดถึงอนาคตร่วมกันจริง ๆ ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้าย (ขออวยพรให้เป็นในแง่ดีนะคะ) คุณแฟนยิ่งไม่น่าจะให้คุณกู้ร่วมค่ะ จากคุณ : atihasita - [ 21 ม.ค. 52 15:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 102 แค่กู้ร่วม  ไม่ได้ช่วยออกตังส์ซักกะหน่อย แค่นี้ไม่ได้  จะมีแฟนไปทำไม จิงจิงนะ จากคุณ : KenOOO - [ 21 ม.ค. 52 19:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาเก็บข้อมูลค่ะ จากคุณ : env42_tay - [ 21 ม.ค. 52 21:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ผมขออนุญาตเล่าตอนจบแทนเจ้าของกระทู้นะครับ เรื่องแรก:การกู้ซื้อบ้าน เรื่องกู้ซื้อบ้านยังคงดำเนินการต่อครับด้วยชื่อพี่น้องผมสามคน ผ่านไม่ผ่านก็ขึ้นกับเครดิตที่พวกผมมีครับ ถ้ากู้ผ่านจะเอารูปบ้านใหม่มาอวดบ้างครับ เรื่องที่สอง(ประเด็นสำคัญ):ทำไมผมถึงชวนแฟนมาร่วมแบกหนี้ร่วมกัน ผมตอบสั้นๆว่า ผมไม่กลัวว่าคำตอบของแฟนผมจะเป็นอย่างไร ผมก็เลยถาม มันดีกว่าผมอยากถามแล้วไม่กล้าถามเท่านั้นครับ เรื่องที่สาม:บ้านแพงไปไหม ทำไม่ไม่ซื้อหลังเล็กหน่อย 2 ข้อที่จะตอบครับ 1.บ้านที่คิดจะซื้ออยู่ใกล้บ้านเดิมครับ ห่างกันกิโลเดียว เดินทางและทำงานได้สะดวกครับ 2.ทุกคนในบ้านชอบครับ ถ้าได้เป็นหนี้ก็มีความสุขครับ พ่อแม่ทำงานหนักมามาก จะได้พักสบายๆ และไม่ได้เกินกำลังของพวกเราเท่าไหร่ครับ ขอบคุณทุกความเห็นที่แนะนำครับ จากคุณ : bobo_jumbo (bobo_jumbo) - [ 21 ม.ค. 52 21:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เข้ามาอ่าน งงตอนจบนิดนึง เอาเป็นว่า จบแบบแฮปปี้ ก็ยินดีด้วยเด้อ จากคุณ : solo one - [ 21 ม.ค. 52 21:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ จากคุณ : กันดัมจัง - [ 21 ม.ค. 52 22:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 107 นับถือจากใจจริงครับ คุณแฟนจขกท. มีความสุขมากๆนะครับ จากคุณ : ettexo[R] - [ 21 ม.ค. 52 22:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 108 #104 It's a good thing that you do for your parent and yr future wife. จากคุณ : view2306 - [ 22 ม.ค. 52 07:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ดีใจที่ได้ยินตอนจบค่ะ ^^ ขอให้กู้ได้ไร้ปัญหานะคะ ส่วนเครดิตคุณจขกท. เก็บไว้ในอนาคตดีกว่า เผื่ออีกหน่อยต้องขยับขยายหรือต้องซื้อรถ เผื่อครอบครัวคุณจขกท.เองด้วย จากคุณ : atihasita - [ 22 ม.ค. 52 09:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 110 กระทู้นี้ ดีมีประโยชน์จริงๆ ยอมอ่านทุกความเห็นจนตาแฉะ ขอบคุณประสบการณ์ของทุกๆท่านครับ จากคุณ : ohyooha - [ 22 ม.ค. 52 12:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ท่าทางแฟนของ จขกท จะน่ารักอย่างที่เธอชมจริงๆ ^^ ดูจากคำตอบที่ 104 ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่นะคะ จากคุณ : Queen_of_Rain - [ 22 ม.ค. 52 15:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ใจมาก..คุณแฟนเจ้าของกระทู้..ที่ใจกว้าง.. จากคุณ : Hideako1 - [ 22 ม.ค. 52 15:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เรื่องจบแล้วก็ดี ยังไงขอเตือนนิดครับ เหมือนกับไปเป็นผู้ค้ำฯ คติประจำใจว่า "เงินที่กู้ก็ไม่ได้ใช้ แถมยังมีหนี้ที่กู้ให้ผ่อน" จากคุณ : beer2nd - [ 22 ม.ค. 52 17:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 114 รีบเลิกกับแฟนคนนี้ก่อนเลย เดี๋ยวปัญหาอื่น อีกมากมาย จากคุณ : trakulsom - [ 23 ม.ค. 52 06:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ยินดีด้วยครับ จบลงด้วยดี win win จากคุณ : Hernia - [ 23 ม.ค. 52 09:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 116 อืมม ดีใจจังเลยครับได้บ้านดีๆ สามารถใช้หนี้อย่างมีความสุข สู้ๆครับ ขอให้ครอบครัวมีความสุข รักกันไปตลอดนะครับ จากคุณ : kennyG - [ 23 ม.ค. 52 10:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 117 5555  นึกว่าเจอกระทู้นี้ แล้วเลิกกันไปแล้วนะเนี่ย  เห็นแต่ละคนซัดกันซะกระจาย จากคุณ : ออกกำลัง - [ 23 ม.ค. 52 12:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ ชื่นชมการตัดสินใจของจขกท. บางครั้งการรักตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเห็นแก่ตัว ถ้าแฟนคุณเข้าใจ คงผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ดี อย่างที่หลายคนพูดว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 23 ม.ค. 52 18:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เพิ่งอ่าน #104 แหม จริงใจกันซะขนาดนี้ ขอให้เป็นคู่ชู้ชื่นตลอดไปนะครับ คุณสองคนเหมาะสมกันมาก ขอแสดงความยินดีกับจขกท. นะครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 23 ม.ค. 52 18:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 120 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 19:05:55 จากคุณ : เยี่ยมรุ้ง - [ 23 ม.ค. 52 19:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ยอมอ่านถึงจนจบเพราะอยากรู้ว่าทำอะไรได้ 5 หมื่น อาจารย์มหาลัยเริ่มประมาณ 3 หมื่นเองครับ เห็นว่ามี 3 ตัวเลือก ใช่ไหม 1. หมอ 2. ผู้พิพากษา 3. ทำงานพิเศษเพิ่ม จากคุณ : SummerMan - [ 24 ม.ค. 52 16:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ถ้าแสดงความเห็นนะครับ....ไม่น่าครับไปร่วมชื่อครับ...เผื่ออนาคตเราต้องการที่จะทำเรื่องของตัวเองมันจะลำบาก.... จากคุณ : Mr.ByPaSS - [ 25 ม.ค. 52 08:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ก็ยังงงอยู่กับคำตอบของแฟนเจ้าของกระทู้ ถ้าคิดว่าบ้านราคา7ล้าน ผ่อนได้ไม่เกินกำลังสามคนพี่น้อง ทำไมถึงพูดกับแฟนเหมือนลองใจกัน  คุณกับเจ้าของกระทู้อาจไม่มีปัญหาแต่ครอบครัวคุณจะมีปัญหากับเจ้าของกระทู้เปล่า ถ้าคำตอบไม่ถูกใจ อีกอย่างยังไม่ได้แต่งงานกัน ซื้อแล้วบ้านเป็นชื่อใคร ชื่อพ่อแม่ หรือชื่อร่วมสามพี่น้อง แล้วแต่ละคนแต่งงานแล้วจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหมดหรือเปล่า ถ้าเป็นชื่อร่วมสามคนก็ยุ่งตายแล้วในอนาคต จากคุณ : jk (016) - [ 26 ม.ค. 52 01:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เพิ่งตามมาอ่านจากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7540686/I7540686.html พี่น้องกู้กันสามคน อยากกู้ซื้อบ้าน 7 ล้าน ยังจะให้แฟนของพี่น้องคนนึงมากู้ร่วม --> ถ้ากลัวกู้ไม่ผ่าน ก็ควรจะซื้อบ้านที่ตัวเองกู้ไหวผ่อนไหว ไม่ควรเดือดร้อนคนอื่น ตัวเองกับพี่น้องถ้าจะกู้ร่วมกันก็ทำไป ไม่ควรดึงคนนอกมายุ่งเป็นอย่างยิ่ง --> แค่กู้ชื่อพี่น้องกันสามคน อนาคตก็อาจจะเกิดความยุ่งยากตามมา หลังจากแต่ละคนต่างมีครอบครัว หรือ แต่ละคนจ่ายไม่เท่ากัน จากคุณ : หมูทอง (Goldenpig) - [ 18 ก.พ. 52 22:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ถ้าดิฉันเป็นแม่ของ3คนนั่นจะไม่ให้ลูกซื้อบ้านให้ราคาขนาดนั้นเด็ดขาดและลูกๆๆมีแผนจะแต่งงานด้วยยิ่งสร้างความลำบากใจให้ลูก จากคุณ : แม่ลูกชายสาม (chuaykongma) - [ 19 ก.พ. 52 10:29:36 ]