Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    แบงก์แนะลดฝากเงินลุยหุ้นกู้

    ข่าวนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความหวือหวา

    ---------------------------------------------------------------------------
    นายธนาคารแนะคนมีเงินเย็นลงทุนหุ้นกู้เอกชน ผลตอบแทนยั่วยวนเฉียด 3% ดีกว่าเงินฝากที่มีแนวโน้มลดลง

    นายวิสุทธิ์ สัตตบุษย์สุทธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเงิน ธนาคารเกียรตินาคิน เปิดเผยว่า ในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลง ลูกค้าควรหันมาสนใจทางเลือกอย่างหุ้นกู้และกองทุนรวม เพื่อบริหารเงินออมและเงินลงทุน เพราะยามเศรษฐกิจไม่ดีและคนขาดความเชื่อมั่นนั้น ทำให้เครดิตอัตราส่วนต่างของผลตอบแทนจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ (สเปรด) ที่ออกมาพุ่งสูงขึ้นราว 1%
    ทั้งนี้ จะเห็นได้จากหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ฐานะแข็งแกร่งที่ออกในปีนี้ ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติค่อนข้างมาก อาทิ หุ้นกู้ปตท. ที่มีเครดิตสเปรดเพิ่มสูงเป็น 1.6-1.7% จากภาวะปกติที่อยู่ 0.5-0.6% เท่านั้น

    อีกทั้งเร็วๆ นี้จะมีหุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ อายุ 3 ปี ออกมา มีเครดิตสเปรด 1.5-1.7% จากปกติอยู่ที่ 0.6-0.7% ขณะที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท ในช่วงปีนี้

    “ดอกเบี้ยขาลง หุ้นกู้ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่แล้ว ยิ่งเศรษฐกิจขาลง คนขาดความเชื่อมั่น คนซื้อหุ้นกู้เหมือนได้ดอกเบี้ยเพิ่มมาฟรีๆ 1% เพราะฐานะผู้ออกก็เป็นบริษัทใหญ่ๆ ฐานะมั่นคง” นายวิสุทธิ์ กล่าว

    อย่างไรก็ตาม หากผู้ฝากเงินต้องการออมกับธนาคารพาณิชย์ต่อไป สามารถเลือกฝากประจำ 6 เดือน แต่ไม่ควรฝากเงินยาวเกิน 12 เดือน เพราะมองว่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าจะเป็นปี 2553 ดอกเบี้ยจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

    นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การแสวงหาผลตอบแทนจากการฝากเงิน รวมถึงลงทุนในตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม โดยไม่รวมหุ้น ยังคาดหวังผลตอบแทน ได้ 2-3% ในปีนี้ เทียบกับปีก่อนที่ได้ ผลตอบแทน 4% ส่วนกรณีลงทุน ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์อาจจะได้รับ ผลตอบแทนเพิ่มเป็น 4%

    สำหรับผู้สนใจหุ้นกู้เอกชน ในไตรมาส 2-3 ปีนี้น่าจะได้เห็นบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้กันมากขึ้น เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะชัดเจนขึ้นแล้ว โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมอีก 3 ครั้งภายในครึ่งแรกของปี 2552

    “แนะนำถ้าคนมีเงินเย็นสัก 3-5 ล้านบาท กระจายลงทุนใส่เงินในกองทุนอสังหาริมทรัพย์สัก 1 ล้านบาท ผลตอบแทน 12% ต่อปี อีก 1 ล้านบาท ซื้อกองทุนตราสารหนี้ผลตอบแทน 2% กว่าๆ อีก 2 ล้านบาท ฝากประจำ ที่เหลือทิ้งไว้ในออมทรัพย์สัก 5 แสนบาท เบ็ดเสร็จผลตอบแทนคร่าวๆ จะได้เดือนละ 1-2 หมื่นบาท” นายอดิศร กล่าว

    ปัจจุบัน ธนาคารขนาดใหญ่จ่ายดอกเบี้ยฝากประจำ 3 เดือน ที่ 1.4-1.65% ส่วนฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ 1.5-2% ด้านธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กจ่ายดอกเบี้ยฝากประจำ 3 และ 6 เดือนที่ 2-2.375%

    ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปรับลดเป้าหมายเงินฝากในปีนี้ โดยเงินฝากรวมกับตั๋วบี/อีจะอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่เฉพาะเงินฝากระดมได้ 7 หมื่นล้านบาท และตั๋วบี/อี 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าคนจะโยกไปลงกองทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง

    นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์เงินฝากปีนี้จะไม่เน้นความซับซ้อน แต่จะผสมผสานระหว่างฝากประจำระยะสั้นและระยะยาว เหมาะแก่คนที่ไม่แน่ใจกับทิศทางดอกเบี้ยในช่วงดอกเบี้ยขาลง

    “สถานการณ์ปีนี้เปลี่ยนไป ผู้ลงทุนจะมองการลงทุนที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกองทุนรวม แตกต่างจากปีก่อน ที่ผลิตภัณฑ์เงินฝากเป็นพระเอก เห็นได้จากการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ผ่านเงินฝากโครงการพิเศษใน ปีก่อน” นายอดิศร กล่าว

    http://www.posttoday.com/finance.php?id=28478

    จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 19 ม.ค. 52 23:59:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom