ความคิดเห็นที่ 1 รายละเอียดคงอธิบายไม่ไหว เพราะวันมันละเอียดน่ะ อิอิ ส่วนงบประมาณ เกิดดุล-ขาดดุล ก็คือการจัดทำงบประมาณ ให้มากกว่ารายรับ หรือให้น้อยกว่ารายรับ ของภาครัฐ สมมติมองเป็นบุคคล เมื่อเรามีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็ถือว่าเราขาดดุล เพราะใช้จ่ายมากกว่าหาได้ แต่ในแง่ของรัฐชาติ จะมอง "รัฐ" เสมือนหนึ่งเป็นบุคคลไม่ได้ เพราะภาครัฐ เป็นผู้ใช้จ่ายหลักของประเทศ เป็นผู้เก็บภาีจากประชาชน และนำมาใช้จ่ายดูแลบริหารประเทศ ไปจนถึงดูแลรักษาระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น การเกิดดุล-ขาดดุล ของรัฐ จะมีผลในแง่ของสังคม และเศรษฐกิจของประเทศ ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวมากเกินไปมากๆ จนเกินอาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อมากๆ หรือเกิดการกู้ยืมเงินมาก รัฐก็อาจจะลดการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อเป็นการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ขณะนั้น การบริหารงานของภาครัฐ นั้น บริหารได้ 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่.. 1. ภาคค่าใช้จ่าย โดยการใช้จ่ายเงินภาครัฐ เช่นการก่อสร้างสาธารณ๔ประโภค แจกเงิน(ด้วยข้ออ้างต่างๆ) 2. ภาครายรับ หรือการบริหารรายรับ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ภาษีในรูปแบบต่างๆ งบประมาณ เกิดดุล-ขาดดุล ก็ใช้ 2 ส่วนนี้เป็นหลัก ขาดดุล ก็คือ ขาดทุน นั้นก็คือ รายรับ น้อยกว่ารายจ่าย (เพิ่มค่าใช้จ่าย ลดภาษี) เกิดดุล ก็คือ กำไร นั่นก็คือ รายจ่ายน้อยกว่ารายรับ (ขึ้นภาษี ลดการใช้จ่าย) การแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเงินฝืดขณะนั้นๆ (ซึ่งมีรายละเอียดมาก) โดยทั่วไป คือการเร่งใช้จ่ายเงินภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้เอกชนใช้จ่าย ให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ ทั้งจ่ายเงินภาครัฐ และลดภาษีให้เอกชน .. ..ซึ่งก็คือการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อลดปัญหาเงินฝืด เศรษฐกิจขาดสภาพคล่องนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินฝืดมีหลายรูปแบบ บางรูปแบบจะซับซ้อน และแก้ยากมาก ซึ่งจะถูกเรียกขาดว่า "วงจรอุบาต" วันนี้เรายังไม่ถึงจุดนั้นครับ วันนี้ เรายังไม่ถึงขนาดนั้นครับ แต่ถ้าระดับโลกยังแก้ปํญหากระตุ้นไม่ได้ภายใน 1-2 ปีนี้ เราอาจจะเจอวงจอรอุบาตระดับโลก ถึึงตอนนั้น เศรษฐกิจอาจจะซบเซาไปเป็นสิบๆ ปีเลย (ยังไม่ต้องกลัวมากนัก) แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 16:59:13 จากคุณ : บุญทับ - [ 23 ม.ค. 52 16:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วยตอบให้ตามที่ผมเข้าใจในระดับหนึ่งนะครับ เงินเฟ้อ - การที่ระดับราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น เช่น เงินเฟ้อ 8% หมายถึง เงิน 100 บาทซื้อของได้น้อยลง 8 บาท เงินเฟ้อ เกิดจาก 2 สาเหตุ                1. Cost push - ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน                2. Demand pull - ความต้องการมากขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม เงินฝืด - การที่ระดับราคาสินค้าและบริการลดลง จากเกิดเศรษฐกิจตกต่ำกำลังซื้อลดลง ส่วนเรื่องงบประมาณเกินดุล-ขาดดุล อยู่ในส่วนของนโยบายการคลัง -งบประมาณขาดดุล คือ รัฐจัดเก็บรายได้น้อยกว่ารายจ่าย เช่นรัฐเก็บภาษี 15%ของ GDP แต่ใช้จ่ายที่ 18%ของGDP ก็จะทำให้เกิดปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งรัฐได้มาจากการกู้ เพื่อชดเชยการขาดดุล ตอนนี้รัฐก็ใช้งบประมาณขาดดุลอยู่ครับ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ -งบประมาณเกินดุล คือ รัฐจัดเก็บรายได้มากกว่ารายจ่าย หรือจัดเก็บรายได้เท่ารายจ่าย เรียกงบประมาณแบบสมดุล การจะใช้นโยบายงบประมาณแบบนี้อาจจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น โดยรัฐอาจไม่ต้องการเข้าไปมีบทบาททางเศรษฐกิจมาก เพราะมีตัวละครตัวอื่น คือ ภาคเอกชน และครัวเรือน ทำบทบาทได้ดีอยู่แล้ว - รายรับของรัฐมากกว่ารายจ่าย มันจะช่วยแก้เงินฝืดได้อย่างไร ตอบ รายรับของรัฐมากกว่ารายจ่าย (งบประมาณเกินดุล)ถือเป็นนโยบายการคลังแบบหดตัว ซึ่งจะใช้เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูสาเหตุของเงินเฟ้อมากว่าจากสาเหตุใด และปรับใช้ให้เหมาะสม เช่น ที่ผ่านมาไทย เงินเฟ้อเพราะต้นทุน Cost push ตัวแปรนี้ควบคุมยากก็ต้องไปปรับที่โครงสร้างพื้นฐานอย่างอื่น เช่น ระบบขนส่ง เป็นต้น - สาเหตุที่ทำให้รายรับของรัฐมากกว่ารายจ่าย(เกินดุล) ตอบ เพราะไม่ต้องการที่จะเศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไปและร้อนแรงเกินไป       เพราะไม่ต้องการในเกิดหนี้สาธารณะมากเกินไป       เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจเป็นเศรษฐกิจขาขึ้นแล้ว รัฐไม่จำเป็นต้องเข้าไปเล่นบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิด Crowding out effect ได้ ผมอธิบายตามที่ผมเข้าใจนะครับ ลองดูข้อมูลจากที่อื่นประกอบด้วยครับ จากคุณ : may_tu60 - [ 23 ม.ค. 52 16:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากครับ  เข้าใจขึ้นเยอะเลยครับ ปล.สรุปว่าอ่านผิดเลยเข้าใจผิดครับ ขอบคุณมากครับ สรุปแล้วแก้ปัญหาเงินฝืดต้องใช้ นโยบายขาดดุล ส่วนแก้เงินเฟ้อต้องนโยบายเกินดุล ช่ายป่ะคับ จากคุณ : Mamheng - [ 24 ม.ค. 52 13:38:29 ]