ความคิดเห็นที่ 1 จะเสียภาษี หรือ เสียชีวิต เลือกเอา อย่าลืมว่าต้องหักค่าใช้จ่ายด้วย จากคุณ : SummerMan - [ 7 ก.พ. 52 14:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเป็นคลินิคแบบไม่รับผู้ป่วยค้างคืนและเป็นบุคคลธรรมดาหรือคณะบุคคล ส่วนมากจะเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย 60% ของรายได้ครับ ถ้าเอาตามสมมติฐานที่ จขกท. ว่ามา ก็จะตกประมาณ 3600000 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ที่เหลือก็นำไปหักค่าลดหย่อนต่างๆ แล้วนำมาคำนวณตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้าครับ ก็น่าจะเสียบานตะไทเหมือนกัน ( เสียภาษีเกือบล้านบาทต่อปี ) ครับ จากคุณ : Poirot - [ 7 ก.พ. 52 14:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ว่าแต่เฉพาะคนไข้ตอนเย็นก็ 40 คนแล้ว น่าจะเป็นหมอที่ดังพอสมควรนะครับ ต้องอย่าลืมว่าบางทีที่นั่งรออยู่ก็เป็นญาติคนไข้ที่มาเป็นเพื่อนครับ จากคุณ : Poirot - [ 7 ก.พ. 52 14:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เออออ.... ไม่จริงครับ ไม่จริง คุณ Poirot มีหลายจุดอีกเยอะครับที่ไม่ได้เสียภาษีเยอะอย่างที่เราคิด รัฐน่าจะตามเก็บกับส่วนตกหล่นอย่างนี้มากกว่าที่จะ มารีดเลือดกะข้าราชการที่มีสลิปเงินเดือนค้ำคอไว้อะครับ จากคุณ : foren161 - [ 7 ก.พ. 52 14:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมพอจะทราบครับว่ามีช่องทางภาษีตรงไหนที่จะทำให้เสียภาษีน้อยกว่านี้ แต่เนื่องจาก จขกท. ถามในลักษณะเคสทั่วๆ ไป ผมก็ตอบแบบเคสทั่วๆ ไปครับ จากคุณ : Poirot - [ 7 ก.พ. 52 14:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในทางปฏิบัติในการบริหารคลินิคแห่งหนึ่ง ถ้าต้องการจะลดภาษีที่ต้องเสียลง พื้นฐานที่สุดก็คือการแตกหน่วยภาษี เช่น จัดตั้งคณะบุคคลมาทำงานในแต่ละส่วนของการบริหารคลินิคเพื่อเสียภาษีในฐานที่ต่ำลง แต่ข้อยากคือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าในการบริหารมีการแยกส่วนตามคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นมาจริงๆ เห็นว่าสรรพากรจะเริ่มจริงจังกับคณะบุคคลที่จงใจตั้งขึ้นเพื่อแตกหน่วยภาษีโดยไม่ได้เป็นไปตามแนวทางที่กฏหมายกำหนดเร็วๆ นี้ครับ อีกทางก็จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไปเลย ถ้าคลินิคนั้นกิจการดี มีรายได้มากๆ ผมว่าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะเป็นประโยชน์ในแง่ของภาษีมากกว่ามากครับ จากคุณ : Poirot - [ 7 ก.พ. 52 14:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าวเกิน ล้านแปด ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรอกเหรอ จากคุณ : ลูกนกหลงทาง - [ 7 ก.พ. 52 14:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าไม่มีใบเสร็จรับเงินนี่ สรรพากรเค้าคำนวณรายได้จากไหนครับ เพราะผมก็ไม่เห็นเค้าให้เสร็จกันเลย ที่คลีนิก จากคุณ : smileNNa - [ 7 ก.พ. 52 15:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่านับเป็นรายได้อย่างเดียวซิคะ มันมีรายจ่ายอื่นๆด้วย ค่ายา ค่าสถานที่ ค่าพนักงาน  และการเปิดคลีนิค ปกติไม่ได้เปิดทุกวันนะคะ หลายๆแห่งเปิดแค่เสาร์อาทิตย์ ถ้าจ้างหมอคนอื่นมาประจำคลีนิค ก็จ่ายเพิ่มขึ้นเยอะค่ะ เท่าที่รู้จักหมอมาเยอะ  ไม่ค่อยเห็นคนที่มีรายได้เยอะแบบนั้นนะคะ ยกเว้นหมอที่มีอายุมากแล้ว จากคุณ : กันดัมจัง - [ 7 ก.พ. 52 16:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อาจจะจริงอย่างที่คุณกันดัมจังพิมพ์ก็ได้ จากคุณ : smileNNa - [ 7 ก.พ. 52 16:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่ามอง อาชีพนี้ที่ยอดดอยอย่างเดียวครับ ให้มองตอนเขาปีนขึ้นดอยด้วย กว่าจะมีวันนี้ได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จากคุณ : Hernia - [ 7 ก.พ. 52 16:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โดยปกติการทำธุรกิจเสียภาษี 30% ของกำไรครับ รายได้วันละ 25000 นี่กำไรเท่าไหร่ล่ะครับ ต้องมีค่ายา ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าสถานที่ครับ และอาจจะไม่ได้ 25000 ทุกวันก็ได้ จากคุณ : กระทงหลงทาง - [ 7 ก.พ. 52 17:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หมอเป็นแค่ผู้ใช้แรงงานครับ ถ้าหมดแรง ก็หมดความหมาย ทำงานต่อไม่ได้ ไม่ใช่ธุรกิจที่มีคนสานต่อหรือบริหารต่อได้ ในต่างประเทศ หมอมีรายได้มากกว่าในประเทศหลายเท่า ถึงมีหมอไปทำงานต่างประเทศเยอะไงละครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ที่คุณจ่าย 500 บาท ไม่ใช่ว่าหมอจะเก็บทุกคน 500 บาทนะครับ ยิ่งหมอต่างจังหวัด 500บาทนี่เป็นต้นทุนยาประมาณ 300บาทไปแล้ว ยิ่งตอนนี้คนไปใช้บริการฟรี ของโรงพยาบาลรัฐบาลมากขึ้น คลินิกคนไข้จะน้อยลง มีการฟ้องร้องกันมากขึ้น ผมเดาว่าอีกไม่นาน คลินิกจะปิดตัวลงอีกมาก แต่ผมไม่ห่วงหมอหรอกครับ เพราะมีปัญญาเรียนจบหมอได้ คงไม่ถึงกับอดตาย จากคุณ : GABLIEL - [ 7 ก.พ. 52 18:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หมอก็ต้องเสียภาษีแน่นอนอยู่แล้วครับ สรรพากร จับตาดูแบบจับตายเลย ที่ร้านผมเคยมีเจ้าหน้าที่มานั่งเฝ้า 3ครั้ง ภายในเวลา 10ปี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะ ผมบันทึกแล้วแจ้งตามจริงครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 7 ก.พ. 52 19:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เสียภาษี แต่ เสียในรูปแบบนิติบุคคล จะโดนน้อยกว่า เสียแบบเงินได้บุคคลธรรมดา จากคุณ : muangsombut - [ 7 ก.พ. 52 19:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หมอได้เยอะก็ไม่แปลก เขาสมควรได้ อีกเคสหนึ่ง รถเข็นขายน้ำ คนมุงซื้อกันทุกเที่ยง นับๆน่าจะราว 200 แก้ว(ถุง)ต่อวัน ขายตั้งแต่เที่ยงถึงห้าโมงเย็น แก้วละ 15 ถุงละ 12 กำไรน่าจะครึ่งหนึ่งของแก้วหรือถุง 6x200 = 1200 มาวันทำงาน 20 วัน ก็ 24000 แล้ว รายได้ดีกว่าข้าราชการชั้นผู้น้อยทุกคน แต่ทำไมไม่เสียภาษี จากคุณ : Great Blue Heron - [ 7 ก.พ. 52 21:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เล่นคำนวณแบบทำงานทุกวันไม่ให้พักให้ผ่อน ...แต่เท่าที่สังเกต หมอที่เก่งๆคนไข้ติดก็ไม่ได้คนไข้แน่นทุกวัน... ...หรือ หมอไม่ได้ตรวจเองทุกวัน จะมีวันหยุด ปิดร้านไปประชุม หรือ ให้หมอเด็กๆมาตรวจแทน... ...และหมอมีค่าใช้จ่ายเยอะ แถมถ้าเก็บแพงมาก คนไข้แอบเอายาไปสืบราคามาต่อรองอีก... ...ดังนั้น ไม่น่าจะคำนวณแบบนี้ได้ แต่ยังงัย หมอเก่งๆที่รู้จักก็มีรายได้ไม่ต่ำกว่าสองแสนทุกเดือน... จากคุณ : Trillionaire - [ 7 ก.พ. 52 22:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จริง ๆ มันไม่เกี่ยวหรอกครับ ว่ามีปัญญาเรียนจบหมอ แล้วจะไม่อดตาย แต่สิ่งที่ทำให้หมอเมืองไทยไม่อดตาย ก็เพราะว่าหมอมีน้อย เทียบกับคนป่วย เป็นหลักเศรษฐศาสตร์ง่าย ๆ ในเมื่อ อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ของก็ต้องขายได้อยู่แล้วครับ ถ้าในอนาคต มีหมอมากขึ้น จนอุปทานมากกว่าอุปสงค์ (ไม่ได้หมายความว่าจำนวนหมอมีมากกว่าจำนวนคนป่วย) หมอก็มีสิทธิ์อดตายครับ ความสามารถทางการเรียนกับทักษะการหาเงิน ไม่เหมือนกันหรอกครับ มีหลายคนไม่จบมหา'ลัยก็เป็นอภิมหาเศรษฐีระดับโลกได้ ส่วนคนจบปริญญาเอกนี่ ไม่ค่อยเห็นว่าเป็นมหาเศรษฐี (มี ดร.ทักษิณ ชินวัตรคนนึง) แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 52 00:13:01 จากคุณ : กระทงหลงทาง - [ 8 ก.พ. 52 00:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คือจากประสบการณ์กว่า 10 ปีที่คลุกคลีในวงการนี้ขอบอกว่าแพทย์น่าเห็นใจน้อยกว่าพยาบาล หรือบุคลากรอื่นมากนัก โดยเฉพาะในร.พ. สวัสดิการ อภิสิทธิ์ต่าง ๆ และสิ่งที่คนไข้เข้าใจว่าแพทย์ดี เก่ง ที่แพทย์ได้รับบางครั้งมันยิ่งกว่าตัวเงินอีกค่ะ ทั้งที่ถ้าแพทย์ไม่ได้สาขาอื่นช่วยปิดทองอยู่หลังพระ หรือช่วยป้องกัน error อีกทอดหนึ่งก็ไปไม่รอดหรอกค่ะ และไม่เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างแพทย์กับวิชาชีพอื่นทำไมจะต้อง double standard ตลอด เวลามีปัญหาก็กลายเป็นแก้ปลายเหตุเพราะไปแตะต้นเหตุไม่ได้ คาราคาซังอยู่แบบนั้นแหละค่ะ น่าเบื่อ จากคุณ : ไม่ใช่พยาบาล (อุ๊ดจิม) - [ 8 ก.พ. 52 03:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เท่าที่อ่านดู  ถ้าจะวิเคราะห์กันจริงๆ จขกท.ต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ครับเช่นว่า  ป่วยเป็นโรคอะไร(โรคบางโรคใช้ทักษะความสามารถไม่เท่ากัน)  มีการทำหัตถการ???  ใช้ยาอะไร(ยาบางเม็ดต้นทุนเกิน 10บาท)  ตรวจเลือดและอื่นๆเพิ่มหรือเปล่า???  มีคนไข้ตลอดเวลาหรือไม่  ทำเลคลีนิคดีหรือไม่(ค่าเช่าที่ถ้าติดถนน บางแห่งเดือนละเป็นแสน)  นอกจากนี้ยังมีค่าจ้างพนักงาน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆอีกมากมาย   ที่สำคัญที่สุดจริงๆคือถ้ามีการฟ้องร้องอาจจะถูกเรียกค่าเสียหาย  เผลอๆอาจจะติดคุกและเสียชื่อเสียงด้วยครับ... จากคุณ : blitzen - [ 8 ก.พ. 52 09:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พูดถึงยาเด็ก   ยานํา  ราคาขวด 200 cc  ขวดติ๊ดนึง  ราคาทุนเกือบ500บาทก็มี   ยาเม็ดแก้แพ้เม็ดละ80บาทก็มี     ผมจ่ายให้คนไข้ บัตรทอง   เกือบ 100%ยอมจ่าย(ถ้ามีเงินพอ)  สงสัยจะเข้าใจมากกว่า จขกท ดังนั้น  ไม่รู้ต้นทุน  อย่าเอามาพูดครับ  มันไม่ดี เรื่องหมอ  อยากให้คนทั่วไปมองหมอให้เป็นคนคนหนึ่งครับ   ไม่ใช่ยึดอาชีพนี้แล้วต้องเสียสละตลอดชีวิต  โดยไม่มีอะไรตอบแทน รู้สึกไม่ค่อยสบายทุกครั้งที่คนต้องการให้หมอผิดเพื่อที่จะเป็นข่าวนะ พูดถึงต้นทุนอีกเรื่องคือเรื่องฟ้องร้อง ตอนนี้มีวิชาพิเศษ  ที่จบออกมาแล้วมีการเดินสายไปทุก รพ เพื่อเป็นวงในจับผิดหมอ  และยุให้คนไข้ฟ้อง จากคุณ : KAi(stangman) (KAi_KAi2) - [ 8 ก.พ. 52 10:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องฟ้องร้อง  หมอ หลายคนต้องเลิกอาชีพนี้ไปเลยเพราะถูก  ฟ้องร้อง เช่นที่ฟ้อง หมอสูติ   ทำคลอดHi Soคงจำกันได้ว่าศาลสั่งจ่ายราวสิบล้านบาท หมอทุกสาขาก็เสี่ยง  ไม่ใช่หมอสูติหมอผ่าตัดเท่านั้น หมอเด็ก เจาะหลังเด็กที่ชัก  เพื่อวินิจฉัยโรค   ก็โดนฟ้อง ว่าเป็นต้นเหตุให้เด็กเดินไม่ปกติ  เสียเงินไปแล้ว   โดยที่ไม่ผิด การแก้ต่างนะทำได้แต่เสียเวลามากกับขั้นตอนทางศาลที่ยุ่งยาก โดยมากก็เลยตกลงกัน  เซ็นสัญญาประนอมยอมความ แล้วคนฟ้องรวมทั้งทนายก็ได้เงินไปเกือบทุกครั้ง  โดยที่หมอไม่ได้ผิด  หรือผิดแค่ประมาท (เป็นส่วนน้อย แต่เป็นข่าวดัง) เงินที่จ่ายกัน  งวดนึงก็หลายแสนถึงหลายล้าน  นี่แหละต้นทุน แถมยังมีเรื่องที่ตีค่าเป็นเงินไม่ได้  คือเรื่องที่ท่าน yao_jim กล่าวแล้ว  การเสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต คิดเป็นเงินเท่าไร การมีอายุสั้นลงกว่าคนทั่วไป  คิดเป็นเงินได้ไหม (สถิติ  หมอผู้ชายไทยอายุสั้นกว่า   อายุชายไทยโดยเฉลี่ย) ฝืน จากคุณ : KAi (KAi_KAi2) - [ 8 ก.พ. 52 10:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณ คุณ yao_jim อ่านแล้วน้ำตาซึมค่ะ ขอให้ลูกได้เป็นแพทย์สมดังที่ใฝ่ฝันนะคะ จากคุณ : smileline - [ 8 ก.พ. 52 15:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตั้งกระทู้มาเพื่อ ? " " " อยากให้ give คุณ yao_jim (แต่ทำไม่เป็น) จากคุณ : phobias - [ 8 ก.พ. 52 17:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จากที่ถามเพื่อน และ เพื่อนบอกนะ เพื่อนๆผมที่เป็นหมอ(เป็นสิบคนอยู่) จบแล้ว ต้องใช้ทุนทำงานโรงพยาบาลรัฐ สามปี ได้เงินเดือน เริ่มต้นราวๆ     สามหมื่นถึง สี่หมื่น  โดยเงื่อนไขเงิน ขึ้นอยู่กับ โรงพยาบาล และ การเปิดคลีนิค  ซึ่ง ยิ่งเป็นโรงพยาบาลในสามชายเดน จะได้เงินดีมาก และหาก ไม่มีการ เปิดคลีนิค จะได้ เพิ้่ม อีก หมื่นนึง แต่หากทำงานตาม คลีนิคพวกเสริมความงาม หน้าตาหมอเป็นทุน ก็จะได้ราวๆ  แปดหมื่นถึงแสน ครับ(สำหรับหมอจบใหม่) ส่วนค่ารักษาที่ จขท คำนวณนั้น เกินจริงครับ ค่ายา ค่าสถานที่ ค่าพนักงานมีต้นทุน  แต่ หากจะแยก เป็นค่ารักษา สุทธิ คือค่าตรวจ นั้น แน่ๆ ได้แล้ว อย่าต่ำๆๆๆๆ คนละห้าสิบ ร้อยครับ   ค่ายาคิดว่าเป็นรายได้เสริมแล้วกัน หมอแถวบ้านผม มีคนนึงเก่งมาก คนไข้เยอะแบบ จขท ว่าไว้เลย  แกเปิดคลีนิคเช้าตรู่ และเย็น  แต่ช่วง เช้าสาย ถึงบ่ายแก่ๆ แกทำงานอยู่โรงพยาบาลครับ    แกเคยเล่าให้ฟังว่า แกเคยเล่นหุ้น เสียหุ้นไป ยี่สิบ ล้าน เสียดายเงินมาก ตอนนี้เลิกเล่นไปแล้ว อีกคน เป็นเพื่อนของอาจารย์เพื่อนผม บังเอิญผมไปรักษกับกับอาจารย์(หมอที่สอนเพื่อนผม) อีกที แกก็ฝากถามช่วงนี้ผมเล่นอะไร  จำได้ว่า ช่วงนั้น หุ้นน้ำมันบูม ผมก็บอกว่าหุ้นน้ำมันดี แต่เพื่อนแก ดันไปเล่น  เอเพียว ไออีซี นั้นเข้าให้   เสียไป สี่ล้าน  (ทำงานไม่กี่ปีเอง) ที่เล่าเรื่องหุ้นให้ฟังเพราะ  คิดว่า ยังไงๆ รายได้หมอ น่าจะดีอยู่นะ  เพราะเล่นหุ้นแต่ละที เล่นอย่างดุเลย ผมหนาวแทน สุดท้าย ที่รู็ๆ คือ อาชีพนี้ ต้องเสียสละ และเหนื่อยมากๆๆๆๆๆ ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนเรียนหรือทำงาน แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย  ยิ่งหลังๆ เรื่องฟ้องรองกันสูง  ทำให้ปัจจุบัน จะเห็น หมอหลายคน ปฎิเสธคนไข้ หากเจอเคสที่คิดว่า ตัวเองทำแล้วเสี่ยงโดนฟ้อง  ต่อไปคิดว่า ทนาย บ้านเราจะทำรายได้อย่างงามแทน (ประชดนะครับ) ปล ผมไม่รู้จริงหรอกนะ  แค่มาแชร์สิ่งที่รู้ จากคุณ : Jeonathan - [ 8 ก.พ. 52 20:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เด็กเรียนเก่งเดี๋ยวนี้ไม่ยอมเรียนแล้วครับ หลานผมดูข่าวเห็นโดนฟ้องออกทีวีถี่มาก เรียนก็ยาก จบมายังมาโดนอย่างนี้ หนีไปเรียนอย่างอื่นดีกว่า......... ต่อไปที่มาเรียนๆกัน เราจะได้เด็ก.....มาเรียน เราก็จะได้หมอที่....มารักษาเรา ต่างคนต่างหน้าที่ดีกว่าครับ เข้าใจนะครับว่า เวลาเราเห็นคนอื่นมีรายได้มากกว่าเรา? แล้วคิดอะไร......ผมก็เป็น จากคุณ : pungee1 - [ 8 ก.พ. 52 21:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเชื่อว่าคุณหมอคงไม่คิดหลบเลี่ยงภาษีเนื่องจากหมอส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีจรรยาบรรณอันสูงส่งมาก หมอคือผู้ที่เสียสละ คิดเอาผลประโยชน์ของผู้ป่วยมาก่อนมากกว่าเอาประโยชน์ส่วนตนมากก่อน ตามที่หมอเจ้าฟ้า ท่านได้สั่งสอนเอาไว้ครับ จากคุณ : kaisin - [ 8 ก.พ. 52 22:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าเราน่าจะตัดประเด็นเรื่องการฟ้องร้องออกไปนะครับ ทุกวิชาชีพที่อยู่ในมาตรา 40(6) ก็เสี่ยงกับการถูกฟ้องร้องทั้งนั้นแหละ และวิชาชีพหมอเองก็ได้รับสิทธิหักค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิชาชีพอื่นในมาตรานี้อยู่แล้ว ขอเข้าประเด็นเจ้าของกระทู้ก็แล้วกันนะครับ ถ้าตอบคำถามว่าต้องเสียภาษีหรือเปล่า มันก็ต้องเสียแน่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเปิดในรูปบุคคล หรือนิติบุคคลก็ตาม ประเด็น VAT ไม่มีเพราะได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้าระบบ VAT ส่วนเรื่องจะเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ อันนี้ใครจะไปเดาใจได้ล่ะครับ ไม่ว่าอาชีพไหน ก็มีทั้งคนดีที่เสียภาษีครบถ้วน กับคนไม่ดีที่จงใจเสียภาษีไม่ครบถ้วนตามกฎหมายกันทั้งนั้นแหละครับ  ผมไม่ได้เกลียดวิชาชีพหมอนะครับ แต่ขอบอกว่าผมไม่เชื่อว่าทุกท่านจะเสียภาษีครบถ้วนหรอก แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมเชื่อว่าต้องมีคนดีที่เสียภาษีครบถ้วนอยู่แน่ครับ เรื่องการเสียภาษี ผมไม่เคยเห็นจรรยาบรรณ หรือมรรยาทของวิชาชีพไหนบอกให้เสียครบถ้วนหรือบอกให้หนีภาษีนะครับ เราอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเลย จากคุณ : silver seraph - [ 9 ก.พ. 52 00:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมไม่ใช่หมอ แต่ผมเชื่อว่า เขาเสียภาษีมากกว่าคุณ ชีวิตนี้ เขาทำบุญมากกว่าคุณ ตั้งกระทู้นี้มาทำไมน่ะ จากคุณ : อวิรุืทธ์ - [ 9 ก.พ. 52 00:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขายของชำ หักค่าใช้จ่ายได้ 80% หักได้เยอะกว่าหมออีกนา จากคุณ : มนนจ - [ 9 ก.พ. 52 01:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อาชีพไหนๆถ้ามีรายได้ก็ต้องเสียภาษีทั้งนั้นแหละครับ ไม่เห็นน่าจะเป็นประเด็น ว่างๆลองไปคำนวนให้นักการเมืองหน่อยดิ จากคุณ : จิ้งจอกอสูร - [ 9 ก.พ. 52 08:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ปลุกระดมลูกไม่ให้ชอบอาชีพหมอ (อิ อิ อิ) ผล คือ ลูกเรียน อย่างอื่นหมด เฮ้อ สบายใจ จากคุณ : ใบโหระพา - [ 9 ก.พ. 52 09:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นหมอลูกร้านแม่ทองสุขมาสัมภาษณ์ รายการทีวี น่าสนใจทีเดียว พีธีกรถามว่า ศึกษาเรื่องตลาดทองล่วงหน้า กับ วิชาชีพแพทย์ อะไรยากกว่า ได้คำตอบว่า ที่ศึกษาเรื่องลงทุน เทียบไม่ได้เป็นเสี้ยว ของวิชาแพทย์ คือง่ายกว่ามากๆ ย้อนกลับไปว่าทำไมเป็นหมออยู่ดีๆ ถึงมาจับธุรกิจทอง คุณหมอบอกว่า เทียบผลตอบแทนแล้ว ตรวจคนไข้เหนื่อยแทบตาย ไม่สู้มาทำธุรกิจขายทองของที่บ้าน ผมยกย่องอาชีพแพทย์นะครับ จริงๆ วิชาชีพนี้น่าจะปลอดภาระภาษีด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 52 10:55:30 จากคุณ : มะลิ บาน บาน - [ 9 ก.พ. 52 10:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากให้แพทย์ไทยทุกคนลงทุนเป็น จะได้ไม่ต้องไปเปิดคลินิคตอนเย็น หรืออยู่เวรกลางคืนหามรุ่งหามค่ำ จากคุณ : thrill - [ 9 ก.พ. 52 21:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณทุกความเห็น และทีสำคัญที่สุด " ข อโ ท ษ ค รั บ " ที่ผมทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ที่ต้องขอโทษเพราะพี่ๆที่นี่หลายท่านได้กรุณาให้ความเห็นที่เป็นความรู้แก่ผมหลายๆอย่างใน 2-3 ปีที่ผ่านมา  และกระทู้ก็เป็นอีกกระทู้หนึ่ง! สิ่งที่ผมพิมพ์ไปมันเป็นเพียงสิ่งที่ผมเห็น แต่ไม่เข้าใจ(ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ) แต่ตอนนี้ผมเข้าใจมากขึ้นแล้ว .... ขอโทษครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 08:29:45 จากคุณ : ขอโทษครับ (smileNNa) - [ 10 ก.พ. 52 08:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 11:02:20 จากคุณ : มินตา - [ 10 ก.พ. 52 10:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อาชีพ หมอ เนี่ย จ่ายภาษีน้อยมากเลย ทั้งๆที่รายได้ดีมากๆ โดบเฉพาะหมอฟัน   หมอฟันพวกมีคลีนิคเป็นของตัวเองนะครับ  รายได้ดีจริงๆ ไม่มีตกซะด้วย แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 11:17:54 จากคุณ : ** ชายใหญ่ ** - [ 10 ก.พ. 52 10:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คือถ้าเราเอามาตรฐานรายได้เทียบกับอาชีพอื่นก็ไม่ถูกเพราะต้นทุนที่หมอลงทุนไปตั้งแต่การเรียนที่ยากกว่าสาขาอื่นหรือเวลาส่วนตัวที่ต้องใช้ในการงาน จากคุณ : Godgate - [ 10 ก.พ. 52 11:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องภาษีผมขอชี้ชัดว่าต้องเสียแน่นอนตามประมวลรัษฎากร เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้นเหมือนกับความตาย แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 12:54:59 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 12:52:13 จากคุณ : HRstaff - [ 10 ก.พ. 52 12:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าอาชีพอื่นที่เขาลำบากมากๆก็มี ไม่ใช่แค่หมอหรอก บางอาชีพที่เสี่ยงมากๆก็มีไม่ใช่รึ ถ้าหมอเลิกรักษาทำเพราะกลัวโดนฟ้อง เดี๋ยวต่อไปจะมีอาชีพอื่นที่เขาเลิกทำมั่งเหมือนกัน(เพราะกลัวอะไรก็แล้วแต่) ถ้าคิดแบบนี้กันหมด ทีนี้ทั้งประเทศคงไม่เหลือคนที่เสียสละกันแล้วแหละ ถ้าคิดว่าตัวเราเองทำงานไม่ลำบากกว่าพวกนั้นก็เสียภาษีให้มันครบๆเถ๊อะ เราเสียสละแค่เงินถือว่าเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับคนที่เสียสละด้วยแรงและเวลา จากคุณ : changtale - [ 10 ก.พ. 52 14:48:00 ]