จำได้ว่าวันที่ผมสอบFinal วันสุดท้ายเสร็จ แต่ละคนพูดคล้ายๆกันในทำนองที่ว่า "เรียนจบแล้วเว้ย ต่อไปจะทำ(งาน)อะไรดีวะ" "จะไม่ต้องเรียนแล้วอ่ะ รู้สึกโหวงๆเนอะ"
หรือ "สอบเสร็จแล้วไปฉลองกานนนนนน" แต่ตัวผมเองตั้งอกตั้งใจตั้งแต่ก่อนจะสอบว่า "สอบเสร็จเมื่อไหร่กูทำร้านเช่าการ์ตูน ชัวร์!!!!" ........หลังจากวันสอบวันสุดท้าย
ผ่านไป 3 วันผมก็เริ่มต้นทะเลาะกับพ่อเรื่องเก็บข้าวของที่วางอยู่ในบ้านเพื่อเคลียร์พื้นที่ทำเป็นร้านกันเลยทีเดียว ผมใช้เวลาทำร้าน1เดือนเต็มๆ จำได้ลางๆว่าสอบเสร็จ
วันที่10กว่าๆเดือนมีนาคม ร้านเล็กๆของผมเปิดบริการวันแรกวันที่ 16 เมษายน
(หลังสงกรานต์พอดี) ทั้งเก็บสมบัติของพ่อแต่เป็นขยะสำหรับผม ทั้งซื้อไม้มาทำชั้นวางหนังสือ ทั้งตระเวณซื้อหนังสือการ์ตูนจากเพื่อนๆ และจากร้านทั่วไป
สุดท้ายร้านผมก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนได้ จำได้ว่าเริ่มต้นลงทุนไป4-5 หมื่นบาท ผ่านไปอีก1เดือนเบ็ดเสร็จจ่ายไปอีกหมื่นกว่าบาท เป็นการใช้เงินซื้อของที่เยอะที่สุดในชีวิต(ยังไม่นับการเล่น
หุ้นหลังจากนั้น 555+) ผมไม่มีแม้แต่เวลาฉลองอิสระจากกฎระเบียบและการเรียนต่างๆด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมไม่เคยนึกเสียดายเวลาช่วงนั้นเลย เพราะตอนนี้ผมมีอิสระมากจนถึงขนาดที่ว่า ผมเบื่ออิสระกันเลยทีเดียว
มาถึงสิ่งที่ผมอยากจะเล่าจริงๆในบทความชิ้นนี้ ก็คือทัศนคติในการทำร้านของผมเอง เพื่อนหลายๆคนที่รู้ว่าผมมาเปิดร้านเล็กๆ แทนที่จะไปหางานที่ตรงกับสายที่เรียนทำ ก็พูดใน
ลักษณะที่ถนอมน้ำใจผมที่สุดว่า "ไม่ต้องจบปริญญาก็เฝ้าร้านได้ไม่ใช่เหรอ??" "แล้วเมิงจะเรียนนิเทศฯ(/จบป.ตรี)ไปทำไมวะ???" ตอนนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็รับคำพูดของเพื่อนแต่ละคนมาไว้ใน
ส่วนลึกสุดของสมองแล้วเก็บเอาคำชื่นชมของเพื่อนอีกกลุ่มที่พูดให้กำลังใจมาไว้หน้าๆ เช่น "ดีหว่ะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง" "เออ ดูตามความฝันดีว่ะ สู้ๆนะ" ความจริงๆแล้วเหตุผลทั้งหลาย
ทั้งปวงที่ผมตัดสินใจมาทำร้านเล็กๆของผมก็คือ ผมเคยคิดว่า "ในอนาคต ผมอยากมีร้านเล็กๆเป็นของตัวเอง" ตอนที่ยังเรียนยังทำขายตรงอยู่นั่นแหล่ะครับ แล้วผมก็ไม่ได้คิดเล่นๆด้วย ผมอยาก
มีจริงๆ อยากมีจนฟุ้งซ่านว่าจะทำยังไงจะทำอะไร แล้วจะทำเมื่อไหร่ คำตอบก็ช่างโผล่ออกมาง่ายดายพร้อมเหตุผลที่พรั่งพรูจากคำถามล่าสุดกลับไปคำถามแรกว่า ทำมันเดี๋ยวนี้แหล่ะ!!! ร้านเช่าการ์ตูนไง ไม่ยากๆ
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 18:13:17
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 18:12:39
แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 52 17:59:42